“ที่คุณพูดมาไม่ผิดเลย ” ไซรัสคลี่ยิ้มกว้างขึ้น เขาแสร้งกวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนเอ่ย “ว่าแต่คุณเถอะ ดูเหมือนท่านหญิงหลายคนจะอยากให้คุณชวนเต้นรำ”
“ผมเห็นพวกเธอบางคนเหลียวมองคุณกับญาติผู้พี่ของผมด้วยเหมือนกัน” คาร์ลหยิบเครื่องดื่มจากถาดที่คนรับใช้ชายถือผ่านมาให้ท่านเจ้ากรมการคลัง ไซรัส และตนเอง “งานสังคมก็เป็นเช่นนี้ล่ะ มันเป็นสถานทีที่สตรีชั้นสูงจะได้ออกมาอวดโฉมเพื่อหว่านเสน่ห์ให้ผู้คนหลงใหล ถัดจากงานนี้ก็คงมีคุณหนูกับคุณชายจากตระกูลไหนสักตระกูลประกาศการหมั้นหมาย”
“แต่เห็นจะไม่ใช่ตระกูลแกรนเทรนท์” จู่ๆ ภรรยาเจ้ากรมการคลัง ก็ก้าวเข้ามาร่วมวงสนทนา ตอนนี้ร่างกายเธอกรุ่นกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ บอกให้รู้ได้โดยไม่ต้องเดา ว่าแก้วเหล้าหมักผลไม้ในมือเธอ คงไม่ใช่เหล้าแก้วแรกที่ดื่มกิน
ยังดีที่เจ้าหล่อนมีสติพอจะยกพัดป้องปาก ก่อนออกความเห็นต่อไป
“ฉันเห็นคุณหนูแกรนเทรนท์คนโตกับคนรองมองมาทางพวกคุณบ่อยๆ พวกคุณเพิ่งมาจากต่างถิ่น อย่าหลงกลเชียวนะคะ เห็นงามๆ อย่างนั้นน่ะ ไม่มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่คนไหนในอาณาจักรนี้อยากเฉียดใกล้หรอกค่ะ” นางบอกคาร์ลและไซรัสอย่างไม่สงวนถ้อยคำ ไม่สนใจสายตาห้ามปรามจากสามีแม้แต่น้อย
แล้วคาร์ลก็เล่นด้วยเสียอย่างนั้น
“ทำไมล่ะครับ” ขุนนางหนุ่มถาม
“ไม่ทราบหรือคะ แม่ลูกสาวคนโตพริสซิลล่าที่ผมสีทองยาวหยักศกหน้าสวยคนนั้นน่ะ ขึ้นชื่อลือชาเรื่องเอาแต่ใจ เจ้าอารมณ์ งานอดิเรกที่เหมาะสมไม่มี งานหลักดีๆ ไม่ปรากฏ วันๆ ทำอยู่อย่างเดียว คือหาเรื่องทำร้ายคนรับใช้กับน้องสาวต่างแม่”
“นั่นใช่เรื่องควรพูดรึ” คนเป็นสามีพยายามหยุดการนินทาอย่างน่าเกลียด แต่ท่านผู้หญิงวิลส์ตันกลับไม่ใส่ใจเลยสักนิด
“ท่านหญิงแอนนาเบลน้องสาวคนรองก็ไม่ไหวพอกัน” ภริยาเจ้าบ้านยังคงเอ่ยต่อไป “รายนี้ไม่ร้ายกาจจนน่าปวดหัวเท่าคนพี่ แต่ดูจะคิดอะไรไม่เป็นนัก วันๆ ได้แต่เดินตามพี่สาวเหมือนเงาตามตัว พี่สาวพูดอะไรก็คอยทำตัวเป็นลูกคู่ แต่พออยู่คนเดียวเท่านั้นล่ะ กลายเป็นเบื้อเป็นใบ้ คิดอะไรเองไม่เป็นสักอย่าง”
“ไซรัส” เจ้ากรมการคลัง เอ่ยแทรกอย่างสุดทน “ผมมีคนที่อยากแนะนำให้คุณรู้จัก” เจ้าภาพเหลียวมองคาร์ลด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก “ฝากดูแลท่านผู้หญิงสักครู่ อย่าให้เธอดื่มมากนัก ดูท่าตอนนี้คงดื่มเข้าไปมากแล้ว”
นับตั้งแต่ก้าวขาเข้างานเลี้ยงมา อัยน์นาก็ต้องเดินตามท่านผู้หญิงเจ้ากรมการเมืองเพียงเพื่อที่จะกลายเป็นส่วนเกินในทุกๆ บทสนทนา
ดูเหมือนว่าท่านผู้หญิงเจ้ากรมการเมืองกับลูกสาวทั้งสองจะจงใจแก้เผ็ดท่านเจ้ากรมการเมืองด้วยการพาเธอตามติดไปทุกที่ตามคำสั่งขุนนางสูงวัย แต่ในขณะเดียวกันก็คอยพูดถึงเรื่องความน่าขันระคนน่าหงุดหงิดของพวกทาสและชนชั้นล่าง แล้วแกล้งถามแกล้งขอความเห็นจากเธออยู่เนืองๆ
เพราะรู้ว่าทั้งสามจงใจหักหน้า อัยน์นาจึงยอมทนอยู่ตรงนั้นด้วยรอยยิ้มเศร้าสร้อยเหมือนต้องคอยกลั้นน้ำตาเอาไว้
“อัยน์นาจ๊ะ หน้าซีดๆ นะ ดื่มน้ำหน่อยไหม?” จู่ๆ พริสซิลล่าก็เกิดใจดีขึ้นมา
นั่นทำให้อัยน์ประหลาดใจที่สุด
“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันสบายดี ท่านหญิงดื่มเถอะค่ะ”
“ได้ยังไงกัน” แอนนาเบลยัดเยียดน้ำแก้วนั้นใส่มือเธอ “ดื่มซะ เกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมา คุณพ่อจะว่าเอาได้ ว่าฉัน คุณพี่ แล้วก็คุณแม่ ดูแลเธอไม่ดี”
“แอนนาเบล อย่าเสียงดัง” ท่านผู้หญิงเจ้ากรมการเมืองตวัดพัดสักหลาดประดับลูกไม้ในมือตีลูกสาวคนรอง ก่อนหันมาสั่งอัยน์นา “ดื่มซะ” เจ้าหล่อนคลี่พักป้องปาก กระซิบกระซาบให้ได้ยินกันแค่สองคน “หน้าหล่อนซีดอย่างกับศพ เกิดมาเป็นลมเป็นแล้งตรงนี้ ฉันจะเสียหน้า”
แม้จะไม่อยากดื่ม แต่เมื่อถูกกดดันมากเข้า อัยน์นาก็จำต้องดื่มน้ำแก้วนั้นเข้าไป
วูบหนึ่ง หญิงสาวแน่ใจว่าเห็นพริสซิลล่าเหยียดยิ้ม
“ริชาร์ดหายไปไหนของเขานะ” ท่านผู้หญิงเจ้ากรมการเมืองบ่นอุบ “นี่ อัยน์นาจ๊ะ ไปตามคุณพ่อมาทีสิ” นางโปรยยิ้มให้ทุกคนในวงสนทนาเมื่อเอ่ยจบ เหมือนตั้งใจจะอวดว่าตนญาติดีกับลูกนอกสมรสของสามีแค่ไหน
“จะเหมาะหรือคะ คุณท่านอาจคุยธุระติดพัน...”
“เหมาะสมจ้ะ” เธลม่ายืนยัน “นี่ก็ใกล้เที่ยงคืนแล้ว ไปบอกท่านทีเถอะ ว่าเธอกับฉันเริ่มเหนื่อยแล้ว พวกเราจะได้กลับคฤหาสน์กันเสียที...เดินหาให้ทั่วๆ หน่อยนะ”
อัยน์นาเหลียวมองพริสซิลล่าและแอนนาเบล และทั้งคู่ก็พยักหน้าสนับสนุนว่าเหนื่อยจริง
“ค่ะ รอสักครู่นะคะ” คนโดนไว้วานรับคำอย่างว่าง่ายเพราะเริ่มรู้สึกร้อนวูบแปลกๆ ขึ้นมา
เธอประคองสติถอนสายบัวแสดงความเคารพทุกคนในวงสนทนาอย่างนอบน้อม แล้วรีบปลีกตัวออกมาเพราะแน่ใจว่าน้ำแก้วนั้นคงมีอะไรสักอย่างเจือปน
ไม่ว่าในน้ำแก้วนั้นจะมีอะไร อัยน์นาแน่ใจว่ามันจะไม่ส่งผลดีต่อเธออย่างแน่นอน
แม้ชื่อเสียงอัยน์นาจะได้รับการปกป้อง แต่ดูเหมือนชื่อเสียงของท่านหญิงพริสซิลล่ากับท่านหญิงแอนนาเบลจะยิ่งตกต่ำอย่างเห็นได้ชัด เพราะถึงแม้คืนนั้นจะไม่มีใครรู้เห็นเรื่องนี้เพิ่มเติมนอกจากเจ้าบ้านอย่างเจ้ากรมการคลังกับสาวใช้อีกสองราย แต่หลังจากตอนนั้น ดูเหมือนพวกทหารในเหตุการณ์และคนรับใช้ที่เจ้ากรมการคลังส่งมาช่วยอำนวยความสะดวกให้ท่านเจ้ากรมการเมือง จะเอาเรื่องที่เกิดขึ้นไปเล่าต่อให้ครอบครัวกับคนใกล้ชิดฟัง แล้วคนเหล่านั้นก็เอาไปเล่าลือต่อพลางใส่สีตีไข่จนเกิดเนื้อเรื่องบทใหม่แทรกเสริมในนิทานเพลงเรื่องเก่า บทเดียวกับที่เหล่าผู้สืบเชื้อสายแกรนเทรนท์โดนเจ้าบ้านคนปัจจุบันเรียกตัวมานั่งฟังอยู่ในขณะนี้หนนี้อัยน์นาไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดในเรื่องเล่าเท่าไหร่นัก เพราะมีเรื่องอื่นรบกวนจิตใจ ทั้งยังเคยได้ยินหญิงรับใช้ในคฤหาสน์ซุบซิบนินทากันมามากแล้วรายละเอียดเรื่องราวก็เหมือนเคย คือเรื่องที่กวีเปรียบเปรยเธอกับสิ่งบริสุทธิ์สวยงามทั้งหมดทั้งมวลในโลกนี้ ในขณะที่ยกบทบาทร้ายกาจน่ารังเกียจให้ ท่านผู้หญิงเธลม่า แกรนเทรนท์ และพี่สาวต่างมารดาทั้งสอง จะพิเศษอยู่หน่อยก็ตรงที่หนนี
“ไซรัส...!” ท่านหญิงพริสซิลล่ารีบปิดปากแอนนาเบลก่อนที่น้องสาวจะโวยวายอะไรออกมามากกว่านี้ถึงจะยืนอยู่ห่างกันพอสมควร แต่ตอนนั้น อัยน์นาก็พออ่านปากออก ว่าแอนนาเบลโดนพี่สาวสั่งให้ ‘หุบปาก’...ดูท่าชายคนนี้จะไม่ใช่คนที่พริสซิลล่าคาดหวังให้อยู่กับน้องสาวต่างมารดาอย่างเธอ...“เกิดอะไรขึ้นคะ” ทายาทแกรนเทรนท์คนโตรีบจูงมือน้องสาวตรงมาหาเธอกับไซรัสไม่ทันที่อัยน์นาจะได้อ้าปากตอบอะไร ไซรัสก็เป็นฝ่ายชิงตอบให้เสียก่อน“เธอหมดสติแล้วพลัดตกน้ำครับ ผมผ่านมาเห็นเข้า ก็เลยรีบช่วยเธอขึ้นจากสระ”“แต่เสื้อผ้า...” แอนนาเบลโดนพริสซิลล่าถลึงตาใส่เพราะประโยคนั้น“เสื้อผ้าคงโดนอะไรสักอย่างเกี่ยวตอนฉุกละหุกใช่ไหมคะ” พริสซิลล่าหันมาฉีกยิ้มให้เธอ “ดีจังเลยนะจ๊ะ อัยน์นา ที่มีคนมาช่วยไว้ทัน”“ค่ะ” อัยน์นาสะกดกลั้นความไม่พอใจที่โดนวางยาเอาไว้ พยายามจะไม่พูด
อัยน์นาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน รู้เพียงตอนนี้ร่างกายเธอร้อนวูบไปทั่วจนครั่นเนื้อครั่นตัว แถมยังรู้สึกอึดอัดปนวาบหวามจนแทบทนไม่ไหวตอนนี้นัยน์ตาเธอพร่ามัว ร่างกายไม่ถึงกับไร้เรี่ยวแรง แต่ดูคล้ายมันจะตอบสนองต่อกล้ามเนื้อแข็งแกร่งกับกลิ่นอายราตรีดิบเถื่อนและโซ่ตรวนแสนอันตรายจากร่างกายคนตรงหน้าจนไม่อาจควบคุม ทั้งๆ ที่ที่ผ่านมา เรื่องการควบคุมตัวเอง เป็นเรื่องที่เธอแน่ใจว่าทำได้ดีที่สุดเธอไม่โทษยานั่น ความจริงเธอเกือบจะลืมมันไปแล้วด้วยซ้ำ สิ่งที่เธอขัดใจคือแรงดึงดูดจากชายตรงหน้า ขัดใจจนอยากจิกเล็บให้เขาเจ็บกว่านี้ แต่ตอนนี้ ส่วนลึกในใจเธอกลับอยากหยุดคิดทุกเรื่อง แล้วสูดซับกลิ่นอายแปลกประหลาดชวนหลงใหลให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้“คุณหนู” เจ้าของกลิ่นอายแสนยวนเย้าเรียกด้วยน้ำเสียงดุเข้มอัยน์นารำคาญเสียงห้ามปรามนั้นนัก จึงเลื่อนส่วนเดียวที่ว่างอยู่ขึ้นปิดริมฝีปากหยักสวยทรงเสน่ห์นั่น แล้วทำตามเสียงสั่งลึกลับที่คอยกระซิบกระซาบอยู่ในใจเธอได้ยินเขาสบถบ่นไม่เป็นภาษาด้วยสำนวนสำเนียงคล้ายชนชั้นล่าง นั่นทำให้ภาพชายท่าทีสุขุมในชุดเร
ไซรัสอุ้มร่างอ้อนแอ้นเดินลงสระน้ำด้วยความร้อนใจ ภายในหัวไม่เหลือความคิดอื่นใด นอกจากการช่วยให้คนในอ้อมแขนพ้นจากความทรมาน“ร้อน...” เธอบ่นร้อน ทั้งๆ ที่น้ำในสระเย็นจัดจนขึ้นไอ สองมือเกาะเกี่ยวเขาไว้แน่น “...ช่วยที...” เธอพึมพำ น้ำเสียงเว้าวอนเขาไม่รู้ว่าเจ้าของใบหน้าอ่อนเยาว์นางนี้จะรู้ความหมายของสิ่งที่พูดออกมาหรือเปล่า รู้เพียงแต่ต้องพยายามประคองให้เธออยู่นิ่งๆแต่ดูเหมือนเจ้าของผิวนวลนิ่มจะไม่ให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่...พ่อค้าอัญมณีจึงต้องพาร่างในอ้อมแขนลงนั่ง แล้วกอดรั้งร่างเธอไว้ เพื่อไม่ให้ร่างที่ดูอ่อนยวบไปหมดร่างนี้พลาดจมน้ำซึ่งลึกเพียงระดับต้นขา หรือพลาดเดินไปหาใจกลางสระที่น่าจะลึกกว่าบริเวณนี้ไซรัสได้ยินเธอพึมพำอะไรหลายอย่าง แต่ถ้อยคำเหล่านั้นกลับฟังไม่ได้ศัพท์ จับใจความไม่ได้ บอกให้รู้ว่าเจ้าของดวงตาสีนิลกำลังไร้สติเพราะยาเห็นแบบนี้แล้ว พ่อค้านักแสวงโชคก็อดคิดไม่ได้ ว่าถ้าคนที่เธอเดินมาเจอไม่ใช่เขาแต่เป็นทหารยาม หรือผู้ชายเลวๆ สักคน มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วงที่เขากำลังคิดอะไรๆ อยู่นั้น นิ้วมือร้อนๆ ก็เริ่มปลดกระดุมเสื้อเขาแล้วลูบไล้ไปทั่ว จุดไฟปรารถนาแปลกประหลาด เผาผลา
หลังหว่านเมล็ดพันธุ์เส้นสายไปทั่วงานเลี้ยง ไซรัสก็ปลีกตัวออกมาหลบมุมสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ระเบียงเล็กๆ ข้างประตูทางออกฝั่งสวนหย่อมรกครึ้มทีแรก เขาไม่เข้าใจนัก ว่าทำไมก่อนหน้านี้ลูคัสที่ดูจะคุ้นชินเรื่องวิถีชนชั้นสูงที่สุดในกลุ่มพี่ๆ น้องๆ ต่างสายเลือด ถึงได้พยายามเคี่ยวเข็ญให้เขาเต้นรำอย่างถูกวิธีทั้งๆ ที่เขาก็ยืนยันว่าไม่ต้องการเต้นรำกับใคร แต่หลังจากโดนเจ้ากรมการคลังหิ้วไปนั่นมานี่ จนโดนขุนนางและพ่อค้าใหญ่หลายรายยัดเยียดลูกหรือหลานสาวให้เขาเชิญไปเต้นรำ ผู้มั่งคั่งหน้าใหม่ของอาณาจักรก็เข้าใจทันทีน่ารำคาญนัก ไซรัสเอนหลังพิงผนัง แหงนหน้ามองพระจันทร์ อดคิดไม่ได้ว่าต้องใช้เวลาอยู่ในอาจักรนี้อีกนานแค่ไหน ภารกิจแสนสำคัญจึงจะลุล่วงเสียทีท่ามกลางความเงียบงัน สตรีชุดขาวผ่องเดินผ่านประตูระเบียงออกมาอย่างเชื่องช้า คล้ายพยายามกลั้นความเจ็บปวดบางอย่างทันทีที่ก้าวขาพ้นกรอบประตู หญิงสาวอ่อนเยาว์รายนั้นก็รีบประคองร่างเข้าหาสวนกว้าง ดูราวกับสัตว์ป่าหาที่หลบภัยยามเจ็บไข้ลูกสาวนอกสมรสเจ้ากรมการเมือง...อัยน์นา...?เขาบอกตัวเองว่าไม่ควรใส่ใจ แต่ท่าทีซวนเซ และเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายบนใบหน้าขาวนวล กลับทำให
“ที่คุณพูดมาไม่ผิดเลย ” ไซรัสคลี่ยิ้มกว้างขึ้น เขาแสร้งกวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนเอ่ย “ว่าแต่คุณเถอะ ดูเหมือนท่านหญิงหลายคนจะอยากให้คุณชวนเต้นรำ”“ผมเห็นพวกเธอบางคนเหลียวมองคุณกับญาติผู้พี่ของผมด้วยเหมือนกัน” คาร์ลหยิบเครื่องดื่มจากถาดที่คนรับใช้ชายถือผ่านมาให้ท่านเจ้ากรมการคลัง ไซรัส และตนเอง “งานสังคมก็เป็นเช่นนี้ล่ะ มันเป็นสถานทีที่สตรีชั้นสูงจะได้ออกมาอวดโฉมเพื่อหว่านเสน่ห์ให้ผู้คนหลงใหล ถัดจากงานนี้ก็คงมีคุณหนูกับคุณชายจากตระกูลไหนสักตระกูลประกาศการหมั้นหมาย”“แต่เห็นจะไม่ใช่ตระกูลแกรนเทรนท์” จู่ๆ ภรรยาเจ้ากรมการคลัง ก็ก้าวเข้ามาร่วมวงสนทนา ตอนนี้ร่างกายเธอกรุ่นกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ บอกให้รู้ได้โดยไม่ต้องเดา ว่าแก้วเหล้าหมักผลไม้ในมือเธอ คงไม่ใช่เหล้าแก้วแรกที่ดื่มกินยังดีที่เจ้าหล่อนมีสติพอจะยกพัดป้องปาก ก่อนออกความเห็นต่อไป“ฉันเห็นคุณหนูแกรนเทรนท์คนโตกับคนรองมองมาทางพวกคุณบ่อยๆ พวกคุณเพิ่งมาจากต่างถิ่น อย่าหลงกลเชียวนะคะ เห็นงามๆ อย่างนั้นน่ะ ไม่มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่คนไหนในอาณาจักรนี้อยากเฉียดใกล้หรอกค่ะ” นางบอกคาร์ลและไซรัสอย่างไม่สงวนถ้อยคำ ไม่สนใจสายตาห้ามปรามจากสามีแม้แต่น้อยแล้วค