เข้าสู่ระบบเรื่องราวของลูกชายคนที่สองและสามของมาร์โก้และแอนนา มาร์กัสและมาร์คัส สองพี่น้องที่ถูกเลี้ยงมาคนละแบบ มาร์กัสพี่ชายรองที่ถูกปู่และย่านำไปเลี้ยงตั้งแต่เด็ก ทำให้ขาดความรักกลายเป็นคนเงียบขรึมและเก็บอารมณ์ มาร์คัสน้องชายคนสุดท้องของบ้านที่ได้รับความรักจากพ่อแม่และพี่น้องตั้งแต่เด็ก นิสัยจึงค่อนข้างเอาแต่ใจและดื้อรั้น มาวันนั้นเขาก็พบว่าของทุกอย่างที่เป็นของเขากำลังจะถูกพี่ชายแย่งไป ดังนั้นไม่ว่าของอะไรที่พี่ชายอยากได้เขาก็จะเอามาให้ได้ ยิ่งเป็นผู้หญิงที่ควรจะเป็นของเขาไม่ใช่พี่ชาย งานนี้ความรักหรือความสัมพันธ์ในครอบครัว อย่างไหนถึงจะสำคัญกว่ากัน
ดูเพิ่มเติมพวงกุญแจตุ๊กตาเน่าที่แขวนอยู่บนกระเป๋าเอกสารของเขานั้น เหมือนเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าอดีตเมื่อสิบปีก่อนเขาเคยเจอใครมาก่อน
มาร์กัสหันมองนอกหน้าต่างนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น ตอนที่เขาได้กลับมาอยู่กับครอบครัวตัวเองอีกครั้ง หลังจากที่ปู่และย่าพาตัวเขาไปเลี้ยงดูตั้งแต่เด็กๆ
ความทรงจำในวัยเยาว์นั้นเขามักจะได้คิดเสมอว่าตัวเขาอาจจะไม่ใช่ลูกรัก หรือลูกที่พ่อแม่ต้องการ ยามที่เห็นพี่และน้องมาเยี่ยมแล้วพวกเขาสนิทสนมกันหัวเราะมีความลับต่อกัน
เขาก็มักจะคิดว่าตัวเองเป็นคนนอกเสมอ ถึงแม้ตอนหลังเขาได้กลับมาอยู่กับพ่อแม่แล้ว แต่เวลามันล่วงเลยผ่านไปสิบปี
เสียงเรียกของแอร์เพื่อรับเครื่องดื่มทำให้เขาหลุดจากความคิดหันมารับเครื่องดื่ม ในชั้นเฟิร์สคราสมองเห็นเด็กน้อยด้านหน้าเกตกำลังวิ่งเล่นอยู่ตรงห้องน้ำ ความทรงจำครั้งเดิมก็กลับมาอีกครั้ง
สิบปีที่เขาได้บินกลับมาไทยพร้อมพ่อแม่ครั้งแรก ครั้งนั้นเขาเดินไปยังด้านหลังคิดจะเข้าห้องน้ำชั้นเฟิร์สคลาสแต่พบว่ามีคนเข้าอยู่แล้ว เขารู้สึกปวดหนักจึงเลือกเดินไปยังด้านหลังชั้นรองแทน มาถึงห้องน้ำก็มีคนเปิดประตูพอดี เขาจะเข้าแต่แล้วก็มีเด็กสาวที่ไหนไม่ทราบวิ่งเข้ามาตัดหน้าเขาจากนั้นก็ปิดประตูใส่
“นี่คุณผมมาก่อนนะ” เขาพูดเป็นภาษาฝรั่งเศสแต่คนด้านในฟังไม่รู้เรื่อง
ปอฝ้ายพยายามที่จะเร่งมือไม่ถึงสองนาทีก็เปิดประตูออกแล้วบ่นกับคนตรงหน้า “เป็นผู้ชายเสียเปล่าทำไมไม่รู้จักเสียสละ” เธอพูดเป็นภาษาไทยเพราะคิดว่าอีกฝ่ายฟังไม่ออก
มาร์กัสหันมองหญิงสาวที่ใส่ชุดสีชมพูกำลังจะจากไปจึงพูดภาษาไทยให้เธอฟัง “แล้วเราล่ะคำว่ามารยาทรู้จักไหม”
ปอฝ้ายหันมองอีกรอบทำไมคนหน้าตาฝรั่งตรงหน้าถึงได้พูดภาษาไทยได้ กำลังจะพูดตอบเขาก็เข้าห้องปิดประตูใส่เหมือนที่เธอทำ
เธอยกแขนขึ้นกอดอกรู้สึกโมโห จนลืมไปว่าสิ่งที่เขาพูดนะพูดถูก และเพราะว่าเธอยังอยู่ทำให้ได้ยินเสียงปวดหนักจากคนด้านใน ที่แท้ก็โมโหเพราะปวดหนักนั่นเอง เสียงปู้ดป้าดยิ่งทำให้ปอฝ้ายกลั้นขำ
ผ่านไปสิบนาทีมาร์กัสก็ออกจากห้อง ก็เจอหญิงสาวยังอยู่
“เธออยู่ตั้งแต่เมื่อไร”
“ก็ตั้งแต่นายเข้าไปนั่นแหละ เลยได้ยินเสียงอะไรดีๆ เยอะเลย” จากนั้นก็ทำเสียงปู้ดป้าดให้เขาฟัง
“เธอนี่มัน” เขากำมัดแน่น แต่เมื่อคิดว่าต่อไปคงไม่ได้เจออีกก็เลยพยายามควบคุมอารมณ์
ปอฝ้ายหลังจากแกล้งจนพอใจแล้ว จึงถามชื่ออีกฝ่าย “นายชื่ออะไร”
เป็นมาร์กัสเองที่แปลกใจกับอารมณ์ของเด็กสาว “เธอจะรู้ไปทำไม”
“เราชื่อปอฝ้ายนะ”
คนที่หันหลังให้ไม่คิดจะบอกชื่อ ปอฝ้ายก็เหมือนเด็กสาวดื้อรั้นจึงเดินไปขวางทางอีกครั้ง “ไม่ให้ไปเราบอกชื่อแล้วนายต้องบอกชื่อตัวเองด้วย”
เขาไม่ได้อยากรู้ชื่ออีกฝ่ายเสียหน่อย มาร์กัสที่กำลังจะกลับไปที่นั่งก็ผลักเธอไปโดยไม่ตั้งใจ ทำให้ปอฝ้ายล้มลง
“โอ๊ย!!” เสียงเธอร้องดังลั่นคนทำเลยตกใจรีบก้มลงมาถาม
“เจ็บตรงไหนไหม” พอจะจับแขนเธอ เธอก็สะบัดหนีแล้วลุกขึ้นมาร์กัสก็เลยได้แต่ขอโทษในใจและบอกชื่อตนเองในใจ ถามว่าเธอได้ยินไหม แน่นอนว่าไม่
มาร์กัสกำลังจะลุกขึ้นก็มองเห็นมีของตกหล่นอยู่ เขาหยิบมันขึ้นมาก็พบว่าเป็นพวกกุญแจหน้าตาหน้าเกลียดหัวหยิกผมฟู เขาจึงลุกขึ้นเปิดผ้าเพื่อมองหาที่นั่งของเธอแล้วเอาไปให้ แต่มองเท่าไรก็มองไม่พบ เมื่อเสียเวลาไปมากแล้ว เขาจึงกลับไปยังชั้นตนเอง มองไปยังกระเป๋าสะพายของตนเองก็เลยหยิบพวงกุญแจคล้องไปกับกระเป๋า
กระพริบตาหนึ่งครั้งเขาก็กลับมายังปัจจุบันดวงตาก็มองไปยังเจ้าตุ๊กตาหน้าเกลียดหัวหยิกผมฟูที่อยู่ตรงกระเป๋าแล้วก็ยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“จะได้เจอกันแล้วนะยัยเด็กหัวหยิก”
มาร์คัสกลับมาในห้อง ก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดเครื่อง พบว่ามีสายโทรเข้าเกือบร้อยสาย ถ้าจะมีเหตุผลที่ทำให้เขาไม่อยากกลับมาเชียงใหม่ก็คงมีเรื่องนี้เรื่องเดียวเกตุแก้วเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้ยอมจบง่ายๆ จริงๆ เขาต้องทำยังไงถึงให้เธอยอมหยุด เมื่อเสียงสุดท้ายดังขึ้นเขาจึงตัดสินใจรับสาย“โทรมาทำไม” เจ้าของมือถือถามอย่างไม่สบอารมณ์ เลยยิ่งทำให้ปลายสายโมโหไปมากกว่าเดิมแต่เธอก็พยายามควบคุมสติ“เรื่องของเรายังไม่จบนะ”“มันจบไปเมื่อสองเดือนก่อนแล้วเกตุ” น้ำเสียงขุ่นตอบอย่างมีอารมณ์โกรธกลับเพราะเหมือนคุยเรื่องเดิมไม่หยุด“นายจบแต่เกตุไม่จบ ยังไงเกตุก็ไม่เลิกได้ยินไหม”มาร์คัสถอนใจจากนั้นก็คิดจะวางสาย แต่นึกได้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่เชียงใหม่ เกตุแก้วก็เป็นเพื่อนปอฝ้าย เมื่อเห็นท่าไม่ดีเขาจึงคุยต่อ“ตอนนี้อยู่ที่ไหน” ชายหนุ่มถามอีกฝ่ายก่อนจะได้คำตอบว่าเป็นผับในตัวเมือง จึงบอกว่าจะไปหาจากนั้นก็ขับรถออกไปทันทีเมื่อไปถึงผับที่เกตุแก้วอยู่อีกฝ่ายก็กำลังเมาได้ที่ สองมือเกาะเอวเขาทันทีที่เห็นหน้า “เกตุคิดถึงมากรู้ไหม” สองมือที่กำลังลูบไปยังแผ่นหลังชวนให้สมองเขาเตลิดมาร์คัสพยายามรวบรวมสติ ลากตัวเกตุแก้วออกจากผับได
มาร์คัสยกมือขึ้นดูข้อมือ “เวลาไม่สำคัญ แค่สำคัญว่าเราคิดถึงฝ้ายขนาดไหน เห็นไหมพอเครื่องบินเหยียบพื้นเชียงใหม่เราก็รีบมาหาทันที บ้านก็ยังไม่ได้กลับไปเลย”ปอฝ้ายส่ายหน้ารับดอกไม้จากมือเขา ก่อนจะพาแขกไปยังต้นไม้ใหญ่ที่มีโต๊ะไม้สักตั้งอยู่ “แล้วที่ กทม.เป็นยังไง”“ก็ตามคาด...ไม่ผ่าน” เขาส่ายหน้าเพราะเริ่มปวดหัว แก้ไปสองรอบก็ยังไม่ผ่าน สงสัยได้เรียนซ้ำชั้นแน่“ไม่ต้องกลัวฝ้ายกลับมาแล้ว หลังจากนี้ก็ให้ฝ้ายช่วยดูเถอะ”มาร์คัสพยักหน้า “จริงสินะ หัวกะทิกลุ่มเราอยู่ตรงนี้นี่น่า ว่าแต่เราไหวไหม”ปอฝ้ายยกไหล่ “ก็เห็นอยู่ว่าสบายดีแล้ว เลิกทำเป็นห่วงเราสักที”ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ ดูเหมือนว่าเขาจะห่วงไปจริงๆ คิดไปคิดมาการที่เธอจดจำอะไรไม่ได้เลยถือเป็นเรื่องดี อย่างน้อยในใจเธอก็ยังมีเขาอยู่“ฝ้าย เรามาคบกันไหม?”หัวใจคนรอเต้นไม่เป็นจังหวะ จำได้ว่าตอนปีหนึ่งที่เจอเขาเธอเองก็รู้สึกว่าชอบเขาก่อน เพียงแต่ตอนนั้นอีกฝ่ายมีสาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลังตลอดจนเธอต้องมองเขาเป็นเพื่อน“ทำไม?” ทั้งที่ก่อนหน้าเขาไม่มีท่าทีสนใจเธอมาร์คัสจับมือปอฝ้ายเอาไว้ “ฝ้ายอาจฟังดูแล้วไม่เชื่อ เพราะแม้แต่เราก็ไม่เชื่อเหมือนกัน รู้ไ
เปลือกตาหญิงสาวขยับขึ้นลงมองแสงสีขาวที่ลอดเข้ามากระทบรู้สึกแสบตา แต่ปวดหัวอย่างหนัก เมื่อเธอลืมตามองเห็นภาพชัดเจน ก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งคนแรกที่วิ่งเข้ามาหาเธอคือ พี่มาร์กัส จากนั้นก็ตามด้วยมาร์คัส และยังมีพ่อแม่ของเธอ และพ่อแม่ของมาร์กัสและมาร์โก“ฝ้ายรู้สึกปวดอะไรตรงไหนไหม”เธอปวดไปทั่วร่าง โดยเฉพาะช่องท้อง แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าไปโดนอะไรมา สีหน้างุนงงของเธอมีอยู่หลายนาทีก่อนจะนึกออก“พี่มาร์กัส แล้วคุณเจด้ากับลูกเป็นยังไงบ้างคะ”สีหน้าทุกคนมีความแปลกใจ แอนนาที่อยู่ใกล้จึงถามต่อ“ทำไมหนูฝ้ายถึงถามเจด้ากับลูก”“ก็พวกเราจะไปหาพวกเขา ฝ้ายจำได้ว่าพวกเราขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไป” ปอฝ้ายนิ่งเงียบครู่หนึ่งก่อนจะนึกต่อ “จากนั้นก็เหมือนจะมีพายุอย่างหนัก” เธอยกมือตัวเองที่เขียวช้ำ“หรือว่าเกิดอุบัติเหตุคะ” เธอถามแบบนี้คนที่ได้ยินก็นิ่งเงียบกว่าเดิมมาร์กัสถอยหลังจากนั้นก็ให้หมอเข้ามาแทน แล้วสอบถามอาการทั่วไป ก่อนจะสรุปว่าความทรงจำตลอดสองเดือนที่พวกเราหายไปนั้น ปอฝ้ายเลือกที่จะลบความทรงจำเหล่านั้นจำไม่ได้ มาร์กัสรู้สึกอยากจะฆ่าคนตอนนี้ ความพยายามที่เขาทำมาแทบจะสูญเปล่า แต่เขาอย
อองยี้และคนของเขามองชายหนุ่มที่เดินไปอีกทาง หรือว่ามันเป็นสายให้ทางการทำให้หมู่บ้านของพวกเขาถูกโจมตี ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นที่ไว้ใจพวกมันที่กล้าฆ่าน้องชายเขา แค้นนี้ไม่อาจปล่อยวางได้ ยังไงงานนี้ก็ต้องมีใครต้องตายสักคนชบาที่อยู่ใกล้ก็จับมืออองยี้ไว้เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไง“อย่าไปยุ่งกับพวกเขาเลยพี่”สีหน้าอองยี้ไม่พอใจ “หรือว่ามึงเป็นพวกมัน”“พี่พูดได้ยังไง ชบาเป็นเมียพี่นะ แล้วตอนนี้คนของทางการออกล่าพวกเราอยู่ ถ้าพวกเราหาเรื่องดีไม่ดีตัวเองจะซวยเสียก่อน”“แล้วไง มาถึงขนาดนี้แล้วกูไม่ทนให้มันหนีรอดไปได้แน่นอน เหมียวซานมึงไปสืบดูว่าพวกมันพักอยู่บ้านหลังไหน”เหมียวซานพยักหน้าจากนั้นก็แยกตัวไป สืบได้ไม่นานก็พอจะรู้ว่าที่ซ่อนของพวกมัน ไม่คิดว่าจะเป็นนายพรานสมิงคนที่เขาก็รู้จักเช่นกันอองยี้จึงแอบเข้าไปในบ้านจัดการบอดี้การ์ดคนเดียวที่เหลืออยู่ จากนั้นก็เริ่มมองหาเมื่อเปิดประตูไปในห้องหนึ่งก็พบสิ่งที่คิด พวกมันออกไปจากบ้านจนหมด ก็คงเหลือแต่เมียมันที่อยู่ในบ้านง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปากช้างก็งานนี้แหละ มุมปากอองยี้ยกยิ้มอย่างยินดี ส่วนชบาเองถึงกับเครียดกับภาพผู้หญิงตรงหน้า ปอฝ้ายจะร้องก็ถูกออ
มาร์กัสยิ้มแล้วพยักหน้า จากนั้นก็ขยับเอวเร็วขึ้นเมื่อเธอเริ่มผ่อนคลายความเจ็บปวด นำพาความสุขให้พวกเราสองคนเพราะปอฝ้ายเองก็ไม่คิดว่าพรหมลิขิตจะนำพาให้พวกเรามาพบกันอีกทำไมเธอถึงไม่สังเกตสายตาเขา สายตาครั้งแรกที่เราพบกันนั้นเหมือนคนที่เคยได้กลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันมานาน“พี่เก็บเรื่องนี้มานานเท่าไร อ๊ะ” เธอร้องเมื่อเอวหนากระแทกลงอย่างแรง จากนั้นก็ขยับเอวออกแล้วดึงมันออก ความรู้สึกเหมือนเธอเห็นสวรรค์และได้ตกนรกในเวลาเดียวกัน จากนั้นเขาก็ให้เธอคว่ำลงไปกับพื้นเตียงท่อนเอ็นใหญ่ก็สอดเข้าไปด้านในสองมือหนาก็จับหนาอก ใบหน้าคมก้มลงจูบตรงซอกคอแล้วกระซิบ “นานและไม่เคยลืมเราเลย ยังจำพวกกุญแจที่หายไปได้ไหม”กุญแจตุ๊กตาเน่าที่เธอทำหายไปตอนอยู่บนเครื่องบิน ปอฝ้ายหันมองเขาแล้วก็รับจูบอันแสนหวาน “มันอยู่กับพี่ตลอดสิบปีที่ผ่านมา”พูดจบท่อนเอ็นด้านล่างก็สอดเข้าไปคราวนี้ทุกสิ่งนำพาทั้งความรู้สึกและความทรงจำกลับมา เร่งเร้าให้พวกเราขับประสานมันไปพร้อมกันเสียงเอวหนากระแทกลงไปพร้อมกับเสียงเตียงไม้โยกเอนดังขึ้นเรื่อย ๆ ความเงียบสงัดนั้นทำให้เสียงดังออกไปด้านนอก เจลโล่คนคุ้มกันที่อยู่แถวนั้นถึงกั
พอยกตัวขึ้นมามือหนาก็คว้าแผ่นหลังเอาไว้ จากนั้นก็จูบประกบปากส่วนมือด้านล่างก็ยังคงถูกไถไปตามกลีบกุหลาบ จนมืออุ่นรู้สึกถึงน้ำเกสรที่กำลังไหลออกมามุมปากเขายิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะกระตุ้นร่างกายหญิงสาวอีกรอบ ร่างบางเอนนอนกลับไปเหมือนเดิม หัวใจเต้นระรัวเมื่อใบหน้าเขาจูบไล้ลงต่ำไปจนกระทั่ง“ไม่ได้นะ” มันสกปรกเกินไป เธอรู้สึกอายตัวเอง แต่คนกระทำมีหรือที่จะสนเมื่อเขาใช้ลิ้นแรงแตะสัมผัส“อ๊ะ อือ เดี๋ยวก่อน” ห้ามก็คงไม่ทันแล้ว เมื่อลิ้นสากแตะเร่งดูดกลืนพร้อมริมฝีปากร้อนแรงดูดกลืนเหมือนกำลังได้ชื่นชมดอกกุหลาบที่หมายปองมานานแสนนานไม่ทำให้เจ้าของเรือนร่างผิดหวังแต่อย่างใด มาร์กัสเร่งความเร็วจนร่างหญิงสาวสะดุ้งกระตุกหลายครั้ง ปากก็บอกว่าพอแล้ว เพราะตอนนี้เธอเริ่มกลัวแค่ลิ้นยังขนาดนั้น และเธอยังไม่เห็นอาวุธในกางเกงเขาด้วยซ้ำ เขาก็เห็นเธอจนหมดแล้ว สายตาปอฝ้ายมองไปยังเป้ากางเกง มีบางสิ่งกำลังนูนเด่นออกมาจนซิบกางเกงแทบจะปริหญิงสาวกลืนน้ำลายไม่รู้ตัว น้ำเสียงรู้สึกหวาดกลัวจึงขยับหนีแต่ก็ไม่ทันเมื่อมือหนาคว้าร่างเธอเอาไว้ จากนั้นก็ขึ้นคร่อมร่างสองมือกำลังถอดเข็มขัดออก จากนั้นก็ตามด้วย...ปอฝ้ายตะลึงกับส
ความคิดเห็น