อลิซนั่งนิ่ง หัวใจเต้นแรงเหมือนจะทะลุอก ความเงียบในห้องทำให้คำพูดของภูวินทร์ดังก้องอยู่ในหัว “ฉัน…ไม่เข้าใจค่ะ” เธอพยายามพูดเสียงเบา แต่มือกลับกำกระโปรงแน่น ภูวินทร์หัวเราะในลำคอ แววตาคมกริบจ้องมองเธอไม่วางตา “ไม่เข้าใจตรงไหน อลิซ? ผมอยากได้คุณ” คำพูดของเขาทำเธอถึงกับสะอึก เขาคงคิดว่าผู้หญิงที่ทำงานแบบนี้คงจะเหมือนกันหมด อลิซกัดริมฝีปากแน่น พยายามเก็บอาการและหายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติและยังยืนยันคำเดิม “อลิซไม่ได้ขายค่ะ” ร่างหนาพยายามเข้ามาใกล้เธอ เขายื่นมือคว้าเอวเธอไว้แน่น “อ๊ะ!!นี่คุณจะทำอะไรคุณภูวินทร์” เธอพยายามดิ้นขลุกขลิกในอ้อมแขนแข็งแรงนั่นแต่ไม่เป็นผล เหมือนว่ายิ่งดิ้นเขากลับยิ่งรัดแน่นกว่าเดิม “งั้นก็บอกมาสิ…ว่าเธอต้องการอะไรถ้ามันไม่ใช่เงิน “ อลิซเงียบไปสักพัก ก่อนรวบรวมความกล้าพูดเสียงสั่นๆ “ฉันบอกคุณชัดตั้งแต่แรกแล้ว ว่าฉันไม่ได้ขาย ปล่อยนะคะฉันเจ็บ“ แต่เหมือนคนตัวใหญ่จะไม่ฟัง เขาคือคนที่มากด้วยเงินและอำนาจ ผู้หญิงหน้าไหนก็ไม่ควรปฏิเสธ แกร๊ก!! เพียงไม่นานประตูก็เปิดออก ราเมศเดินกลับเข้ามาพร้อมกลิ่นควันบุหรี่จางๆ เขายกยิ้มเมื่อเห็นบรรยากาศตึงเค
“อะไรกันคะพี่จ๋า! ทำไมไม่ให้เอมมี่ไปดูแลคุณราเมศ ทำไมต้องเป็นยัยเด็กนี่!” เสียงโวยวายดังขึ้นกลางออฟฟิศ เอมมี่แทบจะกระแทกแฟ้มในมือกับโต๊ะด้วยความไม่พอใจสุดขีด วันนี้เจ้าสัวกำพลก็ไม่ได้เข้ามา แล้วจะมีเหตุผลอะไรอีกที่ต้องให้อลิซไปแทนเธอ จ๋าถอนหายใจยาวอย่างคนเหนื่อยใจเต็มที “ก็คุณราเมศเขาระบุชื่อมาชัดเจนว่าอลิซ ไม่ได้ระบุว่าเอมมี่ พี่จะฝืนส่งคนอื่นไปแทนได้ยังไงล่ะ” “คุณราเมศน่ะเหรอ จะติดใจยัยเด็กจืดชืดแบบนี้เอมมี่ไม่เชื่อหรอก!” เธอถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้ “พี่จ๋าคิดจะแกล้งเอมมี่ใช่ไหม บอกมาตรงๆเลยดีกว่า!” อลิซเดินปลีกตัวออกมาจากบรรยากาศตึงเครียดในออฟฟิศอย่างเงียบเชียบ ไม่พูดอะไรสักคำต่อเอมมี่ที่ยังคงเบ้ปากมองตามอย่างไม่พอใจ เธอก้าวเข้ามาในห้องvipอย่างเงียบงัน เสียงเพลงดังกระหึ่มจากด้านนอกและเบาลงหลังจากประตูปิดลง ภายในห้องกลิ่นเหล้าแพงลอยปะปนอยู่ในอากาศ ราเมศนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟายิ้มกริ่มอย่างสบายอารมณ์ ข้างตัวมีแก้วเหล้ารินไว้แล้วครึ่งหนึ่ง “สวัสดีค่ะคุณราเมศ” “สวัสดีครับน้องอลิซ” เขาเหลือบตามามอง ก่อนจะยกแก้วขึ้นจิบยิ้มบางๆ “ชงเหล้าให้หน่อยสิ ชงของคุณด้วย“ เธอไม่พูดอะ
“แม่ไม่เป็นไร” พอเงียบไปซักพักพิมพาก็พูดเสียงเบา แต่ก็นิ่งจนอลิซจับสังเกตได้ “เฮ้อ” อลิซถอนหายใจเบา แม่ก็เป็นซะแบบนี้ ชอบโทษตัวเองว่าที่พี่โกรธ เพราะตัวเองทิ้งพี่ไว้กับพ่อ “กินส้มหน่อยนะคะ หนูปอกให้” แม่รับส้มไปกินเงียบๆ และไม่พูดอะไรอีก “อ้าว อลิซมานานแล้วเหรอ” ป้าพรเปิดประตูห้องน้ำออกมาพอดี “ค่ะป้า แค่แวะมาดูแม่ว่าจะกลับแล้วค่ะ เดี๋ยวต้องไปทำงานต่อ” ป้าพรจับไหล่เล็กเบาๆเพื่อปลอบใจ “อย่าหักโหมนักนะ เดี๋ยวจะไม่สบายใจเอา” อลิซพยักหน้ารับ แต่จะไม่หักโหมได้ไง ไหนจะค้างค่าเทอมเพื่อน ไหนจะต้องหาเงินมาจ่ายค่ารักษาแม่ เงินเป็นล้านจะไปหามาจากไหนยังคิดไม่ออกเลย “งั้นหนูไปนะคะป้าพร หนูไปแล้วนะคะแม่” •ภูวินทร์ “น้าเล็ก!!!สวัสดีค่ะ” หลังเลิกงานพอกลับมาถึงบ้าน ก็ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วคุ้นหูดังขึ้นจากห้องรับแขก ภูวินทร์หยุดเดินแล้วหันกลับมาช้าๆ ใบหน้าเขายังเรียบนิ่งเป็นปกติ ก่อนเอ่ยถามหลานสาวอย่างใจเย็น ”มีอะไร “ ”นี่ค่ะ เอกสารขอฝึกงานของทิมกับเพื่อน“ ทับทิมยิ้มกว้างพร้อมส่งเรซูเม่ให้อาเล็ก น้องชายผู้เป็นพ่อ ภูวินทร์รับมาอย่างไม่ได้สนใจนัก เพราะที่รับเพื่อนทับทิมด้วย เพราะ
“ทับทิม เมล์ มากันนานแล้วเหรอ” อลิซเดินเข้ามาหาพร้อมน้ำเสียงเรียบนิ่ง เธอก้าวเข้าหาเพื่อนทั้งสองที่นั่งรออยู่ที่โซฟา หน้าล็อบบี้คาเฟ่ของมหาวิทยาลัย สะพายกระเป๋าผ้าใบเดิมไว้แน่นบ่า เสื้อเชิ้ตสีซีดที่เธอใส่แม้จะดูสะอาดเรียบร้อย แต่ก็เหมือนผ่านการใช้งานมาไม่น้อย “มานานแล้วสิ แกอะ ชอบมาสายตลอด” ทับทิมพูดติดขำ เสียงยังคงหยอกเหมือนทุกที อลิซไม่ได้โต้กลับ เธอเพียงยิ้มบาง แล้วนั่งลงข้างๆ มือเรียววางกระเป๋าลงบนตักอย่างเรียบร้อย “นอนดึกหนะ เลยออกช้านิดหน่อย” เมล์ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมไปแตะแขนเพื่อนอย่างเข้าใจ ทับทิมเองก็ลดรอยยิ้มลง “สู้ๆนะ ถ้าไม่ไหวก็บอก คุณปู่ฉันเป็นคนใจดีอาจให้แกหยิบยืมก่อนได้ ” ทับทิมพูดอย่างเป็นห่วง “ฉันขอบใจแกนะ ทับทิม และก็แกด้วยนะเมล์ แต่ที่ฉันยืมแกสองคนจ่ายค่าเทอมก็เยอะแล้ว ให้ฉันได้ช่วยตัวเองเถอะนะ อย่าให้พวกนั้นเอาไปพูดอีก ว่าฉันคบแกสองคนเพราะเงินเลย” อลิซพูดอย่างไม่สบายใจ ค่าเทอมแต่ละเทอม ทับทิมกับเมลดาก็ผลัดกันออกให้ก่อน บางครั้งที่ชวนไปกินโน่นกินนี่ ก็มีแต่สองคนนี้เลี้ยง “อย่าคิดมากนะ พวกฉันอยากช่วยจริงๆ แกเก่งมากๆเลยรู้ไหม ” อลิ
“ นี่ทิปคุณพราวครับ “ ราเมศยื่นเงินให้พราวปึกนึง แต่ในจังหวะที่พราวกำลังจะยื่นมือไปรับ ราเมศก็ชักกลับแล้วชี้ไปที่แก้มตัวเอง พราวฟ้ายิ้มอย่างรู้ทัน ก่อนโน้มหน้าเข้าใกล้แล้วหอมแบบธุรกิจ จุ๊บ “แบบนี้ค่อยชื่นใจหน่อย ผมกลับนะครับไว้เจอกัน” พราวฟ้าโบกมือเบาๆส่งแขกvip “เห็นม๊ะ !!พี่บอกแล้ว ว่าลูกค้ากลุ่มนี้ทิปหลักหมื่น” พราวฟ้าหันมายิ้มระรื่นให้อลิซ อลิซมองดูในมือตัวเองบ้าง แค่เอนเตอร์เทนนิดหน่อยก็ได้ทิปหลักหมื่น คนรวยก็รวยจนเงินทองเหลือใช้ แต่เธอนี่สิชีวิตทำไมดูฝืดเคืองแบบนี้ ไหนจะแม่ที่กำลังต้องการค่ารักษาจำนวนมากนี่อีก “ขอบคุณนะคะพี่พราว พี่พราวดีกับอลิซที่สุด ” อลิซขอบคุณพราวฟ้าจากใจจริง “นี่!!อลิซฟังพี่นะ คุณภูวินทร์อะ รวยมากๆ และเขาก็ดูสนใจอลิซมากเหมือนกัน ถ้าเป็นเด็กเขาได้อะนะ รับรองรวยเละ” พร้าวฟ้าชี้ช่องทำเงินให้เพื่อนรุ่นน้อง “อลิซยังไม่คิดถึงขั้นนั้นหรอกค่ะพี่พราว อลิซไม่ได้อยากเป็นของเล่นคนรวย ” “จ้าๆ เอาไว้เป็นทางเลือกเผื่อฉุกเฉินไง ไปได้แล้วป่ะ” หลังจากลูกค้ากลุ่มนี้กลับไป ก็ได้เวลาเลิกงานพอดี อลิซจะไม่ได้อยู่จนผับปิด เพราะขอผู้จัดการเลิก5ทุ่มท
ตึก ตึก ตึก พรึบ!!~~ พอเดินเข้ามาในห้องvip2ก็ต้องแปลกใจ ทั้งราเมศและก็วาคิม รวมถึงพราวฟ้าไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว เหลือเพียงภูวินทร์ ที่นั่งดื่มเงียบๆมองดูโซนด้านล่างผ่านกระจกใสในห้องvip “เอ่อ คนอื่นหายไปไหนกันหมดคะ” เธอถามเขาเสียงเบา ก่อนที่สายตาคมเฉียบจะละจากด้านล่าง แล้วหันกลับมามองเธอแทน “ไปห้องน้ำ ทำไม กลัวผมเหรอ” เขาถามเสียงเรียบ มองหน้าสวยของอลิซนิ่งๆ “เปล่าค่ะ แค่แปลกใจที่คนอื่นหายหมด” เธอพูดพร้อมเตรียมจะนั่งอย่างเก้อเขิน เพราะสายตาเขามันเหมือนมีอาวุธทำลายล้าง มันดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก ในเวลาเดียวกันมันก็น่าดึงดูดและน่าค้นหาอยู่เหมือนกัน “มานั่งที่เดิมสิ” เขามองหน้าเธอแล้วมองที่ตักตัวเอง อลิซเม้มปากแน่นคิดว่าเกมมันจบไปแล้วซะอีก “ทำไม หรือไม่อยากดูแลผมแล้ว” “เปล่านะคะ คืออลิซคิดว่าเมื่อก่อนหน้ามันเป็นแค่เกม ถ้าคุณต้องการอลิซก็จะทำค่ะ“ ร่างบางเดินเข้าไปนั่งที่ตักเขาเหมือนเดิม แต่ไม่ได้กอดคอ เธอนั่งนิ่งหายใจเบา และเอื้อมไปหยิบเหล้ามาชง ”ยังเรียนอยู่เหรอ “ เขาถามเหมือนกระซิบ แต่เธอก็ได้ยินพร้อมพยักหน้า ”ค่ะ เรียนบริหารปี3” “คุณภูวินทร์ ปล่อยอลิ