ไทเธย์หนุ่มหล่อวิศวะปี 4 ผู้ที่ไม่ชอบสุงสิงกับใคร รักความเงียบ ความมืด เป็นชีวิตจิตใจ แต่แล้วมันก็หายไปหลังจากที่มีรุ่นน้องคนนี้เข้ามา ชะเอม รุ่นน้องสาวปี 1 ผู้ที่เข้ามาทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป เธอน่ารักและสดใส แต่ก็น่ารำคาญด้วยในเวลาเดียวกัน ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกรำคาญได้เท่านี้มาก่อนเลย แต่ในอีกมุมนึง เขากลับรู้สึกว่าชีวิตประจำวันของตัวเองฉันกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เหมือนได้ก้าวออกมาจากมุมมืดของตัวเอง
View More@มหาวิทยาลัย
วันรับน้องเฟรชชี่ใหม่ / วันที่หนึ่ง
เสียงอึกทึกของเหล่านักศึกษาที่เดินเข้ามาเบียดเสียดกันในลานหน้าตึกวิศวกรรมหลังจากที่ได้ยินเสียงของรุ่นพี่ประกาศให้มารวมตัวกัน
"เอาล่ะครับน้องๆ ใครที่มาแล้วก็ช่วยอยู่เงียบๆ แล้วดูเพื่อนในกลุ่มของตัวเองด้วย ว่ามากันครบแล้วหรือยัง" เสียงของพี่ว๊ากดังขึ้น
ก่อนที่ทั้งลานคณะจะเงียบลง ทุกคนมองรอบๆ ตัวเองสำรวจเพื่อนๆ ที่รุ่นพี่ได้แบ่งให้อยู่กันเป็นกลุ่มๆ
กิจกรรมรับน้องที่นักศึกษาใหม่หลายคนมีความสุขที่ได้มาเข้าร่วม เพราะได้เจอเพื่อน ได้เจอรุ่นพี่ ได้ทำกิจกรรม ถือว่าเป็นช่วงเวลาสนุกสนานครั้งหนึ่งในชีวิตเลยก็ว่าได้
"เดี๋ยวกิจกรรมต่อไป จะให้กลุ่มน้องๆ ตามหารุ่นพี่ตามคำใบ้ที่กลุ่มของตัวเองจับฉลากได้ ใครเจอก่อนสามกลุ่มแรกรุ่นพี่มีรางวัลให้ กลุ่มไหนหาได้กลุ่มท้ายจะถูกทำโทษ โดยการให้ปั่นจิ้งหรีดนะครับ"
เสียงนักศึกษารุ่นน้องฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง เพราะช่วงเวลาที่สนุกที่สุดของกิจกรรมรับน้องก็คือตามหารุ่นพี่ตามคำใบ้ที่ได้มา บางคนง่าย บางคนยาก แล้วแต่ดวงจะจับได้ใคร
หลังจากนั้นกลุ่มนักศึกษาก็ส่งตัวแทนออกไปล้วงไหที่ในนั้นมีกระดาษคำใบ้ของรุ่นพี่ที่ตัวเองจะต้องออกไปตามหาให้เจอ ก่อนจะแยกย้ายกันไปตามมุมต่างๆ เพื่อช่วยกันคิด วิเคราะห์ ตามหา มองดู
ตัดมาที่นักศึกษากลุ่มนึง...
"เฮ้ยแก เราได้คำใบ้อะไรวะ?"
'เงียบเหมือนเงา แต่ไม่หายไปไหน ไม่ชอบความวุ่นวาย แต่พร้อมปรากฏตัว'
"โห...มึนจัด ใครวะเนี่ย"
"คำใบ้โคตรยาก"
"โลกทั้งใบมืดสนิทตามคำใบ้เลย"
เป็นคำใบ้ที่เล่นเอาทั้งกลุ่มถึงกับกุมขมับเลย เพราะดันได้คำใบ้ที่โคตรจะยากมาแบบนี้ มองไปที่กลุ่มของรุ่นพี่ก็ไม่เห็นว่าจะมีคนไหนเข้าข่ายเลยสักคนเดียว
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ นักศึกษาบางกลุ่มตามหารุ่นพี่ตามคำใบ้ที่ตัวเองได้จนเจอแล้ว จะเหลือก็แต่เพียงกลุ่มนี้ ที่มองไม่เห็นทางออกเลย ไม่ใช่ว่าจะปล่อยให้เวลามันหมดลงไปเสียเปล่าๆ หรอก แต่มันหาไม่เจอจริงๆ
จนกระทั่งกลุ่มรุ่นพี่นั้นเรียกรวมตัว ซึ่งมันก็แปลว่าหมดเวลาที่จะตามหารุ่นพี่ตามคำใบ้แล้ว
"ไหนใครยังหารุ่นพี่ของตัวเองไม่เจอบ้างครับ" เสียงพี่ว๊ากตะโกน
ทั้งกลุ่มนี้ค่อยๆ ยกมือขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มเดียวด้วยมั้งที่หารุ่นพี่ตามคำใบ้ไม่เจอ
"รบกวนน้องๆ ออกมายืนด้านหน้าด้วยครับ" พี่ว๊ากบอก
"ทำไมถึงหาไม่เจอครับ?"
"มันยากมากค่ะ"
"ทำไมถึงยากครับ ได้คำใบ้อะไรไป?"
รุ่นน้องที่ถือกระดาษคำใบ้อยู่ค่อยๆ ยื่นให้กับพี่ว๊ากได้อ่าน พอรุ่นพี่ได้เห็นสีหน้าก็ดูเหมือนจะคิดหนักอยู่เหมือนกัน แต่ดูเหมือนจะมีคำตอบในใจอยู่แล้ว
"ไอ้ไทแน่ๆ เลย"
"คะ??"
"แต่ก็ต้องตามกฎนะครับ กลุ่มของน้องหาเจอเป็นกลุ่มสุดท้ายก็ต้องถูกทำโทษ ปั่นจิ้งหรีดคนละยี่สิบครั้ง ปฏิบัติ!!"
ทุกคนทำตามที่พี่ว๊ากสั่งโดยที่ไม่มีใครคัดค้านเลยสักคน เพราะทุกคนยอมรับกฎนี้ และมันก็ไม่ใช่เรื่องแย่เลย ถึงเสร็จแล้วจะมึนหัวอยู่ไม่น้อยก็เถอะ
"คำใบ้ที่น้องๆ ได้มา มองไปที่ตรงนั้นครับ" พี่ว๊ากชี้ออกไป ก่อนที่ทุกคนจะพากันหันมองตามไม่ใช่แค่กลุ่มที่จับได้คำใบ้นี้แต่คือทุกคน
ไทเธย์ ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมดำสนิท ใบหน้าเกลี้ยงเกลาใต้เงาฮู้ดสีดำสนิทที่เขาสวมแทบทุกวัน ราวกับเป็นเกราะกำบังตนเองจากสายตาโลกภายนอก เขายืนอย่างนิ่งเฉย ร่างสูงโปร่งแผ่รังสีเย็นชาออกมาอย่างไม่ต้องพยายาม
"พะ พี่คนนั้น..?"
"ก็ตามคำใบ้ที่น้องๆ ได้ไป"
'เงียบเหมือนเงา แต่ไม่หายไปไหน ไม่ชอบความวุ่นวาย แต่พร้อมปรากฏตัว'
นี่มันใช่เลย ตามคำใบ้เป๊ะ แต่ไม่มีใครเอะใจหรือสังเกตเลยว่ามีเขาอยู่อีกคนที่เป็นรุ่นพี่ของคณะ เพราะเขาเงียบเหมือนเงาจริงๆ และความเงียบก็แผ่รังสีความเย็นยะเยือกน่ากลัวออกมาเป็นนัยๆ
"เอาล่ะครับ กลับไปนั่งที่ตัวเองได้แล้ว เราจะได้เริ่มทำกิจกรรมต่อไป.."
"ครับ/ค่ะ"
กิจกรรมวันรับน้องวันที่หนึ่งผ่านไป สองวันผ่านไป สามวันผ่านไป จนกระทั่งกิจกรรมรับน้องแสนสนุกสนานนี้จบลง และเวลาก็ผ่านไปอีกสองอาทิตย์เป็นช่วงเวลาที่นักศึกษาเปิดเรียนกันพอดี
ณ บ้านหลังหนึ่ง ที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย
"ชะเอมเสร็จหรือยังลูก"
"เสร็จแล้วแม่ มาแล้วๆ" เด็กสาววิ่งลงบันไดมาด้วยความเร่งรีบ
"เสร็จแล้วก็มากินข้าว"
"มหาลัยอยู่ใกล้แค่นี้เอง เดินไปแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว แม่อย่าเร่งสิ"
"ก็ตื่นให้มันเช้าๆ จะได้เป็นนิสัย"
"โหยแม่ ยังไงเอมก็ไปเรียนทันอยู่แล้วไม่ต้องกลัว"
"เรานี่นะ!"
"คุณก็ จะบ่นลูกทำไมนักหนา ลูกมันเข้ามหาลัยแล้วนะ มันโตขนาดนี้แล้วก็ให้มันคิดเองบ้าง เอาแต่บ่นลูกอายคนนะ"
"พ่อพูดถูกที่สุด"
"คุณก็อีกคน ให้ท้ายลูกจนเสียนิสัย"
"ก็แค่บอก" พูดเสียงเอื่อยๆ ดูเหมือนจะเก่งกล้า สุดท้ายก็แพ้คำพูดของเมียอยู่ดี
"เร็วๆ เลยเราน่ะ มัวแต่นั่งยิ้มอยู่นั่นแหละ"
"จ้าคุณอิ่มใจ"
#มหาวิทยาลัย
คณะวิศวกรรมศาสตร์
"นี่พี่ไทเธย์ใช่มั้ย...วิศวะปีสี่น่ะ หล่อขนาดนี้ยังไม่มีแฟนเลยเหรอ?" เสียงกระซิบของกลุ่มสาวๆ ปีหนึ่งดังแว่วมาจากมุมบันได
"เขาไม่ค่อยคุยกับใครเลยนะ เห็นอยู่คนเดียวตลอด..." อีกเสียงหนึ่งเสริม
ไม่มีคำตอบจากเขา ไม่มีแม้แต่แววตาที่จะบ่งบอกว่าได้ยิน
ไทเธย์เดินผ่านพวกเธอไปเหมือนไร้อากาศรอบตัว ความเงียบของเขาเหมือนแรงดึงดูดที่น่าค้นหา และน่ากลัวในคราวเดียว
หากไม่ใช่เพราะความเก็บตัวจนแทบจะล่องหนเขาอาจเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในคณะนี้ไปแล้ว
ชะเอมคืออีกคนนึงที่ยืนมองอยู่ เธอได้ยินสิ่งที่กลุ่มนักศึกษากลุ่มหนึ่งกำลังพูดกัน และก็ได้เห็นบุคคลนั้นที่กำลังถูกพูดถึง ซึ่งก็คือรุ่นพี่เจ้าของคำใบ้แสนยากเย็นที่เธอได้มาตอนที่มีกิจกรรมรับน้อง คิดว่าบุคลิกแบบนี้จะมีแค่ตอนนั้นซะอีก ไม่คิดว่าจะเป็นบุคลิกโดดเด่นของเขาเลย
"เฮ้ยเอม! ยืนทำไรตรงนี้ ขึ้นเรียนได้แล้ว"
"เออๆ ขึ้นไปก่อนเลยเดี๋ยวตามไป"
"มองอะไรของแกวะ?"
"มองรุ่นพี่คนนั้นน่ะ ที่เราได้คำใบ้มาตอนกิจกรรมรับน้อง"
"อ๋อ..มองทำไม?"
"ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ"
ณ คาเฟ่เล็กๆ ข้างมหาวิทยาลัย ชะเอมกำลังนั่งจิบน้ำพั้นซ์อยู่ในร้าน พร้อมกับหันมองไปรอบๆ มองดูพนักงานที่กำลังเดินเสิร์ฟให้กับลูกค้า พร้อมกับในหัวก็มีความคิด"ร้านนี้ก็ดูดีนะ" เธอพูดเหมือนคนที่กำลังพูดพึมพำกับตัวเอง แต่เธอไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว เพราะตรงข้ามกับเธอก็มีคนที่กำลังนั่งกินกาแฟอยู่ด้วย นั่นก็คือไทเธย์"พูดอะไรของเธอ""หือ? อะ อ๋อ เอมกำลังคิดอยากทำงานพาร์ทไทม์น่ะค่ะ ช่วงปิดเทอมไม่ได้ทำอะไร จะได้มีเงินเอาไว้กินช่วงเปิดเทอมด้วย""....." ไทเธย์เลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ "เธอก็ไม่ได้ลำบากเรื่องเงินไม่ใช่หรือไง ทำไมต้องทำด้วย หรือว่าเดือดร้อนเรื่องเงิน?"พูดเหมือนกับจะให้ยืมอย่างนั้นแหละ แต่ถ้ายืมมันก็ต้องคืนอยู่ดี แต่ถ้าทำงานเธอได้เงินมาพร้อมกับแลกแรงกายของตัวเอง มันไม่ต้องคืนนี่นา"ไม่เดือดร้อน ไม่ได้แปลว่ารวยนะรุ่นพี่ พ่อแม่ก็ให้พอดีๆ แหละ แต่อยากลองหาเงินเองดูบ้างอะ อีกอย่างปิดเทอมก็ไม่ได้ไปไหนนี่นา"เป็นครั้งแรกเลยที่เธอมีความคิดอยากทำงานพาร์ทไทม์ เพราะอยากหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองบ้าง ไม่ใช่เอาแต่แบมือขอเงินพ่อแม่ไปวันๆ ทั้งที่เธอก็โตจนป่านนี้แล้ว"ขนาดรุ่นพี่เองก็ยั
#วันปิดเทอมช่วงบ่ายๆ วันหนึ่ง หลังจากที่ชะเอมได้ไปช่วยรุ่นพี่ในคณะของตัวเองทำงานกิจกรรมที่ยังค้างคาอยู่ ตอนนี้ก็ถึงเวลากลับบ้านแล้ว เธอกำลังเดินไปพร้อมกับรุ่นพี่อย่างไทเธย์ ที่ปกติเขามักจะตามมาส่งเธอทุกวันถ้าไม่ได้มีธุระออกไปที่ไหนระหว่างเดินไปด้วยกัน เขาไม่ได้พูดอะไรมากนัก แค่ถามเรื่องงานชมรมบ้าง เรื่องเรียนบ้าง แต่มันก็เป็นความเงียบที่ไม่รู้สึกอึดอัดมันเป็นความเงียบที่...รู้สึกดีแต่เธอก็แอบคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้น วันที่จู่ๆ เขาก็จูบเธอ ป่านนี้เธอก็ยังลืมไม่ลงเลย แต่เขานิ่งมากนิ่งจนเธอเดาใจไม่ถูก หรือว่าเขาจะลืมมันไปแล้วจริงๆ หรือไม่ก็อาจไม่ได้คิดอะไรมาก ก็แค่จูบทั่วๆ ไปสำหรับเขาไม่นานทั้งสองก็มาถึงที่บ้านของชะเอม ยังไม่ทันที่จะเปิดประตูเข้าไป ก็มีเสียงดังออกมาซะก่อน พร้อมกับเจ้าของเสียง"กลับมาแล้วหรอลูก""ค่ะแม่""สวัสดีครับคุณน้า""สวัสดีจ้า เดินมาส่งน้องหรอ""อ๋อครับ พอดีทางมันเปลี่ยวก็เลย ก็เลยเดินมาส่งครับ""แล้วนี่รีบกลับหรือเปล่า""......" ไทเธย์หน้างงๆ มองหน้าของชะเอมสลับกับแม่ของเธอ "ไม่นะครับ""แม่มีอะไรหรือเปล่าคะ""จะอะไรล่ะ แม่เห็นพี่เขามาส่งตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ก
#หน้าบ้านของชะเอม "ขอบคุณนะคะ ที่มาส่งเอม" ร่างบางก้าวลงจากรถอย่างระมัดระวัง ก่อนจะถอดหมวกกันน็อกคืนให้กับเจ้าของ"เข้าบ้านได้แล้ว อย่าลืมล็อกประตูด้วยนะ""ค่ะ รุ่นพี่ก็...กลับดีๆ นะคะ"ชะเอมเดินเข้าไปในรั้วบ้าน ก่อนจะปิดประตูล็อก แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันกลับมามองไทเธย์อีกครั้ง เพราะเขายังไม่ไป"ถึงแล้ว ไลน์มาบอกด้วยนะคะ""อืม รู้แล้ว""ทำไมรุ่นพี่ยังไม่ไป""เธอก็เข้าบ้านก่อนสิ ฉันจะดูเธอเข้าบ้านแล้วเดี๋ยวจะไป""ค่ะ" ชะเอมพยักหน้าแบบฝืนๆ เพราะตั้งแต่จูบกับเขาไป มันก็แปลกไปหมดเลย ทั้งเขิน ทั้งอาย แทบจะไม่กล้ามองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำคนตัวเล็กเดินไปที่ประตูบ้าน ก่อนจะปิดประตูล็อกตามที่เขาสั่ง จากนั้นเสียงรถที่ดังกระหึ่มก็ค่อยๆ เงียบไปชะเอมขึ้นบ้าน จากนั้นก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมรอรับข้อความจากเขา จนกระทั่งมีเสียงข้อความดังขึ้น พร้อมกับข้อความที่ส่งมาบอกว่า 'ถึงคอนโดแล้วนะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้ ฝันดี'มันเป็นข้อความสั้นๆ ที่เหมือนจะห้วนๆ ด้วยซ้ำไป แต่มันกลับทำให้ชะเอมมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเลย ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็น มันยิ่งทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวไม่หยุดเลยหรือว่าเขาจะชอบกล
ไม่นานก็มาถึง ณ พื้นที่กว้างใหญ่เต็มไปด้วยสีฟ้าครามและท้องฟ้าที่ค่อยๆ หมดแสงตะวันลง ริมชายหาดเงียบสงบ เสียงคลื่นซัดเบาๆ พร้อมกับลมที่พัดเข้ามากระทบใบหน้า พร้อมกับมีเสียงเบาๆ ข้างหู คล้ายกับเสียงเพลงที่กำลังขับกล่อม มันเป็นสถานที่ที่เหมือนกับอยู่ในโลกการ์ตูนเลยไทเธย์จอดรถบิ๊กไบค์ไว้ริมถนนที่แทบไม่มีรถใครผ่าน ยิ่งบรรยากาศยามเย็นแบบนี้ถนนสายนี้แทบจะเป็นทางเปลี่ยวให้ได้ชะเอมนั่งบนถังน้ำมันรถ ห้อยขาไว้ และด้วยความที่เธอตัวเล็กความสูงของเธอที่นั่งอยู่บนถังน้ำมันก็เกือบจะเท่ากับไทเธย์ที่ยืนอยู่เลย"ที่นี่สวยจังเลยนะคะ" ชะเอมพูดด้วยเสียงนุ่ม"ใช่ ฉันชอบมาที่นี่ มันทำให้เรารู้สึกสงบ" เขาพูดขึ้นอย่างหนักแน่น แต่ก็เป็นน้ำเสียงที่อบอุ่นด้วยในเวลาเดียวกัน"รุ่นพี่รู้จักที่นี่ได้ยังไงคะ""ฉันมาบ่อย""มากับใครคะ" เธอแกล้งหยอกถามเขา"มาคนเดียวสิ ฉันไม่ชอบความวุ่นวาย เธอก็น่าจะรู้ดี""แล้ววันนี้ ทำไมถึงพาเอมมาคะ""ก็เธออยู่คนเดียวไม่ใช่หรือไง""ก็ใช่ค่ะ แต่คิดว่าพี่จะไปอยู่เป็นเพื่อนที่บ้านซะอีก""ผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ต่อให้ไม่ได้ทำอะไรกัน แต่คนอื่นเขาไม่ได้คิดเหมือนเรา ฉันเป็นผู้ชาย
หลังเลิกคลาสเรียนชะเอมเดินออกมายืนอยู่ที่หน้ามหาวิทยาลัย มองเพื่อนๆ ที่กำลังแยกย้ายกันกลับ มองรถที่กำลังสัญจรผ่านหน้าไปมา เธอกำลังนึกว่าจะไปที่ไหนดี เวลานี้กลับบ้านไปก็เงียบเหงาเพราะพ่อแม่ไม่อยู่ แต่ก็ไม่รู้จะไปที่ไหนเพราะตัวเองก็ไม่ใช่คนที่ชอบเที่ยว"มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ ไม่กลับบ้านหรือไง" ไทเธย์เดินเข้ามาทัก เพราะเห็นเธอยืนอยู่นานแล้ว ไม่ยอมเดินออกไปสักที ถ้าเป็นปกติเธอคงเดินออกไปแล้ว"กลับค่ะ แต่ยังไม่อยากกลับตอนนี้""ทำไมเธอจะไปไหน?""ไม่รู้ค่ะ""มีอะไรหรือเปล่า?""ไม่มีอะไรค่ะ พ่อแม่ไม่อยู่ เอมก็เลยไม่รู้จะไปที่ไหน มันเงียบค่ะเหงาด้วย""พ่อแม่เธอไปไหน""ไปต่างจังหวัดค่ะ""นานเลยหรอ?""ค้างคืนคืนนึงค่ะ พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว""อยากไปนั่งรถเล่นไหม?" เขาถอนหายใจแผ่วๆ ก่อนจะเอ่ยปากชวนเธอเสียงเบา"นั่งรถเล่น?" ชะเอมหันมามองด้วยความสงสัย"ใช่ ซ้อนท้ายฉันไง"ชะเอมมองไปที่รถบิ๊กไบค์ของเขาที่จอดอยู่คำว่า “บิ๊กไบค์” ทำให้สายตาชะเอมส่องประกายทันที เธออยากลองขึ้นขี่มันมาตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่กล้า และก็ไม่มีปัญญาซื้อมันมาครอบครองด้วย ขาของเธอยังหยั่งไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ"ให้เอมขึ้นได้หรอคะ?""ได้สิม
ตกค่ำที่บ้านของชะเอมเธอนั่งอยู่บนเก้าอี้มองดูกล่องขนมที่เอาออกมาจากถุงเรียงรายไว้อยู่บนโต๊ะเขียนงานของตัวเอง มันเป็นสีพาสเทล ขนมมาการองหลากสี และข้างในก็มีครีมขาวแน่นๆ นี่คือสิ่งที่เธอชอบมากๆ ถึงมันจะราคาแพงแต่เธอก็ยอมรับเลยว่ามันอร่อยมาก"น่ากินมาก" เธอพูดพึมพำออกมา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปเก็บเอาไว้ นี่มันเป็นภาพหายากเลยนะ เพราะดูๆ แล้วไทเธย์น่าจะเป็นคนที่ไม่ใช่คนใจดีขนาดนั้นแชะ!"เอาลงไอจีดีกว่า"หลังจากนั้นเธอก็อัพรูปลงIG แต่ก็ไม่ได้มีแคปชั่นอะไรมากมาย นอกจากสติ๊กเกอร์รูปหัวใจและรูปขนม ไม่ได้แท็กใคร และก็ไม่ได้จะสื่อถึงใครด้วย เธอก็แค่อยากจะถ่ายรูปขนมที่เธอชอบลง IG ก็เท่านั้นเองแต่ทุกคนรู้ ทั้งเพื่อนๆ ที่เห็นเมื่อตอนเย็น ทั้งรุ่นพี่ที่อยู่ใกล้ๆ กัน รวมถึงคนที่กำลังไม่พอใจอย่างชัดเจนที่สุดอย่าง รุ่นพี่เมษาแต่ชะเอมก็ไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้นหรอก ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวแล้วด้วยซ้ำ แค่ปล่อยข่าวแบบนั้นออกไปเธอก็รู้สึกว่า มันมากเกินไปแล้วติ๊ง ~LINE group A : อะไรยังไงจ๊ะเพื่อนสาว B : แบบนี้แหละดีแล้วลงแบบนี้แหละ ใครบางคนจะได้ขาดใจตาย A : เมื่อตอนเย็นตอนที่รุ่นพี่เอา
Comments