“ดูคุณยังเป็นกังวลนะ เลออง”
โรเบิร์ตเอ่ยเสียงเรียบหลังจากสังเกตเห็นว่าตั้งแต่กลับเข้าห้องพักมาในเวลาเกือบสองทุ่ม ชายหนุ่มก็เอาแต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด สลับถอนหายใจหนัก ๆ เป็นอย่างนี้มาเกือบชั่วโมงแล้ว
“ถ้าเป็นเรื่องเมื่อตอนกลางวัน ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว เพราะว่า...”
“ขอบคุณมากครับลุง เรื่องนั้นผมวางใจลุงเสมอ”
เลอองชิงบอกก่อน
“ถ้าอย่างนั้น ผมควรจะทราบหรือไม่ว่าเรื่องอะไรที่ทำให้คุณกลุ้มอกกลุ้มใจมากขนาดนี้”
“มัน...ชัดเจนมากเลยหรือครับ”
“พอสมควร”
เลขาฯ วัยหกสิบเลื่อนสมุดปกหนังไปอีกทาง และประสานมือใต้คาง เป็นกริยาที่เขามักทำเวลาจะตั้งใจรับฟังเรื่องที่สำคัญของเลออง
ท่าทางแบบนี้ทำให้เลอองไว้ใจโรเบิร์ตมาเสมอ แต่แปลก...ครั้งนี้เขากลับลังเลที่เอ่ย
“คือ...ผมรู้สึกไม่ค่อยดีน่ะ”
เลอองเกริ่น ก่อนจะเล่าเรื่องที่ลลิลฉีกเช็คที่เขามอบให้เธอให้โรเบิร์ตฟัง
คนเป็นเลขาฯ ปล่อยให้เจ้านายเล่าจนจบ นึกแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นเลอองเก็บเรื่องเล็กน้อยแบบนี้มาเป็นกังวลแต่ก็ไม่เอ่ยถึงข้อสังเกตนี้ออกไป
ได้แต่ออกความเห็นอย่างเป็นกลาง
“คุณผู้ช่วยคนนั้น เธออาจนึกไม่ถึงว่าจะได้รับคำขอบคุณด้วยวิธีนั้น"
“ผมไม่ได้คิดจะดูถูกเธอแม้สักน้อย”
“ใช่...คุณไม่คิด แต่บางครั้งคนอื่น ๆ ก็ไม่เคยชินกับการที่คุณใช้เงินเป็นคำตอบในทุกเรื่อง”
โรเบิร์ตพูดแล้วก็อดหัวเราะตัวเองในใจไม่ได้
เพราะเขาเองก็มักจะเป็นคนช่วยเหลือเจ้านายหนุ่มจัดการงานต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จโดยใช้เงินทองของมีค่ามาโดยตลอด
“แล้วมันผิดตรงไหนหรือครับ การพูดคุยด้วยตัวเลขมันเป็นวิธีการที่ตรงไปตรงมาที่สุดแล้ว”
เลอองเอ่ยขัดใจ ท่าทางเหมือนเด็กหนุ่มสักคนกำลังโวยวายที่ถูกทำโทษโดยไร้เหตุผล
“ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องโกรธ ในเมื่อสิ่งที่ผมทำไปก็เพื่อจะไม่มีใครเสียเปรียบใคร ใช้เงินมันผิดตรงไหน มันตรงไปตรงมา คนที่รับเงินก็ไม่ต้องคาดหวังอะไรกันไปผิด ๆ เพราะทุกครั้งที่ผมจ่าย ก็ชัดเจนเสมอว่าอะไรที่ผมต้องการเพื่อแลกกับเงินนั่น ผมไม่เคยต้องไปบังคับขู่เข็ญอะไรใครสักหน่อย...”
“แต่บางครั้งคำขอบคุณมันตีเป็นตัวเงินไม่ได้ คุณคิดว่าถ้าไม่ได้ผู้หญิงคนนั้นมาขวางไว้ จะเกิดความเสียหายอะไรกับใครอีกบ้าง และความเสียหายพวกนั้น มันตีค่าเป็นตัวเงินได้จริง ๆ หรือ"
โรเบิร์ตพูดนิ่ม ๆ
และเลอองก็รู้ทันทีว่าเขาพลาดไป...
ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำไปด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่นั่นก็ทำให้เมลิสาและเขาปลอดภัย สิ่งที่เขาควรทำคือแสดงความขอบคุณด้วยวิธีที่ละมุนละไมและจริงใจกว่านี้...
ไม่ใช่แค่ยื่นเช็คให้เหมือนเธอเป็นแค่สตันท์แมนที่เขาจ้างมารับบทเสี่ยงตายให้ก็เท่านั้น
“คุณมีคำแนะนำอะไรให้ผมอีกมั้ย โรเบิร์ต”
โรเบิร์ตส่ายหน้าน้อยๆ ลุกขึ้นเตรียมตัวกลับไปพักผ่อน
“ถ้าคุณคิดว่าเรื่องนี้สำคัญ ก็แค่ไปขอโทษเธอ แต่ถ้าไม่...ก็ปล่อยมันไปเถอะ ประเดี๋ยวคุณก็จะลืมมันเอง”
ชายชราตอบก่อนขอตัวไปนอน... * * * * *
เลอองทำตามที่เขารับปาก คือส่งบอดี้การ์ดร่างใหญ่มาดูแลเมลิสาถึงสองคน และยังอำนวยความสะดวกด้วยรถแวนพร้อมคนขับรถเพื่อคอยรับส่งเวลานางแบบสาวไปทำงานหรือต้องการเดินทางไปไหนมาไหน
เมลิสามองรถแวนสีดำที่มาจอดรอหน้าประตูบ้านทุกวันอย่างปลื้มใจ แต่ลลิลแอบเบ้ปากอยู่ข้างหลัง เธอเสียความรู้สึกที่เคยหลงไปกับหน้าตาหล่อเหลาและความสุภาพของเขา แต่ก็รู้แล้วว่ามันเป็นแค่หน้ากาก เลอองตัวจริงก็แค่ผู้ชายหน้าเงินและถนัดแต่ใช้เงินคนหนึ่งเท่านั้น...เป็นอย่างข่าวลือที่เคยได้ยินมานั่นจริง ๆ
แต่ลลิลก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเองทำไมต้องโกรธและพาลไม่ชอบหน้าเขาไปแบบนี้ ทั้งที่เป้าหมายอย่างเดียวของเธอตอนนี้ก็คือการเก็บเงินให้ได้มากที่สุด
ในเมื่อเธอเองก็เห็นเงินเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง...แล้วทำไมต้องโกรธเขาด้วย เธอน่าจะรีบ ๆ รับเงินทำขวัญที่เลอองยื่นให้ ตัวเลขเป้าหมายในบัญชีของเธอจะได้ขยับเพิ่มขึ้นอีกนิด
“เราคิดว่าตัวเองเป็นใครหรือ เป็นหนึ่งในนางแบบสาว ๆ ค่าตัวแพงระยับพวกนั้นหรือไง จึงได้หวังให้เขามาทำอ่อนโยนเอาใจด้วยอีกคน...บ้าชะมัด"
หญิงสาวนึกทับถมตัวเอง ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่มากเกิน เริ่มทำให้ลลิลนึกอยากหลุดออกจากแวดวงนี้ แล้วไปมีชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอจริง ๆ
เธอสื่อสารภาษาอังกฤษได้ค่อนข้างดี...ก็ไม่น่าจะยากนักสำหรับการเริ่มต้นงานใหม่ ๆ ที่เงินเดือนสมน้ำสมเนื้อ
หญิงสาวเริ่มครุ่นคิดไว้ในใจ คงอีกไม่นานหรอกที่เธอจะขอลาออกจากงานนี้ ลาจากบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เกิดแต่มันก็ไม่ได้เป็นของเธอ ลาจากเพื่อที่จะไปไกล ๆ จากวงการที่เต็มไปด้วยการให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกแต่เพียงอย่างเดียว...
“ลิล...ลลิล!”
ผู้ช่วยสาวสะดุ้งเพราะกำลังเหม่อ เมลิสามองด้วยแววตาขุ่นเล็กน้อย
“ได้ยินที่ฉันพูดมั้ย”
“เอ่อ...คุณเมว่าอย่างไรนะคะ”
“ฉันบอกว่าถ่ายแบบวันนี้เธอไม่ต้องตามเข้าไปก็ได้”
“ทำไมล่ะคะ”
นางแบบสาวถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายที่ต้องพูดอะไรซ้ำสอง
“บอกแล้วไงว่าคุณเลอองเขาเตรียมคนไว้ดูแลฉันแล้ว ช่างภาพระดับโลกคนนี้ก็เป็นเพื่อนสนิทกับเขา...มีแต่คนกันเองทั้งนั้น...”
“อย่างนั้นก็ได้ค่ะ เดี๋ยวลิลรออยู่ข้างนอกสตูก็แล้วกัน”
เมลิสามองอย่างเย็นชาอีกครั้งก่อนจะเดินเชิดหน้าเข้าสตูดิโอโดยมีบอดี้การ์ดเดินตามประกบ
ลลิลมองไปรอบ ๆ สถานที่ถ่ายแบบวันนี้ นึกสบายใจที่ไม่ต้องตามไปรับใช้นางแบบสาวอีก ประเดี๋ยวไปหากาแฟกับขนมเค้กอร่อย ๆ กินให้สบายใจดีกว่า
“เธอก็มาด้วยหรือ”
น้ำเสียงคุ้นหูดังขึ้น ลลิลหันขวับก่อนจะเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับดวงตาสีฟ้าสดใส
เลอองยิ้มให้ แต่ลลิลไม่ยิ้มตอบ
“คุณเมล่ะครับ อยู่ในสตูดิโอแล้วสินะ”
“ใช่...ค่ะ”
ลลิลตอบอย่างห่างเหิน วันนี้ความหล่อเหลากับบุคลิกผู้รากมากดีของเขาไม่มีผลต่อความรู้สึกของเธออีกต่อไปแล้ว
“คุณยังโกรธผมอยู่”
“เปล่าค่ะ”
“สีหน้าคุณมันฟ้อง คุณคงคิดว่าผมดูถูกคุณ”
“ก็หรือไม่จริง”
“ไม่จริงครับ”
เลอองตอบชัดถ้อยชัดคำ
“ถ้าทำให้คุณต้องเข้าใจไปอย่างนั้น ผมคงต้องขอโทษอีกครั้งจากใจ ผมยอมรับผิดว่าที่ทำไปเป็นเรื่องไม่สุภาพ ผมควรมีมารยาทมากกว่านั้น...ไม่ทราบว่าคุณจะยกโทษให้ผมได้หรือเปล่า”
ลลิลอ้ำอึ้ง ไม่คิดว่าจะเจอคำพูดแบบนี้
“คุณท่องจำมาเลยหรือเปล่าคะนี่”
เธอถามเย้ย ๆ
“อ้าว! ผมพูดดี ๆ ทำไมพูดแบบนี้เสียล่ะ”
เลอองนึกฉุนขึ้นมา แสดงความขอบคุณก็ถูกด่าว่าใช้เงินฟาดหัว แต่พอแสดงความจริงใจ ก็ถูกว่าท่องจำมาเสียอีก
“คุณนี่มองโลกในแง่ร้ายกว่าที่ผมคิดจริง ๆ นะ”
“ก็เรื่องของฉัน”
ลลิลบ่นอุบอิบ ไม่นึกอยากเจอหน้าเขาเลยในตอนนี้
“ผมหวังว่าสักวันคงมีโอกาสแก้ตัวเรื่องที่ทำให้คุณขุ่นข้องหมองใจ แต่ตอนนี้ผมขอตัวก่อนนะครับ คุณผู้หญิง...”
เลอองยิ้มหล่อเหลาให้อีกครั้ง ก่อนใช้สิทธิ์ความเป็นเพื่อนกับช่างภาพระดับโลกเดินตามเข้าไปในสตูดิโอที่เมลิสาเข้าไปก่อนหน้า ลลิลเผลอมองตาม หัวใจเต้นแปลกๆ ...
เลออง...ผู้ชายอันตรายที่เธอควรอยู่ให้ห่างไกล ไกลมากเท่าไหร่ได้ยิ่งดี
“มิสเตอร์เดอวีแลล!”พนักงานและบอดี้การ์ดกระโจนเข้าชาร์จตัวหญิงสาวทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนออกมาจากหลังกระถางต้นไม้ต้นหนึ่งหน้าโรงแรม เลอองหันขวับแล้วก็เห็นคนที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น“ลลิล!”เท้าลลิลแทบจะถูกหิ้วสูงจากพื้นด้วยฝีมือของบอดี้การ์ดร่างใหญ่ เธอดิ้นแทบไม่ได้ด้วยซ้ำแต่ก็ยังพยายามฮึดฮัดต่อสู้“ปล่อยฉันนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้!”“ปล่อยเธอ...”ชายหนุ่มสั่ง บอดี้การ์ดทั้งสองจึงยอมปล่อยมือ แววตาของเลอองแสดงอาการยินดีอย่างปิดไม่อยู่ รอยยิ้มกว้างของเขาเตรียมพร้อมที่จะทักทายเธอแต่รอยยิ้มนั้นก็ชะงักค้างทันทีเมื่อลลิลเดินอาด ๆ มาผลักเขาเต็มแรงท่ามกลางความตกตะลึงของทุกสายตาที่มองอยู่แน่นอนว่าเลอองไม่สะเทือนไหวกับแรงผลักนั่นแม้แต่น้อยนิด เขาก้มลงมองคนตรงหน้าที่หน้าตาเหมือนไปกินรังแตนที่ไหนมาด้วยความงุนงง“คุณถือดียังไงมาฝากงานให้ฉัน คุณมายุ่งเรื่องฉันทำไม ไอ้คนทุเรศ!”เสียงอุทานและคำรามดังขึ้นเบา ๆ จากเหล่าบอดี้การ์ดทันทีที่ได้ยินประโยคนั้นของหญิงสาว ติดที่ว่าเลอองยืนขวางไว้ไม่อย่างนั้นหญิงสาวคงถูกหิ้วปีกออกไปโยนกองบนถนนเป็นแน่ เลอองยังยืนนิ่ง แต่แววตาดีใจหายไปแล้ว เขารู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอย่
เลอองหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างเหนื่อยอ่อนพลางยุดมือหญิงสาวไว้ก่อนที่จะเลื่อนลงต่ำไปกว่านั้น“คุณนี่ร้อนแรงกว่าที่ผมคิดเยอะเลยนะ เมลิสา”“เฉพาะกับคุณเท่านั้นแหละค่ะ”นางแบบสาวบอก เอียงหน้าซบไหล่เขา"คุณมีเสน่ห์มากเลยนะคะเลออง มาก...จนเมกลัวว่าเมจะหลงคุณจนโงหัวไม่ขึ้น”“แสดงว่าคุณยังไม่หลง”“แล้วอยากให้เมหลงมั้ยล่ะคะ”น้ำเสียงบอกว่าจริงจัง ชายหนุ่มกลับหัวเราะเห็นเป็นเรื่องตลก“ผู้หญิงอย่างเมลิสา พอร์ตแมน ไม่จำเป็นต้องลดตัวลงมาหลงใหลผู้ชายคนไหนหรอก เชื่อผมสิ”เลอองบอก แล้วพลิกตัวจูบหน้าผากเธอแรง ๆ อีกครั้งก่อนจะผละตัวออก ก้าวลงจากเตียง เดินเปลือยกายเข้าห้องน้ำไปนางแบบสาวร้อนผะผ่าวที่ขอบตา หญิงสาวฉลาดพอที่จะรู้ว่านี่คือการปฏิเสธอย่างสุภาพจากเขา...ผู้ชายที่เธอพลาดตกบ่วงเสน่ห์เข้าแล้วทั้งตัวและหัวใจ เมลิสาไม่ใช่คนเข้าใจอะไรยากและรู้ตั้งแต่ต้นว่าเธอกับเลอองจะจบลงอย่างไร แต่เมื่อถึงเวลานี้จริง ๆ ก็อดใจหายไม่ได้...“เมขออนุญาตสูบบุหรี่ได้ไหมคะ”นางแบบสาวเอ่ยถามเมื่อชายหนุ่มเดินกลับออกมาจากห้องอาบน้ำพร้อมผ้าขนหนูพันท่อนล่างหลวม ๆ เลอองบอกเธอว่าตามสบาย เขาเดาว่าเมลิสาคงกำลังหาทางทำใจของตัวเองอยู
“หนูลิล หมู่นี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า พี่ว่าเธอดูเครียดๆ นะ”ศักดารันทร์ถามอย่าห่วงใยระหว่างที่นั่งรอเมลิสาทำงานในตอนสายของวันหนึ่ง“พี่ดาด้าว่าอะไรนะคะ”“พี่ว่าเธอมีปัญหาอะไรกลุ้มใจหรือเปล่า หมู่นี้ดูเครียด ๆ เหม่อ ๆ”“อ่า...พี่ด้าสังเกตเห็นด้วยหรือคะ”“ต๊าย...เธอเห็นพี่เป็นคนใจจืดใจดำขนาดไหนกันล่ะจ๊ะ ก็ต้องสังเกตเห็นสิ คนเจอกันทุกวี่ทุกวัน” ลลิลยิ้มฝืด“ขอบคุณนะคะพี่ด้า ลิลแค่กำลังคิดเรื่องหางานใหม่น่ะค่ะ”“งานใหม่?”ศักดารันทร์ท่าทางตกใจ แม้จะได้เจอกันทุกวันแต่ลลิลก็ไม่ค่อยพูดเรื่องส่วนตัวให้ฟัง ยิ่งจะมาปรับทุกข์เรื่องการทำงานยิ่งไม่เคยได้ยิน จนหลายครั้งเขายังเผลอคิดว่าหญิงสาวคงเป็นคนที่ปราศจากความทะเยอทะยานโดยสิ้นเชิงและคงจะอยู่ทำงานกับเมลิสาไปจนกว่านางแบบสาวจะลาวงการไปเอง...การที่จู่ ๆ ลลิลพูดเรื่องงานใหม่ จึงอยู่เหนือความคาดหมายของศักดารันทร์อย่างมาก “นี่พูดจริงหรือเปล่า หรือแค่อารมณ์ชั่ววูบเพราะเหนื่อย เบื่อ น้อยใจ หรือว่ามีปัญหาอะไรที่พี่ไม่รู้""เปล่าหรอกค่ะพี่ด้า ลิลแค่อยากใช้วิชาความรู้ไปทำงานอื่นที่...เอ่อ...ท้าทายกว่านี้บ้าง”หญิงสาวตอบอย่างขัดเขิน ก็คำว่า 'งานที่ท้าทาย
ใช้เวลาอยู่หลายวันกว่าลลิลจะทำให้หัวใจเต้นเป็นปกติได้ เธอพยายามคิดว่ามันเป็นแค่อุบัติเหตุ เธอแค่เดินไปชนกับผู้ชายมักง่ายนิสัยแย่อย่างนายเลอองที่คงจะไม่มีสติสำนึกรู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ฝรั่งเศสที่จะเที่ยวได้จูบใครไปทั่วแบบนั้นสัปดาห์นี้เมลิสาไปถ่ายแบบที่ปารีสพอดีและงานนี้นางแบบสาวบอกว่าไม่จำเป็นต้องมีเธอไปด้วย มีแค่ศักดารัณไปคนเดียวก็พอแล้ว ผู้ช่วยสาวจึงเหมือนได้พักไปในตัว และวันนี้เธอก็ตั้งใจว่าจะไปเดินห้างเพื่อซื้อของใช้จำเป็นกำลังจะเดินออกจากเรือนหลังเล็กซึ่งเป็นที่พัก ชายหนุ่มร่างสูงเกินมาตรฐานชายไทยเจ้าของดวงตาสีฟ้าสดใส ก็ปรากฎตัวขึ้นบนทางเดินหินหน้าเรือนนั้น ลลิลกระพริบตาถี่ ๆ ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองในตอนแรก เมื่อแน่ใจว่านี่คือตัวเป็น ๆ ไม่ใช่เธอคิดไปเอง หัวใจหญิงสาวก็เต้นโลดขึ้นมาทันที"อรุณสวัสดิ์...กำลังจะออกไปข้างนอกหรือ"เลอองถอดแว่นตากันแดดออก เขาอยู่ในชุดกึ่งลำลองโทนสีเทาหล่อเหลาตามเคย"คุณมาที่นี่ทำไม คุณเมลิสาไม่อยู่หรอกนะ ไปถ่ายแบบที่ปารีสอาทิตย์นึง""ผมรู้แล้ว"เลอองตอบก่อนกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เรือนพักไม้ทาทับด้วยสีขาว มีต้นไม้ทั้งพืชสวนครัว ไม้ดอกไม้ประดับ ทั้งที่ป
ลลิลสะบัดฝ่ามือใส่ใบหน้าขาว ๆ ก่อนผลักเขาด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีและผลุนผลันผลักประตูหนีไฟออกไป เลอองไม่รู้สึกระคายอะไรกับรอยตบนั่นเลย แต่กลับยกมือแตะริมฝีปากตัวเองแผ่วเบาไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงที่ดูธรรมดาไปทั้งเนื้อตัวคนนั้นจะกลับมีริมฝีปากที่ให้ความรู้สึกสดและหวานขนาดนี้ ให้ตายสิ...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ ตอนแรกเขาคิดอยากจะช่วย ต่อมาก็อยากจะแหย่...แต่ทำไมกลายเป็นตัวเขาเองที่ควบคุมตัวเองไม่ได้มีอะไรในตัวผู้หญิงคนนี้ที่เย้ายวนเขาอย่างนั้นหรือ...ไม่มีหรอก! ไม่มีอะไรเลยสักอย่างเดียว! เลอองเถียงกับตัวเอง เมื่อเทียบกับผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมาและผ่านไปในชีวิต หรือแม้กระทั่งกับเมลิสาที่เขากำลังคบหาอยู่ ผู้ช่วยสาวคนนั้นช่างห่างไกลจากเธอเหล่านั้นราวฟ้ากับเหว... ที่ผ่านมาเขาชอบผู้หญิงผอมบางรูปร่างนางแบบ แต่ลลิลก็แค่ผู้หญิงรูปร่างสมส่วนค่อนไปทางเนื้อนมไข่ เขาชอบผู้หญิงผิวสีน้ำผึ้ง นวลเนียน ดูเซ็กซี่ยามที่พวกเธอเหล่านั้นเนื้อตัวฉาบไปด้วยน้ำมันบำรุงผิว แต่ลลิลคนนี้ผิวขาวเหลืองเหมือนอย่างสาวเอเชียทั่วไป เขาชอบผู้หญิงที่โครงหน้ามีเอกลักษณ์ ดูเก๋และโฉบเฉี่ยว แต่ลลิลคนนี้มีโครงหน้ารูปห
“ช่วงนี้พี่อั๋นก็งานยุ่งมากเลยสินะคะ”“ก็ประมาณนั้นแหละ แล้วลิลล่ะ เป็นยังไงบ้าง”“ลิลก็เรื่อย ๆ ค่ะ แต่ก็กำลังคิดอยู่ว่าจะลองหาอะไรใหม่ ๆ ทำดู”“ฮ้า...จริงหรือเปล่า หมายถึงงานใหม่หรือ” “ยังไม่แน่ใจค่ะ พี่อั๋นอย่าเพิ่งบอกใครนะคะ ห้ามเด็ดขาดเลย”“ได้สิ เรื่องของลิล พี่ไม่บอกใครหรอก”แววตาคมจ้องมองมาตรง ๆ และค้างนิ่งอยู่อย่างนั้น ตอนแรกหญิงสาวก็ยิ้มขอบคุณแต่วินาทีต่อมาเริ่มสัมผัสได้ว่าอรรณพมองเธอด้วยสายตาวาววามแปลก ๆ“ลิล สุดสัปดาห์นี้พอจะว่างบ้างมั้ย พวกพี่กับเพื่อนจะไปปาร์ตี้วันเกิดกันที่หัวหิน แต่พี่ไม่อยากไปคนเดียว กำลังหาเพื่อนไปด้วย”ลลิลอึกอัก ไม่รู้จะตอบเขาไปอย่างไร“อย่าคิดมากนะ พี่แค่หาคนไปด้วยจะได้ไม่เหงา พวกเพื่อน ๆ มันก็ควงแฟนกันไปหมด พี่ยังไม่มีใคร ไปคนเดียวก็ตะหงิด ๆ เราจะอยู่ในงานกันสักพักก็ได้ แล้วถ้าลิลอยากไปเที่ยวหรือไปกินอะไรเป็นพิเศษ พี่ค่อยพาไป...”อรรณพมองลลิลอย่างคาดหวัง จะว่าไปเขาก็เลียบเคียงหญิงสาวมานานแล้วแต่เธอไม่เคยรู้ตัว เห็นทีหนนี้ต้องแสดงออกไปให้ชัด ๆ จะได้รู้ว่าเขาสนใจเธอ“คือว่าลิล...”“อ้าว! คุณ...มาอยู่นี่นี่เอง คุณดาด้าเขาตามหาคุณอยู่น่ะ”เสียงดังทร
“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น”“ไม่คิด แต่ก็ทำอยู่”“แต่ผู้หญิงทุกคนรวมถึงคุณเมลิสา ต่างก็คบกับผมโดยที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่มีใครเอาเปรียบใคร มันเป็นข้อตกลงของเราสองคน”“คุณพูดเหมือนไม่เคยรักใคร เพราะถ้าคุณรักใครคุณก็คงจะเข้าใจว่าทำไมฉันบอกว่าคุณใจร้าย”เลอองหัวเราะอีก“ความรักน่ะหรือ...ไร้สาระน่า คุณนี่ไร้เดียงสากว่าที่ผมคิดอีกนะ”“ความรักเป็นเรื่องไร้สาระงั้นหรือคะ”“ก็ไม่เชิง...แค่ผมไม่สนใจ”ลลิลแสร้งถอนหายใจอย่างหนักหน่วง มองเขาเหมือนเห็นใจอย่างสุดซึ้ง“ฉันสงสารผู้หญิงของคุณจังเลย ที่ต้องคบหากับผู้ชายที่ไม่รู้จักความรัก เพราะผู้หญิงพวกนั้นก็คงจะไม่มีวันได้รับความรักจากคนอย่างคุณ”เลอองยังยิ้ม แต่แววตากระด้างขึ้น เขาชะโงกหน้ามากระซิบ“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงที่คบหากับผมเขาต้องการความรัก...สิ่งที่ผมให้กับพวกเธอเหล่านั้นมันสำคัญแล้วก็...เร้าใจ...ยิ่งกว่าความรักเสียอีก ถ้าพูดขนาดนี้แล้วคุณยังไม่เข้าใจ ไว้สักวันผมจะสาธิตให้ดูเอาไหมล่ะว่าอะไรที่มันน่าสนใจกว่าความรักเพ้อ ๆ ที่คุณว่ามานั่น”ลลิลอึ้ง เขาจงใจกวาดสายตามองเธอเหมือนจะให้ทะลุเข้าไปในเนื้อผ้า“ทุเรศ น่ารังเกียจ!”“ไม่เคยมีใครบอกว่
ลลิลเกริ่นเรื่องหางานใหม่กับมาลินี...และดูว่าแม่ของเมลิสาจะยินดีกับข่าวนี้เป็นอันมากเพราะคิดแล้วว่าผู้ช่วยคนใหม่ อย่างไรก็สามารถจ่ายค่าจ้างได้ถูกกว่าที่จ่ายให้ลลิลแน่ ๆ“ไว้แกรอให้ฉันหาคนใหม่มาให้ลูกเมได้ก่อนก็แล้วกันนะ แล้วค่อยลาออกไป...”“ได้ค่ะคุณมาลินี”“ว่าแต่แกจะไปทำมาหากินอะไร มีงานใหม่ที่ไหนแล้วหรือ”“ยังหรอกค่ะ...ไว้คุณมากับคุณเมหาคนใหม่ได้แล้ว ลิลค่อยมองหางานใหม่ก็แล้วกันค่ะ”“ก็ดี...”มาลินีตอบสั้น ๆ ระยะเวลายาวนานที่หญิงสาวคนนี่้รับใช้ครอบครัวของเธอมาไม่ได้ทำให้เกิดความอาลัยอาวรณ์เลยสักนิด ลลิลนึกน้อยใจอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็ยิ่งทำให้มั่นใจว่าดีแค่ไหนแล้วที่คิดจะออกจากบ้านหลังนี้ เพราะคงไม่มีใครนึกเห็นคุณค่าในตัวเธอขึ้นมาได้แม้จะอยู่ไปจนตายก็ตามแม้แต่เมลิสาเมื่อได้ทราบว่าลลิลอาจจะลาออกในไม่ช้า ก็ยังไม่แม้แต่พูดจารั้งไว้ เพราะเธอกำลังคลั่งไคล้ใหลหลงอยู่กับเลอองจนไม่สนใจเรื่องอื่น...ชีวิตของผู้หญิงอย่างลลิลนี่มันช่างต่ำต้อยจนหาคนมาใยดีไม่ได้เลยจริง ๆ...* * * * *นิตยสารรับสมัครงานเล่มโตถูกกางเต็มโต๊ะเล็ก ๆ ในร้านกาแฟหอมกรุ่นแห่งนั้น ลลิลกำลังนั่งเปิดพลิกทีละหน้าอย่างพินิจพิ
“ดูคุณยังเป็นกังวลนะ เลออง”โรเบิร์ตเอ่ยเสียงเรียบหลังจากสังเกตเห็นว่าตั้งแต่กลับเข้าห้องพักมาในเวลาเกือบสองทุ่ม ชายหนุ่มก็เอาแต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด สลับถอนหายใจหนัก ๆ เป็นอย่างนี้มาเกือบชั่วโมงแล้ว“ถ้าเป็นเรื่องเมื่อตอนกลางวัน ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว เพราะว่า...”“ขอบคุณมากครับลุง เรื่องนั้นผมวางใจลุงเสมอ”เลอองชิงบอกก่อน“ถ้าอย่างนั้น ผมควรจะทราบหรือไม่ว่าเรื่องอะไรที่ทำให้คุณกลุ้มอกกลุ้มใจมากขนาดนี้”“มัน...ชัดเจนมากเลยหรือครับ”“พอสมควร”เลขาฯ วัยหกสิบเลื่อนสมุดปกหนังไปอีกทาง และประสานมือใต้คาง เป็นกริยาที่เขามักทำเวลาจะตั้งใจรับฟังเรื่องที่สำคัญของเลอองท่าทางแบบนี้ทำให้เลอองไว้ใจโรเบิร์ตมาเสมอ แต่แปลก...ครั้งนี้เขากลับลังเลที่เอ่ย“คือ...ผมรู้สึกไม่ค่อยดีน่ะ”เลอองเกริ่น ก่อนจะเล่าเรื่องที่ลลิลฉีกเช็คที่เขามอบให้เธอให้โรเบิร์ตฟังคนเป็นเลขาฯ ปล่อยให้เจ้านายเล่าจนจบ นึกแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นเลอองเก็บเรื่องเล็กน้อยแบบนี้มาเป็นกังวลแต่ก็ไม่เอ่ยถึงข้อสังเกตนี้ออกไปได้แต่ออกความเห็นอย่างเป็นกลาง“คุณผู้ช่วยคนนั้น เธออาจนึกไม่ถึงว่าจะได้รับคำขอบคุณด้วยวิธีนั้น"“ผมไม่ได้คิดจะดูถูกเธอแม้