หลังลาออกจากงานในเมืองใหญ่ ถังเหยา เลือกกลับมาใช้ชีวิตเรียบง่ายใน "เหิงเตี้ยน" เมืองที่เต็มไปด้วยกองถ่ายละครและคนในวงการบันเทิง แต่เธอไม่ได้กลับมาเพื่อไล่ตามแสงไฟของใคร เธอเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ ริมทาง เสิร์ฟกับข้าวร้อน ๆ แบบบ้าน ๆ รสชาติเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง จนลูกค้าหลายคนต้องกลับมาเพราะ "คิดถึงรสมือแบบนี้" แม้ไม่มีป้ายร้าน ไม่มีโปรโมชั่น แต่คนก็แวะเวียนกันมาแน่นทุกวัน เพราะอาหารของถังเหยา รสชาติอร่อยจนลืมไม่ลง รวมถึงเขากู้จื่ออวี่ พระเอกหนุ่มสุดฮอตที่ชอบมาเงียบ ๆ แค่เพื่อได้กินข้าวฝีมือเธออีกสักมื้อ ไม่ใช่เพราะเทรนด์ ไม่ใช่เพราะแสงแฟลช แต่เพราะรสชาติที่ยิ่งกว่าติดใจ บางที...ความรักก็เริ่มจากคำว่า "กินดี" ก่อนจะกลายเป็น "อยู่ด้วยกันดีไหม" โดยไม่รู้ตัว "เปิดร้านในเมืองดารา แต่คนต่อคิวคือคนหิว ไม่ใช่คนตามเทรนด์" อยากรู้ว่าร้านนี้มีดีแค่กลิ่นกับข้าว หรือมีพระเอกแนบมาด้วย ต้องลองเปิดอ่านเอง #ความรักอุ่นกว่าข้าว #รสมือถังเหยา #ร้านเล็กในเหิ้งเตี้ยน
View Moreกองถ่ายเมืองเหิงเตี้ยนเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ตามกระแสอุตสาหกรรมภาพยนตร์ รอบๆ สตูดิโอเริ่มเต็มไปด้วยสถานที่บันเทิงหลากรูปแบบ คลับหรูหราผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดซึ่งไม่ต่างจากย่านดังในเซี่ยงไฮ้ ดาราสมัยนี้แม้ต้องทำงานถ่ายละครทั้งวัน แต่กลางคืนก็ยังหาความสำราญได้เต็มที่
ท่ามกลางความคึกคักเหล่านั้น ยังมีบ้านหลังหนึ่งที่สงบเงียบราวกับโลกอีกใบ บ้านไม้ทรงโบราณหลังเดียวใกล้กองถ่ายเหิงเตี้ยน
มันยังคงอยู่…ยังคงเปิดไฟสว่างไสวเหมือนในอดีต
ตึกไม้ล้อมด้วยรั้วเตี้ยๆ สนามหญ้าร่มรื่น ทั้งลานหน้าบ้านและหลังบ้านปลูกไม้เขียวขจี กลางลานมีเรือนหลังเล็กคั่นอยู่ ทำหน้าที่เชื่อมสองฝั่งของบ้านเข้าด้วยกัน ด้านลานหลังมีต้นแปะก๊วยใหญ่ยืนตระหง่าน ใบไม้สีทองบางใบโปรยลงบนโต๊ะไม้ กลิ่นแดด กลิ่นใบไม้ กลิ่นวันวานยังอบอวลในอากาศ บ้านหลังนี้เป็นมรดกที่คุณตาคุณยายทิ้งไว้ให้ ถังเหยา ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกองถ่ายตำแหน่งดีอย่างไม่น่าเชื่อ
เมื่อไม่กี่วันก่อน ญาติคนสุดท้ายของเธอได้จากไป ก่อนสิ้นลมท่านเอ่ยเพียงประโยคเดียว "ให้บ้านหลังนี้เปิดไฟไว้เสมอ เผื่อว่าสักวันคนเก่าคนนั้นจะกลับมา...เพื่อรับของสำคัญคืน"
ครอบครัวฝั่งแม่ของเธอ สืบเชื้อสายจากช่างครัวในวังหลวง วิชาการครัวที่สืบต่อมาทั้งตำรับราชสำนักและอาหารพื้นบ้าน ล้วนจดไว้ในสมุดโบราณ เพียงแต่…คุณตาร่างกายไม่แข็งแรง คุณแม่ก็เป็นลูกคนเดียวจึงไม่อยากให้ลำบากไปกว่านี้ สุดท้าย…ไม่มีใครได้สืบทอดเส้นทางของบรรพบุรุษ
แต่สำหรับถังเหยา เธอเติบโตมากับกลิ่นหอมของอาหาร ตั้งแต่ประถมก็เริ่มจับตะหลิว มัธยมต้นก็เข้าครัวได้อย่างมั่นใจ ทุกการหั่น การคลุก การชิมคือสิ่งที่คุณตาสอนมากับมือ ความจริงแล้วเธอรู้ดี สิ่งที่คุณตาเสียใจที่สุดในชีวิต ไม่ใช่ความเจ็บป่วย ไม่ใช่ความเงียบเหงา แต่เป็นการที่ไม่มีใครได้สืบทอดวิชาของตระกูล ก่อนจากลาเธอสัญญากับคุณตาไว้ว่าจะเป็นคนที่สืบต่อความฝันนั้นให้เอง จะไม่ให้ฝีมือแห่งบ้านตระกูล “ถัง” ต้องหยุดอยู่แค่รุ่นของคุณตา
ตอนที่คุณตายิ้มให้ครั้งสุดท้าย รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความโล่งใจและภาคภูมิใจ ลมพัดผ่านใบไม้ ต้นแปะก๊วยไหวเบาๆ ราวกับเสียงกระซิบของคนที่จากไป…กำลังบอกว่า “ดีแล้วล่ะ หลานตา...ดีแล้วจริงๆ”
ไม่กี่วันต่อมา ถังเหยามัวแต่ยุ่งอยู่กับการจัดแต่งบ้านใหม่ เรือนชั้นล่างฝั่งใต้จัดให้เป็นที่อยู่อาศัย ห้องที่เหลือเปิดไว้สำหรับพนักงาน หรือนักแสดงที่ต้องการพักค้างชั่วคราว เธอใช้เรือนไม้ที่กั้นอยู่ตรงกลางลาน ดัดแปลงให้กลายเป็นครัว แค่เปิดหน้าต่างทั้งสองข้าง ก็รับลมเข้าได้เต็มที่ บนเพดานติดเครื่องดูดควันเรียบร้อย ครัวกลางบ้านกลายเป็นหัวใจของที่นี่
ฝั่งเหนือของลานและทางเดินเลียบข้าง ถูกจัดวางโต๊ะเก้าอี้อย่างเป็นระเบียบ เธอเพิ่มหน้าต่างหลายบานเข้าไปในแต่ละห้อง ในวันที่แดดดีๆ แขกสามารถเปิดหน้าต่างชมสวนได้สบายตาสบายใจ ที่นี่อากาศดีตลอดปี ต้นไม้ใหญ่ในลานให้ร่มเงา เย็นสบายแม้ตอนเที่ยงวัน แค่เปิดประตูบ้านลมอ่อนๆ ก็พัดเข้ามา พร้อมกลิ่นหอมของดินและใบไม้
ความรู้สึกนั้น…สบายเหมือนได้กลับบ้าน
ลานบ้านมีชุดโต๊ะไม้เรียบง่าย บ่อน้ำเก่า ต้นไม้ดัด และแปลงดอกไม้ทั้งหมดถูกเก็บรักษาไว้ตามเดิม ถังเหยาหลงรักของเก่าเหล่านี้ เพราะมันเก็บเอาลมหายใจของกาลเวลาไว้ด้วย ริมกำแพงข้างทางเดิน มีพุ่มดอกไม้ที่คุณยายเคยปลูกไว้ตั้งแต่ตอนยังมีชีวิต เป็นดอกไม้โปรดของท่าน เมื่อก่อนคุณตาจะรดน้ำดูแลทุกเช้า
ตอนนี้…เป็นหน้าที่ของเธอแทนแล้ว
ร้านอาหารเล็กๆ ของเธอใช้ชื่อว่า “ตระกูลถัง” ตกแต่งให้เหมือนโรงเตี๊ยมสมัยก่อน มีทั้งกลิ่นอายความโบราณและความอบอุ่นแบบบ้านๆ
วันเปิดร้าน เธอกับเพื่อนสาว เสี่ยวอิง ช่วยกันจุดประทัดหน้าประตู แล้วเปิดผ้าสีแดงบนป้ายไม้ขึ้นร้านตระกูลถัง เปิดกิจการอย่างเป็นทางการ เสี่ยวอิงมีชื่อจริงว่า หยางอิง พอรู้ว่าเพื่อนรักจะเปิดร้านอาหาร ก็รีบตามมาช่วยโดยไม่ต้องรอให้ชวน
หยางอิบอกว่า “ชาตินี้จะไม่มีวันอยู่ห่างจากอาหารของเหยาเหยาอีกเด็ดขาด เธออยู่ที่ไหน ฉันก็จะอยู่ที่นั่น”
ถังเหยายังไม่ได้จ้างพนักงานเพิ่ม แต่เพราะเพื่อนรักเต็มใจช่วย เธอปล่อยให้ทำตามใจ จะอยู่ จะช่วย จะซน จะกินก็เชิญตามสบายเลย
ร้านเปิดตอนสิบเอ็ดโมงตรง แต่จนเที่ยงกว่าแล้วก็ยังไม่มีแม้แต่เงาลูกค้า ที่เหิงเตี้ยนเมืองที่เต็มไปด้วยกองถ่ายและทีมงานภาพยนตร์ ร้านอาหารส่วนใหญ่จะมีลูกค้าขาประจำ คนในวงการมักจะมุ่งหน้าไปยังร้านที่คุ้นเคย ไม่เสียเวลามาลองร้านใหม่ที่ยังไม่มีชื่อเสียงหรือได้รับการโปรโมต
ถังเหยาเข้าใจดี ร้านใหม่ของเธอไม่มีป้ายไฟ ไม่มีโฆษณา ไม่มีดารามารีวิว ไม่มีใครโพสต์ในโซเชียล จะเงียบหน่อยก็ไม่แปลก “ถ้ารอจนหมดช่วงพักเที่ยงแล้วยังไม่มีใครมา…ก็ค่อยปิดร้านพักกันเถอะ”
เสี่ยวอิงนั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ไม้ใต้ต้นกัลปพฤกษา แสงแดดลอดผ่านใบไม้พร่างพรายเหมือนภาพวาด
ในเมืองถังเหยาไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไรกับการไม่มีลูกค้า แล้วเธอจะกระวนกระวายไปทำไมกัน แถมถังเหยายังอุตส่าห์รินน้ำบ๊วยเย็นๆ ใส่แก้ว วางคู่กับขนมกุ้ยฮวาหอมๆ กินไปชิมไปอย่างอารมณ์ดี“เหยาเหยา ขนมกุ้ยฮวาที่เธอทำอร่อยมากเลยนะ ครั้งหน้าทำเยอะๆ หน่อยสิ ขายได้แน่นอน!”
ถังเหยาพิงแขนบนขอบหน้าต่างของครัว ยิ้มขำให้ภาพเพื่อนรักที่กำลังโยกตัวไปมาราวกับแมวอ้วนขี้เกียจ เธอสงสัยอยู่นิดๆ ว่า คุณหนูเจ้าบทเจ้ากลอนคนนี้ จะอยู่ช่วยได้นานแค่ไหนกันนะ?
“ได้สิ ถ้าอย่างนั้นพอฤดูดอกไม้บาน ฉันจะเก็บดอกไม้ทำขนมกลีบบ๊วยไว้ขายเลยแล้วกัน”
ทั้งสองหัวเราะคิกคักอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ในช่วงเวลาที่ไม่มีลูกค้า เสียงพูดคุยของพวกเธอเป็นเพียงเสียงเดียวที่ก้องกังวานอยู่ในสวน ลานหน้าบ้านมีต้นไม้ใหญ่หลายต้น ทั้งต้นกัลปพฤกษา ต้นฉำฉา และพรรณไม้หอมใบสวยอีกหลายชนิด ร่มเงาเขียวครึ้ม ช่วยให้แม้ในยามเที่ยงก็ยังเย็นสบาย ลมเอื่อยๆ พัดมาเป็นระยะ ทำให้บรรยากาศรอบตัวเหมือนหยุดนิ่งในฤดูใบไม้ผลิ
เสี่ยวอิงหลงรักที่นี่เข้าอย่างจัง เธอนึกถึงโซฟาเอนหลังที่สั่งไว้ทางออนไลน์ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างจัดส่ง พอมาถึงเมื่อไหร่เธอจะยกไปตั้งไว้ใต้ต้นแปะก๊วยที่ลานหลังบ้าน ช่วงเวลาว่างๆ จะได้นั่งเอกเขนกใต้ร่มไม้ ฟังเสียงนกร้อง…มองปลาแหวกว่ายในบ่อ แล้วปล่อยใจล่องลอยไปกับสายลม
ขณะเดียวกัน ที่สตูดิโอเหิงเตี้ยนฝั่งโน้น กลับยุ่งวุ่นวายแทบไม่มีใครได้หยุดพัก เหิงเตี้ยนคือสตูดิโอถ่ายทำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ แทบทุกวันจะมีทีมงานหลายสิบทีมเข้าออกไม่ขาดสาย คิวถ่ายทำแน่นเอียด บรรยากาศหลังกล้องจึงเต็มไปด้วยความเร่งรีบวุ่นวาย
เบื้องหลังแสงไฟสว่างไสวบนหน้าจอ คือผู้คนมากมายที่ทุ่มเททำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยตลอดวันตลอดคืน
เหมยเหมย ทำงานเป็นนักแสดงตัวประกอบที่เหิงเตี้ยน หลังจากถ่ายฉากของตัวเองเสร็จ ก็วิ่งไปหลบแดดใต้ร่มไม้ นั่งลงหอบหายใจพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิด WeChat เข้าไปในกลุ่ม “นักแสดงตัวประกอบเหิงเตี้ยน” เพื่อหาพวกพ้องร่วมกิน
เหมยเหมย:“โซน A3 เพิ่งถ่ายเสร็จจ้า มีใครว่างรวมทีมไปกินข้าวบ้าง ตอนนี้กำลังรอแบบหิวจนไส้กิ่วเลย”
ลั่วลั่ว:“โซน C1 ก็เพิ่งจบเหมือนกัน ไปด้วย! @เหมยเหมย แต่วันนี้จะกินอะไรดีน้า บะหมี่ร้านฉิน หรือลุยหม้อไฟร้านตี้ตี้ หรือข้าวกล่องร้านขวัญใจดี”
เหมยเหมย:“แถวนี้มีร้านไหนฉันยังไม่เคยกินบ้างล่ะ? เลือกมาสักร้านเหอะ @ลั่วลั่ว /วางคางลงกับโต๊ะมโน”
ถิงถิง:“ฉันกำลังไถแอปเจอร้านใหม่เปิดจ้า กะว่าจะลองสั่งมากินดู รสชาติไม่รู้เป็นไง ตอนนี้แอปมีโค้ดส่วนลดเปิดร้านด้วยน้า ใครอยากสั่งด้วยกันไหม แล้วเราค่อยหาโต๊ะนั่งกินด้วยกันก็ได้ /แนบลิงก์”
เหมยเหมย:“ร้านใหม่ะเหรอ…ไม่น่าไว้ใจเลยอะ แถวเหิงเตี้ยนเนี่ยนะ ร้านอร่อยคือแพงจนนักแสดงเบี้ยน้อยหอยน้อยกินไม่ไหว ครั้งก่อหลงไปกิน หมดเงินที่ได้รับทั้งวันเลยนะยะ”
ลั่วลั่ว:“แต่ฉันเห็นเมนูเขามี ‘ซี่โครงตุ๋นไวน์แดง’ ด้วยนะ ฟังดูน่าสนใจอยู่ กินคู่กับข้าวสวยน่าจะเข้ากัน
สั่งเพิ่ม ‘ต้มยำปลาช่อน’ อีกถ้วย ราคาก็ไม่แรงนะ @เหมยเหมย ลองหน่อยเถอะเพื่อนสาว”เหมยเหมย:“งั้นฉันเอา ‘เต้าหู้ผัดพริกเสฉวน’ กับ ‘ข้าวผัดหยางโจว’ แล้วก็ ‘ต้มยำปลา’ ด้วยละกัน ว่าแต่…ร้านนี้มีเมนูแค่นี้เหรอ? แต่ก็นะ…ตอนนี้หิวไม่มีอารมณ์เลือกอะไรมาก ตามเพื่อนก็ได้”
ถิงถิง:“งั้นสองสาวเลือกที่นั่งรอเลยนะ เดี๋ยวฉันรับของแล้วตามไป!”
ตอนแรกมาแล้วว ฝากร้านอาหารของถังเหยากับหยางอิงด้วยน้าา
เรื่องนี้จะเป็น แนวพิมพ์แชท เยอะ
หมายถึงบทของข้อความสนทนากันในแชทนะคะ
ประมาณตอนท้ายของบท จะมีแนวนี้เยอะหน่อยน้าาาา
แม้ว่าเผิงเหนียนจะเคยอยู่บ้านเดียวกับกู้จื่ออวี่มาก่อน แต่ตอนนั้นทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมาก อีกทั้งนิสัยของเธอก็ค่อนข้างขี้อาย จึงไม่จำเป็นต้องแกล้งแสดงอาการเขินเมื่อเจอกันครั้งแรก เพราะมันเผยออกมาโดยธรรมชาติอยู่แล้ว แถมเธอยังกลัวแฟนคลับของกู้จื่ออวี่กับห่าวอี้อยู่ไม่น้อย จึงพยายามยืนห่างจากทั้งสองคนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สองคู่ถูกจับมารวมเป็นกลุ่มเดียวกัน ส่วนกลุ่มที่มีสามคนก็ยังคงเดิมภารกิจแรกของวันคือให้เตรียมมื้อกลางวันกันเอง เมื่อแขกรับเชิญได้ยินแบบนั้น สีหน้าทุกคนก็เหมือนจะหมดคำพูด ในป่าจะหาอะไรกินได้ล่ะ? จะให้หาของกินจากใบไม้หรือไง? โชคยังดีที่แต่ละคนแอบพกขนมเล็กๆ น้อยๆ มาด้วย จึงไม่ถึงกับต้องทนหิวในมื้อกลางวันทว่าหลังมื้อนั้นเสบียงทั้งหมดก็เกือบหมดเกลี้ยง เหมือนรายการจงใจวางกับดัก ทำทีให้เตรียมเองแต่สุดท้ายกลายเป็นถูก "ปล้น" ไปซะหมดแล้วมื้อเย็นล่ะ? จะเอาอะไรกิน?หลังจากกินข้าวเสร็จ ทุกคนได้พักช่วงสั้นๆ ตอนกลางวั
บนหน้าจอไลฟ์ที่แต่เดิมแบ่งเป็น 7 ช่อง ตอนนี้ถูกรวมเหลือเพียง4 ช่องเท่านั้น ใบหน้าของเหล่าแขกรับเชิญส่วนใหญ่ก็ปรากฏให้เห็นชัด ยกเว้นห้องอันดับท้ายสุดของถังเหยา ที่ยังคงเห็นได้แค่เพียงเงาหลังของเธอเท่านั้นฝ่ายแอนตี้รีบออกตัวว่าใบหน้าของถังเหยาคงจะ “ระดับทั่วไป” จนต้องหลบกล้องตลอดเวลาเพื่อเลี่ยงคำด่า ขณะที่ชาวเหิงเตี้ยนรีบออกโรงปกป้อง ว่า จ้าของร้านตระกูลถังเป็นสาวน้อยหน้าตางดงามตัวจริงระหว่างที่สองฝ่ายกำลังเปิดศึกโต้เถียงกันแบบไม่มีใครยอมใคร คนที่เดินอยู่ด้านหน้าก็จู่ๆ หยุดกะทันหัน พอมองใกล้ๆ ก็พบว่าในอ้อมแขนของเธอมี “คนเพิ่มมาอีกหนึ่ง” เหล่าผู้ชมต่างงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น จึงรีบย้อนกลับไปดูภาพซ้ำในคลิปถังเหยากำลังเดินอยู่ตามปกติ อยู่ๆ เธอก็เงยหน้าขึ้นมอง และในวินาทีนั้นมีคนหนึ่งร่วงลงมาจากกิ่งไม้ตรงหน้า จึงรีบวิ่งเข้าไปทันเวลาและรับตัวเขาไว้ได้พอดี เหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ทำเอาทั้งทีมถ่ายทำและผู้ชมถึงกับนิ่งงันไปทั้งหน้าจอ
ภายใต้บรรยากาศอันคึกคักและความคาดหวังจากผู้ชม หน้าจอไลฟ์สดปรากฏตัวเลขนับถอยหลัง1 นาที สนามรบระหว่างบ้านแฟนคลับทั้งหลายจึงยอมพับดาบเก็บกระบี่ชั่วคราว หันมาเตรียมใจพักผ่อนชั่วครู่ รอดูรายการก่อนแล้วค่อยเคลียร์กันต่อภายหลังภาพบนหน้าจอค่อยๆ เผยให้เห็นต้นไม้แน่นทึบ แสงแดดสาดผ่านพุ่มใบ เสียงนกร้องก้องไปทั่วขุนเขา ความคิดแรกของผู้ชมคือ ทีมโปรดักชันถ่ายทำในป่าจริงๆ อย่างนั้นหรือ? รายการนี้กล้าปล่อยบรรดาเซเลบดาราแถวหน้าเหล่านี้ ไปดิ้นรนเอาตัวรอดกลางป่าจริงๆ ใช่ไหม?จากนั้นหน้าจอถูกแบ่งออกเป็น 7 ช่องย่อย แสดงภาพของทั้ง7 คน ณ สถานที่ต่างกัน พร้อมคำอธิบายว่าในบรรดาทั้ง7 ใครมาถึงก่อนจะได้เข้าไปก่อน หากเจออีกคนก่อนจะได้จับกลุ่มกัน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ3 คนและ4 คนรายการให้ผู้เข้าร่วมแต่ละคนพกเป้มาหนึ่งใบ ของข้างในแล้วแต่จะเตรียม ใครมีแรงแบกไหวแค่ไหนก็พกมาเท่านั้น แต่ทุกคนก็พอรู้ว่าต้องเดินทางเยอะจึงเตรียมมาแค่พอใช้ยอดคนดูไหลเข้าร
ถังเหยาบอกกับกู้จื่ออวี่ว่าจะปิดร้านชั่วคราว เพื่อไปถ่ายรายการกับเผิงเหนียน พอกู้จื่ออวี่ได้ยินแบบนั้นก็ถามชื่อรายการ ก่อนตอบตกลงเข้าร่วมรายการนี้ด้วยหยางอิงกลายเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเผิงเหนียน เพื่อกันไม่ให้ตงเจียวเข้ามากดดัน เผิงเหนียนเข้าร่วมรายการครั้งนี้ก็เพราะอยาก “กลับเข้าสู่วงการแบบค่อยเป็นค่อยไป” ใช้วิธีปล่อยใจไปกับธรรมชาติ รักษาชื่อเสียงโดยไม่รีบร้อนตอนที่รายการยังอยู่ระดับ A เธอเป็นฝ่ายติดต่อไปหาทีมงานเอง แล้วก็เสนอให้พาเด็กใหม่อย่างถังเหยามาเป็น “ผู้นำทาง” ด้วย ตอนนั้นทีมโปรดักชันกำลังปวดหัวกับการหาดาราดังมาดันเรตติ้ง เผิงเหนียนดันมาพร้อมกระแสพอดี แถม ถังเหยายังเป็นเจ้าของร้านตระกูลถังที่โด่งดังอยู่ช่วงนั้น มีความน่าสนใจ และดูน่าจะสร้างความอยากรู้อยากเห็นให้ผู้ชมได้พอได้สองคนนี้เข้ารายการ ฝั่งของกู้จื่ออวี่ก็เป็นฝ่ายติดต่อมาขอเข้าร่วมด้วยตัวเอง แล้วหลังจากนั้นไม่นาน เหล่านักลงทุนทั้งหลายก็แห่กันเข้ามา จากรายการเกรดA ก็ไ
แฟนคลับจากบ้านอื่นๆ เห็นดังนั้นก็หันมาจ้องมองที่ตำแหน่งสุดท้ายอย่างไม่วางตา ค่ายอื่นๆ ต่างก็มีกระแสที่ดีอยู่แล้ว แน่นอนว่าพวกเขาไม่อาจเทียบได้ แต่ถังเหยาคือใคร? ทำไมน้องใหม่โนเนมคนนี้ถึงได้เข้าร่วมใต้โพสต์ประกาศ มีการโต้เถียงระอุขึ้นมาอีกครั้ง แฟนคลับถึงกับพาถังเหยาและผู้จัดงานขึ้นฮอตเสิร์ชเพื่อประจาน โพสต์ที่มีแฮชแท็ก#ถังเหยารู้ตัวแล้วคืนอันดับที่7มาซะ ติดอันดับ5 ของชาร์ตบันเทิงทันที ชื่อถังเหยากลายเป็นเป้าหมายของการโจมตี และวิพากษ์วิจารณ์ในทุกสมรภูมิรบบังเอิญคนที่เหิงเตี้ยนกำลังเลื่อน Weibo ไปเจอชื่อที่คุ้นเคย พอกดเข้าไปดูถึงได้รู้ว่าเทพของพวกเขา กำลังถูกดูหมิ่นและโจมตีอยู่ รีบวิ่งกลับไปที่สถานีเหิงเตี้ยนเพื่อรายงานสถานการณ์ทันทีสถานีเหิงเตี้ยน:คนบ้านตระกูลถัง: พี่น้องเอ๊ย! ตื่นขึ้นมากันให้หมดเลย ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าทำไมเจ้าของร้านตระกูลถังถึงได้ประกาศหยุดหนึ่งเดือน ก็เพราะไปเข้าร่วมรายการวาไรตี้ "ใช้ชีวิตกลม
บล็อกเกอร์ชื่อดังเครื่องหมายติ๊กแดงยืนยันตัวตนรายหนึ่ง ออกมาโพสต์รายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับรายการวาไรตี้ใหม่ล่าสุดก็กลายเป็นกระแสร้อนแรงในทันที ทะลุขึ้นอันดับฮอตเสิร์ชบอร์ดบันเทิงอย่างรวดเร็วผ้าไหมหลากสี:"จากแหล่งข่าววงใน ตอนนี้รายการวาไรตี้ใหม่ชื่อ‘ใช้ชีวิตกลมกลืนกับธรรมชาติ’ ได้สรุปรายชื่อทีมสมาชิกประจำทั้ง7 คนเรียบร้อยแล้วค่ะ! บอกเลยว่าแค่รายชื่อ ก็ทำให้บรรดารายการวาไรตี้รุ่นเก๋าทั้งหลายต้องมีหนาวแน่นอน! ไม่เพียงแค่ คู่จิ้นมาแรงที่สุดตอนนี้ กับ คู่ชายหญิงอันดับ1 และ2 ของวงการ ที่จะเข้าร่วม แต่ยังมี ‘คลื่นลูกใหม่’ พัดเข้าสู่วงการบันเทิงที่ไม่มีใครคาดถึงอีกด้วย เชื่อฉันเถอะ คุณจะไม่ผิดหวังแน่นอน!"แม้โพสต์ต้นทางจะไม่เปิดเผยชื่อแบบตรงๆ แต่ด้วยบรรดาคีย์เวิร์ดที่ทิ้งไว้ให้ตามกลุ่ม กินแตง แฟนชาวเน็ตสายเผือกก็จับทางได้ทันทีว่า “ใครเป็นใคร”แฮชแท็ก #ดาราดัง
Comments