"ท่านอ๋องสั่งให้คนเตรียมเรือนให้ข้า นี่คือสิ่งที่เจ้าทำได้ดีที่สุดแล้ว?" เจียงเยี่ยนฟางเอ่ยเนิบช้า ดวงตาจ้องมองบ่าวที่เริ่มตัวสั่นด้วยความกลัว "ไปพาคนมาทำความสะอาดเรือนให้ข้าใหม่"
"เพ... เพคะ พระชายา หม่อม หม่อม หม่อมฉันทราบแล้ว" สาวใช้พยายามเค้นเสียงตอบ ไม่คิดว่าสตรีที่แม้จะตัวสูงกว่านางแต่ผอมบางพอ ๆ กันจะมีแรงมากถึงขนาดนี้ หัวไหล่ของนางทั้งปวดทั้งชาไปหมด ซ้ำยังคิดว่าหากถูกบีบนานกว่านี้อีกนิด หัวไหล่ของตนคงหลุดเป็นแน่
"อ่อ อีกอย่าง..." เจียงเยี่ยนฟางโน้มใบหน้าลงไปกระซิบบอก "เรื่องนี้อย่าแพร่งพรายเล่า"
"เพคะ..." แรงกดที่บ่าทำเอานางแทบจะเอ่ยปากไม่ออก รีบก้มคำนับขอตัวจากไปทันทีที่มือดั่งเหล็กกล้าของคนตรงหน้าคลายออกแล้ว
ครั้นเมื่อคนจากไปแล้ว เจียงเยี่ยนฟางก็เดินกลับไปอีกทาง โผล่อีกทีที่ห้องครัวท้ายจวนในทิศฝั่งตรงข้ามแทน
ไอความร้อนสีขาวพวยพุ่งขึ้นมาเหนือเตา กลิ่นหอมของอาหารที่อยู่ในเตาแผ่กระจายอบอวลในอากาศ
เสียงมีดสับลงเขียง เสียงของกระทะและกระบวยดังมาประปราย หรือกระทั่งเสียงการพูดคุยของผู้คนที่ดังมาไม่ขาดสาย ก็ช่วยบ่งบอกถึงการมีอยู่ของผู้คนได้เป็นอย่างดี
ณ ที่แห่งนี้ค่อยสมกับเป็นจวนของชินอ๋องซึ่งควรมีผู้คนอยู่มาก ๆ เสียหน่อย ช่างมีชีวิตชีวา รับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของผู้คน ต่างจากห้องหอสีแดงแสบตาเมื่อคืน และเรือนไม้เก่า ๆ ซึ่งเป็นที่อยู่ใหม่ของนางเมื่อครู่อย่างชัดเจน
"ข้าเคยบอกแล้วว่า ต่อให้เป็นถึงคนของตระกูลเจียงแล้วอย่างไร ดูเอาเถิด สุดท้ายไม่พ้นคืนเข้าหอก็ถูกท่านอ๋องสั่งย้ายไปเรือนร้างด้านหลังแล้ว นี่ยังว่าท่านอ๋องทรงใจดีมีพระเมตตา ให้นางย้ายไปในตอนเช้าแทน!"
"ท่านอ๋องชมชอบพระชายากู่เพียงผู้เดียว หากมิใช่มีสมรสมงคลถูกประทานลงมา มีหรือท่านอ๋องจะตบแต่งสตรีนางอื่นเข้าจวน" พวกนางต่างก็เห็นกันมาตลอดว่าที่ผ่านมาท่านอ๋องเอาใจพระชายากู่เพียงไร ดังนั้นสตรีอีกคนที่เพิ่งถูกยัดเยียดมาให้ ในไม่ช้าก็เป็นเพียงคนไร้ค่าผู้หนึ่งในจวน อีกทั้งใครต่อใครก็รู้ว่า แม้ตระกูลเจียงจะหอบสินเดิมตามติดขบวนเจ้าสาวมามากมาย แต่สตรีผู้นั้นก็เดินทางมาเพียงลำพัง ไร้สาวใช้ ดูก็รู้ว่ามีฐานะอย่างไรในตระกูล ช่างไม่คู่ควรกับท่านอ๋องของพวกนาง!
"เมื่อเช้าอาหลี่แบกน้ำไปส่งที่เรือนใหญ่ จำต้องผ่านห้องหอ เจ้านั่นเห็นคุณหนูใหญ่เจียงกำลังเดินไปที่โรงเก็บฟืนเก่าด้านหลังจวน ทั้งยังบอกว่านางปิดหน้าปิดตา คงเป็นสตรีที่งดงามผู้หนึ่ง" สาวใช้ที่กำลังล้างกระทะใบใหญ่อยู่ก็หันมาพูด
"ต่อให้นางงดงามแล้วมีประโยชน์อันใด อย่างไรเสียก็ไม่มีทางที่ท่านอ๋องจะสนใจอยู่แล้ว"
เสียงกลั้วหัวเราะของคนด้านในครัวก็ดังตามมาหลังจากจบประโยคนั้น
แต่เรื่องสนุกปากของพวกนางไหนเลยจะจบภายในสองสามประโยค ย่อมต้องพูดต่อจนจะพอใจ
"ชาวบ้านบอกว่าคุณหนูใหญ่เจียงถูกส่งไปอยู่ต่างเมืองหลายปี มิใช่ว่านิสัยก็อาจจะหยาบกระด้าง ไม่สมเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่หรอกรึ เมื่อวานท่านอ๋องถึงได้ไล่นางไปเรือนไม้ด้านหลังเพื่อดัดนิสัย บ่าวที่เฝ้ายามกลางคืนยังเล่าอีกว่าเพราะนางทำสุรามงคลหล่นแตกจึงถูกลงโทษเช่นนั้น
แต่น่าแปลกยิ่งนัก เรื่องแค่นี้จะต้องถึงขั้นต้องไล่ไปนอนในเรือนไม้พัง ๆ แบบนั้นเลยรึไร ห้องสาวใช้ของพวกเรายังจะดีกว่าเสียอีก ปกติท่านอ๋องก็ไม่ได้มีนิสัยโหดร้ายขนาดนั้น" คนพูดหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าว่า "หรือบางทีสตรีผู้นั้นพอเห็นว่า ท่านอ๋องของพวกเรารูปงามมากขนาดไหน ก็ห้ามใจไม่อยู่ขึ้นมา เผลอกระโจนเข้าใส่ มิใช่เพราะไม่สำรวมเช่นนั้นหรือไร ท่านอ๋องถึงได้ไล่นางไปให้ไกลตา!"
เจียงเยี่ยนฟางที่แอบฟังอยู่ก็ได้แต่เค้นเสียงเย็นในใจ ท่านอ๋องของพวกนางก็รูปงามสมคำร่ำลืออยู่หรอก แต่พวกบ่าวในจวนแห่งนี้คงลืมไปแล้ว ว่าชาวบ้านเองก็ร่ำลือถึงเรื่องที่ตรงนั้นของชินอ๋องผู้เกรียงไกรใช้การไม่ได้แล้วเช่นกัน ต่อให้นางจะหน้ามืดตามัวหลงในรูปโฉมเพียงไร แต่จะไปทำอะไรกับคนพิการได้เล่า
แม้นเรื่องราวที่พ่นออกมาจากปากสาวใช้ในครัวจะมีแต่เรื่องของนาง แต่ยามนี้เจียงเยี่ยนฟางก็ไม่ได้คิดอยากจะแสดงตัวออกไป แล้วลากพวกนางมาลงโทษอย่างที่ควรทำ หากแต่เพียงรอจังหวะเหมาะที่จะจัดการเรื่องที่ตั้งใจแทน ไม่มีเวลามาใส่ใจสาวใช้พวกนี้
ช่วงเวลาเดียวกันก็มีบ่าวชายคนหนึ่งกำลังเดินผ่านนางเข้าไปในครัวพอดี เจียงเยี่ยนฟางจึงขยับตัวไปขวางไว้ก่อน "พี่ชายพอดีข้ามีเรื่องจะรบกวน" เห็นอีกฝ่ายลอบสังเกตนางพลางพยักหน้าให้ นางก็พูดสิ่งที่ต้องการต่อ "เมื่อวานดูเหมือนว่าพระชายาจะทำสุรามงคลตกแตก ข้าจึงมารับสุรามงคลใหม่อีกรอบ เพื่อนำไปมอบให้ท่านอ๋องตามคำสั่งของพระชายา"
"...จะดื่มสุราตอนนี้?" บ่าวชายมีสีหน้างุนงง แต่เพราะไม่คุ้นหน้าสตรีผู้นี้มาก่อน ซ้ำการแต่งตัวก็ไม่เหมือนคนของที่นี่ เขาจึงคิดไปแล้วว่า อีกฝ่ายอาจจะเป็นคนของพระชายาพระนางใหม่ที่ถูกส่งตามมาทีหลังก็เป็นได้ "เจ้ารออยู่ที่นี่ข้าจะไปเอามาให้ เข้ามากินข้าวก่อนเถิด ปกติพวกเราจะกินหลังจากเจ้านายกินเสร็จแล้ว แต่เจ้าคงต้องรีบกลับไป เช่นนั้นเจ้าเอาผักตะกร้านี้เข้าไปในห้องครัวแทนข้า ส่วนข้าจะไปเอาสุรามาให้"
เขารู้ว่าคนในจวนต่างไม่สนใจพระชายาที่เพิ่งแต่งเข้ามาใหม่ เมื่อครู่บรรดาแม่ครัวก็ยังพูดเรื่องของอีกฝ่ายเสียงดังออกมาข้างนอกอยู่เลย แต่บ่าวที่ติดตามพระชายามาไม่ได้มีความผิดด้วย แถมเพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่คงไม่รู้ต้องหาอะไรกินได้ที่ไหน เขาเลยโบกมือให้เจียงเยี่ยนฟางเข้าไปในครัว พร้อมยื่นตะกร้าผักให้นาง
"ขอบคุณพี่ชาย รบกวนท่านแล้ว" เจียงเยี่ยนฟางรับตะกร้ามา พลางพยักหน้าแผ่วเบา นิสัยต่างกับเมื่อครู่ที่เพิ่งจะข่มขู่สาวใช้อีกคนมา นางไม่ใช่คนเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ใครทำดีมาก็ดีตอบ อย่างเช่นบ่าวชายคนนี้
พอคนจากไปแล้ว เจียงเยี่ยนฟางก็เดินเข้าไปในห้องครัว เสียงพูดคุยได้หยุดลงไปตั้งแต่เมื่อครู่ยามที่นางตะโกนพูดเรื่องสุราอยู่ด้านนอกแล้ว เวลานี้สายตาของคนในครัวทั้งหมดจึงตกต้องมาที่นางอย่างระแวดระวัง
"ไม่เห็นมีใครบอกว่าตระกูลเจียงส่งคนติดตามมาด้วย" สาวใช้หนึ่งในนั้นกระซิบถามคนข้าง ๆ มองดูการแต่งตัวของสตรีหน้าประตูครัวที่ปิดหน้าปิดตาเหมือนคนที่พวกนางพูดถึงไปเมื่อครู่ ต่างก็คิดว่านี่อาจจะเป็นการแต่งตัวของคนในแถบพื้นที่ที่คุณหนูใหญ่เจียงไปอาศัยอยู่ตั้งแต่วัยเยาว์ จึงไม่เกิดความระแวงสงสัยว่านี่แหละ คือพระชายาพระนางใหม่ที่พวกนางเพิ่งจะนินทากันไป เพราะเมื่อครู่อีกฝ่ายก็ตะโกนเสียเสียงดังลั่นอยู่ข้างนอกว่าตนมาตามรับสั่งของพระชายา
"เจ้ายังไม่รู้ แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไร!" สาวใช้ที่อยู่ข้างกันรีบกัดฟันตอบกลับแบบไม่เปิดปาก ดวงตาก็จดจ้องมองผู้มาเยือนที่ในมือถือตะกร้าผักไว้ ซึ่งนางจำได้ว่าตัวเองเพิ่งจะใช้อาฉู่ไปเอามาให้ แต่อย่างไรก็ปักใจเชื่อไปแล้วว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนในจวนชินอ๋องแน่ ๆ
------
ไรท์ขอโทษสำหรับชื่อตอน แต่มันตลกดีชอบ จ๊ะเอ๋ พวกคนครัว ว่าไงจ๊ะ แต่คนพวกนี้เราทำไรมากไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวเนื้อเรื่องมันยาวไม่ใช่ไร 55555ヽ (´▽) ノ
เจียงเยี่ยนฟางคร้านจะพูดมาก นางเดินมากระชากแขนของหงเปาไปนั่งตรงที่นางบอก นึกย้อนไปหลายสิบปีที่ผ่านมา ตั้งแต่มาอยู่ ณ ที่แห่งนี้นางพูดมากที่สุดแล้ว ปกติวัน ๆ หนึ่งนางเอ่ยออกมาแทบจะนับคำได้เลย ยามนี้จึงเริ่มอารมณ์เสียขึ้นมาเมื่อต้องพูดหลายรอบเกินไปหงเปาที่ถูกกดไหล่ให้นั่งลงบนเก้าอี้ก็ตัวแข็งเกร็ง ก้นแทบจะระบมเพราะแรงกระแทก แต่กลับไม่กล้าร้องออกมาแม้ครึ่งคำ เพิ่งเคยเห็นสตรีที่ทำท่าทางไม่พอใจเขาถึงขนาดนี้เป็นครั้งแรก แม้เขาจะบอกว่าตนเป็นบ่าวของชินอ๋อง แต่เบื้องหลังเขาเองก็ไม่ใช่ครอบครัวธรรมดา เป็นถึงตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้น ๆ ของแคว้นเฉิงตระกูลของเขาดูแลเรื่องการค้าขายระหว่างแคว้นมาตั้งแต่รุ่นก่อน ตัวเขาถึงได้เข้าไปเป็นสหายร่วมเรียนกับเหล่าองค์ชาย ด้วยเพราะฮ่องเต้พระองค์ก่อนต้องการอำนาจของตระกูลเขา บิดาจึงก็ได้รับเกียรติไม่ต่างกับขุนนางราชสำนัก เป็นที่เชิดหน้าชูตาในแวดวงการค้าไม่น้อย ทำให้เหล่าสตรีไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านทั่วไป หรือคุณหนูจากตระกูลสูงศักดิ์ก็ยังต้องเคารพเขาอยู่แปดส่วน แต่คุณหนูใหญ่เจียงผู้นี้กลับแสดงความไม่พอใจอย่างออกนอกหน้าเพียงเพราะเขาไม่ยอมทำตามที่นางสั่งเนี่ยนะ?!"เลิกขึ
5 พิสูจน์อีกกี่ครา รอดไปอีกกี่หน"พระชายาเจียง เหตุใดถึงออกมานอกจวนไม่บอกผู้ใดพ่ะย่ะค่ะ" หงเปามองดูคุณหนูใหญ่เจียงที่แต่งเข้ามายังไม่พ้นสามวันก็ทำให้เขามีเรื่องปวดหัวไปแล้วสี่ครั้งอย่างจนปัญญา"ถ้าบอกแล้ว ท่านอ๋องจะให้ออกมา?" เจียงเยี่ยนฟางหัวเราะแผ่วเบาเมื่อเห็นสีหน้าของหงเปาที่ดูตกใจกับการย้อนถามของนาง ก่อนจะเดินนำหน้าผ่านตัวเขาไป "เป็นเจ้าไม่ใช่รึ ที่บอกไม่ให้เดินเพ่นพ่านในจวน ข้าเลยออกมาเดินข้างนอกแทน เวลานี้ต่อให้ผิดหรือไม่ ก็ยังไม่ดีพอในสายตาของพวกเจ้าอยู่ดี"หงเปาเม้มปากแน่น ที่นางกล่าวมาก็ไม่ผิดแม้ครึ่งคำ และในตอนที่มัวแต่คิดเรื่องที่นางพูดออกมาเมื่อครู่อยู่ สตรีผู้นั้นเพียงหนึ่งลมหายใจก็ทิ้งห่างไปเขาหลายก้าวแล้ว พาให้เขาเร่งเท้าต้องเดินตามจนน่าหงุดหงิดใจ "นั่นก็เป็นเพราะพระชายาทำกิริยาไม่สำรวม ท่านอ๋องถึงให้พระชายาประทับอยู่ที่เรือนด้านหลังเป็นการลงโทษ เหตุใดจึงไม่อยู่อย่างสงบเสงี่ยม"สงบเสงี่ยม? เจียงเยี่ยนฟางได้ยินแล้วก็เค้นเสียงเย็นในใจ เป็นแค่คนรับใช้ข้างกายท่านอ๋อง แต่กล้าพูดกับนางด้วยคำคำนี้? "ท่านอ๋องของเจ้าสั่งให้ข้าอยู่เรือนเก่าทรุดโทรม ไม่มีคนมาทำความสะอาด ข้าไม่เคย
ดังเสียจนเจียงเยี่ยนฟางยังตกใจไปด้วย นางกำลังสนุกอยู่เลย อยากรู้ว่าใครจะวางเงินเดิมพันมากที่สุด และพวกเขาจะคาดเดาว่านางจะอยู่ได้นานเท่าไรกันบ้าง ส่วนเวลาในใจของนางนั้น ย่อมไม่เกินสองเดือนอย่างแน่นอน!"หลีหมิ่น เจ้าเป็นอะไรของเจ้ากัน!" ห้องด้านข้างเริ่มโวยวายขึ้นมาอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงลากเก้าอี้เหมือนคนกำลังจะลุกขึ้น"นี่! หลีหมิ่น!"เจียงเยี่ยนฟางที่นั่งสงบนิ่งมาตั้งนานถึงกลับชะงักค้าง มือที่ถือจอกชาจะยกดื่มพลันรีบวางลงที่เดิม ก่อนหยิบจดหมายในสาบเสื้อออกมาดู หน้าซองจดหมายเขียนไว้ว่า 'พี่หลีหมิ่น' นิ้วเรียวจิกซองจดหมายแน่น ตัดสินใจลุกขึ้นทันทีค่าห้องในครั้งนี้ ไม่คุ้มค่าเท่าไรแล้ว!เมื่อเดินพ้นประตูห้องออกมานางยังคงได้ยินเสียงบ่นของคนในห้องตามมาไม่หยุด ส่วนด้านหน้าของนางเวลานี้ก็คือบุรุษร่างสูงในชุดสีน้ำเงินเข้มที่สะท้อนแสงไฟในหอน้ำชาจนมันเลื่อม ยิ่งยามที่อีกฝ่ายเร่งรีบเดินด้วยความเร็วเพราะไม่พอใจจะรีบจากไป ก็ทำให้เนื้อผ้าขยับไปมาอย่างพลิ้วไหว พาให้คนดูสูงส่ง เพียงแค่แผ่นหลังก็พานให้ผู้คนหลงใหลได้แล้วเวลาเดียวกันนั้น เจียงเยี่ยนฟางที่เคยนึกภูมิใจว่าตนเองขายาว เดินไวกว่าสตรีนางอื่น
"อะแฮ่ม" เถ้าแก่กระแอมไอ ด้วยนิสัยเดิมขี้คุยโวโอ้อวด การที่คุยแบบนี้ก็แสดงให้เห็นว่าตนนั้นเป็นร้านผ้าขึ้นชื่อที่เหล่าสนมชื่นชอบผ้าร้านเขาขนาดไหน ทำให้หลงลืมไปแล้วว่าแม่นางตรงหน้ากำลังรีบร้อนอยู่ "ระหว่างทางคนของพระสนมที่นำทางให้ข้าก็ดันปวดท้องเข้าห้องน้ำ จึงให้ข้ายืนรอก่อน แต่ขันทีผู้ดูแลวังในที่ผ่านมาพอดีก็กลับเข้าใจผิด เขาเจอข้าเข้าและคิดว่าข้านำผ้าอีกส่วนมาส่งตามวันที่ได้นัดหมายกัน ข้าเองก็เข้าใจผิดไปในตอนแรก คิดว่าเขาจะนำทางข้าเอาผ้าไปเก็บในคลังของพระสนมพระนางนั้น แต่เขากลับพาไปที่คลังเก็บผ้าของของวังหลวงแทน สิ่งที่ข้าเจอในห้องเก็บผ้าของวังหลวงก็คือผ้าจากแคว้นจ้าว! ผู้ดูแลเห็นข้ามองอย่างสนใจก็ยิ้มเยาะข้า! เหอะ! ก็ข้าไม่เคยเห็นนี่... ""..." เจียงเยี่ยนฟางจ้องมองนิ่ง เขาคิดจะออกนอกเรื่องอีกแล้ว? เถ้าแก่ถูกสายตาด่าแทนการพูดส่งมาถึง ก็รีบกระแอมไอกลบเกลื่อน กลับเข้าเรื่องสำคัญต่อ "อะแฮ่ม ขันทีผู้ดูแลก็เลยบอกว่า แคว้นจ้าวเพิ่งนำมาส่งมอบเป็นของบรรณาการเมื่อหกวันก่อน แต่เหมือนฮ่องเต้ดูจะไม่ทรงชอบสีและลวดลาย จึงให้จัดไว้ในคลังผ้าสำหรับตัดเย็บให้คนในวังทั่วไป..." เถ้าแก่มองซ้ายมองขวาเหม
4 สูงส่งแล้วอย่างไร ผู้คนก็นินทาเหมือนเดิมในยามที่จวนชินอ๋องยังคงวุ่นวายกับการที่หัวมังกรของบ้านถูกวางยาพิษ เจียงเยี่ยนฟางกลับหนีออกไปนอกจวนทางกำแพงฝั่งด้านหลังของเรือนไม้ตั้งแต่เช้าตรู่ ด้วยประตูของจวนทั้งด้านหน้าและด้านหลังถูกคนเฝ้าอยู่ตลอดเวลา นางจึงต้องหาเส้นทางอื่นแทน สุดท้ายก็พบว่ากำแพงหลังเรือนไม้ของตนเองช่างเหมาะจะใช้ปีนออกไปพอดี และด้วยชุดของนางเป็นชุดของสตรีในพื้นที่ราบนิยมใส่ขี่ม้ากัน ดังนั้นการปีนกำแพงก็ไม่ใช่เรื่องยากสถานที่ซึ่งนางแวะไปที่แรกคือร้านสมุนไพร ไม่นานหลังจากเข้าไปก็กลับออกมา ก่อนจะแวะไปที่ร้านผ้ากลางตลาดต่อ"เถ้าแก่" เจียงเยี่ยนฟางเอ่ยเรียกผู้ที่กำลังหันหลังอยู่"แม่..." เถ้าแก่เมื่อหันมาก็ลังเล เสียงที่เขาได้ยินก่อนหันกลับมาต้อนรับลูกค้านั้นเป็นเสียงของสตรีไม่ผิดแน่นอน แม้หันมาแล้วจะตกใจกับเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายสวม กอปรกับความสูงที่หากมองผิวเผินก็คงจะนึกว่าบุรุษเพศ จึงทำให้เขาชะงักไปในตอนแรก แต่เขาเป็นเจ้าของร้านค้าผ้ามาเกือบสามสิบปี ย่อมรู้ว่าชุดแบบนี้คือชุดของสตรีในพื้นที่ราบอันห่างไกล จึงรีบเอ่ยอย่างกระตือรือร้นกับอีกฝ่ายว่า "แม่นาง ท่านต้องการผ้าไปตัดชุดหรื
อีกฝั่งหนึ่งจูหลิงที่ขยับกายหลบไปข้างเสาอีกนิดก็เอ่ยขึ้นว่า "ดูเหมือนนางจะรู้ตัวว่าพวกเรามาแอบดูอยู่เลยนะเพคะพระชายา""ไกลขนาดนี้แถมเรายังอยู่ในที่มืด นางไม่น่าจะมองเห็น" กู่เยว่ชิงเข้าใจถูกแล้ว เจียงเยี่ยนฟางมิได้มองเห็นพวกนางชัดขนาดนั้น เพียงแค่คาดเดาจากเงาร่างเลือนรางก็เท่านั้น"แล้วเหตุใดนางถึงยังไม่โดนจับไปขังคุกอีก มิใช่ว่าท่านอ๋องทรงแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าเป็นนางที่วางยา""บิดาของนางเป็นถึงขุนนางฝ่ายซ้าย ต่อให้ท่านอ๋องคาดการณ์ว่านางอาจเป็นคนของฮ่องเต้ส่งมา แล้วอยากจับนางโยนออกไปเสียเดี๋ยวนี้ก็คงเป็นเรื่องที่เกินกำลัง ตัวนางมีคนหนุน หลังถึงขนาดนั้น คงไม่อาจทำอะไรบุ่มบ่าม" กู่เยว่ชิงเอ่ยวาจานุ่มนวล ทว่าดวงตากลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจ มือที่แอบซ่อนไว้ในแขนเสื้อก็บีบเข้าหากันแน่นเพื่อระบายอารมณ์ นึกน้อยใจในโชคชะตาของตนเอง เพียงเพราะชาติกำเนิดของนางต้อยต่ำ หาไม่แล้วยามนี้นางคงได้ขึ้นเป็นพระชายาเอกไปนานแล้วสองปีก่อนที่ตบแต่งเข้ามา ท่านอ๋องยืนยันหนักแน่นว่าจะรับนางเป็นพระชายาเอกและจะไม่ตบแต่งผู้ใดอีก หากแต่ไทเฮาและฮ่องเต้ทรงเห็นพ้องต้องกันว่า ครอบครัวของนางเป็นเพียงแค่สามัญชนที่เพิ่งได