LOGIN“เรื่องอะไร” เอ่ยถามเสียงเข้ม พร้อมพลิกกายนอนตะแคง แขนใหญ่ยกขึ้นเท้าตั้งฉากกับเตียง ให้มือใหญ่รับน้ำหนักของศีรษะ คิ้วหนาเลิกขึ้นสูงพร้อมเครื่องหมายคำถามที่ผุดขึ้นเต็มวงหน้า “เรื่องที่คุยกันตอนก่อนจะเข้าบ้านไงเล่า” กันติชาแหวใส่ สองมือเล็กยกขึ้นเท้าสะเอว ไอร้อนผ่าวเริ่มเอ่อล้นทั่วกายและแผ่ซ่านไปถึงใบหน้า ที่เคยเป็นสีน้ำผึ้งเริ่มมีสีแดงแต่งแต้ม ปลายจมูกเล็กโด่งเชิดขึ้น ริมฝีปากขบเม้มจนราบเรียบเหมือนไม้บรรทัด
View More“นังแก่ปากเสียนั่นมาทำไมยายว่าว”
เสียงถามอ้อแอ้ๆ เหมือนคนลิ้นคับปากดังจากร่างผอมกะหร่องกะแหร่งที่เดินโซซัดโซเซไม่ตรงทาง จนต้องใช้มือช่วยจับโน่นจับนี่สลับกับหยุดยืน เพื่อคายน้ำเหม็นที่กระหน่ำดื่มเข้าไปทิ้งตลอดทาง
กันติชาผ่อนลมหายใจออกจากปอด เมื่อเห็นคนถามก้าวขึ้นนั่งบนบันไดขึ้นบ้านได้สำเร็จและปลอดภัย ไม่สะดุดขาตัวเองหรืออะไรก็ตามที่วางอยู่ข้างๆ แตกกระจายและล้มก้นกระแทกพื้นเหมือนเช่นวันก่อนๆ
แม้จะอยู่ในอาการมึนเมาเพียงใด แต่ฤทธิ์รงค์ก็ยังจำได้ดี คนที่มานั้นเคยด่าว่าเขาไม่เอาถ่าน ดีแต่เมาเหมือนหมาแล้วก็สร้างภาระให้กับหลานสาวต้องมาหาเลี้ยง อยากด่ากลับ แต่...เถียงไม่ทัน ก็เลยต้องยอมแพ้
กันติชาเบ้หน้าและหันไปอีกฝั่งด้วยเหนื่อยหน่ายใจ เมื่อเห็นสภาพเมามายของน้าชายที่ชวนให้หนักใจยิ่งนักและเลือกที่จะไม่ตอบคำถาม เพราะรู้ดีว่าถึงตอบไปตอนนี้น้าชายก็จำไม่ได้อยู่ดี โน่นต้องสร่างเมาก็คือรุ่งสางของอีกวันโน่นแหละถึงจะคุยกันรู้เรื่อง
‘ไม่รู้จะกินไปทำไมหนักหนากับ เหล้าไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลยสักนิด กินแล้วยังทำให้เสียสุขภาพอย่างแรงและกลับไปแก้ไขเรื่องในอดีตไม่ได้ด้วย นอกจากจะทำปัจจุบันให้ดีที่สุดเท่านั้น’
แม้จะเข้าใจ น้าชายต้องการดื่ม เพื่อดับทุกข์จากการคิดถึงบางคน แต่การดื่มมากไปก็ทำให้สุขภาพจิตเสีย สุขภาพทรุดโทรมและเสื่อมไว เธอยังอยากให้มีคนที่รักอยู่เป็นกำลังใจให้อีกนานๆ
“เฮ้ย...มึงจะหนีไปไหนวะนังว่าว กูถามไม่ได้ยินหรือไง” ฤทธิ์รงค์มองหลานสาวด้วยสายตาเกรี้ยวกราดและน้อยใจปะปนกัน น้ำเสียงที่ตวาดแหวใส่ไปก็เช่นกัน ยิ่งอีกคนไม่สนใจน้ำตาก็เอ่อล้นคลอเบ้า วงหน้าอวบอูมเพราะฤทธิ์ของสุราที่กินเข้าไปเป็นเวลาหลายปีแดงก่ำ หายใจฟืดๆ ฟาดๆ ไม่สบอารมณ์ ตั้งแต่ทำมาหากินด้วยตัวเองได้ กันติชาเริ่มที่จะไม่สนใจเขาเสียแล้ว น้ำตาคนมึนเมาเอ่อล้นคลอด้วยความหวาดกลัวว่ากำลังจะสูญเสียคนที่รักไปอีกคน
ทำไมใครๆ ถึงต้องทอดทิ้งเขาด้วย เขาไม่ดีที่ตรงไหน? ...ฤทธิ์รงค์ก่นถามตัวเองในใจ หรือเพราะเขากลายเป็นไอ้ขี้เมา ไม่...ศีรษะทุยสะบัดแรงๆ ถึงเขาจะเมา แต่ยังพูดจารู้เรื่องนะ ยังรักคนเป็นด้วย เขารักกันติชาไง รัก...รักมากด้วย รักพอที่จะทำทุกอย่างให้หลานมีความสุข ยกเว้นอย่างเดียวที่ถูกขอแล้วเขาทำให้ไม่ได้ นั่นคือ...
“งดเหล้า เป็นตายยังไงก็จะไม่หยุดกิน เพราะมันคือความสุขอย่างที่สองที่เขาทำได้”
กันติชามองน้าชายด้วยหนักใจ นี่ก็อีกอย่างที่น้ำเหม็นๆ ทำให้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากคนที่เคยแต่งกายสะอาดสะอ้าน พูดจาสุภาพเรียบร้อย กลับกลายเป็นแต่งกายสกปรก เสื้อผ้ายับยู่ยี่และเหม็นเน่าชวนอาเจียน
อารมณ์ที่เคยดียิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาหยอกล้อให้คนอื่นยิ้มเสมอๆ กลับกลายเป็นหงุดหงิดง่าย ก้าวร้าวรุนแรง แปรปรวนง่ายยิ่งกว่าผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนเสียอีก ใครพูดไม่เข้าหูนิดเดียวก็เอะอะอาละวาดด่าทอ ชวนเขาทะเลาะต่อยตีอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ เคยมีบางคนทนไม่ไหวต่อยจนล้มคว่ำและล้มทั้งยืน แต่น้าก็ไม่สนและกินหนักมากขึ้นไปอีก จนเกือบจะเรียกว่าอาบน้ำเหล้าต่างน้ำแล้ว
น้าชายอะไรก็ดีไปหมด เสียอย่างเดียวพอเหล้าเข้าปาก ก็จะลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น เมาจนบางครั้งนอนกับหมาข้างถนนก็ได้ ร้อนถึงเธอที่ต้องออกตามหาด้วยความเป็นห่วง ไม่ก็เพื่อนบ้านที่สมเพชเวทนาจนทนไม่ไหวหอบหิ้วมาส่ง
ไม่รู้กี่ครั้งแล้วที่รับปากกับเธอ จะไม่กินอีกแล้ว แต่สุดท้ายก็ระงับใจตัวเองไม่ได้ เจอเพื่อนชวนเข้าหน่อยก็รีบรับมาดื่มมือไม้สั่น เธอเคยถามกินเข้าไปทำไมนักหนา กินแล้วเขาจะกลับมาหาหรือไง ก็ตอบกลับมาอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ และตัดพ้อต่อว่า เธอไม่รักและคิดผลักไสให้ไปไกล เธอเลยไม่เซ้าซี้ถามต่อ
“หนูว่าน้าฤทธิ์ไปนอนดีกว่าค่ะ เมามากแล้ว มีอะไรตื่นเช้าค่อยมาคุยกัน” กันติชาบอกและรีบเดินเลี่ยงไปอีกทาง เพื่อไปเอาตะกร้าใส่ของและเงินที่ได้แอบซ่อนเอาไว้ นำไปซื้อเนื้อสัตว์และผักสดมาเตรียมไว้ทำอาหารขายในวันพรุ่งนี้
“ไม่...กูไม่ไป มึงอย่าเสือก...มีหน้าที่หาเงินมาให้กูใช้ ก็ทำไป อย่ามายุ่งเรื่อง” ฤทธิ์รงค์ต่อว่าหลานสาวที่มักจะทำตัวเป็นแม่มากขึ้นทุกวัน มือใหญ่กระดกเหล้าขึ้นดื่มและขว้างทิ้งอย่างรวดเร็ว เมื่อน้ำหวานๆ และอร่อยลิ้นที่ทำให้เขาลืมเรื่องราวซึ่งทำให้หัวใจเหมือนถูกเผาไหม้จมอยู่ในกองแห่งความทุกข์ระทมหมดไปจากขวด
“เฮ้ย!! นังว่าวขอเงินไปซื้อเหล้าหน่อยซิวะ มานหมดแล้วนะ เห็นไหม” ฤทธิ์รงค์ร้องโวยวายเสียงดังลั่น แต่เสียงที่ออกมากลับยานๆ และจับคำแทบไม่ได้ ร่างเล็กผอมกะหร่องกะแหร่งพยายามลุกจากที่นั่งเดินตามไปไถเงินหลานสาวเพื่อไปซื้อเหล้ากิน ก็พอดีกับที่กันติชาเดินออกจากทางด้านหลังของบ้านในชุดเตรียมพร้อมที่จะออกไปด้านนอก
“หนูไม่มีเงินให้น้าเอาไปซื้อเหล้าอีกแล้วนะ ถ้าอยากจะกินก็หาเงินเอาเอง” เมื่อหงุดหงิดและรำคาญเข้ากันติชาก็ตัดบทอย่างไม่สนใจอาการลงแดงของน้าชาย แต่ก็แอบมองผ่านม่านสายตาด้วยความรักและสงสาร
ฤทธิ์รงค์สูดลมหายใจ พร้อมแผดร้องเสียงดังลั่นด้วยความไม่ชอบใจ ดวงตาแดงก่ำขุ่นขวางจ้องหลานสาวด้วยความโกรธเคือง แล้วก็ได้เห็นบางอย่าง ทำให้นึกถึงคำพูดของคนบางคน ดวงตาที่แดงก่ำด้วยฤทธิ์สุราก็มองหน้าหลานสาวใหม่อีกครั้งอย่างพินิจพิจารณา
เออแฮะ...นังว่าวสวยอย่างที่ไอ้เสี่ยอ้วนซึ่งเป็นทั้งเจ้าของตลาดและออกเงินกู้หน้าเลือดที่คอยรีดไถคนจนๆ เหมือนกับขูดรีดเลือดจากปู แต่กับเขาแล้วไอ้เสี่ยนี่กลับหยวนๆ ให้เสมอ ไปหยิบยืมมาใช้ก่อนโดยไม่คิดดอกเบี้ย แถมขอยืมสิบกลับให้มาเป็นร้อยเสียอีกด้วยจริง
ดวงตาแดงก่ำคมวาว มือใหญ่ยกขึ้นลูบปลายคางเบาอย่างคนกำลังใช้ความคิด ไอ้เสี่ยนั่นตาแหลมกว่าที่คิด ที่เห็นเพชรซึ่งซุกซ่อนอยู่ในโคลนตมอย่างหลานสาวเขา มิหนาละ หวังของสูงอย่างนี้นี่เองถึงได้ยอมควักเงินให้เขาอย่างไม่เสียดายเลย ทั้งที่ความจริงแล้วเค็มยิ่งกว่าเกลือ ขนาดทะเลยังต้องเรียกพี่เลย
“ถ้ามึงไม่ให้ กูจะไปเอากับไอ้เสี่ยอ้วนหน้าปากซอย มันคงให้กูหรอกนะ ให้เยอะด้วย เพราะมันจ้องมึงตาเป็นมันอยู่ไม่ใช่หรือไงนังว่าว” ฤทธิ์รงค์ถามอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า
วงหน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์สุราแย้มยิ้ม จ้องหลานสาวตามันวาว ไม่ใช่จะทำจริงๆ หรอกนะ ก็เพียงแค่ขู่เท่านั้นเอง ช่วยไม่ได้อยากงกเองนี่นา ขอนิดหน่อย ร้อยครึ่งร้อยไปซื้อเหล้า ไม่เห็นจะมากมายอะไรเลย แล้ววงหน้าอวบอูมและแดงก่ำก็มีรอยยิ้มแต่งแต้ม เมื่อเห็นท่าทางงอนสะบัดของหลานสาวสุดที่รัก
กันติชากัดริมฝีปากจนห้อเลือด สองมือกำแน่นจนปลายเล็บที่เริ่มจะยาวและยังไม่ได้ตัดเล็มให้เรียบร้อยทิ่มแทงไปในฝ่ามือ แต่ก็เจ็บไม่เท่าที่หัวใจเจ็บและรวดร้าวไปหมดทั้งทรวงกับความคิดของน้าชาย ก่อนรีบตัดใจผ่อนลมหายใจยาวๆ ผ่อนออกจากจมูกและริมฝีปาก
เท้าใหญ่เตะเศษไม้ที่แตกหักขวางทางเดินอย่างไม่สนใจเหล็กแหลมและเล็กที่มีสนิมเขรอะเกาะอยู่ มือใหญ่กำหมัดจนแน่นทุบลงไปบนฝาผนังอย่างไม่กลัวเจ็บ ก่อนที่ร่างหนาจะเดินไปหยุดตรงหน้าสองสาว มือใหญ่วางทาบบนขาแข็งแกร่งที่ย่อลงและส่งอีกมือไปจับปลายคางมนเอาไว้ ใบหน้าคมคร้ามแย้มยิ้มอย่างเยือกเย็น “แกสองคนนี่โชคดีจริงๆ นะ แต่ก็อย่าคิดนะ สองคนนั้นจะมาช่วยได้นะ ลุกขึ้น” มือใหญ่กำแขนกลมกลึงที่ตอนนี้ช้ำแดงสลับเขียวเป็นจ้ำๆ “แกจะพาพวกเราไปไหน” กันติชาเอ่ยถาม วงหน้าสวยเหยเกด้วยเจ็บที่แขน เหมือนกับว่ามันกำลังจะหัก พร้อมฝืนกายไม่ยอมไปง่ายๆ “ไปตายไง” อยากรู้นักว่าราชันย์จะทำยังไงถ้าเห็นร่างของนังหุ่นน่าฟัดกับน้องสาวห้อยต่องแต่งเหมือนกับลูกขนุนแล้วจะเลือกช่วยใคร ส่วนสิทธิศักดิ์น่ะหรือ ฮ่าฮ่า อยากรู้นักว่าระหว่างผู้หญิงที่ฟัดเช้าฟัดเย็นทั้งในที่ทำงานและบ้านกับคู่หมั้นที่บอกว่ารักนักรักหนาและกำลังจะแต่งงานกันอีกภายในไม่กี่วันข้างหน้า ที่กำลังตกอยู่ในอุ้งมือของพวกขี้ยาที่เขาจ้างไว้ ไอ้เพื่อนเฮงซวยจะเลือกช่วยใครความจริงเขาไม่ได้คิดจะทำอย่างนั้นกับอาริตาหรอกนะ จากที่คิดว่าหลอกเอาไว้ให้อีกฝ่ายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด
Chapter 104“เมียและน้องผมอยู่ไหนคุณวิภพ” ปากถามวิภพแต่กลับปรายสายตามองไปยังนายตำรวจสองสามนายที่ดูเหมือนว่ากำลังคุยและปรึกษากันอย่างเคร่งเครียด ดูได้จากสีหน้าที่ขมวดคิ้วเข้าหากันบ่อยครั้งและสีหน้าที่ดำคล้ำ และมีอีกหลายนายกำลังซุ่มตามจุดต่างๆ อย่างเตรียมพร้อมรอรับคำสั่ง “คุณว่าวและคุณน้องถูกจับขังอยู่ข้างในครับ” วิภพตอบกลับพร้อมชี้มือไปที่ตึกแฝดประมาณสิบกว่าชั้นที่เงียบเชียบ จนแทบจะได้ยินสายลมพัดผ่าน ยิ่งตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวันอีก การจะทำอะไรผลีผลามบุ่มบ่ามไปนอกจากจะทำให้คนที่อยู่ข้างในรู้ตัวแล้ว คนที่ถูกจับตัวมาก็จะเป็นอันตรายด้วย “คนพวกนั้นทำอะไรอยู่ ทำไมถึงไม่เข้าไปช่วยเมียและน้องผม” “ใจเย็นๆ ใหญ่” สิทธิศักดิ์ที่จอดรถเรียบร้อยแล้วรีบเข้ามาสมทบกับเพื่อน และก้มศีรษะทักทายนายตำรวจยศร้อยตำรวจตรีที่เขาใช้บริการอยู่บ่อยครั้งยามที่ราชันย์เกิดเรื่อง “แกจะให้ฉันใจเย็นได้ไงวะสิทธิ์ นั่นเมียกับน้องฉันนะโว้ย” ราชันย์หันไปตวาดใส่เพื่อน ดวงตาลุกโชนเป็นเปลวเพลิงไฟ ลมหายใจหอบแรงอัดแน่นเข้าปอด กรามหนาบดเบียดเข้าหากันจนวงหน้าคร้ามแกร่งนูนขึ้นมาตลอดเส้นทางที่มา ด้วยพยายามที่จะไม่คิดถึงเรื่องร้ายๆ
“ไม่จริงๆ ” เป็นชายิกาที่ตั้งสติได้ก่อน เถียงออกไปเสียงแหลมเล็กบาดเข้าในช่องหู “ทั้งพี่ใหญ่และนายสิทธิ์จะต้องมาช่วยฉันกับว่าว แกไม่มีทางที่จะทำได้สำเร็จ” มั่นใจ ถึงแม้สิทธิศักดิ์จะไม่รักเธอก็ตาม แต่ชายหนุ่มย่อมไม่ต้องการเห็นเธอได้รับอันตรายถึงชีวิตเป็นแน่ และไม่ต้องเอ่ยถึงพี่ชายแม้เมื่อก่อนจะไม่สนใจ แต่ตอนนี้ บอกได้คำเดียว รักเธอแน่นอน “งั้นเรามาลองดูกันไหม ไอ้ใหญ่กับไอ้สิทธิ์ไม่มีทางมาช่วยเหลือเธอสองคนเป็นแน่ เพราะมันจะต้องกัดกันเองจนตายไปข้างหนึ่ง” เขามั่นใจ แผนการที่วางไว้จะต้องไม่มีข้อผิดพลาด ราชันย์จะต้องจัดการขับไล่สิทธิศักดิ์ออกไปจากบริษัทและชีวิต แล้วเขาจะกลายเป็นฮีโร่ที่ช่วยบริษัทและจะเป็นคนที่คอยปลอบใจเพื่อนรัก และดึงให้ชายหนุ่มไม่สนใจผู้หญิงหิวเงินทั้งหลายที่รายหน้าเข้ามา ใครก็ตามที่จะเข้ามาหลังจากนี้ จะไม่มีวันได้เข้าใกล้คนที่เขารักอีกแล้ว เขาจะไม่ยอมผิดพลาดซ้ำสองเหมือนกรณีของกันติชา ที่เผลอแป๊บเดียวยายผู้หญิงบ้านี่ก็ดันจับราชันย์เอาไว้จนอยู่หมัด ความโกรธพลุ่งพล่านในหัวใจหนุ่มมือใหญ่จับแขนกลมกลึงอย่างแรงจนแทบจะหักออกเป็นสองท่อน“โอ๊ย!! ฉันเจ็บนะไอ้บ้า” พลั่ก!!!!!เท้
“ขยับเบาๆ ซิยายบ้า ฉันเจ็บนะ” ชายิกากระซิบพูดเสียงลอดไรฟัน กับความเจ็บที่แทรกซึมเข้าไปในเนื้อทุกครั้งที่ขยับด้วยคมเชือกมันบาดผิวเนื้อจนเจ็บร้าวไปทั้งสองแขน แต่ยังไม่สู้ที่ใบหน้าบวมเป่งจนดวงตาที่เคยกลมโตกลับหยีลงมองอะไรรายรอบไม่ค่อยจะเห็นเสียแล้ว ในปากได้ลิ้มรสเลือดปะแล่มๆ ด้วยฤทธิ์ฝ่ามือใหญ่ที่ประทับลงไปอย่างไม่ยั้ง ตอนที่เธอสองคนพยายามจะหนี ผมบนศีรษะก็ยุ่งเหยิง เพราะถูกจิกทึ้งอย่างไม่บันยะบันยัง เหมือนโกรธแค้นกันมาสักสิบชาติ ทั้งที่เธอและไอ้สัตว์ร้ายนั่นเพิ่งจะได้เจอกันเพียงแค่ครั้งแรก “พวกมึงสองคนคิดจะทำอะไรอีก อยากเจ็บตัวอีกหรือไง” เสียงลอดไรฟันที่ดังจากปากคนตรงหน้า ยังไม่สู้มือแข็งกร้าวที่กดลงบนปลายคางมน ทำเอากันติชาและชายิกาถึงกับน้ำตาคลอเบ้า “ปล่อยฉันนะไอ้บ้า แกจับตัวฉันมาทำไม ถ้าพี่ใหญ่รู้เข้า เขาเอาแกตายแน่” แม้จะเจ็บทั้งตัวและใจ แต่ชายิกาก็ยังไม่คิดจะยอมแพ้ เธอใช้เสียงแหลมเล็กขู่เอาๆ ขณะที่กันติชาก็พยายามอ้อนวอนอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงหวานนุ่ม แต่ดูเหมือนไอ้บ้าตรงหน้าจะไม่สนใจแม้แต่น้อย กลับยังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง อารมณ์ก็ปรวนแปรง่ายเหลือเกินยิ่งกว่าผู้หญิงวัยทองเสียอีก “ฮ่
“แกไปให้พ้นหน้าฉันก่อนดีกว่าสิทธิ์ ฉันยังไม่อยากจะเห็นหน้าแกในตอนนี้” ราชันย์กัดฟันพูดเสียงลอดไรฟัน เมินหน้าหนีไปอีกทางอย่างไม่ต้องการที่จะเห็นหน้า มันทำให้อารมณ์โกรธที่เผาผลาญหัวใจจนแทบจะเป็นผุยผงอยู่ตอนนี้มันลุกโชนเป็นไฟแล้วจะทนไม่ได้ลงมือทำร้ายสิทธิศักดิ์ให้กลายเป็นเรื่องทะเลาะต่อยตีกันไปเสียเปล่าๆ มันเสียไปถึงเรื่องที่เขากำลังจะจัดการในบ่ายวันนี้ “ใหญ่ ฉันไม่รู้ว่าแกไปรู้ไปเห็นอะไรมา แต่แกต้องฟังฉันนะโว้ย” สิทธิศักดิ์ตวาดกลับไปด้วยความหงุดหงิดและเป็นห่วงสองสาวที่กำลังได้รับอันตราย แม้จะรับรู้ถึงเพลิงโทสะของราชันย์ที่สาดกระจายมา จนคิดได้ว่าจะต้องมีใครนำหลักฐานที่ชี้ชัดว่าเขากำลังมีปัญหา สิทธิศักดิ์เชื่อเช่นนั้น เพราะสำหรับราชันย์หลักฐานสำคัญที่สุดเสมอ จะทำอะไรสักอย่างจะต้องมีหลักฐานชัดเจน“แกจะออกไปดีๆ หรือจะให้ฉันส่งแกออกไป” ราชันย์กัดฟันถาม ในดวงตาเต็มไปด้วยประกายแห่งความเกรี้ยวกราดและแค้นเคือง มือกำหมัดสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้แน่น ถ้าเป็นคนอื่น เขาไม่ปล่อยให้ลอยหน้าลอยตาอยู่แบบนี้หรอก แต่สำหรับสิทธิศักดิ์ เพื่อนที่เหมือนจะตายแทนกันได้คนนี้มันทำให้เขาทำอะไรไม่ถนัด คอยแต่หวงคิดถึง
“คะ...คุณเป็นใคร มาล้อเล่นกันแบบนี้มันไม่ดีนะ” “ไม่ใช่นะ ฉันไม่เอาเรื่องความเป็นความตายของเพื่อนมาล้อเล่นหรอกนะ” ปลายสายตอบกลับมาน้ำเสียงร้อนรนกระวนกระวาย เมื่อสิ่งที่ได้ยินไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ร่างโปร่งบางก็ค่อยๆ ทรุดตัวลงกองกับพื้น วงหน้าขาวสวยซีดเผือด ริมฝีปากสั่นระริก น้ำตาไหลอาบสองแก้มกับเหงื่อเม็ดเล็กๆ ที่ผุดขึ้นเต็มวงหน้า ลมหายใจแผ่วเบาลง “ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ คุณใหญ่...คุณใหญ่ต้องไม่เป็นอะไร” “ฮัลโหลๆ ว่าวๆ ได้ยินไหม ยังฟังอยู่หรือเปล่า” ปลายสายตะโกนเรียกอย่างหงุดหงิดและเสียอารมณ์ “ฉิบหายแล้ว” ชายิกาซึ่งเดินเข้าไปในครัว รินน้ำส้มเย็นๆ และเดินดื่มมาคว้านิตยสารที่กันติชาจัดไว้อย่างเรียบร้อยเอ่ยถาม เมื่อเห็นคนที่เธอไม่ชอบหน้านั่งหน้าซีดตัวสั่นเหงื่อแตกซิกกับน้ำตาที่มันไหลรินลงเป็นสายตามร่องแก้ม“เป็นอะไรไปน่ะยายบ้า” มือเล็กตบไปบนใบหน้าเรียวสวยเบาๆ แต่ดูเหมือนกับว่าอีกฝ่ายจะช็อกจนสมองไม่สั่งการแล้ว“ตื่นๆ โว้ยจะบ้าตาย เป็นอะไรล่ะนี่” ชายิกาบ่นพึมๆ สองแขนสอดรัดและดึงร่างโปร่งมาแนบกาย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่ดูเหมือนว่าปลายสายจะยังคงร้องเรียกเสียงดังลั่นอยู่มาแนบหู ด้วยความอยากรู้ว






Comments