“หนิงเซียน นั่นเจ้าทำอะไรอยู่หรือ” นางจิวสตรีรูปร่างท้วมวัยกลางคนยืนเกาะขอบรั้วชะเง้อคอมองอย่างสงสัย เพราะเห็นหญิงสาวที่ตนเอ็นดูเหมือนลูกหลาน กำลังง่วนทำบางอย่างที่นางก็ไม่รู้จัก
“ท่านป้าจิวเองหรือ ข้ากำลังจะเพาะเห็ดเอาไว้กินเจ้าค่ะ” คนที่กำลังนั่งเพาะเชื้อเห็ดตอบแทบจะทันที ท่านป้าจิวคนนี้มักจะแวะเวียนมาคุยเล่นกับนางเป็นประจำ เพียงแค่ได้ยินเสียงหนิงเซียนก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร
“ดี ทำไว้เยอะ ๆ เลยนะ ป้าจะเป็นลูกค้าประจำเจ้าเอง” นางจิวพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี ได้แต่นึกเอ็นดูในความขยันทำมาหากินของอีกฝ่าย บริเวณพื้นที่รอบเรือนท้ายหมู่บ้านแห่งนี้ เต็มไปด้วยพืชพรรณนานาชนิดจากการเพาะปลูกของเจ้าตัว ถึงแม้จะไม่ออกไปหางานทำ ก็สามารถอยู่ได้โดยที่ไม่อดตาย กระนั้นหนิงเซียนก็ยังคงสรรหาสิ่งของมาขายให้กับชาวบ้านแทบทุกวัน จะว่าไปแล้วก็น่าสงสารถูกสามีขับไล่ ต้องระหกระเหินหาเลี้ยงตัวเองอย่างยากลำบาก
“ได้เลยเจ้าค่ะท่านป้า ข้าจะแถมให้ท่านมากกว่าคนอื่นเลยเจ้าค่ะ” หญิงสาวยิ้มร่าแม้ว่านางยังไม่มีผลผลิตออกมาขาย ก็มีลูกค้าขาประจำมารอรับซื้อเสียแล้ว และยังเป็นคนที่คอยแนะนำให้ชาวบ้านคนอื่น ๆ มาซื้อผัก เห็ด และของป่าที่หามาได้อีกด้วย ทำให้ตัวนางเองก็พลอยได้ลูกค้าเพิ่มมากขึ้น โดยไม่ต้องออกไปเร่ขายของตามตลาดให้เหนื่อย
“เจ้าก็พักบ้างล่ะ ประเดี๋ยวไม่สบายเอา ป้าแค่แวะมาดูวันนี้ป้ามีธุระไปก่อนนะ” ป้าจิวทักทายพอหอมปากหอมคอก็ขอตัวลาทันที นางเป็นห่วงจึงมักจะคอยแวะเวียนมาดูเผื่อว่าหนิงเซียนจะเจ็บไข้ได้ป่วย จะได้ช่วยเหลือทัน
“เดินดี ๆ นะเจ้าคะท่านป้า” หญิงสาวโบกไม้โบกมือลาหญิงร่างท้วม ที่พอหันหลังได้ก็รีบเดินจ้ำอ้าวไม่เหลียวหลัง หนิงเซียนยืนมองท่านป้าจิวอยู่เช่นนั้น รอให้อีกฝ่ายเดินไปไกลจนไม่สามารถมองเห็น จึงหันกลับมาสนใจการเพาะเชื้อเห็ดที่ทำค้างเอาไว้
ย้อนไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน
ในตอนที่เบลรู้ตัวว่าตนเองได้เข้ามาสวมร่างของหนิงเซียนวันแรก เธอถึงขั้นสาปส่งตัวร้ายให้เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เรื่องที่ทำให้เจ็บใจที่สุดก็คือจะทะลุมิติเข้ามาทั้งที ให้เป็นตัวละครอื่นไม่ได้หรือ ที่มีชีวิตยาวนาน ไม่ใช่อยู่ได้แค่ไม่กี่บรรทัดของหน้ากระดาษ มันจะน้อยเกินไปหรือไม่
“ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ขอให้เมียแกไม่รัก ไม่สิ หากเป็นไปได้ขอให้หนิงเซียนมีชีวิตใหม่ แล้วให้แกตามง้อเธอ หลงเธอหัวปักหัวปำ เป็นเหมือนหมาที่ถูกเจ้านายจูงไปไหนก็ได้ สมควรแล้วที่ถูกพระเอกจับกรอกยาพิษตาย เฮอะ!!” ร่างบางทุบหมอนระบายความไม่พอใจ นึกโมโหชายที่ชั่วช้าเป็นตัวร้ายแบบเต็มขั้น แต่นักเขียนดันสร้างให้ดูดีรูปหล่อพ่อรวยมีชีวิตเลิศหรูอยู่สุขสบาย ในขณะที่ภรรยาต้องทนรองมือรองเท้า หมดประโยชน์แล้วก็เฉดหัวทิ้ง
นิยายเรื่องนี้เธออ่านมาแล้วไม่ต่ำกว่าสามรอบ เพราะชอบในเนื้อเรื่องและตัวละครเอกที่ประชันฝีมือกันอย่างดุเดือด เพื่อจะให้แม่นางเอกหันมาสนใจตัวเอง แต่ไม่ว่าจะอ่านไปกี่ครั้งเธอก็มักจะขัดใจตัวประกอบอย่างหนิงเซียน ไม่มีสิทธิ์เลือกทางเดินชีวิตของตนเอง ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
เบลเอาแต่สาปแช่งเหล่าตัวละครเอกที่เห็นแก่ตัว ทำราวกับว่าชีวิตหนิงเซียนเป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้น นางเอกเข้าหาเพียงเพราะต้องการข้อมูลสำคัญในการกำจัดตัวร้าย พระเอกลับหลังก็ทำเพียงแค่ยืนมองหนิงเซียนถูกผู้คนทำร้ายรังแกโดยที่ไม่ได้ช่วยอะไร
แต่ต่อหน้าเขากลับทำตัวเป็นคุณชายผู้คอยห่วงใย ไม่รู้ว่าบทพระเอกได้มาเพราะจับฉลากหรืออย่างไร ถึงได้ทำตัวดีเฉพาะกับนางเอกเท่านั้นกัน ส่วนตัวร้ายน่ะหรือไม่ต้องพูดถึง นั่นน่ะคือตัวการของเรื่องทั้งหมดเชียวล่ะ เธอจึงได้สาปแช่งวันละสามเวลาหลังอาหาร
กายหนาลุกขึ้นเต็มความสูง เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงก้าวอาด ๆ ออกจากห้องไป โดยมีมู่หลางองครักษ์คนสนิทคอยติดตาม เหลียงอ๋องสั่งระดมพลเรียกองครักษ์ฝีมือดีที่สุด จากนั้นได้ออกคำสั่งเพื่อให้พวกเขาออกตามหาสิ่งที่ตนเองต้องการเหล่าองครักษ์ผู้ภักดีต่างแยกย้ายกันไปตามหาที่ที่คิดว่าจะหาสิ่งนั้นเจอ ทว่าเวลาผ่านไปนับเดือนก็ไร้ซึ่งข่าวคราว จดหมายรายงานถูกส่งมาจากทั่วสารทิศ แต่ก็มีเพียงความล้มเหลวที่ได้รับ เหลียงเฟิงปาจดหมายรายงานแต่ละฉบับทิ้ง กายหนาอาละวาดไม่เว้นแต่ละวัน ตนอยากจะออกตามหาด้วยตนเอง แต่ก็มิอาจทิ้งภรรยาและลูกน้อยไปได้ใบหน้าหล่อเหลาบัดนี้เต็มไปด้วยหนวดเครารุงรัง หน้าดำคล้ำเครียดและยังซูบผอมลงไปถนัดตา ไร้สง่าราศีของผู้เป็นอ๋อง บุตรตัวน้อยหรือก็ร้องไห้จ้าไม่ยอมหยุด เมื่อใดแฝดน้อยทั้งสองถูกวางไว้ข้างกายมารดา พวกเขาก็จะหยุดร้อง นอนเล่นพูดคุยอ้อแอ้กันทั้งวันไม่มีงอแง แต่ก็ไม่สามารถให้เด็กเล็กอยู่กับคนป่วยได้ตลอดเวลา จึงจำใจแยกพวกเขาออกจากภรรยา และอนุญาตให้อยู่ด้วยกันได้เพียงวันละไม่เกินหนึ่งชั่วยามเท่านั้น (2 ชั่วโมง)หลังจากระบายอารมณ์ความอัดอั้นจึงใจเย็นลงไปได้บ้าง ชายหนุ่มได้เตรียมตัวทำหน้าที่ด
“ชายารองชีพจรอ่อนมาก พวกเจ้าไปตามหมอที” หมอตำแยช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ ทั้งที่ชายารองก็มิได้ตกเลือด หรือเสียเลือดมากจนทำให้สลบไปทั้งอย่างนั้นได้ จะพูดให้ถูกก็คงจะเป็นหาสาเหตุของการหมดสติไปในครั้งนี้ไม่ได้นั่นเอง ซึ่งหมอตำแยเช่นนางถึงจะเชี่ยวชาญด้านการทำคลอด แต่นี่ดูเหมือนจะเกินขอบเขตความสามารถไปเสียแล้วทุกคนภายในห้องทำคลอดต่างร้อนรนและร้อนใจ เพราะไม่เพียงชายารองที่เข้าขั้นวิกฤต พวกตนก็อาจจะต้องตายอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน ถ้าหากนางเป็นอะไรไปคนทั้งห้องนี้ก็คงจะรับโทสะของท่านอ๋องไม่ไหว มีเพียงอาผิงเท่านั้นที่ยังพอมีสติ หญิงสาวตรงดิ่งไปตามท่านหมอทันทีที่หมอตำแยพูดจบ ทว่าเมื่อเปิดประตูออกไปก็พบเข้ากับหมอหลวงต้วนเข้าพอดี“ผู้ใดไม่เกี่ยวข้องออกไปรอด้านนอก” ต้วนชิงเจาได้มารออยู่ก่อนแล้ว เขาได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทให้มาเป็นตัวแทนพระองค์พร้อมกับเฉียนกงกง ด้วยเล็งเห็นว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นได้ทุกเมื่อ อย่างน้อยมีเขาอยู่ด้วยก็สามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงทีเหล่านางกำนัลและหมอตำแยได้พากันออกไปรอด้านนอก เหลือไว้เพียงอาผิง เหลียงอ๋อง คอยเป็นลูกมือให้ท่านหมอเท่านั้น“หนิงหนิง อดทนเข้าไว้นะ
“เหลียงเฟิงเจ้าออกไปรอด้านนอกเถอะ ท่านหมอมาแล้ว” หลังจากเยว่ฮูหยินสั่งการบ่าวไพร่ให้เตรียมของใช้เอาไว้สำหรับทำคลอด ระหว่างนั้นหมอตำแยได้มาถึงพอดี นางจึงต้องเรียกหลานชายออกมาเพื่อไม่ให้เกะกะหมอตำแยทำคลอด“หลานไม่ไป หลานจะอยู่กับหนิงหนิง” ชายหนุ่มยืนกรานที่จะไม่ออกไปเด็ดขาด เขาอยากอยู่ในทุกช่วงเวลาร่วมกับนาง ถึงแม้ว่าจะรับเอาความเจ็บปวดมาไว้ที่ตนเองไม่ได้ก็ตาม“เจ็บจังเลยเพคะ ท่านอ๋องข้าเจ็บจนทนไม่ไหวแล้ว” คราวนี้แรงบีบมามากกว่าปกติ น้ำตาที่พยายามจะกลั้นเอาไว้ บัดนี้นางทนไม่ไหวแล้ว หากผู้ใดจะมองว่าอ่อนแอก็ช่างปะไร“หนิงหนิง” เหลียงเฟิงเองก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรได้ หากจะสกัดจุดก็เกรงว่าหนิงหนิงของเขาจะเป็นอันตรายปัง“ท่านหมอมาแล้วเพคะ” อาผิงวิ่งกระหืดกระหอบมาพร้อมกับหมอตำแยถึงสองคน นางและสหายนางกำนัลหิ้วปีกหมอตำแยเข้ามาอย่างรีบร้อน ช่วยไม่ได้ในเมื่อท่านหมอมัวแต่ชักช้า วิ่งไม่ทันใจเอาเสียเลย“ข้าขอผู้ช่วยสามคน ที่เหลือออกไปรอด้านนอกให้หมด” หมอตำแยเห็นท่าไม่ดี รีบสั่งการให้ทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปด้านนอกให้หมด การคลอดลูกฝาแฝดพบได้ไม่บ่อยนัก ต้องอาศัยประสบการณ์และความระมัดระวังในการทำคลอดม
เหลียงเฟิงได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา ตนเองไม่สบายถึงเพียงนี้ ยังต้องรักษาน้ำใจผู้อื่นไปเพื่ออะไรอีก ชายหนุ่มลุกขึ้นประคองร่างอุ้ยอ้ายของภรรยา เพื่อออกไปต้อนรับฮูหยินเยว่ตามความต้องการของเจ้าตัว“มา ๆ นั่งตรงนี้” เยว่ฮูหยินปราดเข้าไปประคองหนิงเซียนอีกคน ตั้งแต่ได้เจอกันจากการแนะนำของว่าที่บุตรเขย นางรู้ได้ในทันทีว่าหนิงเซียนสมควรแล้วที่หลานชายหลงรัก ก็ในเมื่อเจ้าตัวทั้งน่ารักจิตใจดี และมักจะคิดถึงผู้อื่นอยู่เสมอ ทำให้นางพลอยเอ็นดูเหมือนลูกหลานไปด้วยอีกคน“คารวะท่านป้าเจ้าค่ะ วันนี้มาแต่เช้าเชียว” หญิงสาวเย้าแหย่ไปตามประสาคนคุ้นเคย เยว่ฮูหยินมักจะมาแต่เช้าเช่นนี้เสมอ เมื่อผ้าปักลายใหม่ส่งมาจากหมู่บ้านหนานชุนมาถึง“แหม เจ้าละก็ ป้าก็อยากจะชื่นชมผ้าปักลายใหม่ ๆ เผื่อว่าถูกใจจะได้เลือกสักม้วนสองม้วน” เยว่เจินหัวเราะคิกคักอย่างถูกใจ ก็ในเมื่อตอนนี้ในหมู่ฮูหยินด้วยกัน นางได้กลายเป็นผู้นำความนิยมด้านการแต่งกายไปเสียแล้ว มีหรือจะพลาดของสวย ๆ งาม ๆ ไปได้“ของเพิ่งจะมาถึง มีหลายลายให้ท่านป้าเลือกเยอะเลยเจ้าค่ะ”“ดี ๆ ข้าชักจะทนรอไม่ไหวเสียแล้วสิ”หลังจากทุกคนนั่งลงประจำที่ หนิงเซียนได้สั่งให้บ่าวรั
อายุครรภ์เข้าสู่เดือนที่เก้า หน้าท้องเริ่มยื่นและใหญ่ขึ้นจนน่าตกใจในสายตาผู้พบเห็น ด้วยความเป็นห่วงภรรยามากเกินไปของเหลียงอ๋อง เขาจึงสั่งห้ามไม่ให้หนิงเซียนทำงานใด ๆ โดยเด็ดขาด ร้านค้าผ้าที่กิจการกำลังไปได้ด้วยดี ได้ยกให้เป็นหน้าที่ม่อตานและนางกำนัลผิงเป็นผู้ดูแลชั่วคราว ด้วยเหตุนี้ทำให้หนิงเซียนว่างจนรู้สึกเบื่อหน่ายเหลือเกินถึงจะรู้สึกขัดใจที่ถูกห้ามไปหมดเสียทุกอย่าง ทว่านางก็เข้าใจในความหวังดีของสามีในข้อนี้ดี จึงปล่อยเลยตามเลยได้แต่จำยอมอยู่แต่ในตำหนัก วันทั้งวันทำแค่กิน นอน เดินเล่นเพียงเท่านั้นส่วนเรื่องของเยว่สือกับท่านรองแม่ทัพตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทั้งสองครอบครัวต่างก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี จะเหลือก็แต่รอให้ถึงกำหนดฤกษ์ดี เขาทั้งสองก็จะเข้าพิธีได้ร่วมหมอนเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง นี่แหละหนาการเกิดมาเป็นพระเอกกับนางเอก ทุกอย่างล้วนแล้วแต่จัดการได้โดยง่าย ไร้ซึ่งปัญหาให้หนักใจ ไม่เหมือนตนที่เป็นเพียงตัวประกอบ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ไม่รู้ว่าต้องผ่านอะไรมาบ้าง“หนิงหนิงทำอะไรอยู่หรือ” กายหนากลับจากปฏิบัติภารกิจตามรับสั่งพระบิดาก็ตรงดิ่งกลับจวนทันที พักหลังมานี้เสด็จพ่ออ่อน
“คารวะฮูหยินเยว่ขอรับ” ชายหนุ่มโค้งคำนับอย่างนอบน้อม พร้อมกันนั้นยังคอยสังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายไปด้วย เพื่อประเมินสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น“ทำตัวตามสบายเถอะท่านรองแม่ทัพ มาหาข้าวันนี้มีธุระอะไรหรือ” เรื่องของบุตรสาวกับเหลียงเฟิงนางก็พอทำใจได้บ้างแล้ว ในตอนแรกตนตั้งแง่กับบุรุษผู้นี้มากเกินไป ก็ด้วยมีความหวังว่าบุตรสาวจะลงเอยกับหลานชาย ทว่าเมื่อคืนตนและบุตรสาวได้เปิดอกพูดคุยให้เข้าใจกันแล้ว เยว่สือเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวนางก็อยากจะให้ลงเอยกับบุรุษที่ดีพร้อม แม้พลาดจากเหลียงเฟิงไปแต่แม่ทัพหยางผู้นี้ก็ไม่เลว“เรียนฮูหยินที่ข้ามาในวันนี้ เพื่อจะขอคบหากับบุตรสาวท่านอย่างเปิดเผยขอรับ” ชายชาติทหารยืดอกพูดอย่างหนักแน่น ได้แต่หวังว่าฮูหยินจะเห็นใจพวกเขาทั้งสองบ้าง“ในเมื่อท่านรองแม่ทัพกล้าพูดออกมาตรง ๆ เช่นนี้ จะให้ข้าอนุญาตก็ต้องมาดูกัน ว่าท่านมีดีมากพอแค่ไหน ที่ข้าจะยอมยกบุตรสาวให้” ฮูหยินเยว่แสดงออกว่าหากอีกฝ่ายมีข้อเสนอไม่ดีพอ นางก็จะไม่ยกบุตรสาวให้เด็ดขาด“ข้าหยางจวินให้คำมั่นสัญญา ขอมีนางเพียงผู้เดียว จะรักและดูแลสือเอ๋อร์ไม่เสื่อมคลาย ให้เหมือนกับวันแรกที่ได้รักกัน และข้าขอเอาชีวิตเป็นเ