มีมี่นางแบบสาวหุ่นเซ็กซี่ ตัวแม่ของวงการ วูบหมดสติจนตุยไป วิญญาณดันไปอยู่ในร่างของคุณหนู จางหนิงฮวา คุณหนูจวนเสนาบดี ผู้มีน้ำหนักเก้าสิบกิโล มีคู่หมั้นตั้งแต่ยังเด็ก เป็นแม่ทัพฝีมือฉกาจ นามตงหยาง เมื่อผ่านงานปักปิ่นไปแล้ว คุณหนูจางหนิงฮวารบเร้าท่านพ่ออยากให้ไปเร่งรัดการแต่งงาน แม่ทัพตงหยางมีหรือจะอยากได้ภรรยาหุ่นหมูตอน จึงหาทางชิ่งงานแต่ง แถมยังพึงใจ ลู่เยว่ชิงสาวงามประจำเมืองเข้าเสียอีก แต่เมื่อตอนนี้วิญญาณในร่างกลายเป็นมีมี่ นางแบบสาวสุดเซ็กซี่ขยี้ใจชาย เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป..
더 보기มีมี่นางแบบสาวสุดเซ็กซี่ หน้าสวยหุ่นดี งานวิ่งเข้ามาชนไม่ขาดสาย ผู้หรือก็มากมี เพียงแต่จะกินหรือไม่เท่านั้น เฮ้อ ชีวิตช่างสุขสันต์ วันนี้มีงานถ่ายแบบด่วน ค่าจ้างงาม เพียงแต่ช่วงนี้งานเยอะไม่มีเวลาพักผ่อน แต่ทนอีกงานเดียวพรุ่งนี้ก็ได้พักแล้ว จึงรีบวิ่งเข้าไปยังห้องแต่งตัว รีบแต่งหน้าทำผมอย่างเร่งด่วน
เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็รีบเดินออกไปที่หน้างานเพราะมาถึงสายมากแล้ว เดินไปกำลังจะถึงสตูดิโอเพื่อจะถ่ายงาน อยู่ๆ ก็วูบหมดสติไป
เมื่อลืมตาตื่นมาอีกทีก็เห็นเป็นบรรยากาศแปลกตา เฟอร์นิเจอร์เครื่องประดับในห้องดูคล้ายฉากที่ใช้ในการแสดงละครพีเรียด เหมือนจะเคยเห็นในซีรีย์จีน เอ..หรือทีมงานจะพามานอนพัก แต่สตูฯนี้มีถ่ายละครย้อนยุคด้วยเหรอ
ร่างเล็กร่างหนึ่ง เปิดประตูเดินเข้ามาพร้อมกะละมังเคลือบใบหนึ่ง แต่การแต่งตัวดูของหล่อนดูแปลกๆ เหมือนมาเข้าฉากละคร
“ เธอเป็นใคร ถ่ายละครสตูฯนี้เหรอ " มีมี่ถามขึ้น เมื่อร่างนั้นเดินมาเกือบจะถึงตัวเธอแล้ว สตรีร่างเล็กทำหน้างง ๆ
” คุณหนูเป็นอะไรเจ้าค่ะ พูดจาแปลก ๆ เมื่อเช้าคุณหนูลื่นล้มหัวฟาดพื้นเจ้าค่ะ นายท่านให้ท่านหมอมาดูอาการแล้ว บอกว่าถ้าคุณหนูฟื้นขึ้นมาให้รีบตามท่านหมออีกครั้งเจ้าค่ะ "
มีมี่อึ้งงงงัน ยกมือขึ้นกุมหัว แต่เอ๊ะ !! มือของฉัน เสื้อผ้านี่ก็ด้วยทำไมดูใหญ่จัง
" เธอมีกระจกไหม อะไรก็ได้ที่ใช้ส่องหน้าน่ะ " มีมี่บอกสตรีนั้นนางอย่างร้อนใจ สตรีร่างเล็กรีบไปหยิบคันฉ่องมาหนึ่งบานมาส่งให้
มีมี่หยิบมาส่องดูตัวเอง พลันเห็นใบหน้าอ้วนฉุ ที่ไม่คุ้นเคยมาก่อนมองตอบมาจากในกระจกหรือว่าคันฉ่องสมัยโบราณที่ด้ามจับเป็นไม้นั่น มีมี่กรีดร้องเสียงดัง
ฉับพลันบานประตูก็เปิดออก มีผู้ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาแต่งตัวคล้ายเสนาอำมาตย์จีนที่เคยเห็นในซีรีย์ เดินเข้ามาด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
"ฮวาเอ๋อเป็นอย่างไรบ้างลูกเจ็บตรงไหนบ้าง บอกพ่อสิลูก ร้องเสียงดังลั่นไปจนถึงข้างนอก“ มีมี่ชะงักมองชายคนนี้ที่ดูเป็นห่วงเป็นใยเธอมากมาย ”ฮวาเอ๋อมองพ่อกัน ทำไมเป็นอะไรบอกพ่อสิลูก“ มีมี่ส่ายหน้าเบาๆ แม้จะงงงันและจับต้นชนปลายยังไม่ถูกนัก แต่เธอก็คิดอย่างฉับไวว่า ตามน้ำไปก่อนแล้วกันเพราะยังคิดอะไรไม่ออก ”ไม่เป็นอะไร“ เธอตอบเขาไปด้วยเสียงที่ปรับลงให้เป็นปกติแล้ว
”เดี๋ยวท่านหมอก็มาแล้ว “ ชายผู้นั้นบอกกับเธอ เพียงไม่นานก็มีชายสะพายล่ามยาเดินเข้ามาในห้อง ทุกคนล้วนแต่งกายโบราณ และกิริยาท่าทางเหมือนดังเช่นนักแสดงมืออาชีพที่ไม่หลุดคาแร็คเตอร์กันเลยสักคน มีมี่เฝ้ามองด้วยใจที่เต้นระทึก นี่เธอมาเจอเข้ากับอะไรกันแน่
”คุณหนูจางรู้สึกอย่างไรบ้างขอรับ “ นั่นน่าจะหมายถึงเธอ จึงได้ตอบเขาไปว่า ” ไม่เป็นอะไร สบายดีแล้ว “ ท่านหมอคนนั้น ยกข้อมือเธอขึ้นมาจับดู
สักพักก็บอกว่าชีพจรปกติแล้ว น่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว จากนั้นเขียนใยสั่งยาส่งให้เหม่ยเอ๋อรับไว้ แล้วก็ลากลับไป ” ฮวาเอ๋อ เจ้าเพิ่งรู้สึกตัว งั้นนอนพักก่อนนะ เดี๋ยวพ่อจะให้คนต้มยามาให้ “ ชายในชุดขุนนางโบราณพูดกับมีมี่ด้วยใบหน้าที่คลายความเคร่งเครียดลงอย่างเห็นได้ชัด
จากนั้นชายในชุดขุนนางที่เรียกแทนตัวเองว่าพ่อกับเธอ ก็เดินออกไป มีมี่ครุ่นคิดทบทวนว่าเธอน่าจะข้ามภพมาในยุคจีนโบราณแล้วล่ะ เพราะดูแล้วทุกอย่างสมจริงเกินไป หากจะเป็นรายการล้อกันเล่นก็ช่างมันเถอะ ถือว่าเธอตามน้ำไปก็แล้วกัน
” คุณหนูเจ้าค่ะ เหม่ยเอ๋อจะออกไป นำน้ำมาเช็ดตัวให้คุณหนูนะเจ้าคะ “ พูดแล้วสาวใช้ร่างเล็กก็จะเดินออกไปจากห้อง
”เดี๋ยวก่อนเจ้าบอกว่าข้าล้มหัวฟาดพื้น ข้าจำไม่ค่อยได้ เจ้าชื่อเหม่ยเอ๋อเป็นคนรับใช้ของข้า และเมื่อสักครู่นั่นท่านพ่อใช่ไหม” เหม่ยเอ๋อมองคุณหนูพลางคิดว่าคุณหนูน่าจะได้รับความกระทบกระเทือนที่ศีรษะเลยจำอะไรไม่ค่อยได้
“เจ้าค่ะ ข้าชื่อเหม่ยเอ๋อเป็นสาวใช้ของคุณหนู เมื่อครู่เป็นท่านเสนาบดีจาง ท่านพ่อของคุณหนูเจ้าค่ะ”
หลังกลับถึงเมืองหลวงแล้วหลี่เฉินอี๋ ให้คนส่งแม่สื่อไปทาบทามลู่เยว่ชิงที่จวนลู่ หลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือนก็จัดพิธีตบแต่งลู่เยว่ชิงเข้ามาในจวนหลี่ ทั้งสองคนครองรักกันอย่างมีความสุขเพราะหลี่เฉินอี๋เป็นผู้ชายที่ดีรักเดียวใจเดียวไม่ได้แต่งอนุหรือมีหญิงอุ่นเตียงเข้ามาอีกหลังจากนั้นเย่ชิงก็ให้กำเนิดบุตรสาวอ้วนท้วน น่ารัก เป็นหลานคนแรกให้ตระกูลหลี่ และหลังจากนั้นอีกหนึ่งปีได้คลอดบุตรชายให้แก่หลี่เฉินอี๋อีกคนหนึ่งเป็นที่หลงใหลของท่านราชครูและฮูหยินเป็นอย่างมาก ทำให้ในจวนหลี่มีแต่เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ เสียงหัวเราะ วิ่งเล่นของเด็กๆ ไม่เงียบเหงาอีกต่อไปส่วนหนิงฮวาตอนนี้อุ้มท้องได้เก้าเดือนแล้วใกล้ถึงกำหนดคลอดในอีกไม่กี่วัน ท่านแม่ทัพกระวนกระวายเป็นห่วงลูกและเมียมาก เพราะจะต้องออกไปรบที่ชายแดนพร้อมท่านพ่อคือแม่ทัพตงฉือ ในอีกไม่กี่วันนี้ แต่หนิงฮวาบอกว่าไม่เป็นไร นางสามารถดูแลลูกและจวนได้เป็นอย่างดีไม่ต้องห่วง ขอให้ทั้งสองไปโดยไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้และขอให้ได้ชัยชนะกลับมา ระหว่างนี้ท่านเสนาบดีจาง เที่ยวไปมาระหว่างจวนทั้งสองเพราะเป็นห่วงลูกและหลาน ท่านแม่ทัพทั้งสองไปรบชายแดนเป็นเวลาหนึ่งปี
ฝ่ายลู่เย่ชินไปหาท่านแม่ทัพที่จวนแต่บ่าวในจวนแจ้งว่าท่านแม่ทัพไปราชการที่ชายแดนไม่มีกำหนดกลับ เพราะน่าจะมีการรบติดพันเยว่ชิงตกใจมากแล้วก็โมโหมากที่ท่านแม่ทัพไม่บอกนางสักคำว่าจะไปราชการไม่มีกำหนดกลับ จึงคิดว่าไม่เห็นเป็นไรเมื่อไม่มีกำหนดกลับ นางก็จะตามไปที่จวนแม่ทัพในเมืองลู่อัน เมื่อคิดได้ดังนั้นนางก็ขึ้นรถม้าเพื่อจะกลับไปเตรียมตัวเดินทางไปเมืองลู่อัน เพื่อตามหาท่านแม่ทัพขณะที่นางเตรียมตัวจะไปเดินทางนั้น หลี่เฉินอี๋ก็ลงจากรถม้าเดินมาถามนางว่าแม่ทัพตงหยางหายไปไหน จางหนิงฮวาก็พลอยหายไปด้วย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สอบถามใครก็ไม่มีใครรู้เรื่อง จึงได้ตรงมาถามนาง เผื่อจะรู้ว่าท่านแม่ทัพไปไหนแล้วเกี่ยวกับที่หนิงฮวาหายไปหรือไม่ เพราะเขาไปสอบถามจวนเสนาบดีจางแล้วบ่าวไพร่ที่นั่นไม่รู้เรื่องอะไรเลย ท่านเสนาบดีไปราชการนอกเมือง ไม่ได้การอะไรไว้ และคุณหนูหายไปแต่ก่อนท่านเสนาบดีจะเดินทางออกนอกเมืองแล้ว หลี่เฉินอี๋ไม่รู้จะไปตามหานางที่ไหน ลู่เย่ชิงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวพันกันอาจเป็นไปได้ว่าท่านแม่ทัพพาตัวเจ้าหนิงฮวาไปด้วย เมื่อคิดได้เช่นนี้นางรู้สึกร้อนรุ่มในใจกลัวว่าทั้
ท่านแม่ทัพตงฉือเดินทางมาถึงจวนแม่ทัพเมืองลู่อัน ได้หนึ่งวันท่านเสนาบดีจางก็เดินทางมาถึง บ่าวไพร่เตรียมงานกันขวักไขว่ เนื่องจากอีกสองวันจะถึงวันงานแล้วแล้ว ในจวนประดับทั้งโคมแดงและผ้าแดงเต็มไปหมด ประดับประดาจัดแต่งอย่างสวยงามบ่าวไพร่ขนข้าวของที่ซื้อหามาเพิ่มเพื่อใช้ในงานอย่างเอิกเกริกในครัวตระเตรียมทำอาหารมากมาย ทั้งเตรียมสุราไว้เป็นจำนวนมาก ต้องว่าจ้างคนเพิ่มเพื่อมาทำงานในครั้งนี้เพราะบ่าวไพร่ในจวนไม่เพียงพอ เพราะว่าขุนนางและคณบดีในเมืองนี้หรืออาจจะมีบางท่านที่เดินทางมาจากเมืองหลวงเข้าร่วมงานกันเป็นจำนวนมากหนิงฮวาและเหม่ยเอ๋อช่วยกันจัดเตรียมชุดเจ้าสาว และห้องหอกันวุ่นวาย มีแม่สื่อมาแนะนำขั้นตอนต่างๆในพิธี เมื่อถึงวันแต่งงานเจ้าสาวเริ่มแต่งตัวเสร็จตั้งแต่ยามโหยว่ รอถึงฤกษ์ยามเข้าพิธีเมื่อถึงฤกษ์ยามแล้วแม่สื่อก็มาพาเจ้าสาวและเจ้าบ่าวเข้าพิธีคำนับบูชาทั้ง 4 จนเสร็จสิ้นพิธีการ ก็ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอ เมื่อส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอแล้ว ท่านแม่ทัพพาหนิงฮวาไปนั่งที่เตียง นำคันชั่งมายกผ้าปิดหน้าเจ้าสาวออก จากนั้นค่อยๆแกะมงกุฏหงส์และเครื่องประดับทั้งหลายของเจ้าสาวออกทั้งหมด ประคองเจ้าสาว
รุ่งขึ้นมีบ่าวจากจวนเสนาบดีนำของหมั้นไปคืนให้ที่จวนแม่ทัพ แม่ทัพตงหยางตกใจจนหน้าถอดสี แสดงว่าฮวาเอ๋อรู้เรื่องนี้แล้วแน่นอน เขาก็ไม่รู้จะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร และเขาได้รับปากจะรับเยว่ชิงเข้ามาเป็นอนุแล้ว แต่เขาจะไม่ยอมให้เรื่อมันลงเอยแบบนี้แน่นอนด้านหนิงฮวาหลังจากตัดใจจากท่านแม่ทัพได้แล้วก็เริ่มไปทำงานที่ร้านตามปกติ พยายามไม่คิดถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้วอีก ท่านพ่อบอกว่าอาจจะไม่ใช่เนื้อคู่กันก็เลยทำให้แคล้วคลาดกันแต่ที่จริงหนิงฮวารู้สึกเจ็บแปลบนิดอยู่เหมือนกันแต่ก็ยังไม่ได้ถลำใจกับฝ่ายนั้นมากมาย คนที่ดีใจที่สุดน่าจะเป็นหลี่เฉินอี๋ เขาไม่คิดไม่ฝันว่างานแต่งนั้นจะยกเลิกได้ง่ายดายอย่างนี้ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจท่านแม่ทัพตงหยางเป็นคนที่หล่อเหลาและมีตำแหน่งเป็นถึงแม่ทัพอนาคตไกล ผู้ทีหมายปองย่อมต้องมาก เขาคิดว่าหนิงฮวาเป็นหญิงที่ไม่ชอบความวุ่นวายและไม่อยากจะแย่งชิงอะไรกับใครจึงได้หลีกทางให้กับหญิงที่มีข่าวเล่าลือว่าท่านแม่ทัพจะรับเป็นอนุแต่ว่าความเป็นจริงแล้วการที่ชายมีภรรยาหลายคนมีกันแทบทุกจวน บางจวนมีนับแทบจะไม่ถ้วน แต่เขารู้สึกว่าหนิงฮวานั้นแตกต่างกับหญิงอื่น หลังจากผ่านไปหลายวัน
เมื่อทั้งสองแต่งตัวเรียบร้อย ท่านคหบดีลู่ก็ถามท่านแม่ทัพทันทีว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร แม่ทัพหนุ่มก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้มากไปกว่าบอกว่า " ข้าจะรับผิดชอบตบแต่งเยว่ชิงเข้ามาเป็นอนุ เพราะได้ไปสู่ขอจางหนิงฮวามาเป็นฮูหยินแล้วไม่สามารถบิดพลิ้วได้ จึงจะให้เยว่ชิงมาเป็นอนุ และคงจะให้ได้เท่านี้ เพราะท่านพ่อของข้าคงไม่ยอมแน่ ส่วนจะแต่งเมื่อไหร่ คงต้องรอให้จางหนิงฮวาตบแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินก่อน ถึงจะรับเยว่ชิงเข้ามาเป็นอนุได้ " ท่านคหบดีลู่ สีหน้าบึงตึงไม่พอใจเป็นอย่างมากที่บุตรสาวจะได้เป็นแค่อนุ เขาโกรธทั้งแม่ทัพหนุ่มและบุตรสาวที่ร่านจนมาหาบุรุษถึงที่จวนสามวันต่อมาลู่เยว่ชิงได้ไปหา จางหนิงฮวาที่จวนเสนาบดีแต่เช้า เมื่อบ่าวรับใช้มาเรียนว่าคุณหนูไปรอที่ศาลากลางสระบัวแล้วให้ไปพบได้เมื่อลู่เยว่ชิงเดินเข้ามาภายในศาลา เห็นจางหนิงฮวานั่งรออยู่แล้วพร้อมด้วยบ่าวรับใช้ จึงเดินเข้าไปนั่งลงใกล้ๆ “ที่ข้ามาวันนี้ ข้ามีเรื่องมาขอร้องเจ้า ข้าและท่านแม่ทัพได้เกินเลยกันแล้วเมื่อสามวันก่อน ” หนิงฮวามองพินิจคนตรงหน้า เป็นหญิงสาวที่ถือว่ามีใบหน้าที่คมคายน่ามอง รูปร่างก็อวบอัด รูปร่างแบบนี้ผู้ชายน
ร่างหนาของแม่ทัพตงหยางโยกขย่มร่างอวบอัดอยู่ค่อนคืนจนใกล้จะรุ่งสาง จึงหมดแรงหลับผล็อยไปด้วยกันถึงตอนสายของวันถัดมา สองร่างกอดก่ายกันนอนอยู่บนเตียงในห้องของท่านแม่ทัพ เมื่อคืนในยามดึกท่านแม่ทัพได้อุ้มร่างอวบของเยว่ชิง เข้าห้องนอนไป ฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดนี้ส่งผลรุนแรงมาก ท่านแม่ทัพหลงไหลในร่างกายของเยว่ชิงอย่างมาก หลงลืมแม้กระทั่งจางหนิงฮวาที่เฝ้าหลงรัก ต้องการตบแต่งมาเป็นเมีย ตอนนี้ในหัวสมองมีแต่หน้าของลู่เยว่ชิงเท่านั้น เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาเยว่ชิงเอื้อมมือไปลูบใบหน้าของแม่ทัพตงหยางแล้วยิ้มออกมาอย่างสมใจ ในที่สุดท่านก็กลับมาเป็นของข้าอีกครั้งข้าจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งท่านไปทั้งนั้น และข้าก็จะแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินคนเดียวของท่าน พูดจบร่างอวบลุกขึ้นดึงผ้าผวยออกจากร่างของคนทั้งสอง ลุกขึ้นไปคล่อมร่างล่ำสันไว้ พรมจูบใบหน้าหล่อเหลาและเลื่อนลงมาเรื่อยๆ จนถึงตุ่มไตเล็กสองข้างไล้เลียจนเริ่มแข็งเป็นไต แล้วพรมจูบลมมาจนถึงแก่นกายแกร่งชักรูดสองสามครั้งและไล้เลียไปมา อ้าปากครอบแก่นกายแกร่งจนมันเริ่มตื่นตัว ร่างหนาลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วร้องครวญครางด้วยความเสียดเสียวสะโพกหนากระตุกเกร็งด้วยความสุข
댓글