LOGIN"พ่อ..." น้ำเสียงที่เอ่ยออกมา ไม่พ้นริมฝีปาก เมื่อภาพที่ปรากฏ คือพ่อเลี้ยงธงชัยกำลังโอบกอด แม่ของ ธาวินทร์เอาไว้ในอ้อมแขน มือที่สั่นระริก แกะซองจดหมายออกอ่าน ข้อความในจดหมาย ทำให้นวลแพรกรีดร้องออกมา "กรี๊ดดด!!! ไม่จริง!!! ไม่จริง!!!" ประคองสติที่เหลือเพียงน้อยนิด ฝืนอ่านข้อความบรรทัดต่อไป ถึงพี่ธงที่รัก ดาวคลอดลูกของเราแล้วนะพี่ ลูกเราเป็นผู้ชาย ร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ดี ดาวยังไม่ได้ตั้งชื่อให้ลูก ดาวรอให้พี่มาตั้งชื่อให้ลูกของเรา ทำไมพี่ไม่มาหาดาวเลย ดาวคิดถึงพี่มากนะ ดาวกับลูกรอพี่ทุกวันเลยนะ แค่นี้ก่อนนะพี่ ลูกร้องนะ รักและคิดถึงเสมอ อิงดาว
View Moreเมื่อรู้สึกถึงแรงกระแทกอย่างจังที่ระหว่างคิ้ว
แพรวา ก็รู้ว่าตัวเองได้ดำดิ่งลงสู่พื้นน้ำ นาฬิกาบนหน้าจอมือถือ หยุดเดินตรงที่เวลา 21นาฬิกา28นาที31วินาที สติสัมปชัญญะดับวูบลงไป ความหนาวเหน็บในเดือนธันวาคม เหมือนจะเสียดแทงแต่ความหนาวเหน็บจากน้ำรอบๆ กายยิ่งเลวร้ายกว่าน้ำตาที่เอ่อนองอยู่เต็มตา เจือจางไปด้วยน้ำในแม่น้ำ
กลิ่นหอมขจรขจาย คล้ายกลิ่นมะลิ โชยมาอ่อนๆ ความหนาวเหน็บยังคงอยู่ แพรวา กวาดสายตามองรอบๆ ตัว เตียงนอนไม่สูงนักที่เธอนอนอยู่กลิ่นหอมที่ได้กลิ่นเมื่อกี้ คงมาจาก อ่างสีทองใบใหญ่ ใส่น้ำลอยดอกอะไรสักอย่างสีแดงเข้มไว้ข้างๆ อ่างทองใบนั้นมีกำยานถูกจุดไว้ควันสีขาวลอยอ้อยอิ่ง ยังไม่ทันขยับตัวสายตาไปสะดุดลงที่ร่างสูงที่ยืนหันหลังให้ความผึ่งผายของแผ่นหลังชวนให้อยากเห็นใบหน้าเจ้าของร่างแต่อาภรณ์ที่สวมใส่เหมือนกับหลุดมาจากหนังจีนกำลังภายใน เธอพยุงกายลุกขึ้น
เสียงเตียงลั่นดังออดแอด ร่างสูงหันกลับมา ตาคมจ้องเขม็งมาที่เธอ ใบหน้าหล่อเหลา สะอาดตา คิ้วเข็มขมวดเข้าหากันเพียงเสี้ยววินาทีเธอเห็นสายตาห่วงใย แล้วก็แปรเปลี่ยนไปเป็นสายตาคมกริบปนไปด้วยความฉงนเหมือนเดิม
“ฟื้นแล้วรึเจ้า นอนไปหลายวันเชียว ข้าเป็นห่วงว่าเจ้าจะตายเสียได้ หมอหลวงต้องเฝ้ารักษาด้วยยา มาหลายขนาน ก็ยังไม่ยอมฟื้นคิดว่าจะตายเสียแล้ว”
คำพูดคล้ายประชดประชันอยู่ในที
” คุณเป็นใคร แล้วฉันมาอยู่นี่ได้อย่างไร”
คราวนี้เป็นเธอเองที่มีแววตาฉงนสนเท่ห์เธอสั่นศีรษะไปมาเพื่อไล่ความมึนงงปอยผมร่วงลงมาปิดใบหน้าสวยใสน่ามองนั้นทำให้ใบหน้าสวยยิ่งน่ามองยิ่งขึ้น ร่างสูงเหมือนจะหยุดมองดวงหน้าของเธอไม่ได้ รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นเหมือนพึงพอใจแต่เป็นเพียงแค่อึดใจเดียวรอยยิ้มหายไป
“เจ้าล่ะเป็นใคร ริมาโดดน้ำตายอยู่หน้าตำหนักของข้า ดีนะที่ข้ามาทันเห็นไม่เช่นนั้นเห็นต้องได้ไปเฝ้ายมบาลเป็นแน่แท้”
แพรวา พึ่งประจักรเดี๋ยวนี้เองว่าภายใต้ใบหน้าที่หล่อเหลานี้ ปากคอช่างเราะร้ายนักริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันในทันที คนบ้าที่ไหนจะฆ่าตัวตายเธออยากจะตะโกนบอกไปแบบนั้นด้วยความเคยชิน แต่ด้วยสถานการณ์ แบบนี้เธอทำได้แค่นี้จริงๆ
“ใครบอกคุณฉันจะฆ่าตัวตาย อุบัติเหตุยะ”
เธอส่งเสียงลอดริมฝีปากบางสวย ใบหน้าคมเลิกคิ้ว ท่าทีขัดตาแต่น่ามอง ไปอีกแบบ
“อย่างนั้นรึทำไม ไม่ว่ายน้ำล่ะปล่อยตัวเองให้ดำดิ่งลงไปอย่างนั้น”
.----------
เธอขยับปากจะเถียงแต่เมื่อนึกย้อนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา เธอเลือกที่จะหุบปากนิ่ง
เช้าที่แสนสดใสแดดทอประกายอ่อนๆ ท้องฟ้าสีฟ้าครามไม่มีเมฆหมอกลอยมากวนใจ แพรวาถือกล่องของขวัญใบเล็กแต่ทว่ามากด้วยความหมาย วันนี้วันเกิดของคนสำคัญของเธอ แม้แต่กระดาษห่อของขวัญที่เตรียมมาก็เป็นสีที่เขาชอบ
เธอพาตัวเองมาอยู่ที่หน้าลิฟต์ ประตูเปิดออก เอื้อมมือไปกดชั้นบนสุดเขาจะแปลกใจแค่ไหนนะ แพรวานึกถึงท่าทางของเขาไม่ออกเลย เผลออมยิ้มไปโดยไม่รู้ตัวปกติการมาของเธอทุกครั้งต้องแจ้งให้เขาทราบทางโทรศัพท์ แต่ว่าครั้งนี้เป็นโอกาสพิเศษเธออยากให้เขารู้ว่าเขาสำคัญกับเธอแค่ไหน นาฬิกาบนข้อมือบอกเวลา6.30น. เขาคงนอนหลับสบายอยู่บนที่นอนเพราะปกติแล้วกว่าเขาจะตื่นนอนและธุระส่วนตัวเสร็จก็เกือบ8.30 แล้ว เมื่อเวลา09.00 น.เขาจะโทรหาเธอทุกวัน ดีที่เธอมีกุญแจสำรองที่เขาให้ไว้ปกติเมื่อเขาไม่อยู่เธอมักจะแอบมาทำความสะอาดห้องให้เขาทุกๆ วันเสาร์ เลยจำเป็นต้องขอกุญแจเขาไว้ จึงถือว่าเป็นเรื่องดีที่ จะได้ย่องเข้าไปโดยเขาไม่รู้ตัว
เธอรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาทันทีที่เดินมาจนถึงหน้าห้องของเขา ประตูห้องปิดสนิทไม่มีเสียงเคลื่อนไหวใดๆ ในห้อง แพรวา ใช้ความระวังอย่างที่สุด ในการแทรกตัวเข้าไปในห้องอย่างเงียบกริบ เขาต้องอยู่บนเตียงอย่างที่เธอคิดแน่นอนเธอพยายามทำตัวเองให้เบาที่สุดก้าวช้าๆ ไปยังห้องนอนที่แสนจะหรูหรารูปคู่ของเธอและเขาวางอยู่ บนโต๊ะ ก่อนถึงประตูทางเขาไปห้องนอน ประตูห้องนอนแง้มออกเล็กน้อยเธอ สอดส่ายสายตามองไปที่เตียง หัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อเห็นร่างเปลือยเปล่าของผู้ชาย สองคน นอนกอดก่าย อย่างไม่อายฟ้าดิน ผิวขาวเกลี้ยงเกลา เบียดชิดแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน ทั้งคู่นอนหลับตาพริ้มเหมือนกับสุขสมหนักหนามีเพียงผ้าห่มบางเบาปิด ตรงส่วนกลางของร่างกาย
แพรวาใช้มือปิดปากตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ คิดว่าตัวเองคงอดที่จะวี้ดร้องออกมาไม่ได้แต่เปล่าเลย เธอไม่มีแม้กระทั่งเสียงหายใจคล้ายๆ จะหยุดหายใจไปชั่วขณะ น้ำใสๆไหลพรั่งพรูออกมา เธอหันหลังวิ่งกลับออกไปอย่างเร็วที่สุด ลืมห่อของขวัญที่วางไว้ตรงโต๊ะกลางห้อง
แพรวาเหยียบคันเร่งของรถคันที่เธอขับจนสุดแรง ด้วยความเสียใจ พาตัวเองออกมาจากตึกสูงด้วยหัวใจที่แตกสลาย
ร.ป.ภ เปิดแผงกั้นทางออกแทบไม่ทัน เช้าสดใสหายไปกับความเศร้า สมองที่สับสนงุนงงพยายามหาคำอธิบาย แต่ด้วยภาพที่เธอเห็น จะให้คิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลย
เธอเหยียบคันเร่งรถจนสุดแรงด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
น้ำตาไหลรินเป็นสายไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าเหตุการณ์อย่างนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเองสองข้างทางรถยังบางตา แพรวาไม่รู้ว่าตัวเองเสียใจมากแค่ไหนปล่อยให้อารมณ์ที่กำลังครุกรุ่นครอบงำร่างกาย สายตาพร่ามัวนั้นทำให้ความสามารถในการมองเห็นลดลง
“เอี๊ยด เอี๊ยด โครม ปัง”
เธอขับรถชนแท่งซีเมนต์หรือแท่งบาริเออร์บนถนนเป็นผลให้รถหมุนคว้าง ด้วยความเร็วของรถทำให้มีแรงมหาศาลพุ่งเข้าชนราวสะพานเต็มแรงรถพลิกคว่ำ แล้วหงายหลัง แรงเหวี่ยงส่งผลให้รถคันเล็กของเธอพลิกตกลงไปยังแม่น้ำเบื้องหน้า ศีรษะกระแทกบริเวณคอนโซลหน้ารถตัวเธอหมดสติพร้อมกับรถที่ลอยละลิ่วสู่แม่น้ำเย็นเฉียบ
ภาพที่อยู่เบื้องหน้าทำให้นวลแพรยิ้มออกมา ธาวินทร์ที่กอดอยู่ด้านหลังกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น “ที่นี่สวยมากเลยค่ะ วินรู้จักที่นี่ได้ยังไงคะ” ตายาวรีมองไปยังภูเขาสูงที่มีทะเลหมอกรายล้อมเบื้องหน้า ที่นี่สวยมากถึงจะสวยไม่เท่าเชียงรายจังหวัดบ้านเกิดก็ตาม แต่ที่นี่ก็สวยและทำให้คนท้องสดชื่นมาก ๆ เช่นกัน “ตอนย้ายมาก็ไม่คิดว่าจะเจอสถานที่ที่สวยแบบนี้ครับ” ตอนนั้นเขาคิดแค่ต้องมาให้ไกลจากเธอให้มากที่สุด “ตอนนั้นคิดแค่ว่า หนีแพรให้พ้นใช่ไหมคะ” “ใช่ครับ ตอนนั้นคิดได้แค่นี้จริง ๆ” “แพรมีความสุขมากเลยค่ะ ที่ได้เจอวินอีกครั้ง” “ผมก็มีความสุข ที่ได้อยู่กับคุณอยู่กับลูกของเรา” ธาวินทร์บอกกับหญิงสาว แล้วฝังจมูกลงมาบนซอกคอขาวเนียน “เหมือนฝันเลยนะคะ แพรไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องราวของเราจะมาลงเอยแบบนี้” “ใช่ครับเหมือนกับความฝัน แต่เป็นฝันที่มีอยู่จริง” “ผ่านอะไรกันมาตั้งมากมาย แล้วเรารักกันไหมคะ” “อย่าถามหาความรักจากผู้ชายอย่างผมเลยครับ ขอให้แพรรู้ว่าทุกคำพูดทุกการกระทำของผมมันคือเรื่องจริง ผ
ธาวินทร์นั่งมองดาวบนท้องฟ้า ดาวที่อับแสงไม่ต่างจากชีวิตเขา ที่มืดม่นจนมองไม่เห็นทางออก “แพรคุณเป็นอย่างไรบ้าง ผมขอให้คุณปลอดภัยทุกช่วงเวลาของชีวิตนะครับ” คนเลวอย่างเขาทำได้แค่อวยพรให้เธอผ่านสายลมนั้น “หมอวาครับพี่ขอโทษนะครับ” ความรักที่เขามีให้วาสินีคือเรื่องจริง เขารักและอยากใช้ชีวิตคู่กับเธอ แต่การกระทำอันสิ้นคิดของเขาทำให้สร้างเรื่องที่ผิดมหันต์จนต้องพาตัวเองมาหลบซ่อนอยู่ที่นี่ “ผมขอโทษ” พูดแล้วหงายหลังลงกับแคร่ไม้ไผ่จ่าอำนาจส่ายศีรษะให้กับภาพตรงหน้า คืนนี้ก็เหมือนเดิม ธาวินทร์ยังนั่งอยู่ที่เดิม ดื่มเหล้าและพูดประโยคเดิม ๆ ไม่ได้หวังให้เจ้านายหายเศร้า แต่อยากให้ดีขึ้นกว่านี้สักนิด นอกจากจะไม่มีความสุขแล้ว สุขภาพร่างกายก็เสียไปด้วย “เมาก็นอนเถอะครับนาย” จ่าอำนาจเข้ามาประคองเจ้านายเข้าห้องนอน เหมือนอย่างเช่นทุกคืนเช้านี้ธาวินทร์ตื่นพร้อมเสียงไก่ขัน ชีวิตที่นี่ก็แค่นี้ ลืมตาตื่น อาบน้ำ กินข้าว เข้าโรงพัก วนอยู่แบบนี้ทุกวัน วันนี้ก็เช่นกันธาวินทร์เข้าโรงพักทำงานตามปรกติ ที่ไม่ปรกติก็คือแขกที่ลูกน้องมารายงานว่ามีคนมาหา คิ้วเข้มขมวดเข้า
ทุกคนปรับความเข้าใจกัน รามชวนม่านไหมกับวาสินีค้างคืนที่บ้าน เพราะอยากให้นวลแพรอยู่กับแม่ ม่านไหมปฏิเสธ เพราะไม่เหมาะสมถึงจะไม่ได้คิดอะไรกับรามแล้ว และมากับลูกแต่เธอก็คิดว่าไม่เหมาะสม “ถ้าไม่สะดวกใจพักที่บ้าน ออกไปพักรีสอร์ทก็ได้นะครับไหม” รามบอกกับม่านไหม “ไม่เป็นไรค่ะราม ฉันกลับดีกว่าค่ะ” ม่านไหมบอกกับคนที่ยืนมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม “หนูวาน่ารักมากเลยนะครับ ยินดีกับคุณด้วยที่มีครอบครัวที่อบอุ่น ไม่ต้องห่วงแพรนะไหมผมสัญญาว่าผมจะดูแลลูกให้ดีที่สุด” รามบอกกับม่านไหมด้วยความจริงใจ “รามคะ ชีวิตแต่งงานของฉันกับพ่อเลี้ยงธงชัย ไม่ได้มีความสุขอย่างที่คุณและใคร ๆ คิดหรอกนะคะ ฉันก็แค่เมียขัดดอก” “นี่คงเป็นเหตุผลที่คุณหนีไปใช่ไหม ม่านไหม ทำไมคุณไม่กลับมาหาผม” รามถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “อำนาจของพ่อเลี้ยงธงชัย จะทำให้ทุกคนเดือดร้อน โดยเฉพาะคุณกับคนพ่อ” รามกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ที่ม่านไหมพูดมาก็ถูกทั้งหมด ตอนนั้นเขาเป็นแค่คนงานในไร่ จะเอาอะไรไปสู้กับอำนาจของคนเหล่านั้น ขนาดเมียกับลูกยังรักษาไว้ไม่ได้เลย
“ฉันขอตัวนะคะ” นวลแพรเอ่ยขอตัว เธออยากไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เพราะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น “แพรลูกมาหาแม่นะลูก แม่อยู่นี่แล้ว” ม่านไหมเดินมาหา แต่นวลแพรถอยหลังหนี “หนูแพร ผม...” ดีใจจนพูดไม่ออก คำพูดทั้งหมดพากันมาจุกอยู่ที่คอหอย “คุณแม่คะ วางงไปหมดแล้ว คุณแม่ช่วยอธิบายให้ฟังนะคะ” “วาลูกแม่ขอโทษ” ม่านไหมบอกกับลูก “วาต้องการคำอธิบายค่ะ คุณแม่มีคำตอบให้วาไหมคะ” พูดไปแบบนั้น เพราะภายในใจสับสนไปหมอ “แพรแม่ขอโทษ ขอโทษที่แม่ทิ้งหนูไป แม่ขอโทษ” ม่านไหมล้มลงกับพื้น สัญชาติญาณและความรู้สึกที่อยู่ภายในหัวใจ ทำให้รามรีบรับเธอไว้ในอ้อมแขน “ยกโทษให้แม่ได้ไหมลูก” “อย่าพึ่งพูดอะไรเลยนะคะ ตอนนี้ฉันสับสนไปหมดแล้ว” นวลแพรบอกกับคน แล้วถอยหลังอยากออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด “อย่าหันหลังให้แม่ได้ไหมลูก” ม่านไหมร้องห้ามเธอไม่อยากให้นวลแพรไปจากตรงนี้ เพราะกลัวลูกจะหันหลังให้เธอตลอดไป “คุณแพรฟังแม่ก่อนนะคะ อย่าหันหลังให้แม่เลยนะคะ” วาสินีขอร้อง อยากให้นวลแพรเข้าใจแม่ แม่คงมีเหตุผลถึงตัดสิน
หลังรับประทานอาหารเย็นรามกับนวลแพรนั่งคุยกันต่อ หลัก ๆแล้วจะเป็นเรื่องผลไม้ในสวน จนกระทั่งเวลาลวงเลยมานาน รามจึงตั้งคำถาม “เรื่องแต่งงาน ไม่ทราบว่าหนูว่าไงครับ” คำถามของรามทำให้มือที่กำลังเอื้อมไปจับผลส้ม ชะงักไปนิด ตายาวรีมองหน้าเขา ในที่สุดคำถามที่ทำให้เธอลำบากใจก็มาถึง “ถ้ายังไม่ได้ตัดสินใจ ไว้ค่อยตอบผมวันหลังก็ได้ครับ” รามถามเขาไม่ใช่คนแก่ตัณหากลับ แต่คิดว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุดที่จะช่วยเหลือเธอกับลูกในท้อง “เด็กต้องมีพ่อ ผมไม่ได้เอาเรื่องนี้มาบีบบังคับหนู แต่คิดว่าหนูคงเข้าใจ” “เออ...คือว่า อย่างนี้นะคะ...” นวลแพรมีบางอย่างจะบอกกับเขา แต่ต้องหยุดคำพูดไว้แค่นั้นเมื่อรามขัดขึ้น “ถ้าหนูยังไม่พร้อม ยังไม่ต้องตอบผมตอนนี้ก็ได้นะครับ” “คือ...ฉันมีบางอย่างจะบอกกับคุณราม เกี่ยวกับเรื่องเด็กนะคะ” “หืม...เรื่องเด็กมีอะไรเหรอครับ” รามถามพร้อมกับรอฟังคำตอบ แต่เด็กรับใช้ก็เข้ามาขัดเสียก่อน “มีแขกมาหาคุณรามค่ะ” รามฟังเด็กรับใช้รายงาน พร้อมกับดูนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง นวลแพรโล่งใจนึกขอบคุณเด็กรับใช้
นวลแพรมองภาพที่อยู่ตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความสุข เกือบเดือนแล้วที่เธอตามรามมาอยู่ที่นี่ ที่ที่ทำให้เธอเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในดินแดนของเทพนิยาย บรรยากาศที่นี่สวยมากสวยจนเธอคิดว่าเป็นภาพวาด สวนส้มที่ล้อมไปด้วยขุนเขาและต้นไม้ใหญ่ตามธรรมชาติ ตอนนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยว ส้มผลสีเหลืองทองดกจนเต็มต้น คนงานบางคนเก็บง่วนอยู่ต้นสองต้นก็หมดเวลาเป็นชั่วโมงแล้ว “มานั่งทำอะไรตรงนี้ครับ” คำถามที่ดังมาจากด้านหลังของคนมาใหม่ทำให้ นวลแพรต้องหันไปมอง ใบหน้าสวยคมตาชั้นเดียวเปิดยิ้มกว้างให้เขา “คุณราม แพรมาดูคนงานเก็บส้มค่ะ” นวลแพรตอบคำถาม ร่างสูงคุ้นตาเดินเข้ามาหา แล้ววางผ้าคลุมไหลผืนหาลงบนไหล่บอบบาง “อาการหนาวเดี๋ยวเป็นหวัด ” รามบอกแล้วหย่อนสะโพกลงนั่งบนเก้าอี้ว่างใกล้ ๆ เธอ “ขอบคุณค่ะ” เอ่ยขอบคุณแล้วลงมือเทชาร้อนในกาลงแก้วให้เขา “คุณรามดื่มชาสิคะ” “ขอบคุณครับ” รามขอบคุณ แล้วยกถ้วยชาในมือขึ้นดื่มอากาศเย็นทำให้ชาอุ่นพอดี จึงดื่มรวดเดียวหมดถ้วย “คุณรามกลับมาแล้วเหรอคะ” “ไร่ฝั่งใต้คนงานเก็บเสร็จแล้ว ผมว
Comments