ในคาบ
หลังจากที่ทุกคนพากันแยกย้ายกลับบ้านหลังเลิกคาบ ยกเว้นสองคนที่นั่งหน้าเครียดอยู่ในห้อง วิวกัดเล็บตัวเองด้วยความโกรธ “มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน!!” สีหน้าเธอตอนนี้อย่างกับคนขาดสติ อาจารย์หม่ามองเธอด้วยท่าทางหงุดหงิดก่อนพูดซ้ำเติม “เป็นเพราะความโง่ของเธอนั่นแหละ ฉันอุตส่าห์ช่วยเธอแล้ว แท้ๆ!” สีหน้าอาจารย์หม่าบ่งบอกได้ชัดว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก วิวเมื่อได้ยินคำพูดแบบนั้นออกมาจากปากอาจารย์ตัวเองก็ยิ่งโมโหขึ้นไปใหญ่ เธอกัดฟันตอบแทบจะควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ “หนูขอโทษค่ะ หนูไม่รู้ว่า ผ.อจะเข้าข้างมันแบบนั้น!” “เธอมันไม่รู้อะไรจริงๆ! เธอไม่รู้รึไงว่าคนอย่างเจสสิก้า การ์เซีย ขนาดผ.อยังทําอะไรไม่ได้!" มือเหี่ยวๆกำหมัดแน่น สีหน้าเธอดูเหมือนจะโกรธแค้นอะไรบางอย่างจนอีกคนถึงกับสตั้นไปกับแววตาดวงนั้น “ห..หนูเข้าใจแล้วค่ะ ง..งั้นหนูขอตัวกลับหอก่อนนะคะ” วิวรีบตอบแบบกล้าๆกลัวๆและรีบเดินออกไป อาจารย์หม่าไม่ได้ตอบโต้อะไร เพียงแต่มองตามหลังวิวที่เดินออกไปก่อนจะหันกลับมาพึมพำเสียงเบาคนเดียว...... "การ์เซีย..." หอพัก หญิงสาวเดินเช็ดผมออกมาจากห้องนํ้าโดยมีผ้าขนหนูบางๆพันรอบตัวเธออยู่ในขณะนั้นอยู่ก็มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้น ตื้อ~~ตื้อ~~ตื้อ~~ เธอหันไปมองตามเสียงและเดินไปหยิบมือถือบนเตียงก่อนจะรีบกดรับสายเมื่อเห็นชื่อที่แสดงอยู่บนจอ “หม่ามี๊~~!” เธอพูดกับคนในสายด้วยเสียงเด็กสามขวบ “ไม่เอาค่ะมี๊ เจสไม่กลับดีกว่า เจสขออยู่หอนะค้า~มี๊ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ” เธอคุยโทรศัพท์อยู่สักพักก่อนจะขมวดคิ้วฟังและถามออกไปด้วยความสงสัย “ลูกชายเพื่อนมี๊?” หญิงสาวเดินไปนั่งบนเตียงและพูดคุยกับคนเป็นแม่อยู่นานกว่าจะวางโทรศัพท์ไป หลังจากที่การโทรได้สิ้นสุดลงเธอวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมและบ่นพึมพำอยู่คนเดียว ”มี๊นะมี๊! จะให้ใครที่ไหนมาคอยตามดูฉันอีกเนี่ย!!” เธอบ่นด้วยความหงุดหงิดปนอยู่นิดๆและอีกครั้ง มือถือเธอสั่นสะเทือนด้วยเสียงเรียกเข้า เจสสิก้าหันไปมองสายเรียกเข้าเป็นครั้งที่สอง “จีโน่?” ก่อนหยิบมือถือเธอขึ้นมากดรับ “อีชะนี~คืนนี้ปาร์ตี้ค่า พรุ้งนี้วันหยุด!” เสียงจากในสายดังเปล่งออกมาแต่ไกลจนเธอแทบไม่ต้องเอาโทรศัพท์แนบหูเลยด้วยซํ้า “จัดไปค่า~” หลังจากที่การโทรสิ้นสุด เจสสิก้ารีบดีดตัวขึ้นจากเตียงและลุกขึ้นไปแต่งตัวทันที หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมา หอพักจีโน่ 20:12 น “อีจีโน่” เจสเปิดประตูเข้ามาอย่างกับเป็นห้องตัวเองด้วยความเคยชินของเธอที่ทำอยู่บ่อยๆจนเรียกได้ว่าแทบจะทุกวัน เธอก้าวเข้ามาก็ตะโกนเรียกชื่อผู้เป็นเจ้าของห้องทันที เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงข้างในก็ต้องมองซ้ายมองขวาหาเพื่อนเธอ แต่กลับไม่ได้ยินเสียงตอบรับ หญิงสาวเดินมองหาอยู่นานแต่ในห้องก็ว่างเปล่าเหมือนไม่มีคนอยู่ “จีโน่ไปซื้อน้ำแข็งหน่ะครับ ยังไม่กลับมาเลย” อยู่ๆก็มีเสียงผู้ชายคนนึงพูดแทรกเข้ามา เจสสิก้ารีบหันไปมองทางเสียงที่คุ้นหูก็ต้องสดุ้งเมื่อชายร่างสูงที่เธอเพิ่งเจอตอนเย็นมายืนอยู่ข้างหลังเธอ “พี่ปอร์เช่!?” เธอเลิกคิ้วถามเค้าด้วยความสับสนเมื่ออยู่ๆรุ่นพี่ปีสี่ก็มายืนอยู่ในห้องของเพื่อนเธอ? “ดีใจจังครับ น้องเจสรู้จักพี่ด้วย” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับมองหน้าเธอก่อนเหยียดยิ้ม “คงไม่มีใครไม่รู้จักหนุ่มฮ๊อตในมหาลัย…แถมยังมีข่าวลือควงสาวไม่ซํ้าหน้าอย่างพี่หรอกมั้งคะ” เธอพูดด้วยนํ้าเสียงอ่อนหวานตรงกันข้ามกับคำที่เธอพูดออกไปอย่างสิ้นเชิงกับรอยยิ้มบนใบหน้าและสายตาที่จ้องมองชายหนุ่มรูปหล่อตรงหน้า ปอร์เช่ขำเบาๆกับการกระทำของเธอก่อนสวยตอบเสียงนุ่ม “นี่พี่เพิ่งรู้เลยนะครับว่าตัวเองจะดังขนาดนี้ แต่เรื่องข่าวลือ…น้องเชื่อแบบที่ได้ยินมาจริงๆหรอครับ” เธอมองหน้าเค้าสักพักเมื่อถูกถามมาแบบนั้นก่อนจะกอดอกตอบ “ไม่หรอกค่ะ…เจสไม่เคยเชื่อใครง่ายๆ…นอกจากว่า..จะได้พิสูจน์ดูด้วยตัวเอง” หญิงสาวพูดด้วยคำพูดที่ดูเรียบแต่กลับเหมือนว่ามีอะไรแฝงอยู่ข้างใน ทั้งคู่ต่างสบตากันอยู่แบบนั้นไม่มีใครยอมละสายตาออกจากใครก่อน หากสวบกันได้คงสวบไปแล้วล่ะมั้ง “แล้วน้องอยากลองพิสูจน์ดูมั้ยล่ะครับ…?” สายตาที่ขายหนุ่มกำลังมองเธออยู่นั้น เรียกได้ว่าหากกลืนเธอลงไปได้ก็คงจะทำไปแล้วแหละ เจสสิก้ายกยิ้มแล้วเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่เธอก็ต้องหยุดเมื่ออยู่ๆเสียงประตูที่ถูกเปิดออกก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงตะโกนเรียกของเพื่อนเธอดังแว่วเข้าหูมาก่อนเจ้าตัวจะมาถึง “กลับมาแล้วค่า~!!!” ขายรูปหล่อแต่ใจสาวเดินหิ้วถุงนํ้าแข็งใหญ่ยักษ์เข้ามาพร้อมกันกับเพื่อนอีกสามคน นำพาสองคนในห้องหันมอง “สวัสดีค่ะ พี่เซนเซ พี่ฮันน่า” เจสสิก้ายกมือไหว้รุ่นพี่ตามมารยาทพร้อมกับเดินผ่านปอร์เช่ไปช่วยเพื่อนหิ้วนํ้าแข็ง “หวัดดีครับ/ค่ะ น้องเจส” ทั้งสองหนุ่มสาวได้ทำความเคารพคืนแด่ผู้เป็นรุ่นน้อง “อ้าว ไอ้เช่ ตาเป็นไรวะ” เซนเชเดินเข้ามาถามเพื่อนที่ยืนตาขวางใส่พวกเขาทั้งสองเหมือนจะไม่พอใจอะไรสักอย่าง “เปล่า!” ปอร์เช่ตอบเพื่อนเสียงแข็งกระด้างต่างจากคำพูดลิบลับ ก่อนจะมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและเดินตามหญิงสาวเข้าไปในคลัวสหรัฐอเมริกา “ข่าวเด็ดสดๆใหม่ๆค่ะคุณผู้ชม! ประธานแห่ง K กรุ๊ป ผู้ที่เพิ่งก้าวขึ้นรับตำแหน่งได้เพียงหนึ่งปี กลับสามารถสร้างอิทธิพลในแวดวงธุรกิจได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ประเด็นร้อนที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องอิทธิพลของคุณปอร์เช่นะคะ แต่เป็นเรื่องของหัวใจค่ะ! ใช่แล้วค่ะ ภาพหลุดของคุณปอร์เช่กับซูเปอร์สตาร์ชื่อดังหน้าใหม่อย่างคุณกอบัว กำลังเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล! หลายคนกำลังลุ้นกันว่า หรือทั้งคู่จะแอบคบหากันอยู่จริงๆ!?” หญิงสาวผู้หนึ่งนั่งฟังข่าวจากอีกซีกโลกผ่านไอแพดในมือ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แววตาทั้งคมและเย็นชาราวกับรู้อะไรมากกว่าที่ใครคิด “หึ…คบกันงั้นเหรอ…น่าสนใจดีนี่” “คุณหนูเล็กคะ คุณท่านให้มาตามให้ไปรับประทานของว่างค่ะ” เสียงของสาวใช้ดังขึ้นจากหน้าห้อง หญิงสาวเงยหน้าขึ้นเพียงเล็กน้อยก่อนตะโกนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เดี๋ยวเจสลงไปค่ะ” ⸻ ด้านล่างคฤหาสน์ “มาเร็วสิหลานรัก ย่าทำของโปรดไว้ให้เพียบเลยนะจ๊ะ” มาเดลิน ผู้เป็นย่าเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม ขณะหญิงสาวเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร เจสสิก้ารีบเดินตรงไปยังโต๊ะที่เต็มไปด้วยของว่างหน้าตาน่ารับ
ประเทศสหรัฐอเมริกา เสียงเบรกของรถหรูดังขึ้นเบาๆ หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ เอี๊ยด~ รถยนต์คันงามจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าคฤหาสน์สุดหรู ก่อนที่ประตูหน้าจะเปิดออกพร้อมร่างสูงในชุดสูทดำของบอดี้การ์ดคนสนิท เขาก้าวเท้าไปยังประตูหลังด้วยท่วงท่าสง่างามและมั่นคง ก่อนจะเปิดมันออกอย่างสุภาพเพื่อรับหญิงสาวคนสำคัญ ขาเรียวยาวของหญิงสาวเหยียบลงจากรถทีละข้างอย่างเรียบหรูร่างของเธอปรากฏพร้อมกับเสื้อผ้าสุดหรูดูมีระดับ และทันทีที่คนตัวเล็กก้าวลงมาเต็มตัว ชายชุดดำก็ก้มศีรษะทำความเคารพด้วยความนอบน้อม “หลานรักของย่า~~~” เสียงหญิงชราเอ่ยขึ้นอย่างเปี่ยมสุข รอยยิ้มอบอุ่นของท่านปรากฏอยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์ ผู้เป็นย่ายืนกางแขนออกพร้อมต้อนรับหลานสาวที่ตนรักสุดหัวใจ “คุณย่า!!” หญิงสาวร้องเรียกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ร่างเล็กรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดร่างอันอบอุ่นของย่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน ทั้งสองสวมกอดกันแน่นราวกับโลกนี้มีกันแค่สองคน “คิดถึงที่สุดเลยหลานรักของย่า” “หนูก็คิดถึงคุณย่ามากกกกเลยค่ะ” เสียงใสๆ ที่แฝงด้วยความน่ารักของหญิงสาวทำเอาผู้สูงวัยยิ้มกว้าง ดวงตาเปล่งประกายไปด้วยความรักและความคิดถึง ทั้งสองเดินเคี
“ทำไมไม่ยิ้มหน่อยวะไอ้ปอร์เช่” “นั่นดิ กูเห็นมึงเหม่อตั้งนานละ” เสียงเพื่อนสองคนดังขึ้นติดกัน คล้ายจะดึงสติชายหนุ่มให้กลับมาจากภวังค์ แต่ปอร์เช่ก็ยังคงนั่งเงียบ สีหน้าเรียบนิ่งจนเกือบจะดูเย็นชา ดวงตาเขาไม่หยุดเหลือบมองไปทั่วบริเวณคล้ายกำลังตามหาใครบางคน ทว่า…ไม่ว่าจะมองเท่าไรก็ไม่เห็นเธอคนนั้นเลย “…..” ไม่มีคำตอบ ไม่มีคำอธิบาย มีแค่ความเงียบที่แผ่ซ่านไปทั่วโต๊ะ จนเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยเริ่มรู้สึกอึดอัดแทน “อ่อ กูรู้ละ…” “เอาน่า ไม่เป็นไรหรอก มึงจะคิดมากทำไม น้องเจสเขาอาจจะติดธุระอยู่ก็ได้” เซนเซพูดพลางตบบ่าเบา ๆ เหมือนจะปลอบใจ แต่ปอร์เช่กลับไม่แม้แต่จะหันมามอง ริมฝีปากเม้มแน่นเล็กน้อยเหมือนกำลังพยายามสะกดกลั้นบางอย่างไว้ ทันใดนั้น เขาก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ คว้าโทรศัพท์ในมือแน่น ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร “เอ้า! มึงจะไปไหนวะ!” เสียงเพื่อนร้องตามหลัง แต่ชายหนุ่มไม่ได้หยุดเดิน เขากดโทรศัพท์หาหมายเลขเดิมอีกครั้ง รอสาย แต่ก็เหมือนเดิม หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้… มือที่ถือโทรศัพท์เริ่มสั่นเล็กน้อย เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เสียงบรรยากาศงานด้านหลังก็ดูจะค่อยๆ เ
ซ่า… ซ่า… ซ่า… เสียงเนื้อที่กำลังถูกผัดอยู่ในกระทะดังต่อเนื่องในห้องครัวของคอนโดสุดหรู หญิงสาวร่างบางกำลังยืนเตรียมอาหารเช้าด้วยท่าทีคล่องแคล่ว ขณะที่แสงแดดยามเช้าส่องผ่านม่านโปร่งบางเข้ามาอาบตัวเธอเบาๆ ฟุ่บ… แขนแกร่งวงใหญ่เข้ามารัดรอบเอวเธอจากด้านหลัง พร้อมกับใบหน้าคมที่ซุกลงมาตรงซอกคอขาวอย่างออดอ้อน “หอมจัง ที่รักทำอะไรครับ” เสียงทุ้มแหบเอ่ยถามพลางสูดกลิ่นหอมจากผิวเนียนตรงลำคอ “ที่รัก หนูทำอาหารอยู่นะคะ อย่าเพิ่งกวนสิ” “ก็พี่คิดถึงนี่นา” เขาไม่ฟังเลยสักนิด มือยังคงกอดแน่นราวกับไม่อยากให้เธอขยับไปไหน ร่างสูงเอาแต่แนบชิดจนหญิงสาวต้องถอนหายใจนิดๆ อย่างเอ็นดู “อีกไม่กี่วันก็วันรับปริญญาแล้ว พี่อยากได้อะไรคะ?” “พี่อยากได้หนู” “หนูบ้านหรือหนูนาคะ?” “ที่รักอ่ะ!” หญิงสาวหลุดหัวเราะออกมากับสีหน้าและน้ำเสียงแบบเด็กน้อยสามขวบของเขา ใบหน้าที่เคยเคร่งขรึมกลายเป็นออดอ้อนราวกับแมวที่อ้อนเจ้าของ เพราะรู้ว่าเขาจะไม่มีวันหยุดกวนหากยังยืนอยู่แบบนี้ ร่างเล็กจึงยื่นมือไปปิดเตาแก๊ส และหันกลับมาเผชิญหน้า— !!! แต่ไม่ทันตั้งตัว ร่างสูงก็พุ่งเข้าประกบริมฝีปากนุ่มอย่างรวดเร็ว พร
“อย่าคิดว่ากูต่อยยัยนั่นเพราะมันว่ามึงล่ะ กูทำเพราะหมั่นไส้มันเฉยๆ” “กูก็ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนี่ มึงจะรีบแก้ตัวทำไม” ได้ยินแบบนั้น กอบัวเงียบลงทันที ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองขึ้นมาแล้วเดินออกจากตรงนั้น ปล่อยให้เจสยืนอยู่ลำพังโดยไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม ไม่นาน เจสสิก้าก็เดินออกจากคาเฟ่โดยไม่มองกลับหลัง เธอเดินเรื่อยๆ ไปตามทางเท้าที่ทอดยาวราวกับปล่อยให้มันพาไปตามความรู้สึก หัวใจที่ปั่นป่วนทำให้เธอต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ความสงบในความโดดเดี่ยวนั้นก็จบลง เมื่อจู่ๆก็มีใครบางคนเดินเข้ามาทักเธออย่างไม่คาดฝัน “มีเรื่องไม่สบายใจอยู่หรอครับ” เสียงนั้น…เสียงที่คุ้นหูอย่างบอกไม่ถูก ใครกัน? เธอหันกลับไปมองต้นเสียง และพบกับชายหนุ่มร่างสูงในชุดแต่งกายสไตล์ผู้ชายจีนทันสมัย แต่ใบหน้าของเขากลับมองไม่เห็นชัดเจน เพราะหมวกสีดำกับแมสสีขาวที่บดบังใบหน้าทั้งหมด เขาเดินเข้ามาเคียงข้างเธออย่างใจเย็น หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยก่อนจะเอ่ยถาม “นายเป็นใคร?” “พี่ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกครับ รู้แค่ว่า…ตอนที่เราเจอกันครั้งล่าสุด พี่ก็อยู่ในสภาพแบบนี้…แต่เพิ่มเติมคือกลิ่นควันบุหรี่” “อ้อ…นายคือเด็กคนนั
“พี่ยอมรับว่าพี่เคยชอบกอบัวจริงๆ แต่นั่นมันก็นานมาแล้ว… ตอนนั้นพี่ยังไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่าความรักมันคืออะไร แต่ตั้งแต่ที่พี่ได้เจอเจส…พี่พูดได้เลยว่า นอกจากแม่แล้ว พี่ไม่เคยรักผู้หญิงคนไหนมากขนาดนี้เลย”เสียงของปอร์เช่เอ่ยขึ้นช้าๆ แววตาเขาสงบนิ่งขณะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเหนือหัว ดวงดาวนับพันดวงลอยอยู่กลางความมืด เสียงลมหอบเบาๆ พัดผ่านเส้นผมของคนทั้งคู่ที่นั่งอยู่บนดาดฟ้าสูง ทำให้บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบสงบและอบอุ่นเจสนั่งอยู่ข้างๆ มองเขาเงียบๆ ดวงตาของเธอสะท้อนแสงดาว และบางอย่างในใจเธอก็เริ่มชัดเจนขึ้น เธอยิ้มบางๆ ออกมาอย่างอ่อนโยน…ยิ้มที่แฝงด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งโล่งใจ ทั้งเศร้า ทั้งอบอุ่นและเสียใจไปพร้อมๆกัน หากย้อนเวลากลับไปได้ เธอคงไม่หนี ไม่หลบหน้าปอร์เช่อย่างที่เคยทำ เธอควรจะฟังเขาตั้งแต่แรก“ทีนี้หนูเข้าใจแล้วใช่มั้ย?” เขาหันมาถามเสียงนุ่ม“เข้าใจแล้ว~” เจสตอบกลับด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย ดวงตาเธอมองเขาอย่างแน่นิ่ง เหมือนคนที่เพิ่งยอมรับความจริงบางอย่างได้อย่างเต็มหัวใจ“เจส…” เขาเรียกชื่อเธออีกครั้ง คราวนี้สายตาเขาจริงจังขึ้น เหมือนกำลังจะพูดอะไรที่สำคัญแต่ก่อนที่เข