คนที่กล้าเข้ามายุ่งกับเธอ กลั่นแกล้งเธอ ...รู้จักสามีของเธอดีแล้วหรือยัง
ดูเพิ่มเติมจู่ ๆ ก็มีสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะเป็นความต้องการของผู้เป็นบิดาที่เพิ่งจะสิ้นลมหายใจไปได้เพียงเจ็ดวัน ทำให้อลินา หรือ ฮาน่า อารอน ลูกครึ่งไทยอเมริกันวัยยี่สิบปีปฏิเสธไม่ได้ เธอจำใจต้องจดทะเบียนสมรสกับผู้ชายที่เธอไม่รู้จัก แม้กระทั่งหน้าตาของสามีในทะเบียนเป็นอย่างไรเธอเองก็ไม่เคยเห็น วันที่จดทะเบียนสมรสก็มีเพียงทนายของเขาเท่านั้นที่นำเอกสารการจดทะเบียนสมรสมาให้เธอเซ็น ทำให้เธอตัดสินใจหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ประเทศไทย ประเทศที่เป็นบ้านเกิดของเธอเองในทันทีที่ทุกอย่างเรียบร้อย
การจดทะเบียนสมรสในครั้งนี้เธอขอใช้สิทธิ์ในการคงสภาพการเป็นนางสาวเอาไว้ แม้ว่านามสกุลจะเปลี่ยนไปก็ตามที ที่เธอเลือกกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศไทย เพราะเธอจากมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กและที่นั่นไม่หลงเหลือคนที่รู้จักเธออีกแล้ว ผู้เป็นสามีแค่เพียงในนามไม่ได้ห้ามปราม แต่ทว่าเขากลับมอบบัตรเครดิตที่ไม่จำกัดวงเงินให้แทนการโผล่หน้ามาให้เธอเห็น จนหญิงสาวอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าเขาเป็นผู้ชายแบบไหน เธอนั้นรู้เพียงแค่ชื่อของเขาเท่านั้น มิสเตอร์เอเดน วินเทอร์ เพราะแบบนี้เธอถึงได้นามสกุลวินเทอร์ติดสอยห้อยท้ายชื่อของเธอมาด้วย แต่ที่เธอพอจะโล่งใจคือเขาไม่ใช่ผู้ชายแก่หงำเหงือก แต่เป็นชายหนุ่มที่มีอายุแก่กว่าเธอสิบปี
มือบางจ้องมองพาสปอตในมือก่อนที่จะตัดสินใจเดินทางออกจากเมืองชิคาโก เมืองที่เติบโตและใช้ชีวิตมานานนับยี่สิบปี ดีที่ว่าเธอนั้นถือพาสปอตสองสัญชาติทำให้เธอไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างยุ่งยากในประเทศไทย ร่างระหงผิวขาวเนียนที่มีส่วนสูงร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรเดินผ่านจุดตรวจตั๋วไปโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาของใครบางคนที่คอยจับจ้องอยู่
“จะปล่อยนายหญิงไปแบบนั้นจริงๆ หรือครับท่านเอเดน”
บุ๊ชเอ่ยถามนายหนุ่มออกมา เขารู้ดีว่านายของเขานั้นสนใจในตัวนายหญิงมากขนาดไหน และเขาก็รู้ดีว่านายของเขานั้นไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนเหมือนกับภรรยาที่กำลังจะเดินทางออกจากเมืองชิคาโกไปในไม่ช้า
“อือ...ให้เธอได้ใช้ชีวิตอิสระไปอีกสักหน่อย นายก็รู้นี่ว่าเรายังมีงานที่ยังต้องจัดการอยู่อีกเยอะ ให้เธอสนุกกับชีวิตอิสระไปอีกสักพัก ก่อนที่ฉันจะได้ไปใช้สิทธิ์ของฉัน ตอนนี้ก็ส่งพวกที่อยู่ที่นั่นไปคอยสอดส่องดูแลเธอแทนฉันไปก่อนก็แล้วกัน ย้ำว่า...อย่าให้มีแมลงไม่ว่าจะตัวเล็กหรือตัวใหญ่มาไต่ตอมเธอเด็ดขาด เข้าใจไหม!!!”
เสียงทุ้มเย็นชาดังออกมาจากริมฝีปากหนาสีกุหลาบ แว่นตาสีดำที่ปกปิดดวงตาคมกล้าและค้ำอยู่บนสันจมูกโด่งของเขานั้นชวนให้สาวๆ เหลียวมอง แต่ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนเลยที่ได้รับไมตรีกลับไป
“เข้าใจครับเจ้านาย ผมจะสั่งให้ลูกน้องที่นั่นคอยดูแลนายหญิงอย่างดีเลย” บุ๊ซรับคำสั่งก่อนที่จะรีบสาวเท้าเดินตามนายเล็กไป
เอเดน วินเทอร์ ทายาทมาเฟียลำดับที่สามรุ่นที่ห้าของตระกูลวินเทอร์ ตระกูลของเขาทำธุรกิจสีเทามากมายในทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปอเมริกาใต้และทวีปแอนตาร์กติกา เขามีพี่ชายสองคนที่ดูแลธุรกิจของตระกูลซึ่งอยู่ทวีปอเมริกาใต้และทวีปแอนตาร์กติกา ส่วนตัวเขานั้นเพิ่งจะขึ้นมารับหน้าที่ดูแลธุรกิจของครอบครัวแทนบิดาที่อายุมากขึ้นในทวีปอเมริกาเหนืออย่างประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนหน้านี้เขาทำธุรกิจส่งออกกับทวีปเอเชียอยู่และหนึ่งในนั้นก็มีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย
ดวงตาคู่สวยจ้องมองวิวทางด้านนอกหน้าต่างของเครื่องบินลำใหญ่ ที่กำลังจะพาเธอเดินทางไปยังประเทศเป็นบ้านเกิด ดีที่ตัวเธอนั้นไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้ภาษาไทยเลย หรือแม้แต่ภาษาจีน ฝรั่งเศส และเยอรมัน เธอนั้นก็ถือว่าพูดได้อย่างเชี่ยวชาญ ผลการเรียนของเธอก็ได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของเมืองชิคาโก แต่เธอนั้นไม่คิดฝันมาก่อนเลยว่าสุดท้ายแล้วอนาคตของเธอจะต้องมาจบลงด้วยการเป็นภรรยาของผู้ชายที่ไม่เคยเห็นหน้า แม้จะเป็นภรรยาของเขาเพียงแค่ในนามก็ตามที
หญิงสาวยิ้มจางๆ ออกมาเมื่อนึกถึงความเป็นมิตรของผู้คนในประเทศไทย ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีเธอก็ไม่เคยลืม แต่รอยยิ้มที่เธอได้รับในวันนั้น ก่อนที่เธอจะย้ายมาอยู่อเมริกาแต่ทว่ากลับไม่ใช่รอยยิ้มของคนไทย ดูจากใบหน้าที่ส่อแววหล่อเหลาก็พอจะเดาออกว่าเขาเป็นฝรั่ง คงจะเป็นนักท่องเที่ยวที่บังเอิญช่วยเหลือเธอโดยบังเอิญ หากวันนั้นไม่ได้พบกับเขา...เธอก็คงจะไม่ได้มีโอกาสเติบโตขึ้นมาอย่างงดงามในวันนี้
“ฮาน่า...หนูรอแม่อยู่ตรงนี้ก่อนนะลูก เดี๋ยวแม่ไปโหลดกระเป๋ากับเช็กอินก่อน เข้าใจไหมคะ”
อารีญามารดาของอลินาในวัยห้าขวบเอ่ยขึ้น เด็กหญิงลูกครึ่งที่มีหน้าตาน่ารักราวกับตุ๊กตาพยักหน้าขึ้นลงอย่างรู้ความ ผู้เป็นมารดาจึงเข็นรถเข็นที่มีกระเป๋าอยู่ถึงสามใบเดินไปยังเคาน์เตอร์
เด็กหญิงเหลียวซ้ายทีขวาทีก่อนที่จะมองเห็นตุ๊กตาตัวเล็กของใครบางคนตกอยู่ ด้วยความเป็นเด็กเห็นอะไรน่ารักก็มักจะวิ่งเข้าหา เด็กหญิงที่สวมเสื้อโค้ตและรองเท้าผ้าใบสีขาวจึงวิ่งไปหาเจ้าตุ๊กตามอมแมมที่ตกอยู่ทันทีโดยที่ไม่ทันได้ระวัง รถเข็นที่เข็นกระเป๋ากำลังจะถูกเข็นผ่านโดยที่พนักงานมองไม่เห็นเด็กหญิงตัวเล็กคนนั้น แต่แล้วร่างเล็กก็ถูกร่างที่โตกว่าคว้าเข้าไปในอ้อมกอด ทั้งคู่ล้มลงไปบนพื้นแต่ดีที่เด็กหญิงไม่ได้รับบาดเจ็บ และคนที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเช่นกัน
“ไม่เป็นไรใช่ไหม”
สำเนียงภาษาอังกฤษชัดเจนดังขึ้นจากเด็กชายที่โตกว่าคนตัวเล็กที่ในมือยังมีตุ๊กตาต้นเรื่อง เด็กหญิงส่ายใบหน้าไปมา เด็กชายจึงยิ้มให้เธอด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
“นายน้อย... ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ” ฝรั่งที่สวมสูทหลายคนวิ่งเข้ามาดูแลเด็กชาย
“ฉันไม่เป็นอะไร อืม... ระวังหน่อยนะตัวเล็ก ที่ไหนที่มีคนเยอะๆ มันไม่ค่อยปลอดภัยหรอก” เขาประคองเด็กหญิงให้ลุกขึ้นก่อนที่จะส่งยิ้มให้อีกครั้งแล้วเดินจากไปพร้อมกับฝรั่งที่สวมสูทสองคน
อารีญาไม่ทันได้เห็นเหตุการณ์แต่ได้ยินคนคุยกันว่ามีเด็กหญิงลูกครึ่งเกือบถูกรถเข็นกระเป๋าชน เธอที่โหลดกระเป๋าและเช็กอินเสร็จพอดี เธอจึงรีบเดินตามหาบุตรสาวของตนจนได้พบเด็กหญิงยืนโบกมือหย็อยๆ ให้กับใครบางคนที่น่าจะเดินจากไปได้ไม่นาน มือเล็กข้างหนึ่งกอดตุ๊กตาเอาไว้ อารีญาตกใจรีบวิ่งเข้าไปรวบร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอด
“ฮาน่า หนูไม่เป็นไรใช่ไหมคะลูก” เธอผละอ้อมแขนออกก่อนที่จะสำรวจร่างเล็กของบุตรสาวแล้วผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ
“พี่ชายเขาช่วยหนูไว้ค่ะแม่ เขายิ้มสวย ผมสีบรอนด์ทองของเขาสวยมากเลยค่ะ” เด็กหญิงชมเด็กหนุ่มที่ช่วยเหลือเธอออกมาด้วยรอยยิ้ม
“สักวันหนูจะได้พบเขาอีกไหมคะแม่ญา” เธอเอ่ยถามมารดาออกมาด้วยความไร้เดียงสา
“ถ้ามีวาสนาต่อกันสักวันหนูกับพี่เขาก็คงมีโอกาสได้เจอกันอีกแน่จ๊ะ ไปกันเถอะนะลูก ไปหาอะไรกินกันก่อนที่เราจะไปหาแด๊ดนะ” เด็กหญิงยิ้มร่า
อลินายังจดจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ดี แม้เรื่องราวจะผ่านมานานเกือบสิบห้าปีแล้วก็ตาม เธอยังแอบคาดหวังว่าสักวันหนึ่ง เธอจะได้เอ่ยคำขอบคุณเขา ที่เขาเคยช่วยชีวิตน้อยๆ ของเธอเอาไว้ แม้สถานะของเธอในตอนนี้จะไม่เหมาะที่จะคิดถึงผู้ชายคนอื่นแล้วก็ตามที
เปลือกตาบางปิดลงเมื่อเครื่องทะยานสูงขึ้นเหนือท้องฟ้าเมืองชิคาโก หญิงสาวเลือกนั่งชั้นธุรกิจเพราะสามีที่ดูท่าจะร่ำรวยของเธอให้บัตรเครดิตติดตัวมา แม้เธอจะเกรงใจที่ต้องใช้เงินของเขาในเรื่องส่วนตัว แต่เธอก็ไม่อาจทนที่จะต้องนั่งชั้นประหยัดให้ปวดเนื้อปวดตัว เพราะการเดินทางไปยังประเทศไทยนั้นใช้เวลาค่อนข้างนาน ชีวิตใหม่ที่สงบสุขของเธอหลังจากนี้คือชีวิตที่เธอต้องการ
“เดลก็กินบ้างสิคะ มัวแต่แกะให้ฮาน่า คุณไม่กลัวฮาน่าอ้วนเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถามสามียิ้มๆ“ลูกสามแล้วหุ่นยังดีอยู่เลย เอาตรงไหนมาอ้วน อีกอย่าง...เราก็ออกกำลังกายกันทุกวัน” เขาตอบเธอพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อลินารู้ดีว่าออกกำลังกายที่เขาเอ่ยถึงในที่นี้คือการออกกำลังกายแบบไหน หญิงสาวหลบตามองกุ้งในจานแล้วตักขึ้นมากินเลิกสนใจสามีจอมหื่นที่แม้จะลูกสามแล้วแต่ทว่าเรื่องบนเตียงกลับไม่เคยแผ่ว เอเดนหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่จะยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ สายตากรุ้มกริ่มก็มองไปยังภรรยาภายในห้องพักสุดหรูของโรงแรมใจกลางกรุงฯ เสียงของเครื่องปรับอากาศกำลังทำงานดังปะปนกับเสียงครางทุ้มหวานของชายหญิงบนเตียงกว้าง“อื้อ....อ๊า....” เสียงหวานครางออกมาในขณะที่ร่างสูงใหญ่กำลังเคลื่อนไหวอยู่บนกายเธอ“ดีไหม...หืม...” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนใต้ร่างที่กำลังแสดงสีหน้าเย้ายวนออกมา“ดะ...ดี....อ๊า.....”บั้นท้ายหนากดกระแทกเข้าออกช่องทางรักสีหวานของหญิงสาวในจังหวะที่เร็วและแรงขึ้นทำให้เธอแทบจะหายใจไม่ทันกับบทรักที่ร้อนแรงของฝรั่งหนุ่ม“อิงค์....อา......”เสียงทุ้มครางชื่อของหญิงสาวที่กำลังร่วมรักออกมาพร้อมกับพาหญิงสาวไปถึงปลายทางที่เรี
สองปีต่อมางานแต่งงานที่ผู้หญิงทั้งหลายใฝ่ฝันอยากจะมีสักครั้งกำลังปรากฏอยู่เบื้องหน้า สถานที่จัดงานเป็นชายหาดที่มีเม็ดทรายสีขาวสะอาดตา ซึ่งเป็นชายหาดทะเลทางภาคใต้ของประเทศไทยนั่นเอง แขกที่ได้รับเชิญให้มาร่วมงานนั้นมีเพียงแค่ญาติและเพื่อนสนิทของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น เจ้าบ่าวเจ้าสาวต่างสัญชาติยืนยิ้มแย้มถ่ายภาพกับเพื่อนๆ เพื่อเก็บเอาไว้เป็นความทรงจำที่ดี“ร้อนหน่อยนะคะบุ๊ซ”เสียงหวานบอกเจ้าบ่าวสุดหล่อของเธออย่างห่วงใยพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้เขา สำหรับเธอนั้นเคยชินกับอากาศร้อนของประเทศไทยอยู่แล้วจึงไม่มีปัญหาอะไร แต่คงจะไม่ใช่กับเขาที่มาจากเมืองหนาว“ไม่ร้อนเท่าไหร่เลยที่รัก” เขาตอบกลับพลางมองใบหน้าสวยที่แต่งแต้มเครื่องสำอางบางเบา แต่ก็ยังคงมองดูสวยงามในสายตาของเขา“ขอแสดงความยินดีด้วยอีกครั้งนะคะพี่พุดซ้อน วันนี้พี่พุดซ้อนสวยกว่าทุกวันเลยค่ะ”อลินาเอ่ยแสดงความยินดีพลางพูดแซวอดีตผู้จัดการส่วนตัวออกมายิ้มๆ อีกหน่อยพุดซ้อนก็จะได้ย้ายตามบุ๊ซไปอยู่ที่อเมริกา และงานที่เธอจะทำที่นั่นก็คือพี่เลี้ยงเด็ก ส่วนเด็กที่ว่าก็คือลูกคนที่สามของเธอกับเอเดนนั่นเอง เธอตั้งครรภ์หลังกลับจากฮันนีมูนที่ประ
“อืม....เห็นว่าผลงานของน้องฮาร่าสามารถขายได้ถึงหนึ่งล้านเลยไม่ใช่เหรอ” เมริสาก็ได้ยินข่าวเรื่องนี้มาบ้างเช่นกัน สองสาวนั่งสนทนากันเพราะไม่ได้เจอกันมานานหลายปี ส่วนมาเฟียหนุ่มกับเพื่อนสนิทอย่างฮิวโกก็นั่งจิบบรั่นดีอยู่ไม่ไกล“ขยันจังนะนายเนี่ย เผลอแป๊บเดียวเป็นคุณพ่อลูกสองละฮ่าๆๆ” ฮิวโก้เอ่ยแซวเพื่อนสนิทออกมา“หึๆ ทำมาเป็นพูด นายก็ลูกหนึ่งแล้วไหม พอฉันมีเจ้าฮาล นายก็มีน้องเค้กพร้อมกับฉันเลยนี่นา”เอเดนสวนกลับเพื่อนสนิททันที สองหนุ่มยกแก้วบรั่นดีขึ้นมาชนกันอย่างรู้ใจ บอดี้การ์ดทั้งสองของเอเดนทำหน้าที่ปิ้งบาร์บีคิวให้กับพวกเจ้านายอย่างเชี่ยวชาญ นั่นก็เป็นเพราะตอนอยู่เมืองชิคาโก้ เจ้านายจะพาครอบครัวออกไปปิกนิกตามสวนสาธารณะอยู่บ่อยๆ หน้าที่เหล่านี้จึงกลายเป็นของพวกเขาไปโดยปริยาย“เห้ย!!! มัวแต่มองอะไรน่ะบุ๊ซ เนื้อจะไหม้แล้วเนี่ยเดี๋ยวก็โดนเจ้านายด่าหรอก” เกริกโวยวายใส่เพื่อนสนิททันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเหม่อมองไปยังคุณหนูทั้งสาม“เห็นเด็กๆ แล้วอยากมีลูกกับเขาบ้าง” บุ๊ซเอ่ยออกมายิ้มๆ ไม่สมกับใบหน้าสุดโหดของตนจนเกริกต้องหัวเราะออกมา"ฮ่าๆๆๆ เมียยังไม่มีเลย อยากจะมีลูกซะแล้ว นายไม่คิดข้ามขั
แสงแดดที่เริ่มลดความร้อนแรงลงไปตกกระทบกับผิวน้ำทะเลที่กำลังซัดคลื่นเข้าฝั่งเสียงดังซ่า...ซ่า มองดูแล้วช่างเป็นบรรยากาศที่เหมาะกับการมาพักผ่อน นัยน์ตากลมจ้องมองไปยังร่างเล็กทั้งสองที่กำลังวิ่งเล่นกับคนตัวโตอยู่ที่ริมชายหาด ริมฝีปากอิ่มเผยรอยยิ้มออกมา ก่อนที่ใบหน้างามจะสัมผัสกับความเย็นของเครื่องดื่มที่ผู้เป็นสามีส่งมาให้“ขอบคุณค่ะที่รัก”เสียงหวานเอื้อนเอ่ยออกมาก่อนที่จะยกแก้วพั้นซ์ขึ้นมาจิบ อลินาใช้เวลานานกว่าที่คิดกว่าจะได้กลับมาเยือนประเทศไทยก็เป็นวันครบรอบแต่งงานสามปีของเธอกับสามีแล้ว และการมาในครั้งนี้ยังมีลูกน้อยมาด้วยถึงสองคน“วันนี้ฮิวโก้จะพาคุณเมย์มาที่นี่ด้วย”“น้องเค้กมาด้วยกันไหมคะ”อลินาเอ่ยถามถึงลูกสาวของเพื่อนสนิท เมริสาแต่งงานกับฮิวโก้เมื่อสองปีก่อน และทั้งคู่ก็มีทายาทกันเลยซึ่งตอนนั้นอลินาตั้งท้องลูกคนที่สองพอดี เท่ากับตอนนี้ลูกสาวของเพื่อนสนิทอายุเท่ากับลูกชายคนเล็กของเธอ“มาครับ คุณก็รู้ว่าน้องเค้กติดพ่อของเธอมากขนาดไหน”“ดีจังเลยค่ะ เด็กๆ จะได้มีเพื่อนเล่นเพิ่ม สงสารพวกบุ๊ซกับเกริก ทำงานให้คุณก็เหนื่อยพอแล้วยังต้องมาเป็นเพื่อนเล่นกับลูกของเราอีก” อลินามองไปยังสองบอ
“คุณเป็นอะไรที่รัก ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าหืม...”น้ำเสียงที่อ่อนโยนของสามีทำให้อลินายิ้มออกมา เขาไม่เคยแสดงความเห็นแก่ตัวกับเธอ ความจริงแล้วเขาจะทำต่อก็ได้ แต่ว่าเขายอมหยุดเพียงเพราะได้ยินว่าเธอรู้สึกไม่ดี“ฮาน่าก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ สองสามวันมานี้ฮาน่ารู้สึกเพลียๆ”“คุณทำงานจนไม่นอนพักกลางวันใช่ไหม” เขาถามออกมาด้วยความสงสัย เพราะแน่นอนว่าตอนกลางคืนเขาและเธอมักจะใช้เวลาบนเตียงร่วมกัน“ฮาน่าก็นอนนะคะเดล อืม... มีอีกอย่าง ฮาน่ารู้สึกว่าช่วงนี้หิวบ่อย เหมือนจะอ้วนขึ้นด้วยนะคะ” เธอลูบลงไปบนหน้าท้องที่ดูมีไขมันขึ้นเล็กน้อย แต่ในสายตาของเอเดนมันก็ยังคงแบนราบอยู่ดี“ไม่อ้วนเลยที่รัก แต่ผมรู้สึกว่าคุณดูสวยมากขึ้นนะ”เขาดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดพลางกระซิบบอกเพื่อให้ภรรยามั่นใจ อลินานึกสงสัยกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย แต่ก็ยังไม่อยากคิดไปไกล ทางที่ดีเธอคงต้องตรวจดูให้แน่ใจ“อืม...อาทิตย์หน้าผมว่างแล้วล่ะ เราไปฮันนีมูนที่ประเทศไทยกันดีไหม เราแต่งงานกันมาสามเดือนแล้วยังไม่ได้ไปฮันนีมูนกันเลย” เสียงทุ้มที่ดังออกมาเรียกสติของอลินาที่กำลังหลุดลอยไป“ดะ...ดีค่ะ ฮาน่าคิดถึงเมย์กับพวกพี่ๆ ที่บริษัท วิดิโอคอ
หลังจากอลินาแต่งงานกับเอเดนอย่างเป็นทางการ เธอก็ได้ทำหน้าที่ภรรยาของเอเดนอย่างเต็มตัว แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะค้นหาในสิ่งที่เธอชอบ จนในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเขียนบทความลงในบล็อกส่วนตัว เธอใช้ประโยชน์จากการที่เธอรู้และพูดได้หลายภาษา แปลบทความของเธอเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาเยอรมันและภาษาญี่ปุ่น ทำให้เธอมีนักอ่านหลากหลายสัญชาติทั่วโลกที่กลายมาเป็นแฟนตัวยงของเธอ เรื่องฮันนีมูนที่เคยวางแพลนเอาไว้ก็ต้องเลื่อนออกไปก่อน เพราะงานของสามีที่ต้องจัดการให้อยู่ตัว ก่อนที่จะทิ้งงานแล้วพาเธอกลับไปเยือนประเทศไทย“กำลังทำอะไรอยู่หืม....ที่รัก” เสียงทุ้มดังมาจากด้านหลังของคนที่กำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะบริเวณสวนของเพ้นส์เฮ้าท์สุดหรูแห่งนี้“กำลังเขียนบทความอยู่ค่ะ วันนี้ที่กาสิโนมีเรื่องยุ่งยากไหมคะ”เธอละมือจากงานที่ทำแล้วหันไปสนใจสามีที่เพิ่งกลับมาจากคาสิโน หลังจากแต่งงานกัน เอเดนก็ได้พาเธอไปดูธุรกิจทุกอย่างที่เขากำลังทำอยู่ แม้ลึกๆ ในใจอลินาจะรู้สึกกังวลกับงานของสามี แต่เธอก็คงจะให้เขาเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นไม่ได้ เพราะนี่คือสิ่งที่ตระกูลของเขาทำมาเนิ่นนาน ในเมื่อเธอรักเขาเธอก็ต้องยอมรับในตัวตนของเขาเช
ความคิดเห็น