เรื่องรักหลอกๆของเธอเกิดจากการรับคำท้าของเพื่อน ส่วนเรื่องรักหลอกๆของเขาเป็นความต้องการของครอบครัว รักวุ่นวายของนักเขียนสาวกับรองประธานหนุ่มบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์จึงเกิดขึ้น
View Moreงานแต่งงานมักจะเป็นงานที่สาวๆ หลายคนนั้นใฝ่ฝันอยากที่จะให้เกิดขึ้นกับตนสักครั้งหนี่งในชีวิต แต่ไม่ใช่กับหวงลี่หลิน นักเขียนนิยายรักโรแมนติกวัยยี่สิบหกปีผู้ที่ไม่เคยผ่านการมีแฟนมาเลยสักคนแต่กลับเขียนนิยายออกมาได้ดีราวกับมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องรักมากมาย หวงลี่หลินนั้นเป็นผู้หญิงสวยที่มีหนุ่มๆ หมายตามาโดยตลอด แต่เธอก็ไม่เคยตกลงปลงใจคบหากับใครเลยสักคน ดีที่ทางบ้านเข้าใจและไม่บังคับให้บุตรสาวไปนัดบอร์ดเพื่อหาคู่
“วันนี้เฉินเยว่หลินสวยมากเลยพวกเธอดูสิ” เพื่อนในกลุ่มชี้ไปทางเจ้าสาวที่กำลังเดินเข้ามาในงานพร้อมกับบิดา
“ฉันอยากแต่งงานบ้างจัง แต่ยังหาแฟนไม่ได้เลย” เพื่อนอีกคนพูดขึ้น
“ฉันไม่เห็นจะอยากแต่งงานเลย อยู่คนเดียวทุกวันนี้สบายจะตาย ไม่ต้องทะเลาะกับใคร ไม่ต้องเป็นห่วงใคร ไม่ต้องตามหึงหวงใคร และไม่ต้องมานั่งรอใคร” สาวสวยรูปร่างสูงเพรียวหุ่นทรงนาฬิกาทรายในชุดเดรสสีแดงเพลิงปาดไหล่ขวานั่งขาไคว่ฮ่างอวดเรียวขาขาวเนียนจิบไวน์อยู่อย่างอารมณ์ดี เธอมักจะได้เป็นแขกรับเชิญทุกครั้งเวลาที่เพื่อนๆ แต่งงาน และทุกงานก็จะมีหนุ่มๆ มาสนใจเธอทุกครั้ง แต่คนสวยเลือกมากอย่างเธอน่ะเหรอจะมองใครสักคน เพราะต่อให้หล่อ รวย และชาติตระกูลดีแค่ไหน ก็ไม่เคยเข้าตาของนักเขียนสาวเลย
“แหม....แม่คนสวยเลือกได้ เมื่อไหร่เธอจะมีแฟนสักทีล่ะ ตั้งแต่ฉันเรียนกับเธอจนจบมาทำงานแล้วฉันยังไม่เคยเห็นแฟนของเธอเลย” ถงถงเอ่ยขัดคอขึ้นทันทีด้วยความหมั่นไส้
“สวยและรวยมากก็พอย่ะ แฟนไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดในชีวิต” สาวสวยพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจจนเพื่อนๆ ที่คิดต่างแอบเบ้ปาก ในชีวิตของผู้หญิงใครบ้างที่จะไม่อยากมีแฟนดีๆ จนได้แต่งงานกัน หวงลี่หลินคนนี้ช่างมีความคิดที่แตกแยกนัก
“ใช่ จะรีบมีแฟนไปทำไม อยู่สวยๆ โสดๆ ให้ผู้ชายเสียดายเล่นดีกว่า” อ้ายฉิงเพื่อนสนิทของนักเขียนสาวเอ่ยขึ้น จะมีเพียงเพื่อนสองคนเท่านั้นที่รู้ฐานะที่แท้จริงของนักเขียนสาวคนนี้ เธอไม่ใช่แค่นักเขียนธรรมดาๆ อย่างที่ทุกคนเห็นและเข้าใจ แต่เธอเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลหวงต่างหาก
“ฉันก็เป็นอีกคนนะที่ยังไม่คิดจะมีแฟน มีแล้วเปลี่ยนบ่อยๆ เหมือนพวกเธอก็ไม่ไหวคิกๆๆๆๆ” เยว่หรูเพื่อนสนิทของลี่หลินอีกคนเดินเข้ามาสมทบกับสองสาว ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นพร้อมกับกลั้วหัวเราะเบาๆ จนอีกสองสาวพลอยที่จะหัวเราะขำไปด้วยไม่ได้ ถงถงรีบเดินหนีไปอยู่กับเพื่อนอีกกลุ่มทันที กลุ่มของสามสาวกับกลุ่มของพวกเธอไม่ค่อยจะกินเส้นกันอยู่แล้ว เจอกันทีไรถ้าไม่ได้แขวะหรือฟาดฟันกันก็ออกจะแปลกทีเดียว
พิธีการผ่านไปจนถึงช่วงเวลารับช่อดอกไม้จากเจ้าสาว ซึ่งเพื่อนๆ เจ้าสาวที่ยังโสดมักจะไปรอคอยรับช่อดอกไม้กันเพื่อหวังจะได้กลายเป็นเจ้าสาวคนต่อไป ผิดก็แต่กลุ่มของสามสาวที่มีบุคลิกต่างกันหากแต่ยังคบหากันได้แบบลงตัว
ลี่หลินนั้นเป็นผู้หญิงที่สวยเซ็กซี่ และมีความมั่นใจในตนเอง เวลาทำงานอยู่ที่หน้าโน๊ตบุ๊คจะไม่ค่อยสนใจตัวเองเท่าไหร่นัก หากแต่พอออกงานเธอจัดหนักจัดเต็มเซ็กซี่จนหนุ่มๆ หันมามองตามเธอคอแทบเคล็ด ส่วนอ้ายฉิงนั้นเป็นหญิงสาวที่สนใจและดูแลบุคลิกภาพของตนตลอดเวลา เสื้อผ้าหน้าผมของเธอมักจะดูเรียบร้อยทุกสถานการณ์อาจจะเพราะอาชีพการงานของเธอคือนักพัฒนาบุคลิกภาพ และคนสุดท้ายเยว่หรู เธอเป็นคนปากจัดหากแต่จริงใจ การแต่งกายก็จะออกแนวสาวเท่ เพราะเธอนั้นเป็นนักแข่งรถที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของเมืองเอ
“ว๊ายยย!!!!!” เสียงหวานอุทานออกมาขณะที่ช่อดอกไม้ลอยตกลงมายังตักของคนที่ไม่คิดว่าจะมีแฟนหรือคิดที่จะแต่งงาน สองเพื่อนสนิทสาวมองเพื่อนซี้ด้วยสายตาตกตะลึงเช่นกันก่อนที่จะพากันขำออกมา
“โอ๊ย!!! อะไรกันเนี่ย คนที่เขาอยากมีแฟนอยากแต่งงานไม่หล่นไปหา หล่นมาหาฉันทำไมกันเนี่ย” เสียงหวานอุทานขึ้นจนสองเพื่อนสนิทสาวหัวเราะออกมาอย่างหยุดไม่ได้
“ฮ่าๆๆๆๆ ยัยลี่หลิน ปีนี้ฉันว่าความโสดที่เธอหวงมาหลายปีต้องสิ้นสุดแล้วล่ะคิกๆๆ” เสียงห้าวหวานดังมาจากริมฝีปากบางสีส้มอ่อนของเยว่หรู หากไม่ใช่เพื่อนสนิทแล้วมาพูดแบบนี้ลี่หลินคงจะฟาดฟันกลับไปอย่างแน่นอน หากแต่เพราะคนที่แซวเธอนั้นเป็นเพื่อนสนิทหนึ่งในสองของเธอจึงทำได้แค่ส่งค้อนน้อยๆ ไปให้เพื่อนเพียงเท่านั้น
“เอาน่า คนอื่นเค้าอยากได้จะตายไป” อ้ายฉิงเอ่ยขึ้นบ้าง
“แต่ไม่ใช่ฉันไหม” ดวงตากลมหวานแข็งกร้าวขึ้นทันทีจนเพื่อนๆ หุบขำแทบจะไม่ทัน
“อะ!! ถ้าอย่างนั้นเธอเอาไปก่อนก็แล้วกันอ้ายฉิง เธอดูอ่อนหวานที่สุดในกลุ่ม น่าจะสละโสดก่อนพวกฉันแน่ๆ” มือบางจับช่อดอกไม้สีขาวที่เพิ่งลอยตกลงมาที่ตักส่งให้กับเพื่อนสนิท
มื้ออาหารผ่านไป หวงลี่หลินยังตัดสินใจไม่ได้ที่จะเล่าความจริงให้ครอบครัวของเฉินเจียวจ้านและเขาฟังไหมว่าแท้ที่จริงแล้วเธอเป็นใคร คิดไปคิดมาเธอก็ผลัดวันและตัดสินใจว่าเธอจะบอกความจริงกับเขาและครอบครัวหลังจากงานแต่งงานของโหรวโหรวเสร็จสิ้น“เป็นยังไงบ้างลูก อาหารที่บ้านของม๊ารสชาติเหมือนที่บ้านของหนูไหม" คุณนายเฉินเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงน่าฟัง“อร่อยดีค่ะม๊า ส่วนรสชาติก็พอๆ กับที่บ้านเลยนะคะ ทานรสเดียวกัน แต่ลี่หลินไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าไหร่หรอกค่ะ ส่วนมากจะทานอาหารที่สั่งมาจากข้างนอกหรือไม่ก็บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” หวงลี่หลินตอบผู้อาวุโสก่อนที่จะเผลอเล่าเรื่องส่วนตัวให้มารดาของชายหนุ่มฟังนิดหน่อย“เห็นเจียวจ้านบอกว่าหนูเป็นนักเขียนนิยายออนไลน์หรอลูก แล้วนี่ลงกับแพลตฟอร์มไหนล่ะ ได้ลงกับบริษัทของเราหรือเปล่า” เฉินซือเยว่เอ่ยถามแฟนสาวของบุตรชายคนเล็ก“เอ่อ.. ใช่ค่ะ ลี่หลินเป็นนักเขียน ก็ลงแทบจะทุกแพลตฟอร์มที่ติดต่อมานั่นแหละค่ะ” หวงลี่หลินเลี่ยงที่จะตอบว่าลงกับแพลตฟอร์มของตระกูลเฉินด้วย หากแต่เป็นการเอ่ยรวมๆ ไปจะดีกว่า“อ๋อ... อย่างนั้นเหรอ ถ้าหนูต้องการความช่วยเหลือ หรือติดขัดในเรื่องที่เกี่ยว
หลังจากที่กลับมาจากการไปลองชุดเพื่อนเจ้าสาวกับพี่สาวสุดที่รัก หวงลี่หลินก็ขอแยกตัวกลับก่อนทันทีเพราะเธอมีงานที่ต้องทำต่อ วันนี้เธอมีนัดกับบรรณาธิการของสำนักพิมพ์ในเครือของตระกูลเฉิน เป็นเรื่องการตีพิมพ์นิยายของเธอออกมาให้เป็นรูปเล่ม เพราะกระแสตอบรับทางสังคมออนไลน์นั้นดีเยี่ยม มีการเปิดพรีออเดอร์จนยอดจองมีเข้ามาอย่างล้นหลาม“ฮัลโหล... ค่ะ พี่เจียวจ้าน” เสียงหวานกรอกไปในสายขณะที่มือบางข้างหนึ่งก็กำลังเปิดประตูเข้าห้อง‘นี่คงไม่ใช่เพราะเขาหรอกนะ ไม่สิ เขาไม่รู้จักนามปากกาของเธอสักหน่อย’ นักเขียนสาวคิดในใจ“เย็นนี้ว่างไหมครับ พอดีป๊ากับม๊าของพี่ชวนแฟนพี่ให้ไปทานข้าวที่บ้าน” เสียงทุ้มดังมาจากปลายสาย“อ่ะ..เอ่อ มีใครไปบ้างคะ เอ่อ..คือลี่หลินหมายถึงว่ามีคนอื่นนอกจากป๊ากับม๊าพี่หรือเปล่าคะ”เพราะพี่สาวของเธอไม่ได้บอกว่าเย็นนี้มีนัดกับครอบครัวของเจียงข่านว่าที่พี่เขยของเธอ เธอจึงเอ่ยถามเจียวจ้านออกไป“มีแค่ป๊าม๊า พี่แล้วก็น้องลี่หลินครับ วันนี้พี่เจียงข่านไปทานมื้อเย็นที่บ้านของว่าที่พี่สะใภ้ครับ”เฉินเจียวจ้านพอจะเดาได้ เธอคงกังวลถ้าจะต้องเจอพี่สาวแท้ๆ เธอพร้อมๆ กับครอบครัวของเขาบ่อยๆ“อืม..
สองสาวสวยเดินเข้าไปในร้านเวดดิ้งชื่อดัง พอพนักงานเห็นว่าเป็นคุณหนูหวงมาใช้บริการอีกครั้งจึงรีบเข้ามาให้การต้อนรับทันที โดยที่ลอบมองใบหน้าสวยหวานที่ดูคล้ายๆ กันของคนข้างๆ ที่เดินมาพร้อมกับว่าที่เจ้าสาวในอีกสองเดือนข้างหน้าเช่นกัน“เอ่อ.. คุณคนนี้เป็นเพื่อนของคุณหวงหรอคะ”พนักงานต้อนรับสาวเอ่ยถามขึ้นด้วยสงสัยทันที ทุกคนในเมืองเอต่างก็รู้ดีว่าหวงลี่จินนั้นมีน้องสาวแท้ๆ อยู่หนึ่งคน หากแต่ไม่มีใครเคยเห็นหญิงสาวเลยสักคนเพราะอีกฝ่ายไม่เคยเปิดตัวต่อหน้าสื่อเลยสักครั้ง 'หรือคนนี้จะเป็นน้องสาวของคุณหวงกันนะ’ พนักงานสาวคิดในใจ“เอ่อ.. ใช่ค่ะ”หวงลี่จินหันไปมองใบหน้าหวานของน้องสาวก็ได้รับสายตาอ้อนวอนซึ่งคงจะหมายถึงให้ตามน้ำไป เธอจึงตอบพนักงานไปแบบนั้น พออีกฝ่ายได้ยินก็ฉีกยิ้มให้ เพื่อนสวยไม่แพ้เจ้าสาวเลย“เพื่อนของคุณหวงหน้าตาคล้ายๆ คุณหวงเลยนะคะ”พนักงานต้อนรับสาวเอ่ยแซวโดยไม่ได้คิดอะไร หากแต่หวงลี่หลินถึงกับต้องหน้าชา เธอลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย เวลาเธอกับพี่สาวอยู่ใกล้กันมักจะมีคนทักว่าหน้าตาคล้ายๆ กันแล้วแบบนี้ในงานวันเกิดของแฟนกำมะลอที่ผ่านมา ครอบครัวของเขาจะดูไม่ออกบ้างหรอ เห็นทักเพียงแต่เรื่อ
เวลาที่ใกล้เข้ามาทำให้สองหนุ่มเริ่มทำคะแนน โดยที่ลู่ตงหานนั้นเริ่มจีบอ้ายฉิงอย่างออกนอกหน้านอกตาโดยมีน้องสาวที่ทำงานอยู่ที่สายการบินคอยช่วย ลู่หลิงหลิงใช้งานมาเป็นข้ออ้างในการดึงตัวอ้ายฉิงไม่ให้ไปทำงานที่อื่น ซึ่งพี่ชายของเธอจะได้มีโอกาสทำคะแนนกับหญิงสาวที่เธอนั้นเต็มอกเต็มใจยอมรับมาเป็นว่าที่พี่สะใภ้แบบไม่มีข้อขัดข้องใดๆ“สวัสดีค่ะ คุณอ้ายฉิง”“สวัสดีค่ะ คุณหลิงหลิง”สองสาวเอ่ยทักทายกันทันทีที่ได้พบหน้า ลู่หลิงหลิงผายมือให้หญิงสาวผู้มาใหม่ได้นั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของเธอ อ้ายฉิงจึงนั่งลงตามที่อีกฝ่ายเชื้อเชิญ“คือทางบริษัทของเราอยากจะว่าจ้างให้คุณอ้ายฉิงช่วยทำการฝึกอบรมบุคลิกภาพของสาวๆ กับหนุ่มๆ ในสายการบินของเราหน่อยน่ะค่ะ ทั้งพนักงานต้อนรับภาคพื้นดินและพนักงานต้อนรับบนเครื่องเลยนะคะ” ลู่หลิงหลิงเริ่มชี้แจงงานทันทีที่อีกฝ่ายนั่งลงตรงข้ามของเธอแล้ว“เอ่อ...ได้สิคะ จะให้ฉันเริ่มงานวันไหนดีคะ” อ้ายฉิงเอ่ยถามขึ้นก่อนที่จะหยิบแท็บเล็ตคู่ใจขึ้นมาเพื่อบันทึกคิวงาน“อืม... เริ่มงานพรุ่งนี้ รวมๆ แล้วก็ประมาณสามเดือนค่ะ”หลิงหลิงเริ่มทำตามแผนที่พี่ชายวางเอาไว้ทันที หลังจากที่อ้ายฉิงได้ฟังกำหนดกา
ริมฝีปากหนาของเฉินเจียวจ้านยกยิ้มขึ้นมาเพียงเล็ก เมื่อสายตาคมของเขาเผลอเหลือบไปเห็นคอมเมนต์ของตนที่แสดงความคิดเห็นให้กับนิยายของเธอเมื่อวานมือเล็กนิ้วเรียวยาวกดพิมพ์ข้อความตอบกลับไปทันทีโดยที่ลืมไปว่าคนที่กำลังขับรถอยู่นั้นเป็นถึงรองประธานแพลตฟอร์มที่เธอลงนิยายอยู่พอนึกขึ้นได้หญิงสาวจึงปิดหน้าจอสมาร์ทโฟนของเธอลงก่อนที่จะเหลือบไปมองคนข้างๆ พอเห็นว่าเขาสนใจถนนที่อยู่เบื้องหน้า หวงลี่หลินจึงผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ อย่างโล่งใจเมื่อรถจอดลงที่หน้าคอนโด หวงลี่หลินจึงรีบปลดเข็มขัดนิรภัยและลงไปจากรถทันที เพราะเหตุการณ์ก่อนๆ หน้าที่เคยเกิดขึ้นทำให้เธอรู้สึกระแวง เธอกลัวหัวใจตนเองเรื่องนี้เธอยอมรับเธอรู้ดีว่าเฉินเจียวจ้านนั้นเป็นสุภาพบุรุษ แต่เธอนั้นกลัวความอยากรู้อยากลองของเธอจะทำให้เขาอดใจไว้ไม่ไหวเช่นกัน ผู้หญิงกับผู้ชายเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองก็เหมือนน้ำมันกับไฟ เพราะฉะนั้นพักหลังๆ มาเธอจึงหลีกเลี่ยงที่จะอยู่กับเขาสองต่อสองเวลาลับสายตาจากผู้คน“ขับรถกลับดีๆ นะคะพี่เจียวจ้าน ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ และก็ขอบคุณที่มาส่งค่ะ” หวงลี่หลินยืนบอกแฟนหนุ่มกำมะลอด้วยรอยยิ้มอยู่ข้างรถ“ขอบคุณเหมื
เฉินเจียวจ้านไม่เคยบอกหวงลี่หลินเรื่องที่เขาคือ Jan นักอ่านผู้ลึกลับที่คอยเป็นกำลังให้กับเธอมาเสมอ อีกหนึ่งเดือนสัญญาระหว่างเขากับเธอก็จะจบลงแล้ว แต่เขาก็มีวิธีที่จะยืดสัญญานี้ออกไปโดยที่เธอก็ปฏิเสธไม่ลง“พี่เจียวจ้าน พี่ไม่เห็นต้องเอาใจลี่หลินขนาดนี้เลยก็ได้ค่ะ” แบบนี้ฉันก็ใจอ่อนกับพี่พอดีน่ะสิ แค่นี้ก็หวั่นไหวจะแย่อยู่แล้ว ประโยคหลังนักเขียนสาวไม่ได้พูดออกมา“มันเป็นหน้าที่ของสุภาพบุรุษครับ และพี่ก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วด้วย” เสียงทุ้มบอกหญิงสาวขณะที่กำลังแกะเปลือกกุ้งให้กับเธอ วันนี้สองหนุ่มสาวออกมาดินเนอร์ด้วยกันตามประสาคู่รักกำมะลอขณะที่ทั้งคู่กำลังรับประทานอาหารกันอยู่อย่างสงบนั้น ถิงถิงกับแฟนหนุ่มก็เดินเข้ามาในร้านเพื่อรับประทานอาหารเย็นที่นี่เช่นเดียวกัน ร้านที่ทั้งสองคนมานั่งค่อนข้างมีระดับ และราคาอาหารก็ค่อนข้างที่จะแพงพอสมควร พอถิงถิงเห็นเพื่อนอริก็รีบตรงเข้ามาทักทายโดยบอกให้โจวรุ่ยเผิงแฟนหนุ่มให้ไปนั่งรอที่โต๊ะและสั่งอาหารรอเธอได้เลย ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจว่าแฟนสาวต้องการจะทำอะไรแต่เขาก็ไม่ได้ขัดคอเธอ“อุ๊ย!! ไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่ เอ๊ะ!! รายได้นักเขียนมีปัญญาเข้าร้านหรูๆ แบบน
Comments