กำแพงชั้นสูงที่เขาสร้างขึ้นมาเอง ว่าชาตินี้จะไม่มีวันหลงรัก คนในวงการบันเทิงเด็ดขาด แม้กระทั้งคู่นอน ก็จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงประเภทนี้ แต่ต้องทำลายกำแพงลงเอง เพราะดันไปมีคืนเร้าร้อนกับนางเอกสาว
ดูเพิ่มเติมไร่เธียรวัฒน์(ไร่ส้ม)🍊
เธียรวัฒน์ อธิวัฒน์โภคิน หรือ เธียร ชายหนุ่มเจ้าของไร่ส้ม ในวัยเพียง 32 ปี เป็นลูกคนเล็กของ ธนา และ ดารัตน์ มีพี่น้องสองคน ซึ่งเขาเป็นลูกคนเล็ก และมีพี่สาวหนึ่งคนที่อายุห่างกัน 3 ปี โฉมงามมีนามว่า เธียรดา ซึ่งแต่งงานมีครอบครัวออกไปแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในระแวกเดียวกัน ปัจจุบันประกอบธุรกิจส่วนตัว ผลิตเครื่องดื่มและอาหารแปรรูปจากส้มของเขานั้นเอง
ส่วนบิดามารดา ทั้งคู่เกษียณแล้ว จึงมาช่วยดูแลลูก ๆ ที่ย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ที่นี่กันหมด แต่เขาจะแยกตัวออกมาสร้างบ้านอยู่ที่ท้ายไร่คนเดียว เพราะชอบความเป็นส่วนตัว และมารดาของเขาคอยจู้จี้จุกจิกให้เขารีบ ๆ แต่งงาน จะได้มีหลานมาอยู่เป็นเพื่อน เพราะลูกของพี่สาวตอนนี้ก็เข้าโรงเรียนแล้ว ตามประสาคนแก่ก็บอกว่าเหงานั้นแหล่ะ
“ตาเธียร! แม่มีเพื่อนเก่าที่อยู่กรุงเทพฯ อยู่คนหนึ่งซึ่งมีลูกสาวพึ่งเรียนจบกลับมาจากต่างประเทศ หากว่าลูก...” ดารัตน์ แม่ของเขาพูดขึ้นมาทันที ที่มาหาลูกชายถึงที่บ้านของเขา
เพราะตั้งแต่ลูกชายเรียนจบมา ก็ไม่เคยเห็นลูกชายจะคบใครสักคน มีแค่แต่สาวสวย ๆ ที่วิ่งเข้าหา แต่ทำไมลูกชายกลับไม่สนใจเลย จนตอนนี้อายุปาไป 32 แล้ว ก็ยังครองโสดอยู่ พ่อแม่ก็แก่ชราขึ้นมาทุกปี จนลูกสาวคนโตอย่าง เธียรดาลูกโตจนเข้าโรงเรียนแล้ว แต่ลูกชายกลับไร้วี่แววทายาทสืบสกุล
“ผมไม่สนใจใครทั้งนั้นแหละครับ แม่ของลูกผม ผมต้องเป็นคนเลือกเองเท่านั้น และอีกอย่าง ผมก็ไม่ชอบสาวเมืองกรุงด้วย” เธียรวัฒน์พูดสวนขึ้นมาเสียก่อน ก่อนที่แม่เขาจะทันได้พูดจบประโยค
ตั้งแต่เขา อายุเข้าเลขสาม แม่ก็คอยแต่จะแนะนำสาว ๆ ให้เขาตลอด บางคนถึงขั้นนัดบอร์ดให้เลย แต่เขาไม่สนใจกลับเทสาว ๆ คนที่แม่พยายามหาให้ทุกคน คนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตและแม่ของลูกเขา เขาต้องเป็นคนเลือกเองเท่านั้น และคน ๆ นั้น จะต้องใช้ชีวิตอยู่กับเขาที่นี่ได้ และคอยซับพอร์ตเคียงข้างกัน เข้าใจในหน้าที่ของเขา รักเขาด้วยจากใจจริง ไม่ใช่แค่เงินตราและหน้าตาทางสังคม
“ทำไมล่ะเธียร!? เมื่อก่อนลูกเองก็เป็นหนุ่มเมืองกรุงนี้น่า ลืมกำพืดตัวเองแล้วหรือ” ดารัตน์ยอมใจในความช่างเลือกมากของลูกชายเธอเลยจริง ๆ
เมื่อก่อนตัวเองก็เป็นเด็กหนุ่มที่เกิดและโตที่เมืองกรุงเหมือนกัน ลืมกำพืดของตัวเองหรือไง แถมยังมีอคติกับเมืองกรุงอีก จนพ่อแม่และพี่สาวต้องทิ้งเมืองกรุงย้ายตามเขามาด้วย
“สาวเมืองกรุง จะมาช่วยผมทำไร่ ทำสวน ทำงานตากแดดได้อย่างไรครับแม่” เขาหาเหตุผลอ้างขึ้นมากับแม่เขาในทันที ใครจะยอมเอาผิวสวย ๆ มาตากแดดร้อนตามท้องไร่แบบเขาได้ ยิ่งแต่สาวเมืองกรุงยิ่งแต่แล้วไปใหญ่เลย ตัดออกจากความคิดเป็นอันดับแรกไปเลย
“แล้วสาวตามผับ ตามบาร์ แกคิดว่าเขาจะมาช่วยแกทำงานแบบนี้ได้งั้นเหรอ นอกจากคอยแต่ผลาญเงินของแกแค่นั้นแหล่ะ” ดารัตน์เปรียบเปรยขึ้นมาทันที เพราะรู้นิสัยลูกชายที่กินไม่เลือก แถมชอบซื้อบริการสาวกลางคืนอีก เธอละกลัวว่าจะพลาดท่าพวกผู้หญิงพวกนั้นเข้าสักวัน
“ผมก็ไม่ได้คิดจะเอาพวกผู้หญิงแบบนั้นมาเป็นคู่ชีวิต หรือแม่ของลูกอยู่แล้วนี้ครับ ก็แค่สนุกกันแค่นั้น วิน ๆ กันทั้งสองฝ่าย” เขายืนยันคำขาดกับแม่ทันที
เพราะก็รู้อยู่ว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เข้าหาเขา ต่างก็รู้ว่าเขามีเงิน เข้ามาถวายตัวเพราะเงินทั้งนั้นแหล่ะ ส่วนคนที่จู้จี้จุกจิก เขาจะไม่ยุ่งด้วย และพวกสาวบริสุทธิ์นั้นด้วย เพราะกลัวผลจะตามมาเหมือนกัน
“แล้วแกชอบแบบไหน? แบบนี้ก็ไม่เอา แบบนั้นก็ไม่เอา หรือว่า ข้าราชการ! นักร้อง! นางแบบ! ดารา?” ดารัตน์ยกตัวอย่างขึ้นมาเปรียบเปรยทันที เผื่อจะเป็นตัวเลือกให้ลูกชายบ้างไม่มากก็น้อยแหละ
“พอ ๆ ข้อสุดท้ายยิ่งแต่แล้วไปใหญ่เลย” เธียรวัฒน์รีบปรามแม่ของเขาทันที ก่อนที่จะยกเอามาทั้งโลก
ช่างกล้ายกตัวอย่างมาให้เลือกเสียเหลือเกิน แถมเอาแต่ช้อยที่ไม่อยู่ในมันสมองเลยมาให้เลือก เขาละยอมใจแม่เขาจริง จ้างคนมาแต่งงาน หรืออุ้มบุญดีไหม จะได้จบ ๆ ไปเลย
“ระวังเถอะ เกลียดอะไร จะได้แบบนั้น...ฉันจะคอยดู!!!” ดารัตน์ทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะกลับออกไปจากบ้านของลูกชาย
และก่อนที่จะกลับเข้าบ้านของตัวเอง ก็ต้องแวะเข้าไปทางบ้านและโรงงานของลูกสาวต่อ ก่อนที่จะกลับบ้านหลังใหญ่โตของเขาที่ลูกชายสร้างไว้ให้ตั้งแต่ซื้อที่ดินผืนนี้
กรุงเทพมหานคร
บ้านนนทวัฒนากุล
“กองถ่ายเขายังถ่ายไม่เสร็จหรือครับแม่ ทำไมไม่เห็นยัยน้องกลับมาบ้านสักที” เสียงชายหนุ่มถามผู้เป็นแม่ออกมา เมื่อไม่เห็นน้องสาวสุดที่รักอยู่บ้านหลายวัน
ตั้งแต่ทราบว่าผู้เป็นพ่อส่งน้องสาวไปทำงานด้านการแสดง แทนที่จะให้มานั่งตากแอร์ในออฟฟิศ
สิทธิวัฒน์ นนทวัฒนากุล หรือ วัฒน์ ชายหนุ่มวัย 32 ปี บุตรชายคนโตของโปรดิวเซอร์ยักษ์ใหญ่และผู้จัดละครอย่าง อธิวัฒน์ และ สุพัชชา
“ไม่รู้สิ ถามพ่อแกดู ว่าทำอะไรกับน้องแกบ้าง” สุพัชชาตอบปัด ๆ ลูกชายคนโตไป แล้วโยนไปทางสามีทันที
“พ่อก็แค่ดัดนิสัยนิด ๆ หน่อย ๆ” อธิวัฒน์ ตอบลูกชายคนโตออกไปตามตรง
“นิดหน่อยอะไรล่ะ ลูกพึ่งจะกลับมาเองน่ะ แทนที่จะให้แกช่วยงานในบริษัทแอร์เย็น ๆ แต่กลับส่งลูกตัวเองไปเป็นนักแสดง แถมยังให้แกเล่นเป็นตัวร้ายอีก” สุพัชชาตำหนิสามีออกมาทันที
เพราะลูกสาวคนเล็กของบ้าน และเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวที่พึ่งจะกลับมาจากต่างประเทศ แทนที่ผู้เป็นพ่อจะให้ช่วยงานที่บริษัท กลับส่งลูกสาวออกไปเป็นนักแสดง แถมมีแต่ถ่ายนอกสถานที่ทั้งนั้น
“ผมก็คิดว่า บทนี้เหมาะกับแกดี แต่ทีมงานก็โทรมารายงาน ว่าราบรื่นดีนี้คุณ พัชชาไม่มีปัญญาอะไร แถมตอนนี้ไปโลดแล่น เที่ยวฉ่ำเลยไม่ยอมกลับมาพร้อมทีมงาน” อธิวัฒน์ ตอบออกมาตามตรง
เพราะไม่มีใครเหมาะกับบทคุณหนูขี้วีนเอาแต่ใจตัวเองเท่ากับลูกสาวตนแล้วในเวลานี้ แถมลูกสาวก็ไม่ทำให้ผู้เป็นพ่อผิดหวังด้วย ตีบทแตกกระจุย
แต่เขาไม่บอกกับลูกเมียหรอก ว่าทำไมถึงส่งลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน ทายาทหนึ่งในลูกสาวโปรดิวเซอร์ไปเป็นนักแสดง เพราะเขามีข้อแรกเปลี่ยน ที่มีแค่เขาและลูกสาวเท่านั้นที่รู้ ๆ กัน
อธิวัฒน์ และ สุพัชชา มีลูกด้วยกันทั้งหมด 3 คน คนโตคือ สิทธิวัฒน์ หนุ่มโสดวัย 32 ปี ดำรงตำแหน่งรองประธานบริษัทฯ
ส่วนลูกชายคนรองอย่าง อภิวัฒน์ หนุ่มโสดวัย 28 ปี นักศึกษาแพทย์ยังคงศึกษาอยู่ที่ต่างประเทศ เพราะต้องเรียนเฉพาะทางโดยตรง
และลูกสาวคนเล็กที่พึ่งกลับมาหมาด ๆ อย่าง ศิริพัชชา หญิงสาวในวัยเพียง 23 ปี ลูกสาวเพียงคนเดียว ที่ถูกปกป้องและตามใจจากพี่ชายทั้งสองตลอดมา
แค่เราที่เคียงข้างกันก็สุขใจแล้ว(จบ) สามเดือนต่อมา“เป็นยังไงบ้างครับ...” เธียรวัฒน์ถามหญิงสาวผู้เป็นภรรยาขึ้น เมื่อเธอเดินออกมาจากห้องน้ำ พร้อมกับที่ตรวจการตั้งครรภ์ ด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนักเท่าไหร่“ยังไม่ได้ตรวจเลยคะ” เธอเอ่ยตอบ พร้อมกับชูที่ตรวจครรภ์ในมือที่ถืออยู่ให้เขาดู เพราะเธอก็ยังไม่ได้แกะออกจากกล่องเลยด้วยซ้ำ“ทำไมละครับ” เขาได้แต่เลิกคิ้วถาม อย่างแปลกใจ“ประจำเดือนมาก่อนคะ เลยไม่ได้ตรวจ” หญิงสาวเอ่ยตอบด้วยใบหน้าที่ยิ้มเจื่อน ๆ ส่งไปให้เขา“เฮ้อ!” เธียรวัฒน์ถอนหายใจออกมาอย่างยาวเหยียด อย่างหมดหวังทันที ก่อนที่จะเข้าไปประคองหญิงสาว แล้วพาเธอเดินออกมานั่งที่โซฟาแทน“พี่เธียร ถ้าพัชมีลูกให้พี่อีกไม่ได้ละคะ พี่...” เธอพูดขึ้นมาอย่างตัดเพ้อ เมื่อนั่งลงข้าง ๆ ที่โซฟากันกับเขา“พูดอะไรออกมาครับ วิธีแบบธรรมชาติไม่ท้อง ไม่ใช่ว่าเราจะไม่มีวิธีอื่นนะ เราค่อยไปพึ่งหมอเอาก็ได้นี้ครับ สมัยนี้หมอเก่งจะตาย น้องพัชไม่ต้องไปกดดันตัวเองหรอก” เธียรวัฒน์พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน ที่เธอจะตัดเพ้อยาวไปมากกว่านี้เขาดึงเธอเข้ามากอดแนบอกแกร่ง ก่อนที่จะลูบศีรษะของเธอเพื่อปลอบประโลม แล้วเอ่ยขึ้นมาปลอบ
ไม่คาดหวัง ก็ไม่ผิดหวังหนึ่งเดือนต่อมากรุงเทพมหานครวันนี้เธียรวัฒน์และศิริพัชชาเดินทางมาร่วมงานแต่งของสิทธิวัฒน์กับมัทนา ที่จัดถูกขึ้นภายในโรงแรมชุดสุดหรู และภายในงาน ก็ยังมีสื่อมวลชน และนักข่าวมากหน้าหลายตาจากหลายสำนัก เข้ามาร่วมในงานนี้อีกด้วยแถมเธอก็ยังเป็นอีกบุคคลหนึ่ง ที่ถูกสื่อจับตามองจากสื่อมวลชนทั้งหลาย แต่เธอก็ขอปฏิเสธ และไม่ขอให้การสัมภาษณ์ใด ๆ เพราะเธอเองก็ยังไม่ค่อยคุ้นชินในการออกสื่อ และตอบคำถามของนักข่าวด้วย เธอทำได้เพียงแค่โพสต์ภาพของเธอและเธียรวัฒน์ลงบนโซเชียลมีเดียของเธอและเขาเพียงเท่านั้นซึ่งงานแต่งของเธอกับเธียรวัฒน์ก็ได้ฤกษ์เป็นอีกหนึ่งปีข้างหน้า เพราะปีนี้เธอขอให้พี่ชายได้จัดงานวิวาห์ไปก่อน เพราะเธอก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรมาก แต่ว่าที่เจ้าบ่าวของเธอนี่สิ ใจร้อนอยากจัดงานในเร็ววัน แถมขยันปั๊มลูกอีก แต่เธอก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะตั้งครรภ์ได้อีกครั้งเลย“พัชชา ไม่กลับไปค้างที่บ้านพ่อกับแม่หรือลูก” สุพัชชาถามลูกสาวขึ้นมา เมื่อพิธีการต่าง ๆ เสร็จสิ้นลงแล้ว และทุกคนรวมถึงแขกเหรื่อก็ทยอยกันกลับออกไปแล้วเป็นบางส่วน“คืนนี้ผมขออนุญาตคุณแม่พาน้องพัช ไปค้างที่คอนโดแทนละกันครับ
เซอร์ไพรส์วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการทำงาน และจะเป็นวันสุดท้ายที่ศิริพัชชาจะทำงานในวงการนี้อีกแล้วด้วย เพราะต่อจากนี้ จะไม่มีศิริพัชชาอยู่ในวงการบันเทิงแล้ว“พี่วัฒน์ พี่มัท มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่คะ แล้วมาได้ยังไง” ศิริพัชชายิงคำถามขึ้นมาทันที เมื่อเธอพึ่งจะลงมาจากชั้นบน และเห็นพี่ชายกับผู้จัดการส่วนตัวสาวของเธอ นั่งอยู่กับเธียรวัฒน์แล้ววันนี้เธอก็มีคิวถ่ายในช่วงบ่าย และตอนเย็นก็มีปาร์ตี้เลี้ยงฉลองปิดกล้องต่อเลย เธอจึงนอนตื่นสาย แถมเมื่อคืนก็แทบจะไม่ได้นอน เพราะเธียรวัฒน์สอนบทรักให้เธอกว่าจะจบก็เกือบเช้าแล้ว“พี่นั่งเครื่องมาสิครับยัยน้อง” สิทธิวัฒน์เอ่ยตอบน้องสาวสายตากวาดมองสำรวจดูน้องสาวเขาตอนนี้ สภาพจิตใจคงจะดีขึ้นมากแล้ว ดูจากหน้าตาที่ดูสดใสแถมร่างกายเธอเหมือนจะดูมีน้ำมีนวลขึ้นมากว่าเก่า“แล้วนายจะขับรถกลับไหวเหรอไอ้วัฒน์...คุณมัทก็กำลังท้องอยู่ด้วย ระยาทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ” เธียรวัฒน์ถามขึ้นมา เพราะตอนกลับสิทธิวัฒน์ต้องขับรถกลับเอง ก็เขาเป็นคนเอารถเพื่อนมาเอง“ไหวสิ เหนื่อยก็แค่แวะพัก อยากพามัทไปเที่ยวบ้าง อุตส่าห์เคลียร์งานมาได้ ก็พาเมียมาฮันนีมูนเสียเลย” สิทธิวัฒน์เอ่ยตอบออกไปแบบ
ความพยายามสองร่างที่เปลือยเปล่า ยังคงคลอเคลียกันอยู่บนเตียงกว้าง ทามกลางแสงสลัวจากโคมไฟหัวเตียงที่สาดส่องแสงสว่างเพียงเท่านั้น“พะ พัชก็อึดอัดคะพี่เธียร พัชขอทำเองได้ไหม” หญิงสาวเอ่ยขอเขาขึ้นมา ด้วยสายตาที่มองเขาอย่างอ้อนวอนช่างน่าสงสาร“น้องพัช” เสียงทุ้มพร่าเอ่ยเรียกขึ้นมา พร้อมกับส่งสายตาพินิจมองเธอ เพราะแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ที่ได้ยินคำพูดหื่นห่ามออกมาจากปากของเธอเธอเป็นเด็กนักเรียนนอก ที่ไปอาศัยอยู่ต่างประเทศอยู่ 5-6 ปี และสิ่งหนึ่งที่เธอไม่เคยลืมวัฒนธรรมไทยคือ วาจากริยาอ่อนน้อมถ่อมตน คำหยาบเธอแทบจะไม่เคยหลุดออกมาจากปากให้ใครได้ยิน แม่แต่คำพูดหื่นห้ามเมื่อครู่ ที่ร้องขอคนตัวโต ที่ขึ้นชื่อว่าสามี เธียรวัฒน์ก็พึ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรกเมื่อได้ยินคำเอ่ยขอจากปากของเธอ คนตัวโตที่คร่อมร่างบางอยู่ในขณะนี้ ก็จับพลิกตัวของเธอขึ้นมาอยู่ด้านบนร่างตัวของเขาแทนทันที โดยที่ร่างกายยังคงสอดอยู่เป็นหนึ่งเดียวกันไม่ยอมหลุด“ทำเลยครับเมียจ๋า เอาพี่ให้เสร็จไปเลย” เสียงทุ้มพร่าเอ่ยบอกทันที โดยสายตาที่มองดูเธออย่างเจ้าเล่ห์ เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะทำเช่นไรต่อ เธอจะกล้าทำอย่างที่เอ่ยขอหรือไม่ แล
ภารกิจปั๊มลูกทางด้านของพระเอกหนุ่มอย่างชนาวิชญฺ์เอง เมื่อถ่ายเสร็จแล้ว ก็เดินออกมานั่งลงที่ประจำของตัวเอง โดยที่มีผู้จัดการส่วนตัวสาวของเขานั่งอยู่แล้ว“สามีพัชชาเขาเป็นใครกันหรือพี่ปลา” ชนาวิชญ์เอ่ยถามผู้จัดการส่วนตัวของเขาขึ้น เมื่ออยู่กันตามลำพังเพียงสองคน“เห็นว่าเป็นเจ้าของไร่ใกล้ ๆ นี่แหละ ไร่ส้มเธียรวัฒน์ และยังเป็นเพื่อนกับคุณสิทธิวัฒน์ด้วยนะ” ปาณิศา ผู้จัดการส่วนตัวของพระเอกหนุ่มเอ่ยบอกมาไปตามตรง เท่าที่เธอทราบมา เพราะเธอเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่านี้เลยวัน ๆ เธอยุ่งอยู่แต่กับพระเอกหนุ่มอย่างชนาวิชญ์เกือบทุก 24 ชั่วโมง เธอไม่มีเวลาไปรับรู้เรื่องของคนอื่นหรอกนับตั้งแต่วันที่เธอได้รับหน้าที่ให้ดูแลชนาวิชญ์ เธอก็แทบจะไม่มีสังคมกับเพื่อนฝูงเลย เพราะงานที่เพิ่มขึ้น แถมเธอยังต้องคอยตามควบคุมพฤติกรรมของพระเอกหนุ่มคนนี้อีก“เฮ้อ...” พระเอกหนุ่มได้แต่ถอนหายใจยาว อย่างแก้เซ็ง“ตัดใจเสียเถอะวิชญ์ พัชชาเขามีเจ้าของแล้วนะ ส่วนนายก็ตั้งใจทำงานของนายไป ฉันเชื่อนะว่าสักวันนายจะเจอคนที่เหมาะสมกับนาย คนที่ใช่ เมื่อถึงเวลาก็จะมาหาเราเองแหละ” ปาณิศาได้แต่เอ่ยบอกให้พระเอกหนุ่มตัดใจจากนางเอกสาว
ตามเฝ้าเมื่อวันเวลาเดินทางมาถึงหนึ่งเดือนเต็มแล้ว ที่ศิริพัชชามาพักฟื้นสภาพจิตใจอยู่ที่ไร่แห่งนี้ ในฐานะภรรยาของเจ้าของไร่และวันนี้ศิริพัชชาก็ต้องกลับไปถ่ายละครต่อ กับคิวของเธอให้จบ โดยเป็นสถานที่ที่ต่างจังหวัดพอดี ซึ่งสถานที่ก็อยู่ใกล้ ๆ กันกับไร่เขาอีกด้วย“ถ้าพี่เบื่อ พี่ก็กลับไร่ไปก่อนก็ได้นะคะพี่เธียร แล้วพี่ค่อยมารับพัชตอนเย็นทีเดียวเลย” ศิริพัชชาเอ่ยบอก เมื่อเธียรวัฒน์ที่ตอนนี้นั่งหน้านิ่งไม่สบอารมณ์อยู่วันนี้เขาไม่ได้แค่มาส่งเธอที่กองเพียงอย่างเดียว แต่เขายังมานั่งเฝ้าเธออีกด้วย ไม่ยอมออกห่างเธอเลย จนกระทั่งจะถึงเวลาที่เธอต้องไปเข้าฉากแล้ว“ไม่กลับครับ พี่จะนั่งให้กำลังใจเมียอยู่ที่นี่แหละ” เขาปิดจอโทรศัพท์ลง แล้วหันมาเอ่ยปฏิเสธเธอออกไป เพราะเขาจะรอจนกว่าเธอจะทำงานเสร็จ แล้วค่อยกลับพร้อมกันการมาถ่ายละครต่อในครั้งนี้ มัทนาไม่ได้เดินทางมาดูแลเธอด้วย เพราะหญิงสาวกำลังตั้งครรภ์อยู่ สามีอย่างสิทธิวัฒน์จึงไม่อนุญาตให้มา แต่จะพาเธอมาในวันเลี้ยงปิดกล้องทีเดียวเลย“แต่สัญญานะคะ ว่าจะไม่โมโหโกรธตอนพัชกำลังทำงาน” ศิริพัชชาเอ่ยถามเขาขึ้นมาเพราะฉากที่ยังถ่ายไม่เสร็จก็จะเป็นฉากจบของพระ
ความคิดเห็น