เขาเป็นบุรุษจืดจาง ไร้ความโดดเด่น แต่นางก็เห็นเขาได้อย่างชัดเจน หวังเพียงคนผู้นี้มอบครอบครัวเล็กๆ อยู่อย่างสมถะ มีชีวิตหลังแต่งงานที่เงียบสงบเรียบง่ายและปลอดภัยก็พอ แต่ทว่า... ชีวิตสงบสุขเรียบง่ายที่ใฝ่หา เหตุใดช่างยากเย็นนัก อา...แต่ไม่เป็นไร เพราะในที่สุดนางก็ได้รู้ ชีวิตที่ยุ่งเหยิงอันตรายเช่นนี้ล่ะ ช่างมีสีสันดีนักแล
View Moreเขาเป็นบุรุษจืดจาง ไร้ความโดดเด่น แต่นางก็เห็นความน่าสนใจในตัวเขาจนได้
หวังเพียงเขามอบครอบครัวเล็กๆ อยู่อย่างสมถะ มีชีวิตหลังแต่งงานที่เงียบสงบเรียบง่ายและปลอดภัยก็พอ
หากแต่ชีวิตสงบสุขที่ได้มาง่ายๆไหนเลยจะยืนยาว สุดท้ายนางก็ได้รับแต่ความสับสนวุ่นวาย ชีวิตยุ่งเหยิงอันตราย ระหกระเหินผกพันไม่แน่นอน
ชีวิตสงบสุขเรียบง่ายที่ใฝ่หาเหตุใดช่างยากเย็นนัก
อา...แต่ไม่เป็นไร เพราะในที่สุดนางก็ได้รู้
ชีวิตที่ยุ่งเหยิงอันตรายเช่นนี้ล่ะ ช่างมีสีสันดีนักแล
**********
แนะนำตัวละคร
ไป๋เล่อชิง
คู่รักคู่ร้างแม้ห่างกายแต่ใจมิไร้เยื่อใย นางเพิ่งรู้ เพราะเขาสมยอม การแต่งงานระหว่างเราจึงเกิดขึ้น มิน่าเล่า แรกเริ่มจืดจาง ภายหลังคมเข้ม ทีแรกขึงขัง หลังๆยอมหมด เขาแสร้งทึมทื่อบื้อใบ้เพื่อแกล้งนางนี่เอง
อู๋หมิง
หากไม่สมยอมแต่โดยดี คงมีสตรีโชคร้ายตลอดชีวิต
โจวเจิน/อาโยว
สตรีจากยุคปัจจุบัน ถูกรถชนทะลุมิติมาสิงร่างจอมยุทธ์หญิงผู้ตามหารักแท้กับสามีคนใหม่ คนไหนก็ได้
หลิวหนิง/เจาจวิ้น
คนสนิทข้างกายอู๋หมิง
**********
หออวิ๋นเซียว
แผนการอันชั่วร้ายไร้ยางอายถูกบรรยายออกมาจากริมฝีปากจิ้มลิ้ม
“ข้าวางแผนเอาไว้แล้ว เจ้าแค่ช่วยพาอู๋หมิงมา”
“หลังจากนั้นเล่า? เจ้าจะทำเช่นไร?”
“หลังจากเขาเมาเหล้า ข้าจะเข้าหาเขาแล้วพวกเราก็จะ...”
สาวน้อยร่ายแผนร้ายอย่างระมัดระวังโดยหารู้ไม่ว่าหลังฉากกั้นในห้องหับที่มิดชิดนี้กำลังมีผู้ใดแอบฟังอยู่
แม้แรกเริ่มคนฟังถึงขั้นตะลึงอึ้งงันด้วยคาดไม่ถึงในเป้าหมายของแผนการวสันต์
แต่ไม่นานหลังจากนั้น...
มุมปากของอู๋หมิงก็ผุดรอยยิ้มจางอย่างมีความหมาย
*
*
*
เมื่อกายพร้อม ใจพร้อม
หรือรักนี้...ข้าควรสมยอม
*
*
*
ชีวิตคู่ผู้อื่นเริ่มต้นหลังแต่งงาน แต่นางเริ่มต้นหลังหย่าร้าง อดีตสามีผู้นั้นรูปงามหล่อเหลาและเร่าร้อน ทรงเสน่ห์เปี่ยมพลังเกินต้านขนาดนี้ มูฟออนเป็นวงกลมไปเลยสิคะ! หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นแนวอ่านสบายๆ ไม่มีปมหนักหรือเนื้อหาเคร่งเครียดค่ะ
หลังหรี่ตาเพ่งมองแวบหนึ่งพลันรู้สึกหงุดหงิด เพราะสิ่งที่เห็นคืออีกคนที่เป็นบุรุษ ชายหญิงกำลังนั่งคุยกระหนุงกระหนิงหยิกแก้มกันไปมา...อย่าบอกนะว่าอาโยวมีคนรักใหม่แล้ว!เจาจวิ้นคิดด้วยใจไม่ยินยอมสักเสี้ยว กำลังจะพังฉากกั้นเข้าไปแย่งชิงคนรักอย่างอุกอาจจังหวะเดียวกันนั้น อู๋หมิงพลันดึงเจาจวิ้นเข้าไปกอดแนบอกพอดิบพอดี ทำท่าคลอเคลียรักใคร่หนักหนาเจาจวิ้นเกือบต่อยแล้ว แต่นึกได้ว่าที่นี่ที่ไหนและใครกอด อีกทั้งตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่เขาจึงเงยหน้ามองเจ้าของอ้อมแขน ถามว่า “ใต้เท้าเว่ยมาแล้วหรือ?”อู๋หมิงตอบโดยไม่มองหน้า “อืม ทำงานก่อน”ทั้งสองจึงทำตัวเป็นสามีภรรยาที่กำลังหยอกเอินให้ตรงกับจังหวะที่เสียงประตูเลื่อนเปิดออกที่หน้าประตู เสี่ยวเอ้อค้อมกายผายมือเชื้อเชิญ ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินเนิบนาบเข้ามา พร้อมกลิ่นอายที่ขุนนางเฒ่าผู้โอหังและเจนจัดในราชสำนักเท่านั้นถึงจะมีเขาคือเว่ยซุนเยี่ยนอ๋องมีคำสั่งให้อู๋หมิงเข้าหาขุนนางใหญ่ผู้นี้ เพียงแต่บุตรสาวของเว่ยซุนพึงใจในตัวอู๋หมิงอย่างเปิดเผย ทุกคราที่นัดหมายพบหน้า ทั้งฮูหยินเว่ยและคุณหนูเว่ยจึงมักติดตามมาด้วยเสมอ เจาจวิ้นจึงต้องรับหน้าที่เป็น ‘ภรร
โรงเตี๊ยมฝูไหลชั้นสอง ห้องอาหารติดกันเสียงของสองสตรีที่ดังเล็ดลอดเข้ามา หากมิได้แอบฟังคงไม่ได้ยินจับใจความไม่ได้ มิหนำซ้ำคงไม่สนใจบทสนทนาที่เลื่อนเปื้อนนั่น ทว่าเจาจวิ้นที่บังเอิญได้ยินล้วนจับใจความได้จนปรุโปร่งกระทั่งต้องแอบฟังอย่างตั้งใจที่สุดในใต้หล้าอยู่ตอนนี้ และหัวใจก็เต้นแรงเสียจนแทบทะลุออกมานอกอกรอมร่อเสียงนั้นยังคงดังต่อเนื่องว่า “ชิงชิง เจ้ารู้เช่นนี้แล้ว ระแวงข้าหรือไม่? ไม่อยากเข้าใกล้หรือเปล่า? แบบเห็นข้าเป็นหญิงบ้าหรือเป็นผีร้ายอะไรเทือกนั้น”“อาโยว ข้ารู้แค่ว่าเจ้าเป็นผู้มีพระคุณของข้า”“แน่นะ”“อื้ม”โจวเจิน! อาโยว! ต่างมิติ วิญญาณสิงร่าง เจาจวิ้นเบิกตากว้าง เม้มปากจนกรามสั่นในที่สุดก็หาเจอเสียที!เจาจวิ้นเหลือกตายามแนบหูแอบฟังจนใบหน้าที่แต่งแต้มเติมชาดบิดเบี้ยวเสียรูปทรงและทำท่าเจาะกระดาษบนฉากกั้นห้องข้างๆ อย่างวู่วาม อู๋หมิงที่นั่งอยู่ด้วยกันเห็นเช่นนั้นก็เลิกคิ้วถาม“อาหนิง เจ้าจะทำบ้าอะไร? อย่าเสียมารยาท”ดวงตาเจาจวิ้นยังคงเบิกกว้าง ชี้นิ้วฉากกั้นห้องพลางกระซิบอย่างตื่นเต้นที่สุด “สตรีห้องข้างๆ ห้องนี้ๆ”อู๋หมิงเสียงขรึม “คืออะไร? พูดดีๆ”เจาจวิ้นสูดลมหายใจ “
ไป๋เล่อชิงชะงักท้ายที่สุดก็พยักหน้า “อืม ข้าไม่มีทางลืมแน่นอน” นางเพียรย้ำ เตือนตัวเองซ้ำๆอีกว่า “หากข้าเจอเขาก็จะหนีให้ไกลด้วย ดีหรือไม่?” “ดีมาก”ระหว่างกินอาหารและชื่นชมทิวทัศน์ร้านรวงต่างๆจากหน้าต่างห้องชั้นสอง ไป๋เล่อชิงก็เหลือบไปเห็นโจวเจินกำลังคำนวณอันใดสักอย่างจนหัวคิ้วขมวดมุ่นไปหมด “อาโยว เจ้าทำสิ่งใดหรือ?”โจวเจินบอกโดยไม่เงยหน้า สายตายังคงครุ่นคิดอย่างจริงจัง “ข้ากำลังคำนวณค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันต่างๆ ของพวกเราสองคนและหาลู่ทางเพิ่มเงินในหีบ เงินของเจ้าเหมือนเยอะ แต่หากไม่หาเพิ่มคงไม่ดี”ไป๋เล่อชิงยิ้ม “อันที่จริงข้าคิดเรื่องนี้เอาไว้นานแล้ว ยังคิดว่าอยากทำการค้า เป็นเถ้าแก่เปิดกิจการสักอย่าง แต่แรกเริ่มคงต้องหางานทำเป็นลูกจ้างไปก่อน ข้าทำบัญชีและมีความรู้เรื่องกิจการร้านค้า วันนี้ระหว่างเดินเที่ยว ข้ามองหาร้านที่ติดประกาศรับคนงานทำบัญชีเอาไว้ โอกาสได้งานคงสูงอยู่ ทำงานเก็บเงินได้ค่อยหาเช่าร้าน พอทำการค้าได้กำไรก็ค่อยซื้อร้านต่อยอดขยายกิจการ ยามนี้ต้องทนลำบากสักหน่อย ภายหน้าย่อมดีแน่นอน”โจวเจินให้รู้สึกคาดไม่ถึงอยู่บ้าง เพราะก่อนหน้านี้มัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับเมืองโบราณอ
เดินทางครึ่งเดือนในที่สุดไป๋เล่อชิงกับโจวเจินก็ถึงที่หมายคือเมืองหลวงต้าอันที่นี่เจริญรุ่งเรืองมากกว่าเมืองชนบทผิงเจียยิ่งนัก ผู้คนที่เดินขวักไขว่พลุกพล่านล้วนแต่งกายงดงามดูดี แม้แต่ขอทานคนเร่ร่อนยังมีการปะชุนเสื้อผ้า เห็นได้ชัดว่าชาวเมืองหลวงให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์เป็นอย่างมาก เรียกว่าที่นี่คือดินแดนแห่งความมั่งคั่งอย่างแท้จริงโจวเจินก้มมองชุดขาดวิ่นของตนนิ่งๆ ชุดมีสภาพนี้เพราะร่างเก่าต่อสู้แย่งชิงคัมภีร์มารสุดยอดเคล็ดวิชากับจอมยุทธ์คนหนึ่งอย่างบ้าคลั่ง กระทั่งต่างฝ่ายตายไปทั้งคู่ คัมภีร์นั้นก็หายไปทางใดก็สุดรู้ นางที่จู่ๆ ก็เข้าสิงร่างจึงต้องทนกับเสื้อผ้าที่รุ่งริ่งยับเยินนี้มาเนิ่นนาน เป็นเพราะเมืองต่างๆที่ผ่านทางไม่มีร้านผ้าที่ถูกใจ ตัวเลือกน้อยไม่ดึงดูด แต่ที่เมืองหลวงแห่งนี้กลับแตกต่าง ทุกย่างก้าวล้วนมีแต่สินค้าหลากหลายให้เลือกหา คิดแล้วก็หันไปทางไป๋เล่อชิงที่เดินชมเมืองอยู่ข้างๆ “ข้าคิดว่าควรเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เสียหน่อย ยืมเงินเจ้าก่อนได้หรือไม่ เดี๋ยวข้าจะหางานทำชดใช้ให้”ไป๋เล่อชิงรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “อาโยวเป็นผู้มีคุณ ไม่ต้องทำงานชดใช้ ต้องการเงินเท่าไรขอเพียงบอกมา อั
เห็นเจาจวิ้นพูดด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียดเช่นนั้น อู๋หมิงให้รู้สึกปวดหัว “เจ้าทำตัวเช่นนี้ ลืมแล้วกระมังว่าตัวเองเป็นบุรุษ”“ปลอมเป็นสตรีทุกวัน ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแล้วปะไร” เจาจวิ้นยืดตัวนั่งตรง หรี่ตาจ้องอู๋หมิง “ว่าแต่ท่านเถอะ นอนไม่หลับเพราะเรื่องภรรยาอีกแล้วหรือ?”อู๋หมิงถอนหายใจ ตอบรับเสียงทุ้มต่ำในลำคอ เงียบงันครู่หนึ่งค่อยเอ่ย “เป็นสามีย่อมต้องใส่ใจภรรยา”“ไม่น่าเชื่อว่าท่านจะมีความรู้สึกต่อนางขนาดนี้ มิใช่ว่าท่านถูกนางใช้แผนการจนได้แต่งงานหรอกหรือ?”อู๋หมิงเลิกคิ้ว “เจ้ารู้?”เจาจวิ้นยกหัวแม่มือชี้ตัวเอง ทำท่าคุยโวโอ้อวดว่า “ข้าเป็นใคร สายลับระดับแคว้นเชียวนะ แค่เรื่องของคู่หู สืบง่ายนิดเดียว”มิรู้ว่าเอาท่าทางแปลกประหลาดเช่นนี้มาจากไหน อู๋หมิงได้แต่ส่ายหน้าระอา ได้ยินเจาจวิ้นเอ่ยเย้าอีกว่า “ท่านมีความคะนึงหานางขนาดนี้ ข้าเริ่มสงสัยเสียแล้ว ไม่แน่ว่าท่านน่ะจงใจทำตัวซื่อบื้อหลอกล่อให้นางตายใจ แล้วคืนเกิดเหตุก็เป็นท่านที่สมยอมถูกมอมเหล้า ถูกไหม”ประหนึ่งมีหูตาสวรรค์ คำพูดเหล่านี้ทำอู๋หมิงถึงกับชะงักงัน “อาหนิง เจ้ารู้เท่าทันเกินไปกระมัง?”“ฮ่าๆ ข้าเดาถูก เก่งกาจใช่หรือไม่?”อู๋หมิงส
ท่ามกลางกลุ่มควันจากถ้วยชาร้อนกรุ่นสองถ้วยระหว่างกระดานหมากยากเอาชนะเยี่ยนอ๋องถามอู๋หมิงอย่างห่วงใย “ไม่เคยเห็นเจ้าโกรธขนาดนี้ นับว่าข้าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว”ปกติอู๋หมิงสงบนิ่งเยือกเย็นเหมือนคนไม่รู้ร้อนรู้หนาวทุกเรื่องราว พอถึงคราวที่พระองค์ถามเอาความคิดเห็นก็ตอบอย่างละเอียดรอบคอบโดยสีหน้าไม่เปลี่ยน เรียกได้ว่าเสนอข้อเท็จจริงด้วยเหตุผลอย่างรอบด้านแบบไร้ที่ติ เพราะไม่มีอารมณ์ร่วมอันใดแม้แต่น้อย ในขณะที่ตัวพระองค์มักเอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง โมโหฉุนเฉียวทุกครั้งยามเกิดปัญหาให้ขบคิด“ได้เห็นเสียที ยามเจ้ามีอารมณ์โกรธขึ้นมานับว่าเด็ดขาดทีเดียว”อู๋หมิงมิได้ปฏิเสธ ทว่าความเงียบของเขาย่อมเป็นการตอบรับตามวิสัยเยี่ยนอ๋องชอบนิสัยเย่อหยิ่งพูดน้อยของอู๋หมิง พระองค์ทั้งเอือมระอาและคร้านจะฟังคนจำพวกปากมากปากรั่วดุจตะแกรง วันๆเอาแต่พูดจาประจบสอพลอ หาความจริงไม่เจอบุรุษเที่ยงตรงสงบเยือกเย็นเฉกอู๋หมิง ไม่ว่าใครล้วนถูกใจให้คบหาเสมออ๋องหนุ่มถามต่อ “เจ้าคิดว่าภรรยายังไม่ตาย?”ครานี้อู๋หมิงไม่คิดปิดบัง “พ่ะย่ะค่ะ”“ไฉนถึงคิดเช่นนั้น?”“หลังจากในนักรบเงาลอบสืบอย่างละเอียดถี่ถ้วน พบว่ามีโจรเข้ามาขโมยของมีค
Comments