ชาติก่อน เมื่อเจียงเฟิ่งหัวถูกพระราชทานสมรสให้เป็นชายาอ๋องของเหิงอ๋องเซี่ยซางนั้น นางไม่ได้รับความรักจากเหิงอ๋อง นางเข้าใจว่าขอเพียงตนเองรักษาธรรมเนียมมารยาท จัดการเรื่องราวต่างๆ ด้วยตนเอง สงบเสงี่ยมเจียมตัว อุทิศตนปรนนิบัติ ถึงขั้นโอนอ่อนเอาใจ ความจริงใจของนางจะต้องแลกความรู้สึกดีๆ มาได้อย่างแน่นอน เฝ้ารอให้ถึงวันที่อุปสรรคทั้งมวลผ่านพ้น ผู้ใดเลยจะคาดคิด ความเอ็นดูที่แม่สามีมีต่อนางมิใช่เรื่องจริง สามีใจแข็งดุจก้อนหินหากมีใจให้ชายารองกลับเป็นเรื่องจริง แม้แต่ลูกบังเกิดเกล้าทั้งสองยังถูกชายารองยุแยงให้รังเกียจนาง เกลียดชังนาง จนนางตรอมใจตายไปในวัยสามสิบห้าปี เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง นางก็ได้ย้อนกลับมาตอนอายุห้าขวบ ทราบว่าจะถูกพระราชทานสมรสเป็นชายาของเหิงอ๋องตอนอายุสิบห้า ทั้งรู้ว่าวันหน้าเหิงอ๋องจะได้ก้าวขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ฮ่องเต้ นางจึงวางแผนสิบปีอย่างใจเย็น รอให้มีราชโองการประทานสมรสแล้วค่อยแต่งงานกับเหิงอ๋อง ชาตินี้ นางจะไม่ก้มหน้ายอมจำนนงอมืองอเท้ารอความตายอีกแล้ว ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีการแบบไหน นางก็จะต้องกลายเป็นมารดาของแผ่นดินให้จงได้ นางรู้เพียงว่า ผู้ใดไม่เห็นแก่ตัวแล้วไซร้ ฟ้าดินจักลงทัณฑ์ ***** ตั้งแต่ชายาอ๋อง ชายารัชทายาท ฮองเฮา ไทเฮา ไทฮองไทเฮา คอยดูเถอะว่าเจียงเฟิ่งหัวจะก้าวผ่านชีวิตอันรุ่งโรจน์นี้อย่างไร
View More“ซู่ซู่ยุ่งไม่เข้าเรื่องเองเพคะ” นางคว้ากล่องยาแล้วก็เตรียมจะเดินจากไป แต่ก็ยังไม่อยากยอมแพ้ ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เขาไม่เริ่มต้นก่อน เช่นนั้นนางก็จะเป็นฝ่ายเริ่มเองก็แล้วกันเซี่ยซางกล่าวอีกว่า “ข้าหวังว่าหมอหญิงเย่จะตั้งใจใช้วิชาแพทย์รักษาผู้ป่วย ในอนาคตอาจจะบ่มเพาะหมอหญิงจำนวนหนึ่งออกมาเพื่อแคว้นต้าโจวก็เป็นได้ นี่ก็เป็นสิ่งที่พระชายาของข้าหวังไว้เช่นกัน”เย่ซู่ซู่ตาแดงก่ำไปหมด เหิงอ๋องก็แทบจะพูดออกมาตรง ๆ แล้วว่านางอย่าได้หวังจะมายั่วยวนเขานางยืนอยู่กับที่ ก็ยังคงไม่ยอมพ่ายแพ้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเหิงอ๋อง นางก็หลงรักเขาแล้ว ชีวิตนี้นางไม่สามารถรักชายอื่นได้อีก นางถวายคำนับด้วยความเคารพหนึ่งที “หม่อมฉันรู้ตัวเองดีกว่าฐานะต่ำต้อย และก็ไม่กล้าลืมบุญคุณที่ท่านอ๋องช่วยชีวิตไว้ตอนนั้น ไม่มีท่านอ๋องก็ไม่มีซู่ซู่ในวันนี้ ซู่ซู่รักท่านอ๋องเพคะ รักท่านอ๋องมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ที่เจียงหนานแล้ว”เซี่ยซางชะงัก รู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย “ข้าแต่งงานมีพระชายาแล้ว”“หม่อมฉันไม่สนใจหรอกเพคะว่าเป็นได้แค่อนุภรรยา ไม่มีสถานะก็ได้เพคะ เพียงแค่ได้อยู่เคียงข้างท่านอ๋อง ต่อให้เป็นสาวใช้คนหนึ่งก็ยังดี ซ
เย่ซู่ซู่ก็ตาแดงก่ำ “ไม่ว่าพระชายารองจะว่าหม่อมฉันอย่างไร หม่อมฉันก็ไม่สนใจทั้งนั้น ท่านอ๋องรีบไปดูพระชายารองหน่อยเถอะเพคะ อย่าให้กระทบความสัมพันธ์ระหว่างพวกท่านเพราะหม่อมฉันเด็ดขาดนะเพคะ”“นางไม่เป็นอะไรหรอก เรื่องแบบนี้นางทำมาเยอะแล้ว” เซี่ยซางตบนางไปแล้วก็ยังรู้สึกผิดอยู่ในใจ เดิมทีคิดอยากจะตามไป แต่ตอนนี้คิดดูแล้ว เมื่อก่อนซูถิงหว่านก็ไม่รู้ประสาแบบนี้อันที่จริงเขาก็ไม่นึกว่าจะลงไม้ลงมือกับนางเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ได้ ผ่านมานานขนาดนี้แล้วเหตุใดซูถิงหว่านจึงยังไม่รู้จักทำตัวให้ดี ๆ อีกนะเขาถึงกับกำลังคิดว่าเมื่อก่อนเขาเคยรักซูถิงหว่านจริง ๆ หรือ? เขารักนางที่ตรงไหน รักที่นางใสซื่อ ร่าเริง องอาจมาดมั่น เขาชอบที่นางต่างจากบรรดาหญิงชั้นสูงในเมืองหลวง เขารู้สึกว่ารอยยิ้มของนางเจิดจรัสและสะกดสายตาดุจแสงอาทิตย์ ทว่าตัวนางในตอนนี้กลับต่างจากภาพในใจของเขาโดยสิ้นเชิงเหมือนว่านางมีสองด้าน นางจงใจเสแสร้งแสดงด้านที่ดีออกมาต่อหน้าเขาเพื่อให้เขารักเขารู้สึกว่าน่าขัน หรือว่าตลอดหลายปีที่เขารู้จักนางมา นั่นไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของนางเลยเจียงเฟิ่งหัวใจกว้าง รู้ว่าอะไรควรไม่ควร รู
ซูถิงหว่านเห็นสถานการณ์ สายตาก็เต็มไปด้วยความห่วงใยและกระตือรือร้น “หม่อมฉันช่วยเปลี่ยนยาให้ท่านอ๋องได้นะเพคะ” หญิงนางนี้เปลี่ยนยาให้เซี่ยซางทุกวันเช่นนี้หรอกหรือ? เขายังเปลือยท่อนแขนด้วยนะ“เจ้าก็รู้วิชาแพทย์หรือ? รู้วิธีการพันแผลด้วยเช่นนั้นหรือ? เจ้าทำเรื่องพวกนี้เป็นหรือ?” เซี่ยซางเอ่ยถามนางเสียงเข้ม เขารู้ดีว่านางทำไม่เป็นซูถิงหว่านอึ้ง “หม่อมฉัน…”“กินข้าวไปดี ๆ กินเสร็จแล้วก็ออกเดินทาง” อยากกลับชายแดนมิใช่หรือ? เช่นนั้นแล้วก็ส่งนางกลับไปอยู่สักพักหนึ่งก่อน นางจะได้ไม่เบื่อหน่ายในแต่ละวันจนคิดฟุ้งซ่านขึ้นมาซูถิงหว่านยังนึกว่าเซี่ยซางกำลังเป็นห่วงนาง ก็เลยกินข้าวอย่างสงบเสงี่ยมเย่ซู่ซู่ตรวจปากแผลให้เซี่ยซาง กล่าวอีกว่า “ดีขึ้นมากแล้วเพคะ เพียงแต่ว่าเคลื่อนไหวมากเกินไปไม่ได้ ท่านอ๋องถือกระบี่ได้ไม่มีปัญหาแล้ว หม่อมฉันพันผ้าพันแผลให้ท่านอ๋องอีกรอบนะเพคะ เสื้อผ้าจะได้ไม่ไปโดนบริเวณปากแผล”“ลำบากหมอหญิงเย่แล้ว” เซี่ยซางกล่าวเสียงอ่อนโยนเย่ซู่ซู่ยิ้มน้อย ๆ หนึ่งที นางจงใจเข้าประชิดตัวเซี่ยซาง ต่างหูแทบจะไหวไปถูกคอเขาแล้ว เซี่ยซางรู้สึกได้ว่ามีความรู้สึกเย็นยะเยือกที่ลำคอ เขา
วันต่อมา ซูถิงหว่านถูกเสียงเอะอะข้างนอกปลุกจนตื่น ตื่นขึ้นมาแล้วกลับไม่เห็นเซี่ยซางอยู่ในกระโจม นางจำได้ว่าเมื่อคืนเซี่ยซางอ่านหนังสืออยู่ข้างเตียง เดิมทีนางนึกว่าเขาอ่านจนเหนื่อยแล้วไม่ว่าอย่างไรก็ต้องนอน ยังจงใจใส่เสื้อผ้าวับ ๆ แวม ๆ เสียด้วยซ้ำ ขึ้นเตียงแล้วนางค่อยยั่วยวนเขา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องหวั่นไหวแน่นอนตอนนี้นางจึงหงุดหงิดตัวเองนักที่หลับไปได้อย่างไร เมื่อนึกถึงว่าในค่ายทหารยังมีเย่ซู่ซู่อยู่อีกคน นางก็รีบลงจากเตียงนอนเวลานี้เอง อิ๋นซิ่งก็ยกเครื่องใช้สำหรับบ้วนปากล้างหน้ามาแล้ว “คุณหนู ท่านตื่นแล้ว บ่าวตักน้ำล้างหน้ามาให้ท่านแล้วเจ้าค่ะ”“ท่านอ๋องเล่า?” นางถามอิ๋นซิ่งกล่าว “บ่าวไม่เห็นท่านอ๋องเจ้าค่ะ พอตื่นเช้ามาบ่าวก็ไปตักน้ำล้างหน้ามาให้คุณหนูเลยเจ้าค่ะ”ซูถิงหว่านเห็นนางสวมชุดสีพื้น ก็ถามนาง “เจ้าใส่เสื้อผ้าของใครกัน?”“ของหมอหญิงเย่เจ้าค่ะ เสื้อผ้าของบ่าวใส่ไม่ได้ นางมอบให้บ่าวเจ้าค่ะ” อิ๋นซิ่งก็ไม่รู้เจตนาของเย่ซู่ซู่ ก็รู้สึกเพียงว่านางใจดี ไม่เคยมีคนดีกับนางเช่นนี้มาก่อนซูถิงหว่านได้ฟังแล้วก็โกรธจนควันออกหู “นางให้เจ้ายืมเสื้อผ้าใส่ได้อย่างไร นางกับเจ้าเป็น
“ข้าไม่เป็นไร เจ้าลุกขึ้นก่อนเถิด” เซี่ยซางหมดคำพูดแล้ว ทว่าซูถิงหว่านยังคล้ายตั้งใจคล้ายไม่ตั้งใจยั่วยวนเขา ทว่าบัดนี้เขาไม่มีอารมณ์ร่วมด้วยแม้แต่น้อย กลับรู้สึกเบื่อหน่ายและขยะแขยงในใจ ในเวลานี้ หลินเฟิงรีบบุกเข้ามาในกระโจม ก็เห็นว่าซูถิงหว่านกำลังคร่อมอยู่บนตัวท่านอ๋อง มิหนำซ้ำยังเตรียมจะปลดกางเกงของท่านอ๋องออกด้วย เขาก็ร้องเสียงหลงทันที “ข้าน้อยมาผิดเวลาไปเสียแล้ว” ขณะที่เขากำลังจะเดินออกไป เซี่ยซางเปล่งคำพูดด้วยเสียงเย็นเยียบ “กลับมา” ถูกเขาตะคอกใส่ ซูถิงหว่านเองก็รีบสำรวมท่าทีทันที เซี่ยซางผลักนางออกและเดินลงจากเตียงลำพัง เขาสุขุมเยือกเย็น “เตรียมกระโจมให้พระชายารองสักหลัง” “หา! ตอนนี้หรือขอรับ?” ฟ้าจะสว่างแล้ว ท่านอ๋องอย่าทรมานทุกคนเลย “หากไม่ใช่ตอนนี้ ข้าจะเรียกให้เจ้ามาเพื่ออะไร?” เซี่ยซางกล่าวด้วยเสียงขรึม “ไม่ต้องลำบากหรอก ข้าพำนักในกระโจมเดียวกับท่านอ๋องก็ได้แล้ว พวกข้าเป็นสามีภรรยากัน” ซูถิงหว่านรีบห้ามปรามทันที นางตัดสินใจแล้ว นางจะตามติดเซี่ยซางให้แน่นเหมือนกอเอี๊ยะหนังสุนัขเลย จะต้องให้เขามีบุตรกับนางให้ได้“ตัวข้าบาดเจ็บ เตียงก็เล็ก…” “หาใช่เรื่องใหญ่อั
ซูถิงหว่านแต่งตัวเรียบร้อยแล้วจึงไปถึงหน้ากระโจมของเหิงอ๋อง ทว่าทหารกลับกีดกันนางเอาไว้ “บัดนี้ดึกมากแล้ว ท่านอ๋องพักผ่อนแล้ว ไม่มีคำสั่งท่านอ๋องไม่ว่าผู้ใดก็เข้าไปไม่ได้เด็ดขาด” นางเอ่ยออกไปว่า “ข้าคือพระชายารองของท่านอ๋อง แม้แต่ข้าก็ห้ามด้วยหรือ?” ทหารพวกนี้กินอะไรเป็นอาหารกัน ทว่าแท้จริงแล้วนางไม่รู้เลยว่าคำสั่งนี้เซี่ยซางเป็นคนออกคำสั่งเอง “ท่านอ๋องมิได้แจ้งให้พระชายารองเข้าไปข้างในขอรับ” ทหารเอ่ยอย่างกระอักกระอ่วน “ท่านอ๋อง หม่อมฉันหวานหว่านเองเพคะ! ด้านนอกอากาศหนาวมาก ท่านให้ข้าเข้าไปเถิดเพคะ!” ซูถิงหว่านหาได้สนใจอะไร ถึงอย่างไรนางก็ตัดสินใจแล้วว่าจะพำนักในกระโจมเดียวกับเซี่ยซาง เพื่อที่นางจะได้ดูแลเขาเอง จะได้กันไม่ให้หมอหญิงเย่อะไรนั่นเข้ามาคิดมิดีมิร้าย ภายในกระโจม เซี่ยซางหลับไปแล้วจริง ๆ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเวลาแบบนี้ซูถิงหว่านจะยังมาอีก เขาคิดว่าคนสกุลซูคงจะจัดแจงหาที่พำนักให้นางเรียบร้อยแล้ว มีธุระอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้ แต่ความเป็นจริงซูถิงหว่านใช้เวลาไปอย่างน้อยสองชั่วยามเพื่อชำระล้างร่างกายตนเองให้สะอาดสะอ้านหมดจด พวกทหารเองก็นอนกันหมดเแล้ว พรุ่งนี้เช้ายังต้องรี
Comments