ถึงจะบอกว่าอยากใช้ชีวิตใหม่แต่มันก็ยากสำหรับเยว่ซินที่แสนร้ายกาจคนนี้เหลือเกิน หญิงสาวนั่งคอตก มือเรียวประสานกันไว้แล้วนับ1-10ในใจซ้ำไปซ้ำมา
ก็ดูสายตาเหล่านั้นที่กำลังมองมาสิ! มันมีแต่ความเกลียดชังจริงๆ "นะ...น้ำส้มค่ะคุณหนูเยว่" พนักงานตัวบางเอ่ยพูดแล้ววางแก้วน้ำทรงสูงด้วยมือไม้ที่สั่นๆ เยว่ซินมองเธอแล้วอยากจะกล่าวว่าอย่าเรียกเธอคุณหนูเลย หากแต่ทันทีที่เธอจะเอ่ยพูด พนักงานคนนั้นก็เร่งเท้าเดินออกไปเสียแล้ว ให้ตายเถอะ!ไม่คิดจะฟังกันบ้างหรืออย่างไร เยว่ซินตัดสินใจคร้านจะเรียกมาซักไซ้ ลงมือทานอาหารตรงหน้าด้วยความหิว ก็เธอนอนร้องไห้มาตั้งหลายชั่วโมงหากจะหิวมากมายขนาดนี้ย่อมไม่แปลก "คุณหนูเยว่ต้องการรับอะไรอีกสามารถบอกผมได้เลยครับ" คราวนี้เป็นชายหนุ่มในชุดพนักงานเดินมาหาและพูดด้วยท่าทีสุภาพ จะว่าไปการที่อีกฝ่ายเป็นนางร้ายเช่นนี้จึงได้รับการดูแลที่ดี(เพราะกลัวโดนทำร้าย) มันคล้ายกับเยว่ซินในโลกชีวิตจริงอยู่เหมือนกัน แต่ในโลกชีวิตจริงนั้น เธอได้รับเพราะมีแต่คนเอ็นดู "ไม่เป็นไรค่ะ...ฉันอิ่มแล้ว" เสียงหวานเอ่ยตอบแต่กลับทำให้พนักงานชะงักค้างไป เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ไหนข่าวลือที่ว่าเยว่ซินผู้นี้พูดจาหยาบคายไม่ให้เกียรติใคร แถมยังชอบเอาแต่ใจเล่า? "บิลครับคุณหนูเยว่" พนักงานหายไปชั่วครู่พร้อมกลับมาด้วยบิลค่าอาหาร เยว่ซินพยักหน้า วางเงินบนถาดรองแล้วเอ่ยด้วยเสียงหวานๆ "ที่เหลือเป็นทิปที่ช่วยบริการนะคะ ขอบคุณค่ะ" พนักงานคนนั้นยืนนิ่งตาค้างไปเสียแล้ว มองตามหลังคุณหนูเยว่ที่เพิ่งยิ้มให้ตน ภายในใจเต้นถี่รัวตามด้วยใบหน้าที่เริ่มแดงขึ้น น่ารัก! คุณหนูเยว่ตัวจริงน่ารักมากๆ! ส่วนคนที่เพิ่งเดินออกจากร้านหาได้รู้ไม่ว่าเพิ่งไปทำให้ใครใจสั่นมา เยว่ซินกวาดสายตาซ้าย ขวา ไม่รู้ว่าตนควรจะไปไหนต่อไหม หรือควรจะกลับไปนอนพักผ่อนที่ห้องดี? ยังไม่ทันได้ตัดสินใจ อยู่ๆกลับมีใครบางคนวิ่งกระหืดกระหอบมาหาตน ใบหน้าชุ่มไปด้วยเหงื่อราวกับเร่งรีบสุดๆ "เยว่!...เยว่ซิน" คนผู้นั้นพูดด้วยน้ำเสียงขาดห้วง จนหญิงสาวต้องช่วยรีบประคองเพราะกลัวจะเป็นลมไปเสียก่อน เยว่ซินพิจารณาใบหน้านั้น ในนิยายมีคนผู้นี้อยู่ด้วยหรือ? "ฉันโทรหาก็ไม่รับสาย ไปหาที่ห้องก็ไม่อยู่ นี่แกคิดจะประชดที่บ้านจริงๆดิ?" คนโดนยิงคำถามใส่ได้แต่ยืนงง จับประเด็นทุกอย่างมารวมกันแล้วลองนึกถึงบทนิยายที่ได้อ่าน หรือคนนี้จะคือ 'จางลี่' เพื่อนสาวคนสนิทสมัยเด็กของเยว่ซินในนิยาย "ลี่?" เยว่ซินลองตัดสินใจเรียก นั่นทำให้อีกฝ่ายยกมือขึ้นตีหน้าผากเธอเบาๆ "เป็นอะไรของแกห๊ะคุณหนูเยว่...ร้อนจนเพ้อหรือไงถึงเรียกฉันแล้วทำหน้างงๆแบบนั้น" พอถูกต่อว่า เยว่ซินจึงยิ้มแห้งๆให้ งั้นคนนี้ก็คือจางลี่จากตระกูลจางจริงๆ เป็นเพื่อนและมิตรเพียงคนเดียวของเยว่ซินนางร้ายในนิยายนั่นเอง "แล้ว...แกตามหาฉันทำไม" หญิงสาวเอ่ยถาม ดูเหมือนว่าเพื่อนของตนจะเริ่มหายใจคล่องขึ้นหลังจากที่ได้ยืนพัก "ที่แกให้ฉันไปสืบเรื่องคุณฟาหยางของแกน่ะ...คืนนี้เขามีไปงานเลี้ยงของตระกูลหยวนจริงๆ" เยว่ซินลองนึก ในนิยายอาจจะไม่ได้บรรยายว่านางร้ายทำอะไร หรือติดตามชีวิตโดยละเอียดขนาดนั้น แต่ถ้าพูดถึงงานเลี้ยงตระกูลหยวน เยว่ซินก็พอจะนึกขึ้นได้ อ้างอิงจากนิยาย งานเลี้ยงตระกูลหยวนนั้นถูกจัดขึ้นโดยประมุขซึ่งตระกูลหยวนมีคอนแทคที่กว้างขวางในวงการธุรกิจ มีแขกเหรื่อจากหลายตระกูลเข้าร่วมโดยได้รับคำเชิญทั้งสิ้น แม้กระทั่งตระกูลหลี่เองก็ตาม... หากแต่คนที่โดนเชิญเป็นคุณพ่อของเธอ หลี่ เยว่ซินในนิยายไม่พอใจอย่างมากที่เธอไม่ได้รับเชิญ จึงคิดแผนการ ฉกชิงเอาการ์ดเชิญของคุณพ่อตัวเองแล้วเป็นคนไปร่วมงานเสียเอง แน่นอนว่าชื่อเสีย(ง)ร้ายๆของเธอนั้น เป็นที่รู้กันดีในวงกว้าง หลี่ เยว่ซินไม่ได้รับการต้อนรับจากแขกคนอื่นๆในงาน แต่ลูกชายคนโตของตระกูลหยวนกลับยินดีและเป็นคนเข้ามาพูดคุยกับเธอ นั่นทำให้คนในงานต้องซุบซิบกันว่าเยว่ซินต้องทำอะไรบางอย่างกับลูกชายตระกูลหยวนเป็นแน่ กลับมาที่ปัจจุบัน เยว่ซินมองเพื่อนตนเองแล้วยิ้มแหยๆให้ ไม่ว่าในนิยายเรื่องจะดำเนินยังไง แต่เธอนี่แหละจะเป็นคนเปลี่ยนแปลงมัน! "ฮะๆ ฉันคงจะไม่ไปแล้วน่ะ" "หาาาา แกว่าไงนะ" เยว่ซินรีบตะครุบปากเพื่อนตนเองเมื่อรู้ว่าจางลี่เสียงดังเกินไป "ก็ไม่ไปแล้วไง" "แต่นั่นคุณฟาหยางที่แกอยากได้นักได้หนานะ! แกจะทิ้งโอกาสนี้เพื่อให้อาจูแย่งเขาไปหรือไง" เยว่ซินกลอกตา ถึงไม่แย่งยังไงเขาสองคนก็ต้องคู่กันอยู่แล้วนะจางลี่... "ช่างเถอะ...ฉันไม่ได้สนใจเขาแล้ว" จางลี่อ้าปากค้าง เธอตกใจจนแทบจะช็อคตรงนี้อยู่แล้ว! ผีอะไรสิงหลี่ เยว่ซินเพื่อนของเธอกันนะ บอกมาเลย! "เราไปคุยกันที่ห้องฉันดีไหม" เยว่ซินเสนอ ซึ่งจางลี่พยักหน้ารัวๆ "ไป!...ฉันจะไปเอาผีออกจากตัวแก น่ากลัวชะมัด" เยว่ซินเพียงแค่หัวเราะแห้งๆไปให้ ที่จางลี่พูดมาก็ถูก เธอก็เหมือนผีที่มาเข้าร่างคนอื่นจริงๆนั่นแหละ ให้ตายเถอะ! จางลี่มองอีกคนด้วยความสงสัย หลี่ เยว่ซินเพื่อนของเธอนั้นเป็นคนแต่งหน้าน้อยขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เท่าที่จำได้ หลี่ เยว่ซินเป็นคนแต่งหน้าจัดตลอดนี่นา เมื่อถึงห้องพัก จางลี่ลองแกล้งถามคำถามหลากหลายคำถามแก่อีกฝ่าย แต่เยว่ซินก็ยังคงตอบได้ทุกเรื่องจนเธอเบาใจ อย่างน้อยเพื่อนเธอก็ไม่ได้ความจำเสื่อม! ทางด้านเยว่ซินที่เห็นว่าจางลี่ยิงคำถามส่วนตัวมาหลายเรื่องจึงรู้ได้ว่ากำลังโดนทดสอบ แต่ก็เป็นโชคดีที่อยู่ๆพอได้รับคำถาม ภายในสมองของเธอก็ย้อนเรื่องราวต่างๆออกมาได้เป็นฉากๆ ราวกับมีความทรงจำอยู่ "ที่แกบอกว่าจะไม่สนใจคุณฟาหยางแล้ว เป็นเรื่องจริง?" จางลี่เอ่ยถาม ในมือแกะเปลือกส้มก่อนจะโยนเข้าปาก "อ่าฮะ...จริงสิจางลี่...ฉันว่าจะหางานทำน่ะ" แทบสำลัก จางลี่รีบคว้าเอาน้ำขึ้นดื่มทันทีที่ได้ยินเพื่อนตนพูดเช่นนั้น นี่มันวันเวรอะไรกันฟะ!? "ฮะๆ แกต้องล้อเล่นแน่" "ถ่ายแบบเป็นไง" ในชีวิตจริง เยว่ซินเคยทำงานด้านวงการบันเทิงอยู่ ก่อนจะออกมารับช่วงต่อบริษัทพ่อตนเอง "อาเยว่!?" "อะไรเล่า..ก็ฉันกลัวเงินหมดนี่" จางลี่ส่ายหน้ารัว วันนี้เพื่อนของตนแปลกประหลาดจนจะรับไม่ไหวอยู่แล้ว คนแบบหลี่ เยว่ซิน คิดจะทำงานงั้นหรือ ช่างกลัวฟ้าถล่มจริงๆ! "นะอาลี่...ฉันรู้ว่าแกช่วยฉันได้" เยว่ซินทำหน้าอ้อน ก็แน่ล่ะ...ตระกูลจางทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านงานบันเทิงนี่นา "ก็ได้ๆ เห็นว่าเป็นอาเยว่หรอกนะ" "เย่" "แต่มีข้อแลกเปลี่ยน" เยว่ซินชะงัก มองจางลี่ที่อยู่ๆก็นั่งกอดอกยิ้มร้าย "ฮะๆอย่าขออะไรแปลกๆนะ" "ไม่แปลกหรอกหน่า...ฉันก็แค่หาเพื่อนไปงานเลี้ยงตระกูลหยวนวันนี้ด้วยกัน" เยว่ซินเบิกตา ไปงานเลี้ยงตระกูลหยวนที่ต้องถูกตระกูลต่างๆ ซุบซิบนินทาน่ะหรือ! "ว่ายังไง...ถ้าไม่ไปฉันก็ไม่ช่วย" เยว่ซินคอตก ลองไถแก้มออดอ้อนเพื่อนของตนเผื่อจะใจอ่อน "ขออย่างอื่นไม่ได้หรือจางลี่" จางลี่ส่ายหน้า ยืนยันคำเดิมจนคนสวยต้องถอนหายใจยาว "ก็ได้...สัญญาแล้วนะว่าจะช่วย" "แน่นอน!...แบบนี้สิค่อยสมเป็นอาเยว่หน่อย" จางลี่หัวเราะร้ายก่อนที่จะโทรหาสไตล์ลิสท์เพื่อให้มาช่วยแต่งตัวเพื่อนสาวของตน หลี่ เยว่ซินมองตนเองในกระจก เธอรู้ดีว่าร่างกายนี้สมบูรณ์เพอร์เฟคขนาดไหน เพียงแต่พอโดนแต่งตัวเต็มยศเช่นนี้ ยิ่งน่าอิจฉาขึ้นมากจนเธออยากร้องกรี๊ด! หลี่ เยว่ซินอยู่ในเดรสยาวสีดำ ช่วงอกของเสื้อประดับด้วยเลื่อมสีทอง ดูสง่า ฝั่งด้านขวาตั้งแต่ช่วงเข่าลงไปแหวกออกเผยให้เห็นเรียวขาสวย ทั้งคอระหงส์ รวมถึงข้อมืองามล้วนใส่เครื่องประดับสลับสีดำทอง จนราวกับเป็นราชนิกุล สไตล์สิสท์ที่เห็นเช่นนั้นถึงกับยกมือขึ้นป้องปาก เอ่ยชมจนเยว่ซินหน้าแดงด้วยความเขิน "สวย!...คุณหนูเยว่ซินงดงามจริงๆ" เยว่ซินโค้งให้ ยังโชคดีที่คนพวกนี้เป็นคนของจางลี่ พวกเธอเลยไม่ได้เกรงกลัวเยว่ซิน ออกจะเป็นมิตรเสียด้วยซ้ำ ได้เวลาที่จะต้องไปงานเลี้ยง ภายในรถของตระกูลจาง เยว่ซินโดนเพื่อนตนเองชมไม่ขาดปาก ทำเอาคนโดนชมเริ่มจะชินชาเสียแล้ว ใช้เวลาไม่นานนักก็เดินทางมาถึงคฤหาสน์ตระกูลหยวน ภายในอกของเยว่ซินเต้นรัว ที่นี่เธอจะโดนหลายสายตาและหลายปากซุบซิบนินทาด้วยความเกลียดชัง ขาเรียวก้าวลงจากรถ ทันทีที่หลี่ เยว่ซินปรากฏตัว เหล่าช่างภาพถึงกับอุทานเสียงดัง หากแต่มือไม้กลับแข็งไม่กล้ายกขึ้นมาถ่ายภาพ ก็พวกเขากลัวหลี่ เยว่ซินจะฟ้องร้องนี่! หากแต่ไม่เป็นเช่นนั้น ทางคนสวยยิ้มให้ช่างกล้องอย่างไมตรีดี จนทำให้คนได้เห็นตะลึงกันไปตามๆกัน เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูเยว่? "อยากถ่ายก็รีบถ่ายเถอะค่ะ...ถ้าเพื่อนเยว่ของฉันเข้างาน ถ่ายไม่ทันจะมาขอถ่ายทีหลังไม่ได้นะ" เมื่อจางลี่พูดเช่นนั้นมีหรือช่างภาพจะอยู่เฉย ต่างสาดแฟลชเข้าหาคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนางร้ายรัวๆ จนเยว่ซินต้องหยีตา จางลี่ปล่อยให้ช่างภาพถ่ายเธอและเยว่ซินเพียงครู่เดียวก็พาเพื่อนเข้างาน ภายในคฤหาสน์ตระกูลหยวนนั้นกว้างขวาง แขกเหรื่อมากมายสมกับเป็นตระกูลท็อปๆของจีน การปรากฏตัวของเยว่ซินนั้นไม่ต่างจากที่เธอคิดเท่าไหร่ มีหลายสายตาจับจ้องมาแบบไม่ค่อยดีนัก แม้กระทั่งกลุ่มใหญ่ตรงนั้น... เวลาหยุดอยู่ชั่วขณะที่เยว่ซินได้สบตากับใครคนหนึ่ง ดวงตาสีรัตติกาลจดจ้องหญิงสาวอย่างไม่ปิดบัง เขาคนนั้นคือฟาหยาง ชายหนุ่มอยู่ในชุดสีดำแดง ข้างกายเต็มไปด้วยผู้คนหลายตระกูลที่เข้าไปทักทาย แม้เห็นได้ในระยะไกลๆ เยว่ซินยังรับรู้ได้ถึงความน่าเกรงขามของคนผู้นั้น ฟาหยางมองเธอนิ่ง แต่ในแววตาไม่ได้ฉายออกมาว่ารู้สึกเช่นไร "อยากจะเข้าไปหาล่ะสิ...อย่าโผงผางมากแล้วกัน ที่นี่มีคนอยู่เยอะ...แต่ว่านะ ฉันพูดไปแกก็ไม่ฟังอยู่ดี" จางลี่ที่กระซิบอยู่ข้างๆนั้นทำเอาเยว่ซินยิ้มตาปิด "ใครว่าฉันจะไป" ร่างบางสะบัดหน้าหนี หันมาสนใจบรรยากาศงานตรงหน้าราวกับจะบอกว่าฟาหยางนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาเธอแล้ว "หาาาา นี่แกเอาจริงดิ" ฝั่งจางลี่ยังเหมือนจะเชื่อไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ได้แต่อ้าปากพะงาบๆเมื่อเพื่อนสนิทตนเองเดินไปหยิบอาหารทานหน้าตาเฉย ทั้งๆที่ปกติยามเห็นฟาหยางเป็นต้องกระโจนใส่ทุกที เยว่ซินเอาจริงหรือนี่ ที่จะไม่สนใจมาเฟียคนนั้นแล้ว! ฝั่งฟาหยางที่รับรู้ถึงความผิดปกติ ขมวดคิ้วเล็กๆ เมื่อกี้เหมือนเขาจะเห็นแววตาเฉยชาของเยว่ซินใช่หรือไม่? หญิงสาวคนนั้นไม่ได้เข้ามาหาเขาเช่นทุกที แถมยังเดินหนีและไม่สนใจกันอีก? จริงอยู่ที่เขาไม่ได้รู้สึกยินดีในตัวผู้หญิงคนนั้นสักนิด แต่พฤติกรรมผิดแปลกก็ทำให้ฟาหยางขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย ดวงตาคมยังคงจดจ้องไปยังร่างบางที่ยืนจิบไวน์อยู่กับผู้หญิงตระกูลจาง การแต่งหน้าแต่งกายดูแปลกตาไปทั้งยังน่ามองขึ้นมาก เดี๋ยว...เขาคิดว่าน่ามองงั้นหรือ? ฟาหยางส่ายหัวเบาๆ ลากสายตากลับมาที่คู่สนทนาอีกครั้งและไม่สนใจผู้หญิงคนนั้นอีก ช่างหัวยัยผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นไปแล้วกัน... เยว่ซินแทบจะไม่ได้พูดคุยกับใคร อาจเป็นเพราะโดนพ่อผลักไสออกจากตระกูลจนกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ต่อให้มาเสวนาด้วยก็ไม่มีผลอะไรกับธุรกิจอยู่ดี จึงไม่ค่อยมีใครอยากเข้าใกล้นัก ผิดกับจางลี่ที่โดนหลายตระกูลเข้ามาทักทายจนเธอไม่ว่างหันมาหาเยว่ซินเลย แต่หญิงสาวก็ไม่ได้สนใจมากนัก เพียงยืนจิบไวน์เงียบๆคนเดียว "คุณหนูเยว่" ผ่านไปสักพัก เยว่ซินหันตามเสียงเรียกพบว่าเป็นลูกชายคนโตตระกูลหยวน เขาเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มทักทาย "งดงามนัก" อีกฝ่ายเอ่ยชมจนเยว่ซินต้องโค้งให้เล็กน้อย "ขอบคุณ หยวน อี้" หยวนอี้ยิ้มตอบ ใบหน้าหล่อแบบตามฉบับจีนทำให้เยว่ซินเผลอมองค้าง อีกฝ่ายอยู่ในชุดสีขาวทั้งเสื้อและกางเกง ดูเป็นผู้ชายสะอาดสะอ้านน่ามอง "เห็นคุณหนูเยว่มองแบบนี้แล้วชักเขิน" เยว่ซินสะดุ้ง รีบขอโทษก่อนจะสำรวมสายตา "ผมเห็นคุณหนูยืนเหงา เลยเข้ามาทักทาย" "..." "คงไม่รังเกียจใช่ไหมครับ" หลี่ เยว่ซินรีบส่ายหน้า พูดปฏิเสธเสียงหวาน "ไม่เลยค่ะ...ฉันไม่มีเพื่อนคุยพอดี" แม้ว่าจะรู้สึกดีที่มีคนเข้ามาคุยด้วย แต่เยว่ซินก็หวั่นใจว่าจะกลายเป็นเหมือนในนิยายหรือไม่ "ได้ยินแบบนี้ก็เบาใจ" หยวน อี้ หัวเราะ ยกแก้วไวน์ขึ้นสูงเป็นสัญลักษณ์ให้ดื่มพร้อมกัน "ได้ยินมาว่าคุณหนูเยว่เกิดเรื่องลำบากกับครอบครัว ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยได้ผมยินดีช่วยนะครับ" เยว่ซินรู้สึกซึ้งใจ แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ปฏิญาณกับตัวเองแล้วว่าจะไม่เข้าไปยุ่งกับพวกตัวเอก แหงล่ะ...ก็หยวน อี้ เป็นถึงพระรองเลยนะ! "ไม่เป็นไรค่ะ...ฉันไม่รบกวน" ใบหน้าหวานยังคงประดับรอยยิ้มจนหยวน อี้ เผลอหายใจสะดุด แน่นอนว่าเขาเคยคุยกับคุณหนูเยว่หลายครั้ง หากแต่ก็ได้รับแค่สายตาเย็นชาจากหญิงสาวเท่านั้น เขารู้ดีว่าเยว่ซินนั้นหมายปองใคร... หลังจากที่พูดคุยกันไปได้สักพัก หยวน อี้โดนคุณพ่อตามตัวจนเขาต้องเอ่ยลาหญิงสาวอย่างเสียดาย "ผมต้องไปรับแขกของคุณพ่อก่อน" "เช่นนั้นถูกแล้ว...ไว้คุยกันใหม่นะคะ" "เป็นเกียรติของผมมากครับคุณหนูเยว่" หยวน อี้ เดินออกไปแล้ว เยว่ซินถึงได้หายใจโล่งขึ้น หันไปทางจางลี่ก็พบว่าไม่รู้ตระกูลไหนลากตัวไปเสียแล้ว เยว่ซินส่ายหน้า ก่อนจะเดินไปหาที่วางแก้วไวน์เมื่อพบว่าไวน์หมดแล้ว "อ๊ะ" ร่างบางสะดุ้ง ยามที่หันกลับมาแล้วชนเข้ากับแผงอกใครบางคนเข้า ใบหน้างามเชิดมอง ก่อนที่ดวงตาจะเบิกกว้างด้วยความตกใจ "ฟาหยาง..." ริมฝีปากสวยเอ่ยพูดเสียงเบา คนตัวสูงยังคงยืนนิ่งและมองเธอโดยไม่พูดอะไรสักคำ "ขอโทษค่ะ...ฉันไม่ระวังเอง" ฟาหยางขมวดคิ้ว หากเป็นปกติ หญิงสาวคนนี้จะขอโทษงั้นหรือ? "กำลังตบตาใครอยู่ล่ะ" เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบข้างใบหู ทำเอาเยว่ซินสะดุ้งก่อนจะรีบถอยหนี หากแต่ด้านหลังกลับเป็นโต๊ะอาหาร "คุณหยาง...ได้โปรดขยับออกไปหน่อยค่ะ" ฟาหยางกระตุกยิ้ม ยิ่งหญิงสาวพูดเช่นนั้นมีหรือที่เขาจะขยับออก "เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูเยว่กันเล่า...โดนพ่อไล่ออกจากตระกูลจนถึงขั้นเปลี่ยนเป็นเด็กดีเลยหรือไง?" เยว่ซินเลิกคิ้ว มองอีกคนด้วยสายตาโกรธเคือง "นี่สิคุณหนูหลี่ เยว่ซินตัวจริง" ในประโยคแฝงไปด้วยความขบขัน "ถ้าคุณจะพูดแค่นี้ก็ออกไปเถอะค่ะ...ฉันจะไปหาเพื่อน" "ผู้หญิงตระกูลจางน่ะหรือ...ได้ข่าวว่าคออ่อนเมาหลับกลับไปเสียแล้ว" เยว่ซินเบิกตากว้าง นี่จางลี่ทิ้งเธองั้นหรือ! "ทำไมล่ะ...ไม่ใช่แผนของเธอที่จะมาออดอ้อนฉันทีหลังหรือไง" เยว่ซินมองค้อน ให้ตายเถอะ!นายพระเอกคนนี้มันน่ารำคาญจริงๆ "ถ้าฉันอ้อนแล้วคุณจะไปส่งฉันที่บ้านรึไงคะ" หญิงสาวทนไม่ไหว ในที่สุดก็เอ่ยพูดประชด "ถ้าเธอต้องการ" แต่ก็ต้องแปลกใจ เพราะฟาหยางคนนั้นกลับไม่ปฏิเสธสักนิด เกิดอะไรขึ้นกับเขากันเล่า? "ไม่รบกวนค่ะ" เยว่ซินทำท่าจะเบี่ยงตัวหนี แต่ข้อมือกลับโดนชายหนุ่มดึงไว้ "วันนี้เธอทำฉันแปลกใจนะคุณหนูเยว่" "..?" "ไม่รู้ว่าเธอมีแผนการอะไรในใจแต่ก็ยอมรับว่ามันได้ผล" เยว่ซินเลิกคิ้ว ไม่เข้าใจที่ชายหนุ่มพูดสักนิด "ทั้งเรื่องที่ปฏิเสธฉันหัวชนฝาทั้งๆที่ไม่เคยทำ" "..." "หรือเรื่องที่เรียกฉันว่าคุณหยาง" เยว่ซินมองนิ่ง สมองกำลังประมวลผลว่าในนิยายเธอเรียกฟาหยางว่าเช่นไร แต่ก็ต้องชะงักเมื่อใบหน้าหล่อโน้มลงมาใกล้ แล้วกระซิบให้ได้ยินกันสองคน "ปกติชอบเรียกอาฟาไม่ใช่หรือ" จบสิ้นแล้วเยว่ซิน อุตส่าห์จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับตัวเอกแล้วแท้ๆ! To be continued...ยี่สิบสี่ธันวาคมคือวันที่คฤหาสน์ตระกูลหยางดูจะครึกครื้นเป็นพิเศษ ได้ยินเสียงถกเถียงของทายาทตระกูลใหญ่ที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการพูดแข่งกันราวกับพูดกับกระจก "เฟิ่งบอกว่าจะให้หม่าม๊าใส่ตัวนี้" "ก็เฮียบอกว่าตัวนี้ไงอาเฟิ่ง" เด็กชายวัยกำลังย่างเข้าหกขวบยื้อแย่งชุดคลุมสีแดงที่ทางห้องเสื้อส่งมาให้นายหญิงตระกูลหยางเป็นพิเศษ มีทั้งแบบที่กำลังนิยมในปัจจุบันและแบบที่ตัดออกมาสำหรับคุณหนูเยว่ซินโดยเฉพาะ "หม่าม๊าเอาตัวนี้นะ" เฟยหลงว่าพลางกำลังจะวิ่งเตาะแตะไปทางมารดาตัวเองที่ยืนเลือกแบบขนมสำหรับงานเลี้ยงที่จะจัดพรุ่งนี้ หากแต่กลับโดนมือป้อม ๆ ของแฝดคนน้องยกขึ้นห้ามกันไว้เสียก่อน "ไม่เอา หม่าม๊าต้องใส่ตัวนี้สิ" "เอ่อ..." เหล่าสาวใช้ที่เห็นเหตุการณ์ได้แต่ยืนเหงื่อตก พวกเธอรู้ดีว่าหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับหม่าม๊าของเฟยหลงและเฟยเฟิ่งแล้วนั้นจะไม่มีใครสามารถห้ามปรามได้ อาเฟิ่งยอมให้พี่ชายตัวเองได้ทุกอย่างยกเว้นเรื่องหม่าม๊า อาเฟยหลงหลับหูหลับตาไม่มองยามโดนน้องชายตัวเองแอบหยิบของเล่นชิ้นโปรดไปได้แต่ถ้าเป็นเรื่องม๊าเยว่ซินแล้วเขาไม่มีวันยอม "หม่าม๊า/หม่าม๊า" คราวนี้ทั้งคู่พูดขึ้นมาพร้อมกันจนเยว
ในบริษัทตระกูลหยางที่ห้องท่านประธานวันนี้ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวกว่าปกติ ฟาหยางจำต้องยกมือขึ้นกุมขมับเล็กน้อยเพราะเสียงถกเถียงกันของเจ้าแฝดหรือก้อนแป้งที่เยว่ซินชอบเรียก "อาเฟิ่งเอาอีกแล้ว!" ได้ยินเสียงเฟยหลงโวยวายอยู่ยกใหญ่ เด็กชายวัยสี่ขวบตัวสูงกว่าพนักวางแขนของโซฟานิดเดียวซึ่งอยู่ในชุดเอี๊ยมน่ารักที่ถูกหม่าม๊าจับแต่งตัวให้ เฟยหลงขู่ฟ่อมองน้องชายตัวเองที่นั่งอยู่บนนั้น "เฮียเสียงดัง" ก่อนเฟยเฟิ่งซึ่งในมือถือถุงขนมที่คาดว่าคงแบ่งกันไม่ลงตัวตอบพลางยกมืออีกข้างขึ้นปิดหู เจ้าก้อนแป้งอยู่ในชุดแบบเดียวกันทั้งหน้าตาที่ถอดแบบกันมาทุกประการ "อาเฟิ่งก็คืนมาสิ!" "ไม่เอา ก็เฟิ่งอยากกิน" คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันน้อย ๆ ปกติแล้วเฟยเฟิ่งมักจะตามใจพี่ชายตัวเองอยู่เสมอซึ่งฟาหยางคิดว่าคงเป็นเพราะอยากตัดรำคาญเสียมากกว่า เฟยหลงอมลมในปาก หันซ้ายหันขวาราวกับกำลังหาตัวช่วย "ป๊า!" ครั้นพอไม่รู้จะพึ่งทางไหนจึงเดินเตาะแตะมาหา ฟาหยางยอมวางปากกาในมือลง วันนี้เยว่ซินไปซื้อของกับจางลี่ถึงได้ฝากลูกลิงทั้งสองคนไว้ที่เขา "อืม...ว่าอย่างไร" แม้ได้ยินชัดทุกคำว่ามีปัญหาอะไรกันมาแต่ฟาหยางก็ยังเอ่ยถาม เขาต้องก
ช่วงหลังจากที่ทราบว่ามีเจ้าก้อนกลมสองก้อนอยู่ในท้องก็เป็นช่วงที่ฟาหยางปวดหัวไม่น้อยเนื่องจากอาการของคนท้องไม่ใช่สิ่งที่จะคาดเดาอะไรได้ ฟาหยางที่วันนี้ต้องกลับจากบริษัทเร็วกว่าทุกวันขนาดที่ว่าเขาเพิ่งจะไปถึงบริษัทได้ไม่เกินสิบห้านาที 'คุณหนูเยว่ร้องไห้ค่ะ ไม่ว่าใครถามอะไรก็ไม่ตอบ บอกแค่ว่าจะเจอคุณหยางแค่คนเดียวค่ะ' สายจากสาวใช้ที่คฤหาสน์โทรมาหากันด้วยน้ำเสียงร้อนรน ปกติเยว่ซินมักเป็นคนที่ยิ้มแย้มและอารมณ์ดีอยู่เสมอ เธอมีเหตุผลกับทุก ๆ เรื่องแต่ยามนี้ที่จู่ ๆ อาจด้วยฮอร์โมนหรืออะไรก็แล้วแต่มันทำให้คนในคฤหาสน์ตื่นตูมกันไปเสียหมด พยายามทั้งปลอบทั้งหาของกินมาเท่าไหร่แต่ก็เหมือนว่าจะไม่เป็นที่พอใจของนายหญิงผู้นี้เลยแม้แต่น้อย "อาซิน" ขายาวก้าวเร็ว ๆ ไปยังห้องนั่งเล่นทันทีที่ลงจากรถ ฟาหยางรีบขนาดที่เขาขับรถมาเองโดยไม่รออาโป ทำเอาฝั่งลูกน้องที่บริษัทก็วุ่นวายอยู่พอสมควร "ฮึก..." ยังได้ยินเสียงสะอื้นจากคนที่ฟุ่บหน้าอยู่กับหมอนอิง เหล่าสาวใช้ที่เห็นว่าฟาหยางมาแล้วจึงรีบลุกขึ้นค้อมศีรษะให้แล้วเดินออกจากบริเวณนั้นทันที "เกิดอะไรขึ้น" เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางรวบคนตัวเล็กเข้าในอ้อมแขน เยว่ซิน
สามสัปดาห์หลังจากแต่งงาน แม้ห่าวอู๋จะพูดอยู่ทุกวันว่าให้ทั้งคู่คิดประเทศที่จะไปฮันนีมูนกันเสียทีแต่เยว่ซินก็คิดไม่ออก หญิงสาวบอกเลื่อนทริปมาตลอดจนถึงวันนี้ที่ห่าวอู๋เดินทางมาที่คฤหาสน์ตระกูลหยางด้วยตัวเอง 'เตี่ยจองที่พักบนเกาะไว้ให้แล้ว เรื่องงานที่บริษัทเตี่ยจะจัดการทุกอย่างเอง อาเยว่ซินเตรียมตัวไปฮันนีมูนกับอาหยางได้เลย' นั่นคือประโยคที่ได้ฟังจากห่าวอู๋ก่อนที่วันต่อมาในตอนเช้ามืดก็โดนสามีตัวเองอุ้มขึ้นรถตั้งแต่ยังไม่ตื่นดี เยว่ซินนึกสงสัยอยู่ตลอดว่าทำไมเวลาจะไปทริปต่างประเทศแล้วจะต้องไม่ได้เตรียมตัวเสียทุกครั้งกันนะ แต่ถึงจะอยากโวยวายทั้งประมุขคนก่อนและคนปัจจุบันของตระกูลหยางนี้สักเท่าไรก็คงทำไม่ได้ แน่นอนว่าเธอก็ไม่คิดเสี่ยงจะทำ "คราวนี้อาโปก็มาหรือคะ" สิ่งที่ต่างไปจากทริปที่อิตาลีครั้งนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นว่ามีลูกน้องมาด้วยกัน ฟาหยางขานรับในลำคอ "ถือเป็นวันพักผ่อนให้พวกเขาด้วย" เยว่ซินพยักหน้าเห็นด้วย สมควรอย่างยิ่งเพราะลูกน้องฟาหยางแต่ละคนใช่ว่าจะมีงานน้อย ๆ เสียที่ไหน "แต่ไม่ต้องห่วง พวกนั้นกับเราอยู่คนละที่พัก ไม่มีใครกวนตอนเธออยู่กับเหล่ากงได้หรอก" คำพูดเจ้าเล่ห์มาพร
ผ่านไปสองเดือนหลังจากการประกาศแต่งงานในวันนั้น ฟาหยางไม่ให้เยว่ซินรับงานใด ๆ ทั้งสิ้น และงานที่บริษัทก็เหมือนว่าเลี่ยงหรงจะเป็นคนจัดการทุกอย่างและถึงแม้เป็นแบบนั้นเขาก็ยังรายงานแก่ฟาหยางประหนึ่งบริษัทหลี่กลายเป็นบริษัทในเครือของฟาหยางไปเสียแล้ว "คุณหนูเยว่รับขนมอีกไหมคะ" และเพราะวัน ๆ เยว่ซินแทบจะไม่ได้ทำอะไรนอกจากเข้าคอร์สเจ้าสาวที่ห่าวอู๋และเครือญาติตระกูลหยางจัดหาให้จึงทำได้แค่นั่ง นอน กินและออกไปตามนัดบ้างเป็นครั้งคราว "พอแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ" คนตัวเล็กตอบพลางระบายยิ้มงดงาม มือเรียวสวยปิดหนังสือลงแล้วเหลือบมองเวลาเล็กน้อย ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้ว ปกติฟาหยางมักจะกลับมาในเวลานี้เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับงานแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในต้นเดือนหน้า "คุณหยางมาถึงแล้วค่ะ" เป็นจังหวะพอดีกับที่มีสาวใช้อีกคนหนึ่งเดินเข้ามารายงานกัน เธอทอดมองคุณหนูเยว่ซินที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวสีครีม ผิวขาวราวน้ำนมที่ไม่ได้ต้องแดดมานาน ทั้งแก้มและริมฝีปากแดงระเรื่อ ไม่ว่าจะมองในมุมไหน ๆ คุณหนูเยว่ก็ดูงดงามไปเสียทุกส่วน นี่หรือเปล่าที่เขาว่ากันว่าออร่าของคนกำลังจะเป็นเจ้าสาว "อาซิน" พลันในวินาทีนั้นด้านหลัง
เยว่ซินไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์ในตอนนี้ เธอเพิ่งจะยืนอยู่ที่ครัวในคอนโดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงมาอยู่ที่อิตาลีได้? ไม่ใช่แค่นั้นแต่ตอนนี้เธอมากับฟาหยางแค่สองคน! ใช่...ไม่มีอาโปและลูกน้องมาด้วยกันเลย "อาเยว่อยากทานอะไร" "ดะ...เดี๋ยวก่อนค่ะ" มือเรียวยกขึ้นกั้นระหว่างกันทั้งแววตาที่ฉายความสับสนชัดเจน ฟาหยางหัวเราะเมื่อเห็นปฏิกิริยาเช่นนั้น "นี่มันเหนือความคาดหมายไปหน่อยนะคะ" "ทำไม เธอไม่อยากมาเที่ยวกับอาฟาหรือ?" คนตัวสูงคล้ายสุนัขตัวโตที่เยว่ซินได้แต่ถอนหายใจ มือหนาเอื้อมมาประคองกันไว้พลางเอ่ยขึ้นอีกรอบ "ไม่อยากลองอยู่กันแค่สองคนบ้างหรือ" ครั้นโดนออดอ้อนซึ่ง ๆ หน้าทำเอาคนตัวเล็กไร้คำจะเถียงอีก ตอนนี้ทั้งคู่อยู่กันที่ที่พักแห่งหนึ่งในเกาะซิซิลี เยว่ซินไม่รู้เลยว่าเขาจัดการเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ตอนไหน "ความจริงชวนฉันดี ๆ ก็ได้นี่คะ อีกอย่างฉันไม่ได้เอาสัมภาระมาเลย" ไม่รู้จะพูดว่าโดนแกล้งได้ไหม เพราะฟาหยางไม่คิดจะบอกเธอสักคำ หากนี่เป็นเซอร์ไพรส์ก็ดูจะเกินเรื่องไปเสียหน่อย "ซื้อใหม่ทั้งหมดที่นี่" "..." "หายหน้ามุ่ยเถอะนะ ถ้าอาฟาบอกเธอล่วงหน