“แล้ว..เกิดอะไรขึ้น” แม่ทัพหลี่เบาเสียงลง กลัวจะทำให้ลูกสาวเสียงดังมากขึ้น
“...ข้าก็ไม่รู้ เขาคงไม่อยากให้ข้าไปยุ่งกับเขา” นางตอบเบาลง
“เหลวไหล ใครจะไม่อยากยุ่งกับลูกพ่อ” แม่ทัพหลี่รีบเอาใจ
“มาๆ กินเยอะๆ เดี๋ยวพ่อไปถามให้ ถ้าเขาไม่ยอมพูด พ่อจะบังคับให้เขาพูดให้ได้” เขาหยิบอาหารใส่ถ้วยให้นาง เอาอกเอาใจลูกสาวเต็มที่
“ไม่ต้อง ข้า..ข้าจะ ไปถามด้วยตัวเอง”
หลี่เฟิ่งเซียนพอจะนึกบางอย่างได้ นางพาลู่มู่เฉินมาที่นี่ อ้างว่ามารักษาตัว แต่ไม่เคยถามว่าเขาอยากอยู่หรือไม่ ท่านพ่อของนางเป็นถึงแม่ทัพ หากเขาไม่เอ่ยปาก ผู้ใดจะกล้าออกไปจากที่นี่ บางทีลู่มู่เฉินอาจไม่อยากอยู่ที่นี่ เขาอาจรู้สึกไม่ต่างจากถูกคุมขังในกรงสุนัข เขาอาจอยากกลับไปหาครอบครัว
สุดท้ายหลี่เฟิ่งเซียนตัดสินใจจะถามให้กระจ่าง นางตามหาเขาจนพบเขาอยู่ที่ห้องเก็บยา
“ลู่มู่เฉิน ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้า” หลี่เฟิ่งเซียนมาถึงก็ถามตรงๆ
“..อืม” เขาหันมามองนางครู่หนึ่ง และหันไปยุ่งกับการตวงยาต่อไป
“เจ้าอยากกลับบ้านของเจ้าหรือไม่”
“ใครบ้างจะไม่อยากกลับบ้าน”
เขาตอบตามจริง แต่นางรู้สึกบางอย่างในอกหนักอึ้ง
“เจ้ามีบ้านหรือไม่ มีพ่อแม่ ภรรยา...หรือคนที่รอให้กลับอยู่ใช่หรือไม่” นางถามต่อไป
“ข้ามี..ท่านแม่” เขาตอบสั้นๆ แต่ทำให้หลี่เฟิ่งเซียนยิ้มออกมาได้ ก่อนจะค่อยๆหุบยิ้มกลับไปดังเดิม
“เจ้า..อยากกลับไปหาท่านแม่ของเจ้าสินะ”
“...อืม” เขาเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบเช่นนั้น
“ข้าให้เจ้ากลับบ้านได้ เจ้าก็ใกล้หายดีแล้วนี่” หลี่เฟิ่งเซียนใช้ความกล้าหาญพูดไปเช่นนั้น แม้นางจะไม่อยากให้เขาไป แต่เขาต้องกลับบ้าน ป่านนี้ไม่รู้ว่าคนที่บ้านจะห่วงเขามากเพียงใดแล้ว
ลู่มู่เฉินหันมามองตานางเป็นครั้งแรก แต่นางก็มองตอบ ไม่หลบ
“เจ้า..อยากให้ข้าไปหรือ?” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ในแววตาแฝงความน้อยใจบางอย่าง
“ไม่ใช่เช่นนั้น เพียงแต่ข้าพึ่งนึกได้ว่าไม่เคยถามเจ้าเรื่องนี้ ข้าถามความต้องการของเจ้า ข้าอยากรู้ความต้องการของเจ้า” นางรีบร้อนแก้ตัว แม้นางจะไม่รู้ว่าทำไมต้องรู้สึกเช่นนั้น แต่นางไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด
“ข้า..กลับไม่ได้แล้ว” เขาหันไปจดจ่อกับที่ตวงยาและตอบเสียงเบา หลี่เฟิ่งเซียนต้องเดินไปใกล้ตัวเขาให้มากขึ้นเพื่อจะได้ฟังชัด
“เหตุใดพูดเช่นนั้น” นางถาม
“ท่านแม่ของข้า..ตายไปนานแล้ว ข้าจึง..ไม่มีบ้านให้กลับ” เขาทำราวกับยาพวกนั้นสำคัญมากจนละสายตาไม่ได้ แต่ความจริงเขาเพียงไม่กล้าสบตานาง
“ข้าขอโทษ ข้าไม่รู้” นางรู้สึกผิด
“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า”
“เจ้าอยู่ที่นี่ตลอดไปได้นะ ข้าเลี้ยงดูเจ้าได้”
เคร้งงงงง!!! เครื่องตวงยาในมือของลู่มู่เฉินตกพื้น ยากระจัดกระจาย แต่เขาขยับไปเก็บไม่ได้ มองไปทางคุณหนูใหญ่ยิ่งไม่ได้ ได้แต่ยืนนิ่งราวกับหยุดหายใจอยู่ตรงนั้น
หลี่เฟิ่งเซียนเอง บางอย่างกระจ่างขึ้นในใจ นางอยากให้เขาอยู่กับนาง!! ความเข้าใจกะทันหันนี้ ทำนางตกใจไม่น้อย
ทั้งสองคนยืนอยู่เช่นนั้นสักพัก เป็นลู่มู่เฉินที่รู้สึกตัวก่อน เขาขยับไปนั่งลงเก็บสมุนไพรพวกนั้นที่ตกพื้นเต็มไปหมด ทำราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูก มองไปรอบๆห้อง เห็นกล่องใส่เข็มที่ยู่ยี่ทำให้เขาวางอยู่บนชั้น
นางมองกล่องแล้วรู้สึกไม่ยินยอม ในเมื่อนางรู้แล้วว่าตัวเองต้องการสิ่งใด ถึงจะเป็นยู่ยี่ที่นางชอบมาก นางก็จะลองแย่งชิงสักครั้ง!!
หลี่เฟิ่งเซียนเดินไปนั่งยองๆอยู่ใกล้ลู่มู่เฉิน มองเขาเก็บยาอย่างตั้งใจ เขาคล้ายจะให้ความสำคัญยาพวกนั้นมากจนนางนั่งอยู่ใกล้เท่านี้ เขายังไม่สนใจหันมามองดู มือของเขาพัลวันเก็บยาชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“เจ้าชอบยู่ยี่หรือไม่?” หลี่เฟิ่งเซียนถาม
มือของลู่มู่เฉินหยุดชะงัก ก่อนเขาจะรีบกลบเกลื่อนเหมือนไม่มีอะไร แต่อาการมือสั่นที่นางไม่สังเกตก็ทุเลาลง ที่แท้นางหมายถึงหยวนหยวน นางหมายถึงนางเลี้ยงดูเขาได้ด้วยการให้เขาแต่งกับหยวนหยวน
“หยวนหยวน..นางก็ดี” เขาตอบเสียงเรียบ
“นางย่อมดีมาก แต่ข้าอยากรู้ว่าเจ้าชอบนางหรือไม่”
“ข้าชอบนาง” เขาลุกขึ้นยืน หลี่เฟิ่งเซียนก็ลุกตาม แต่ยืดเต็มความสูงแล้วก็ยังต้องเงยหน้ามองเขา
“เจ้า..เจ้าชอบนางหรือ ..ข้า..เจ้า” หลี่เฟิ่งเซียนสับสนไม่รู้จะพูดอย่างไร
“แต่ข้าไม่ได้อยากแต่งกับนาง” เขาหันเอายาไปเก็บทางอื่น
“ห๊ะ! เจ้าชอบนาง แต่ไม่แต่งกับนาง แล้วเจ้าเอากล่องเข็มของนางมาทำไมกัน” นางวิ่งตามเพื่อมองหน้าเขา
หลี่เฟิ่งเซียนรู้ตัวว่าชอบลู่มู่เฉินเข้าแล้ว แต่ก็รู้สึกว่ายู่ยี่ของนางไม่ได้รับความเป็นธรรมเอาเสียเลย มู่เฉินคนชั่วผู้นี้ถึงกับหลอกให้ยู่ยี่ทำกล่องเข็มราคาแพงให้แต่ไม่ยอมแต่งกับยู่ยี่หรือ? เช่นนี้จะต่างอะไรกับอ๋องเยียนที่ไม่เคยรักหญิงใดจริง ได้แต่เล่นสนุกกับหัวใจของพวกนาง
“กล่องเข็ม ที่เจ้าทิ้งเอาไว้คืนก่อนน่ะหรือ?” เขาหันมามองนางเต็มตา
“ก็ใช่ แต่ไม่ใช่ของข้า เป็นของยู่ยี่”
ลู่มู่เฉินขมวดคิ้ว เข้าใกล้นางหนึ่งก้าวเพื่อจะมองนางให้ชัดขึ้น หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกใจเต้นตึกตักจึงก้มหน้าลงไม่กล้าสบตา
“นี่เจ้า ไม่คิดจะรักษาสัญญาหรือ?” เขาถาม คืนก่อนเขายังเสียใจอยู่เลยที่ทำกิริยาเช่นนั้นกับนาง ทั้งที่นางตั้งใจเอากล่องเข็มไปให้เขาโดยเฉพาะ หากนางจะโกรธไม่คุยกับเขาก็เป็นเรื่องที่สมควร ที่แท้แล้วเขาก็เข้าใจผิด
“อะไรนะ” หลี่เฟิ่งเซียนไม่เข้าใจ
ลู่มู่เฉินเดินไปหยิบกล่องเข็มมาวางไว้ในมือของนาง
“หากเป็นเงินของหยวนหยวนก็เอาไปคืนเถิด ข้าไม่ต้องการ” เขาพูด
“ห๊ะ!” หลี่เฟิ่งเซียนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ลู่มู่เฉินเดินออกไปจากห้องเก็บยาแล้ว
ตอนเย็นหลังอาบน้ำเสร็จ ยู่ยี่ก็มานั่งเช็ดผมให้คุณหนูใหญ่หลี่เฟิ่งเซียน เช็ดไปหน้างอไปเพราะหลายวันนี้คุณหนูใหญ่อารมณ์ไม่ค่อยดี
“ยู่ยี่ เจ้าชอบลู่มู่เฉินหรือไม่”
“ห๋า ท่านพูดอะไร ข้าไม่ชอบเขา เป็นท่านที่ชอบเขาไม่ใช่หรือ” ยู่ยี่จำยอมรับชื่อนี้อย่างไม่เต็มใจ
“ห๊ะ!!!! ข้า!!.. เจ้าพูดสิ่งใดกัน” หลี่เฟิ่งเซียนหันไปมองยู่ยี่เก็บสีหน้าไม่อยู่
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” นางถามยู่ยี่
“ท่านอ๋องบอก เขาว่าท่านมักจะไปเกี้ยวเขาโดยการพูดแต่เรื่องของมู่เฉินคนเลว มู่เฉินคนชั่ว เป็นห่วงทุกเช้าว่าเขาจะไม่ยอมกินข้าว”
ฮูหยินรองรับรู้ว่าเขากำลังเล่นสนุกกับร่องชมพูของนาง แต่นางขยับตัวไม่ไหว ได้แต่อ้าปากร้อง อ้ะอ้ะ ตามปลายนิ้วมือของเขา เมื่อนางตัวสั่นใกล้จะแตกดับอีกครั้งเขาก็สอดใส่มังกรตัวเขื่อนเข้ามา กระแทกกระทั้นไม่กี่ทีนางก็สูดปากด้วยความเสียวสั่นสะท้านเขารู้ว่านางไปถึงฝั่งแล้ว จึงกระแทกรัวๆไม่ยั้งเพื่อพาตัวเองไปยังจุดที่นางพานพบบ้าง เขาจับสะโพกของนางไว้แน่น ปรนเปรอภรรยาเด็กด้วยแรงทั้งหมดของแม่ทัพใหญ่ เสียวซ่านจนไม่มีเวลาคิดว่านางจะรับความรุนแรงนี้ไหวหรือไม่เมื่อพายุความหฤหรรษ์หยุดลง สองสามีภรรยาต่างเหน็ดเหนื่อยแทบสิ้นใจ เขาก้มลงจูบปลอบประโลมภรรยาอย่างอ่อนโยน แต่ก็ขบคอระหงของนางจนเป็นรอยด้วย นางร้องเบาๆแต่เขาไม่ใส่ใจ อาจเพราะเขาไม่ได้เข้าหอมานานจึงมีความต้องการสูงมาก เขาพลิกตัวฮูหยินรองและขึ้นไปขย่มนางบนเตียงต่อไป“ข้าไม่อยากรักท่าน” เสียงอ่อนแรงของเซี่ยอิงเอ่ยขึ้นระหว่างที่เขากำลังกอดกกนางอย่างหลงใหล“เพราะเหตุใด” เขาถามเสียงกระเส่า ไม่ได้ใส่ใจมาก“เพราะข้าไม่อาจแย่งชิงท่านกับท่านหญิงเจียงที่แม่น้ำไน่เหอ นางจะโดดเดี่ยว นางรอท่านมานานมาก” หญิงสาวพูดถึงชีวิตหลังความตายที่คู่รักจะรอกันและกันเพื่อข
ปัง! แม่ทัพหลี่ตบลงไปบนโต๊ะอย่างแรง ฮูหยินรองสะดุ้งหลับตาแน่น แต่ไม่ขยับหนีไปไหน และทำแค่ก้มหน้ามากกว่าเดิม เขาหงุดหงิดอยู่สักครู่ คิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น “ต่อไปข้าจะเรียกเจ้าว่าอิงเอ๋อร์ เจ้าก็ควรเรียกข้าว่าท่านพี่ได้แล้ว อย่างไรข้าก็แต่งตั้งเจ้าเป็นฮูหยินของข้าแล้ว ไม่ใช่อนุ” เขาเสียงเบาลง“เจ้าค่ะ ..ท่านพี่” นางยังถือเสื้อในมือก้มหน้าอยู่ข้างเขาเช่นเดิม แต่หายดื้อแล้ว หลี่เหยาพอใจ จึงลุกขึ้นยืน กางแขนออกให้นางใส่เสื้อให้แต่เพราะนางตัวเล็กถึงจะพยายามเอื้อมมือเพื่อใส่เสื้อให้เขา ท่วงท่าในตอนนี้จึงคล้ายนางกอดเอวเขาอยู่ และเขารู้สึกว่ายังคงอยากกระแทกใส่นางอยู่ จึงโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขน“ข้าจะเข้าหอกับเจ้า ให้บุตรแก่เจ้าสักคน เอาไว้วันหน้าหากข้าตาย เจ้าจะได้ไม่โดดเดี่ยว แม้เฟิ่งเซียนของข้าจะไม่ใจดำกระทั่งปล่อยให้เจ้าโดดเดี่ยว แต่อย่างไร หากเจ้ามีบุตรของเจ้าเองย่อมดีกว่า” เขาตัดสินใจ“ไม่เจ้าค่ะ!” นางปฏิเสธทันที เงยหน้ามองเขา ส่งสายตาแน่วแน่ว่านางไม่ต้องการจริงๆ “เพราะอะไร!” หลี่เหยาโกรธจนเส้นเลือดข้างหัวเต้นตุบๆ นี่เขาถึงขั้นเอ่ยปากจะเข้าหอ แต่นางกลับปฏิเสธแทบจะทันทีไม่ต้องคิดด้วยซ้
พอนางไม่หนีและหอบหายใจถี่ให้เขาพึงพอใจ เขาก็เริ่มเบามือและปรนเปรอความเสียวซ่านให้นางด้วยสองมือ หญิงสาวบิดตัวไปมาตามแรงบดขยี้ของฝ่ามือแกร่ง เขาขยับฝ่ามือให้เร็วขึ้นนางก็สั่นตามแรงขยับนั้น จนนางเริ่มทนความสุขสมที่เขาปรนเปรอไม่ไหว จึงเริ่มดิ้นไปมา อ้าปากส่ายหัวอย่างน่ารักน่าเวทนา แต่เขาก็ทำเพียงกอดนางแน่นขึ้น และเร่งให้นางไปสู่ยอดเขาแห่งความสุขสมเร็วขึ้นด้วยการขยี้สะบัดปลายนิ้วไปมาแรงขึ้น“อา อา ซี๊ดดดด...ฮะ...ฮา..” นางกระตุกและสุดปากอย่างควบคุมไม่ได้ หมดแรงอยู่ตรงหน้าอกของเขาหลี่เหยารู้สึกร้อนลวกตรงแท่งหยกที่ใกล้ปริแตกของตัวเอง เพราะมันแนบอยู่กับผิวลื่นๆของนาง แต่เขาไม่ใส่ใจ ทำเพียงจ้องมองร่างที่สั่นเทาอยู่บนอกด้วยความพึงพอใจ เขาเห็นแล้วว่านางสุขสมจนแทบไม่มีแรงขยับ ใบหน้าแดงก่ำ หายใจหอบเหนื่อย แต่เขาอยากกลั่นแกล้งนางให้มากขึ้นจึงเอ่ยออกไป“ลุกขึ้น อย่ามานอนอยู่บนตัวข้า”ร่างของฮูหยินรองลืมตามองเขาอย่างไม่เข้าใจว่าเขายังต้องการอะไรอีก เป็นเขาที่ดึงนางให้แนบกับอกแม้นางจะพยายามหนี ยามนี้กลับทำเป็นรังเกียจที่นางนอนบนอกนี่หรือแม้นางไม่พอใจ แต่ฮูหยินรองกลับกัดฟันจับขอบถังและพยุงขาสั่นๆให้ลุ
ระหว่างเดินทาง ท่านแม่ทัพไม่ได้จับแท่งเนื้อยัดใส่ปากนางอีก แต่ก็กอดนางนอนทุกคืน ก่อนจะนอนมักจะถอดเสื้อผ้าของนาง เล่นกับหน้าอกนุ่มนิ่มและยอดชมพูของนาง ทำจนนางตัวสั่นไปหมดเขาถึงจะพอใจ แรกๆฮูหยินรองรู้สึกอายมาก เพราะเขาจะทำเช่นนั้นและมองนางทุรนทุรายทรมานอย่างพึงพอใจ แต่หลังๆนางชักจะโมโหที่ถูกกลั่นแกล้งเสมอ จึงเริ่มไม่ยอมให้เขาจับหน้าอกเล่นแล้ว นางค้นพบว่าหากแกล้งบีบน้ำตาเขาจะเบามือขึ้น หรือไม่ก็ไม่รังแกนางอีกแต่ถึงอย่างไร แม่ทัพหลี่ก็ยังคงเป็นแม่ทัพหลี่ เขาไม่ปรานีฮูหยินรอง ไม่จับหน้าอก ไม่เขี่ยยอดถันของนางเล่น แต่กลับจับก้นสะโพกและเขี่ยกลีบดอกไม้ตรงหว่างขาของนางเล่นแทน ทำจนนางร้องไห้เอ่ยปากบอกว่าทนไม่ไหวแล้วเขาถึงจะหยุดมือ เขาบอกว่าเป็นการทำโทษที่นางไม่รู้จักปรนนิบัติสามีมาหลายปีฮูหยินรองแม้จะร้องในใจว่าเป็นเขาที่ไม่ยอมมองนาง ทำตัวเป็นน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง แต่ใครจะกล้าพูดออกไปกัน แค่เขามองด้วยสายตาไม่พอใจ นางก็ต้องยินยอมให้เขาทุกอย่างแล้วกระทั่งไปถึงชายแดน มีพื้นที่สะดวกมากขึ้น นางนอนอีกห้อง แม่ทัพหลี่นอนอีกห้อง ฮูหยินรองถึงได้หายใจหายคอนอนหลับได้บ้าง แต่เพียงผ่านไปไม่กี่คืน หลังจากท
เวลาท่านแม่ทัพโมโห บางครั้งน่ากลัวราวกับเทพอสนีบาตก็ไม่ปาน บางคราวเย็นยะเยือกจนไม่มีผู้ใดกล้าขยับ มีแต่ฮูหยินรองที่ต้องรองรับอารมณ์ร้ายของท่านแม่ทัพฮูหยินรองไม่อยากอยู่ใกล้ท่านแม่ทัพนัก แต่จนใจเพราะท่านแม่ก็ป่วยและชรา ส่วนคุณหนูใหญ่ ถูกท่านเขยขังตัวอยู่ในห้องหอตลอดเช้าค่ำ อย่างไรก็ต้องเป็นนางที่ได้ดูแลเขาเสมอ ก่อนหน้านั้นที่นางได้รับอนุญาตให้ดูแลท่านแม่ทัพ นางดีใจอย่างโง่งมที่ได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่แล้ว แต่ยามนี้นางเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอันใด ท่านแม่ทัพน่ากลัวยิ่งฮูหยินรองเฝ้ารอให้ถึงเวลาที่ท่านแม่ทัพจะกลับไปยังชายแดน เฝ้ารอให้ช่วงเวลาอันแสนสงบของนางกลับมาอีกครั้ง แต่เมื่อใกล้ถึงเวลานั้นจริง ท่านแม่กลับจะให้นางไปอยู่ชายแดนกับท่านแม่ทัพ และดูคล้ายว่าท่านแม่ทัพจะยินยอมด้วย ส่วนคุณหนูใหญ่ที่เคยขัดขวางนางกับท่านแม่ทัพเสมอถึงขั้นเห็นดีเห็นงาม ขอร้องให้ท่านแม่ทัพมาพูดดีกับนางด้วยฮูหยินรองยังจำได้ดี เรื่องของคืนนั้น เมื่อคุณหนูใหญ่อุตส่าห์ขอร้องท่านแม่ทัพให้พูด ‘คำพูดดีๆ’ กับนาง เมื่อนางเข้ามาในห้อง เขาไม่พูดสักคำ เอาแต่จ้องนางสายตาว่างเปล่า คราแรกฮูหยินรองยังนึกว่าเขา
หลังจากแม่ทัพหลี่และหลี่เฟิ่งเซียนออกมาจากวังหลวง เดินเข้าประตูจวนเข้ามาแล้ว แม่ทัพหลี่ถึงจะยอมแสดงความอ่อนแอออกมา เขามีทั้งแผลโดนแทงและแผลถูกเกาทัณฑ์ยิง สาหัสชนิดที่ถ้าเป็นผู้อื่นคงยืนอยู่ไม่ไหว แต่เขายังเสแสร้งว่าแข็งแกร่งยืนค้ำฟ้าในท้องพระโรงได้อยู่นานสองนานหลังจากมู่เฉินรักษาบาดแผลให้ท่านแม่ทัพแล้วก็กำชับฮูหยินรองว่าท่านแม่ทัพอาการสาหัสยิ่ง บาดแผลไม่ลึกถึงขั้นเอาชีวิตได้ แต่ท่านแม่ทัพคงหนีตายพร้อมแผลพวกนั้นมาหลายวัน ไม่มีเวลาดูแลรักษาให้ดี ตอนนี้แผลได้ติดเชื้อลุกลามไปมากแล้ว จำเป็นต้องมีคนดูแลใกล้ชิดคอยทำความสะอาดแผลให้ทุกครึ่งชั่วยามท่านแม่ทัพนอนหลับไปเพราะพิษบาดแผลและฤทธิ์ยาที่มู่เฉินจัดให้ ก่อนหลับไปท่านแม่ทัพรู้สึกชื่นชมเขยคนนี้มาก และชื่นชมตัวเองที่ตัดสินใจไม่ผิด จากนี้ถึงเขาจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ต้องห่วงลูกสาวแล้วกลางดึก แม่ทัพหลี่ได้ยินเสียงคนกระซิบกระซาบบางอย่าง ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความวิงเวียนและรู้สึกอยากอาเจียน“เจ้าเบาเสียงลงอีก นายท่านเป็นทหารที่หูดีมาก เขาต้องคอยระวังตัวตลอดเวลาจึงทำให้หลับไม่สนิท ถึงเขาจะป่วยอยู่ แต่เจ้าอาจทำให้เขาตื่นได้” “ได้เจ้าค่ะ ..ท่