ชะตารักฮูหยินจำเป็น

ชะตารักฮูหยินจำเป็น

last updateDernière mise à jour : 2025-01-17
Par:  Shine-MonthEn cours
Langue: Thai
goodnovel18goodnovel
10
4 Notes. 4 commentaires
85Chapitres
7.5KVues
Lire
Ajouter dans ma bibliothèque

Share:  

Report
Overview
Catalog
Scanner le code pour lire sur l'application

ในเมื่อไม่ได้เป็นที่รักของครอบครัว แล้วไหนจะถูกถอนหมั้นอีก ฉะนั้นการแต่งงานครั้งนี้ข้าจะเป็นคนเลือกเอง ต่อให้ต้องแต่งกับแม่ทัพที่ขึ้นชื่อว่า 'ร้ายกาจ' และ 'อัปลักษณ์' ข้าก็ยอม...

Voir plus

Chapitre 1

บทที่ 1

กองทัพขนาดใหญ่เคลื่อนพลกลับมายังเมืองหลวง หลังจากที่พวกเขาได้ออกรบปกป้องบ้านเมืองเป็นเวลาช้านาน หลังจากที่ถูกแคว้นจ้าวรุกรานทำศึกประชิดแคว้น ทำให้ชินอ๋องอย่าง ‘เหลียงซินเผิง’ ทูลขออนุญาตฮ่องเต้ยกกองทัพไปทำศึกด้วยตนเองโดยมีสหายคู่ใจอย่าง ‘หวงหยางหมิง’ ที่มีตำแหน่งเป็นรองแม่ทัพประจำกองทัพออกไปรบด้วย

ศึกนี้กินเวลายาวนานถึงหกปีเพราะนอกจากจะต้องป้องกันชายแดนของตัวเองแล้ว ชัยชนะครั้งนี้ยังทำให้แคว้นจ้าวและชนเผ่าตี๋ที่ยกทัพมาทำศึกกับแคว้นฉินพร้อมกันนั้นยอมศิโรราบแต่โดยดี แคว้นฉินจึงมีชื่อเสียงในการรบและกองทัพที่แข็งแกร่งสะท้านไปทั่วทุกสารทิศ

แคว้นหรือชนเผ่าต่าง ๆ ที่ทีแรกตั้งใจจะทำศึกกับแคว้นฉิน ต้องพากันยกทัพกลับถิ่นฐานตัวเองโดยเร็วหลังจากที่รับรู้ว่าแคว้นจ้าวและชนเผ่าตี๋พ่ายแพ้ให้กับแคว้นฉินอย่างย่อยยับ อีกทั้งข่าวลือเรื่องความโหดเหี้ยมของแม่ทัพของชินอ๋อง แต่ผู้ที่มีชื่อเสียงที่โหดเหี้ยมกว่าจนศัตรูขนานนามว่า ‘ปีศาจหน้ากากเหล็ก’ รองแม่ทัพหวงหยางหมิง บุรุษที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ คอยระวังความปลอดภัยให้ชินอ๋องและฆ่าฟันศัตรูไม่เลือกหน้า ไม่มีคำว่าปรานีให้กับเหล่าศัตรู หวงหยางหมิงตวัดดาบสะบั้นคอศัตรูได้อย่างไม่ลังเล

“ไม่ได้กลับมานาน รู้สึกเหมือนบ้านเมืองของเราจะเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย” ชินอ๋องหันไปคุยกับสหายของตัวเองที่ใส่หน้ากากเหล็กปกปิดครึ่งใบหน้า ตั้งแต่หน้าผากจนถึงจมูก มีเพียงดวงตาและช่วงล่างบริเวณปากเท่านั้นที่โผล่ออกมาให้เห็น

หวงหยางหมิงพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของชินอ๋อง เขาเองก็จากเมืองหลวงไปนาน กลับมาคราวนี้ดูเมืองหลวงเจริญขึ้นไม่น้อย ดวงตาหันไปมองรอบ ๆ ตัว มองเห็นผู้คนมากหน้าหลายตาที่ออกมาต้อนรับพวกเขา สายตาหลายคู่มองมาด้วยความดีใจและชื่นชม แต่หลายสายตาก็มองมาด้วยความหวาดกลัวเช่นเดียวกัน แต่หวงหยางหมิงเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับสายตาผู้คนเหล่านั้น เขาชินแล้วกับสายตาแบบนี้

“กลับมาแล้ว ไม่คิดจะถอดหน้ากากออกรึ”

“ไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“แต่ชาวเมืองเขาจะหวาดกลัวเจ้าเอานะ ดูสายตาที่พวกเขามองเจ้าสิ”

“เป็นเช่นนี้ดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

หวงหยางหมิงตอบด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่แยแสต่อสิ่งใด จนชินอ๋องอดขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความงุนงงไม่ได้ ที่นี่ไม่ใช่สนามรบ เหตุใดหวงหยางหมิงยังไม่ยอมถอดหน้ากากออกอีก แต่เอาเถิด ในเมื่อเจ้าตัวเขาไม่ต้องการที่จะถอด ตัวเขาเองก็ไม่บังคับซักไซ้ให้มากความ หวงหยางหมิงอาจจะมีเหตุผลบางอย่าง ก็ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้าตัวเอง เขาเป็นเพียงนายไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวอยู่แล้ว

จวนตระกูลเซียว

สตรีโฉมสะคราญผู้หนึ่งกำลังนั่งจิบชาเงียบ ๆ ที่ศาลากลางสระบัวในจวน โดยมีบุรุษที่เป็นคู่หมั้นนั่งอยู่เคียงข้าง

“อิงเอ๋อร์ เราต่างหมั้นกันนานแล้ว เหตุใดถึงยังไม่ยอมแต่งเข้าจวนข้าอีก”

หลี่ซื่อหมิน คู่หมั้นของสตรีโฉมสะคราญอย่าง เซียวเหม่ยอิง เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก เพราะคู่หมั้นของเขาแม้ว่าจะหมั้นกันเป็นเวลานานแล้ว ทว่ายังไร้วี่แววเรื่องการแต่งงาน เวลาเอ่ยถามก็มักจะได้ยินแต่คำตอบเดิม ๆ จนเขาเองก็รู้สึกเบื่อหน่ายไม่น้อย

“ข้ายังเป็นห่วงครอบครัวเจ้าค่ะ” เซียวเหม่ยอิงมักจะตอบเพียงแค่นั้น ไม่ได้อธิบายต่อว่าทำไมหรือเพราะเหตุใด จนหลี่ซื่อหมินรู้สึกรำคาญในคำพูดและกิริยาคู่หมั้นของตัวเอง

แม้ว่านางจะมีใบหน้าที่งดงาม แต่กลับมีท่าทีที่เฉยชาและใบหน้านิ่งเรียบที่ไม่แสดงออกถึงอารมณ์ใด ๆ จนบางทีหลี่ซื่อหมินคิดว่าเขาคุยกับหุ่นฟางที่เหล่าทหารใช้ฝึกซ้อมมากกว่าคุยกับมนุษย์คนหนึ่งเสียอีก

หลังจากที่ได้ยินคำตอบที่ไม่ต่างจากเดิม หลี่ซื่อหมินก็ลุกออกไปจากศาลาทันที เพราะขืนให้เขาอยู่ต่อไป เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับเซียวเหม่ยอิงเช่นกัน ตั้งแต่ที่หมั้นหมายกันมา พวกเขาคุยกันจนแทบจะนับคำได้ และนางเองก็ไม่ค่อยออกไปไหนกับเขา ส่วนมากนางจะอยู่แต่ในจวนเสียมากกว่า

หลี่ซื่อหมินเดินออกมาจากศาลาด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดรำคาญใจ เขาหันไปดูคู่หมั้นของตัวเองก็เห็นนางนั่งจิบชาอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยน ยิ่งทำให้หลี่ซื่อหมินนั้นรู้สึกไม่พอใจเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

“คุณชายหลี่ มาหาท่านพี่หรือเจ้าคะ” เสียงใสของหญิงสาวอีกคนที่เอ่ยทักชายหนุ่ม ทำให้เขาละสายตาจากเซียวเหม่ยอิงแล้วหันมามอง ก็พบกับใบหน้าที่คุ้นเคยยืนยิ้มให้เขาอยู่ เซียวลี่หง น้องสาวแท้ ๆ ของเซียวเหม่ยอิง

“ขอรับ แต่ว่ากำลังจะกลับแล้ว”

“เหตุใดถึงกลับเร็วนักเล่าเจ้าคะ หรือว่าท่านทะเลาะกับท่านพี่อีกแล้ว” เซียวลี่หง เอ่ยถามพร้อมกับสีหน้าที่แสดงถึงความห่วงใย

"..." หลี่ซื่อหมิน

“หากท่านลำบากใจที่จะพูด ไม่ต้องตอบข้าก็ได้นะเจ้าคะ ข้าเพียงแค่ไม่อยากให้ท่านกับท่านพี่ต้องทะเลาะกันแค่นั้นเอง”

หลี่ซื่อหมินมองสตรีตรงหน้าที่ทำสีหน้าคล้ายสำนึกผิดกับเขา ในใจก็นึกเอ็นดูไม่น้อย เขาอดคิดเปรียบเทียบสองพี่น้องคู่นี้ไม่ได้ คนหนึ่งนิ่งราวน้ำแข็งแต่อีกคนกลับสดใส ไม่ว่าผู้ใดก็ต่างอยากอยู่ด้วย แวบหนึ่งเขาก็คิดว่าหากคู่หมั้นของเขาเป็นเซียวลี่หงก็คงดี เขาคงจะมีความสุขไม่น้อย

กึก! เป็นเซียวลี่หงงั้นหรือ?

หลี่ซื่อหมินถึงกับรีบส่ายหัวเพื่อสลัดความคิดนี้ออกไปจากหัวตัวเอง แล้วเอ่ยถามสตรีตรงหน้าตนที่แต่งตัวงดงามคล้ายจะออกไปด้านนอก

“แล้วนี่ คุณหนูเล็กจะไปไหนรึขอรับ?”

“ข้ากำลังจะไปตลาด ไปดูเครื่องประดับใส่ไปงานเลี้ยงที่จะถึงนี้เจ้าค่ะ”

“งานเลี้ยงที่จะถึงนี้....” หลี่ซื่อหมินทำท่าครุ่นคิด “งานเลี้ยงต้อนรับเหล่ากองทัพของชินอ๋องใช่หรือไม่” หลี่ซื่อหมินเองก็เพิ่งนึกออก เพราะจวนของเขาเองก็ได้รับเทียบเชิญให้ไปร่วมงานเลี้ยงนี้เช่นกัน

งานเลี้ยงต้อนรับเหล่าทหารที่ไปร่วมออกศึกจนได้รับชัยชนะกลับมา จะมีการเลื่อนยศตำแหน่งในวันงานด้วย

เซียวลี่หงพยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มให้ “ใช่แล้วเจ้าค่ะ อยู่จวนแล้วข้ารู้สึกเบื่อเล็กน้อย เลยกะว่าจะไปเดินเที่ยวตลาดเสียหน่อย คุณชาย หลี่ไปเดินตลาดกับข้าไหมเจ้าคะ”

หลี่ซื่อหมินได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองคู่หมั้นของตนเอง ก่อนจะหันมาหาเซียวลี่หงที่ยืนมองเขาอยู่

“ตกลง” เขาไม่คิดจะปฏิเสธคำชวนของสาวงามอยู่แล้ว เขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าหากนางรู้ว่าคู่หมั้นของตนมีข่าวลือกับน้องสาวของตนเองจะมีท่าทีเช่นไร นางจะทำสีหน้าอย่างไร จะเย็นชากับเขาไปถึงตอนไหน อยากรู้เหมือนกัน

“คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูเล็กกับคุณชายหลี่เดินไปพร้อมกัน บ่าวคิดว่าพวกเขาทั้งคู่ต้องไปด้วยกันแน่นอนเจ้าค่ะ”

ลี่จินเอ่ยขึ้นมาขณะที่กำลังรินชาให้คุณหนูของตัวเอง แต่เซียวเหม่ยอิงยังไม่มีทีท่าหรือแสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา นางยังคงนั่งจิบชาเช่นเดิม สายตาจับจ้องไปยังสระบัวเหมือนกำลังมองดูอะไรบางอย่าง

“ใกล้เวลาอาหารเที่ยงแล้ว ไปเข้าครัวกันเถิด” พูดจบเซียวเหม่ยอิงก็ลุกขึ้นเตรียมตัวไปเข้าครัวทันที

“เจ้าค่ะ” ลี่จินรับคำและเดินตามหลังคุณหนูตัวเอง

เป็นภาพเคยชินของเหล่าบรรดาบ่าวไพร่ในจวนตระกูลเซียวที่เห็นคุณหนูใหญ่เข้าครัว ทำอาหารด้วยตัวเองโดยไม่สนใจว่ากลิ่นฟืนไฟหรือกลิ่นอาหารจะติดเสื้อผ้าของตัวเอง หรือนิ้วมือจะโดนมีดบาด หากเป็นคุณหนูท่านอื่นคงขยาดไปแล้ว อย่าว่าแต่เข้าครัวเลย แค่เดินผ่านยังไม่มีคุณหนูคนไหนกล้าเดินผ่าน เพราะพวกนางต่างรักสวยรักงามกันทั้งนั้น แต่กลับตรงข้ามกับคุณหนูใหญ่ตระกูลเซียวผู้นี้ ที่กำลังหมกหมุ่นกับการสับหมูเพื่อเตรียมทำอาหารอย่างตั้งใจ

ขณะที่ทุกคนกำลังจะรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน เซียวฟู่ซินเห็นว่าบุตรสาวของตนเองหายไปหนึ่งคนก็ได้เอ่ยถามขึ้นมา

“หงเอ๋อร์ไปไหนรึ?”

“เห็นลูกบอกไปดูเครื่องประดับใส่ไปงานเลี้ยงที่จะถึงนี้เจ้าค่ะ” ฟางเหนียงตอบสามีตนเอง

เซียวฟู่ซินพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ดี ๆ ฮูหยินก็ดูแลหงเอ๋อร์เรื่องการแต่งกายด้วยนะอย่าให้บุตรสาวเราน้อยหน้าผู้อื่นเป็นอันขาด”

“ท่านพี่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอกเจ้าค่ะ หงเอ๋อร์ทั้งงดงามและเป็นเด็กดี ใคร ๆ ก็ต่างพากันชื่นชมนาง ลูกไม่ทำตัวให้พวกเราผิดหวังอย่างแน่นอน”

เซียวฟู่ซินยิ้มให้กับฮูหยินของตนหลังจากที่ได้ยินคำตอบ เซียวลี่หงนั้นเป็นเด็กดีจริงๆ เขาไปไหนมาไหนมีแต่คนชื่นชมลูกสาวคนเล็กของเขาว่าเป็นสตรีที่นอกจากรูปลักษณ์หน้าตาจะงดงามแล้ว นิสัยใจคอก็งดงามไม่แพ้หน้าตา เป็นที่รักใคร่ของเหล่าบรรดาคุณหนูในเมืองหลวงยิ่งนัก แต่พอเขาหันไปดูบุตรสาวคนโต ก็อดคิ้วขมวดเข้าหากันไม่ได้ แม้หน้าตาจะงดงามแต่นิสัยนั้นกลับแตกต่าง จนเขาต้องถอนลมหายใจออกมา

จากนั้นทุกคนก็ลงมือทานอาหารกลางวันกันปกติ เซียวเหม่ยอิงนั่งกินอาหารเงียบ ๆ โดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา จนนางอิ่มแล้วก็หยิบผ้าเช็ดมุมปากอย่างเรียบร้อย

“ข้าอิ่มแล้ว ขอตัวกลับเรือนก่อนนะเจ้าคะ”

เซียวฟู่ซินกับฟางเหนียงพยักหน้าแทนคำตอบ ทั้งคู่ยังคงทานอาหารต่อ เซียวเหม่ยอิงเองก็กำลังลุกจากโต๊ะอาหารกลับเรือนตัวเอง โดยมีลี่จินเดินตามไม่ห่าง

“ประเดี๋ยวก่อน” ฟางเหนียงเรียกบุตรสาวตนเอง

“ท่านแม่มีอะไรหรือเจ้าคะ”

“บัญชีกิจการและบัญชีภายในจวน เจ้าทำเสร็จแล้วหรือยัง”

“เหลือเพียงบัญชีภายในจวน ที่เหลือข้าทำเสร็จเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”

ฟางเหนียงพยักหน้าให้หลังจากได้ยินคำตอบแล้วทานอาหารกับสามีตัวเองต่อ เซียวเหม่ยอิงเห็นว่าไม่มีใครเอ่ยอะไรกับนางแล้ว ก็หันหลังเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ

“ไปหยิบบัญชีมาให้ข้าที่เรือนด้วยนะ”

“เจ้าค่ะ” ลี่จินรับคำสั่งคุณหนูตนเอง และเดินจากไปเพื่อไปหยิบบัญชีตามที่ได้รับคำสั่ง

ภายในเรือนที่เงียบสงัดของเซียวเหม่ยอิง นางนั่งทำบัญชีของจวนอย่างตั้งอกตั้งใจ โดยมีลี่จินสาวใช้ข้างกายคอยฝนหมึกและรินน้ำชาให้ไม่ขาด

ทีแรก ลี่จินเป็นเพียงเด็กน้อยจรจัดไร้ที่พึ่งพิง บิดาและมารดานั้นติดเหล้า ทำให้ลี่จินต้องจำใจหนีออกมา เร่ร่อนไปทั่วจนพลาดท่าถูกชายกลุ่มหนึ่งกำลังจะจับตัวลี่จินไปขายเป็นทาสให้กับพ่อค้าทาส ขณะที่ลี่จินกำลังดิ้นรนขัดขืนชายกลุ่มนั้นอยู่นั้นก็ปรากฏคุณหนูคนหนึ่งมาพบเข้าเสียก่อน

“เกิดอะไรขึ้นกัน เหตุใดถึงต้องลงไม้ลงมือกันด้วย!” เสียงใส ๆ ของคุณหนูคนนั้นเอ่ยถามเหตุการณ์ตรงหน้า

“ก็นางขัดขืนข้า ข้าก็ต้องสั่งสอนนางเป็นเรื่องธรรมดา” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ เพราะแรงขัดขืนของลี่จินนั้นไม่น้อยเลย แม้ว่าลี่จินจะมีอายุเพียงสิบหนาวก็ตาม

“ไม่จริงเจ้าค่ะ พวกนี้จะจับตัวข้าไปขายเป็นทาส ทั้ง ๆ ที่ข้าไม่ยินยอม ฮือ ๆ” ลี่จินเอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นปนสะอื้น

“เพ้ยยย! นังเด็กคนนี้ เจ้าเป็นเพียงเด็กเร่ร่อนคนหนึ่ง พวกข้าน่ะหวังดีกับเจ้าต่างหาก ไม่อยากให้เจ้านอนหนาวตายข้างทาง รู้ไว้ซะด้วย!”

พวกเขาจะบอกความจริงได้อย่างไร ว่าแท้จริงแล้วพวกเขาต้องการหาเด็กเร่ร่อนที่ไม่มีบิดามารดานำไปขายแก่พ่อค้าทาสเพื่อนำเงินมาแบ่งกัน

ทว่าเซียวเหม่ยอิงนั้นไม่ได้สนใจแต่อย่างใด นางเดินเข้าไปหาลี่จินที่นั่งก้มหน้าด้วยความสั่นกลัวอยู่คนเดียว

“ข้าเซียวเหม่ยอิง เจ้าอยากไปอยู่กับข้าหรือไม่ ข้าต้องการสาวใช้ข้างกายอยู่พอดี”

น้ำเสียงห่วงใยนั้นเอ่ยถาม ทำให้ลี่จินเองถึงกับเงยหน้าขึ้นมามอง ก็พบกับใบหน้าน้อย ๆ ที่ส่งรอยยิ้มให้นางอยู่อย่างห่วงใย ลี่จินตกอยู่ในภวังค์รอยยิ้มนั้นและพยักหน้าโดยง่าย

“เช่นนั้นไปกันเถิด”

มือน้อยที่ขาวสะอาดยื่นมาหานางอย่างไม่รังเกียจ จนลี่จินถึงกับน้ำตาคลอ เพราะในชีวิตนางผ่านมาสิบหนาว มีแต่คนรังเกียจเพราะนางนั้นเป็นคนจน ตอนนี้ยังเป็นคนจร ผู้คนที่พบเจอต่างพากันสาดน้ำไล่ทั้งนั้น ทว่ายังไม่ทันได้จับมือกัน ก็มีเสียงดังขึ้นมาแทรกเสียก่อน

“จะหนีไปง่าย ๆ เช่นนี้รึ! พวกข้าไม่ยอมหรอกนะ”

พวกเขามีกันตั้งสามคนจึงยืนล้อมเซียวเหม่ยอิงและลี่จินเอาไว้ เพราะยังไงก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงสองคนเท่านั้น

“หรือว่าเราจะนำเด็กผู้หญิงคนนี้ไปด้วยดี ลูกพี่” ชายคนหนึ่งพูดกับชายที่ตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่ม

“นั่นสิ ดูท่าคงขายได้ราคางาม ผิวพรรณก็ดูดีแสดงว่าต้องเป็นลูกหลานคนมีเงินแน่นอน แต่ทำไมถึงมาอยู่คนเดียว”

“สงสัยเป็นเพียงบุตรีอนุภรรยาเป็นแน่ ข้าว่าถ้าเราเอาไปขายเมืองอื่นก็คงไม่มีปัญหาเพราะอย่างไรวันพรุ่งนี้พวกเราก็ต้องเดินทางอยู่แล้ว ลูกพี่คิดว่าอย่างไร”

ชายตัวใหญ่หรี่ตามองดูเด็กผู้หญิงสองคนที่อยู่ในวงล้อมของเขาอย่างใช้ความคิด จริงอย่างที่ลูกน้องของเขาพูด หากนำไปขายกับพ่อค้าทาสเมืองอื่นคงได้ราคาดีไม่น้อย และยิ่งเป็นเด็กผู้หญิง ถ้านำไปขายหอนางโลมยิ่งได้ราคาดีขึ้นไปอีก อีกอย่างเรื่องการเดินทางไปเมืองอื่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพราะพวกเขาเองก็เดินทางบ่อย เปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อย ๆ อยู่เป็นประจำ

พอคิดได้อย่างนั้นชายคนที่ตัวใหญ่กว่าก็พยักหน้ากับลูกน้องทั้งสองคน

“เอาตัวไป”

เซียวเหม่ยอิงได้ยินแบบนั้นก็ไม่ได้นึกกลัวแต่อย่างใด แถมยังพูดข่มขู่ด้วยซ้ำ

“หยุดนะ! หากพวกท่านจับตัวพวกข้าไป พวกท่านต้องโดนทหารจับตัวไปส่งทางการอย่างแน่นอน!”

ทั้งสามคนที่ได้ยินคำขู่ของเด็กน้อย ต่างพากันหัวเราะออกมาราวกับเป็นเรื่องตลก

"ฮ่าฮ่าฮ่า นี่นังหนู หากพวกข้ากลัวโดนจับ ข้าคงไม่อยู่มาจนถึงป่านนี้หรอก" ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา พวกเขาไม่ได้กลัวคนของทางการมาเจอสักนิด เพราะพวกเขาย้ายถิ่นฐานไปเรื่อย อีกอย่างพวกเขาจะเน้นจับพวกเด็กเร่ร่อนมากกว่า เพราะไม่มีใครแจ้งกับทางการ ทำให้พวกเขาเหิมเกริมทำผิดเรื่องเดิมซ้ำ ๆ คิดว่าไม่มีใครตามจับตัวพวกเขาได้อย่างแน่นอน

ตอนนี้เซียวเหม่ยอิงมั่นใจแล้ว ไม่ว่าอย่างไรพวกนี้ก็ไม่ยอมปล่อยนางไปแน่นอน นางมองดูชายทั้งสามคนด้วยสายตาที่หวาดหวั่น เพราะอย่างไรนางก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น อีกอย่างที่ตรงนี้เป็นซอยเปลี่ยว ไม่ค่อยมีผู้คนสัญจร ที่นางมาเจอเหตุการณ์เหล่านี้ เพราะเซียวเหม่ยอิงหนีสาวใช้ออกมา ทำให้เจอเหตุการณ์นี้โดยบังเอิญ

ยิ่งในซอยเปลี่ยวไร้ผู้คน ชายฉกรรจ์ทั้งสามคนยิ่งชอบใจ พวกเขาค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ หมายจะจับตัวทั้งสองไปอย่างที่ตั้งใจไว้ ขณะบุรุษทั้งสามคนกำลังจะจับตัวเซียวเหม่ยอิงนั้นเอง

ฉึก ฉึก ฉึก!

อ๊ากกกกกก! เสียงทั้งสามคนร้องพร้อมกันด้วยความเจ็บปวด เพราะพวกเขาโดนธนูลึกลับปักเข้าที่หัวไหล่อย่างจัง ทำให้ทั้งหมดล้มลงพื้นด้วยความเจ็บปวด

“พวกนี้มีหมายจับของทางการ นำตัวพวกนี้ไปเข้าคุกให้หมด!”

ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนอาชาออกคำสั่งกับผู้ติดตามของตน เหล่าผู้ติดตามรับคำสั่งและรีบนำตัวทั้งสามคนไปขังคุกตามคำสั่งทันที

ชายหนุ่มคนนั้นมองดูเด็กผู้หญิงสองคนที่นั่งกอดกันด้วยความหวาดกลัว แต่เขาก็ต้องสะดุดกับสายตาของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มองเขา สายตาที่มองด้วยความแข็งกร้าวแต่ก็สุขุม แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่น่าหวาดกลัวแต่ก็ยังมีสายตาแบบนี้ เป็นเพียงเด็กผู้หญิงแต่กลับมีสายตาเช่นนี้ ช่างน่าสนใจจริง ๆ...

เมื่อสถานการณ์เป็นปกติแล้ว เซียวเหม่ยอิงมองคนที่อยู่บนหลังม้าที่มีท่าทีน่าเกรงขาม

“ขอบคุณท่านมากนะเจ้าคะ ที่มาช่วยพวกข้าไว้” เซียวเหม่ยอิงย่อกายขอบคุณให้กับชายตรงหน้า

“ไม่เป็นไร ข้าแค่ทำตามหน้าที่ ทีหลังก็อย่าได้เสี่ยงอันตรายแบบนี้อีกก็พอ ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเป็นการกระทำที่โง่งม หากพวกข้ามาช่วยไม่ทัน เจ้าก็คงถูกจับตัวไปแล้ว" พูดจบเขาก็ควบม้าจากไป ทิ้งไว้เพียงเด็กสาวที่ยืนมุมปากกระตุกเท่านั้น

แม้เซียวเหม่ยอิงจะรู้สึกชิงชังกับคำพูดนั้น แต่ที่เขาพูดมานั้นก็จริง มองย้อนกลับไปการกระทำของนางนั้นโง่งมจริง ๆ เพราะความเป็นเด็กที่คิดว่าเอาทางการมาขู่แล้วคนพวกนั้นจะหวั่นเกรงแต่เปล่าเลย พวกนั้นนอกจากจะไม่กลัวแล้วกลับเย้ยหยันเสียด้วยซ้ำ

“ข้าขอโทษท่านนะเจ้าคะ ที่ทำให้ท่านเกือบเดือดร้อนไปด้วย หากท่านไม่มายุ่งกับข้า ถ้า...”

“เจ้าไม่ต้องคิดมาก อีกอย่างข้าก็ปลอดภัยดี” เซียวเหม่ยอิงรับรู้ได้ถึงความกังวลใจนางเอ่ยคำปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“เจ้ามีนามว่าอะไร?”

“ข้า...ข้าไม่มีนามเจ้าค่ะ”

“งั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าลี่จินดีหรือไม่ ลี่จิน”

ลี่จินมองดูคนตรงหน้าจนน้ำตาคลอ เพราะตั้งแต่นางเกิดมา แม้แต่บิดามารดาก็ไม่เคยเรียกชื่อสักครั้ง จนนางเองคิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีใครต้องการจะเรียกนางแล้ว

“ไปกันเถิด ไปอยู่กับข้า ไปเป็นสาวใช้ข้างกายข้านะ ลี่จิน”

.......

“ลี่จินเจ้าเป็นอะไรรึ เหตุใดถึงน้ำตาซึมเช่นนี้?” เสียงเรียกของเซียวเหม่ยอิงทำให้ลี่จินหลุดจากเรื่องราวที่คิดถึงในอดีต

“บ่าวคิดถึงเรื่องที่เจอกับคุณหนูวันแรก อดน้ำตาซึมไม่ได้เจ้าค่ะ”

“เรื่องก็ผ่านมานานแล้ว เจ้าควรจะเลิกร้องได้แล้วนะ”

“ต่อให้ถึงช่วงเวลาสุดท้ายของบ่าว บ่าวก็ไม่ลืมบุญคุณที่คุณหนูมอบให้แน่นอนเจ้าค่ะ บ่าวตั้งใจไว้แล้วว่าจะรับใช้คุณหนูจนสิ้นลมหายใจ” ลี่จินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่มุ่งมั่นพร้อมกับยกกำปั้นขึ้นมาคล้ายพร้อมสู้สุดกำลัง เพราะนางได้ตั้งใจอันแน่วแน่แล้วว่าจะจงรักภักดีกับคุณหนูคนนี้ตราบจนช่วงสุดท้ายของชีวิต

เซียวเหม่ยอิงอดยิ้มตามไปกับการกระทำของคนรับใช้คนสนิท นางเองอดคิดถึงเรื่องวันนั้นตามไม่ได้ ก่อนจะหุบยิ้มลงทันทีเมื่อนึกถึงคำพูดของใครบางคน

ตั้งแต่เกิดมาจนตอนนี้จะสิบเจ็ดหนาวแล้ว ไม่เคยมีใครว่านางโง่งมแม้แต่คนเดียว มีเพียงชายแปลกหน้าที่แม้แต่นามก็ไม่รู้จักที่ตำหนินางอย่างโจ่งแจ้ง จะตอบกลับก็ไม่ได้เพราะการกระทำตอนนั้นโง่งมจริง ๆ ยิ่งคิดมุมปากเซียวเหม่ยอิงก็ยิ่งกระตุกอย่างอดไม่ได้ ถึงกับทำบัญชีเสร็จในพริบตาเดียวเพื่อระงับอารมณ์ที่ขุ่นเคืองในใจ

“ฮูหยินน่าจะให้คุณหนูเล็กแบ่งเบาหน้าที่ท่านบ้างนะเจ้าคะ สักอย่างก็ยังดี”

ลี่จินเห็นงานที่คุณหนูของตัวเองทำก็อดที่จะพูดขึ้นไม่ได้ งานในจวนตอนนี้ตกเป็นหน้าที่ของคุณหนูใหญ่ทั้งหมด จนนางสงสารคุณหนูจับใจ คุณหนูของตนจะไปเที่ยวตลาดหรือข้างนอกเช่นคุณหนูท่านอื่นก็ไม่ได้ เพราะงานในจวนนั้นรัดตัวไปหมด

“ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เอง อีกอย่างหงเอ๋อร์ยังเด็กนัก”

เด็กที่ไหนกัน! สิบห้าหนาวนี่ไม่เด็กแล้ว! ลี่จินได้แต่ค้านอยู่ในใจ แต่ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา ทำได้เพียงนั่งเก็บของอย่างเงียบ ๆ เพราะตอนนี้คุณหนูของนางนั้นหลับคาโต๊ะไปแล้วเรียบร้อย ลี่จินเห็นสภาพคุณหนูของนางแล้วสงสารจับใจ เงียบเพียงครู่เดียวคุณหนูก็หลับแล้ว สงสัยจะเหนื่อยมากจริง ๆ นางเดินไปประคองตัวเซียวเหม่ยอิงอย่างระมัดระวัง เพื่อพาไปยังเตียงนอนให้คุณหนูของตัวเองนั้นได้นอนหลับสบายที่สุด เพราะนี่คือสิ่งที่นางพอจะช่วยเหลือให้แก่คุณหนูของตนเองได้
Déplier
Chapitre suivant
Télécharger

Latest chapter

Plus de chapitres

Commentaires

user avatar
Shine-Month
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้นะคะ สำหรับเรื่องนี้นักเขียนลงจบเรื่องเรียบร้อยแล้ว สามารถอ่านได้แบบไม่ค้างคา ขอให้ทุกท่านสนุกกับการอ่านนิยายนะคะ // ไหว้ย่อ
2025-02-06 20:58:37
14
user avatar
Fah Chonladda
เมื่อไรจะอัพเดตบทเพิ่มค่ะ
2025-02-05 00:12:09
2
default avatar
Duan Supreeya
สนุกมากๆ พระเอกคลั่งรัก นากเอกก็น่ารัก ใครชอบแนวพระเอกธงเขียวแนะนำเรื่องนี้เลยจ้า
2025-02-04 09:08:30
1
default avatar
Kanyakorn
สนุกมาก นางเอกน่ารัก พระเอกคลั่งรักสุดๆ
2025-02-04 06:40:04
2
85
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status