“ฉันไม่มีวันเอาเด็กรุ่นลูกมาเป็นเมียเด็ดขาด แม้ว่าฉันจะรู้สึกดีกับหนูก็ตาม” เรื่อง เมียเด็กของคุณกัปตัน นามปากกา InTheStars นักวาด TORN /นักวาด ตอนยอน พระเอก พิพัฒน์ (กัปตันพัฒน์) อายุ 41 ปี ส่วนสูง 180 เซนติเมตร กัปตันสุดฮอตของสายการบินอันดับ 1 ของประเทศ ภายนอกดูสุขุม มีเสน่ห์ เจ้าชู้ ขี้หึง อารมณ์ร้อนแรง นางเอก ลลิสา (ซาร่า) อายุ 20 ปี ส่วนสูง 170 เซนติเมตร ลูกครึ่งไทย อิตาลี นักศึกษาปี 2 คณะมนุษยศาสตร์ ภาคอินเตอร์ นิสัย ร่าเริง พูดเก่ง มีเสน่ห์ ดื้อรั้น เมื่อโชคชะตากำหนดให้สาวน้อยได้กลับมาเจอกัปตันผู้หล่อเหลาและใจดีอีกครั้ง เธอจึงต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้ครอบครองทั้งตัวและหัวใจของเขา “ฉันไม่มีวันเอาเด็กรุ่นลูกมาเป็นเมียเด็ดขาด แม้ว่าฉันจะรู้สึกดีกับหนูก็ตาม” “รุ่นลูกแล้วไง หนูไม่ใช่ลูกคุณกัปตันนี่คะ ไม่มีใครห้ามไม่ให้ผู้ใหญ่มีเมียเด็ก หนูบรรลุนิติภาวะแล้ว หนูสามารถเป็นเมียคุณกัปตันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ” ติดตามเพจ เฟสบุ๊คนักเขียน Writer Inthestars Immy Inthestars
view moreตอนที่1 กัปตันพิพัฒน์NC
สายการบินพาณิชย์ลำใหญ่ นำผู้โดยสารรวมถึงลูกเรือจำนวนร้อยกว่าชีวิต ลงจอดที่สนามบินมิลานมัลเปนซา ประเทศอิตาลี ในช่วงเช้าของวันอังคาร ชายร่างสูงสง่าในวัย39 ปี ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย เขาสวมเครื่องแบบกัปตันของสายการบินชื่อดัง และกำลังลากกระเป๋าใบใหญ่เดินเข้าไปในลิฟต์ (ครืดดดดด) ขณะที่ร่างสูงเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่ภายในลิฟต์ มีหญิงสาววัยใสคนหนึ่ง กำลังลากกระเป๋าเดินทางตามหลังเขาเข้าไปด้วยความเร่งรีบ ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลง ภายในนั้นมีเพียงกัปตันพิพัฒน์ และหญิงสาวรุ่นราวคราวลูก ทั้งสองต่างยื่นนิ่งเงียบเพื่อรอให้ลิฟต์เลื่อนลงไปที่ชั้น1 (พรึ่บ) กัปตันพิพัฒน์ถึงกับสะดุ้ง อยู่ๆร่างหญิงวันรุ่นคนดังกล่าวได้เซมากระทบที่ลำแขนของเขา ก่อนที่เธอจะรีบดันตัวเองให้ยืนนิ่งเป็นปกติ “เป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามหญิงสาวพร้อมกับจ้องมองใบหน้าซีดเซียว และดูเหมือนว่าเธอกำลังไม่สบาย (ครืดดดด) ยังไม่ทันที่เธอจะได้ตอบกลับ ประตูลิฟต์ได้เปิดออกที่ชั้น1 เธอมองเขาด้วยแววตาเหมือนคนที่ต้องการความช่วยเหลือ (พรึ่บ) “หนู!” ร่างบางทรุดลงขณะที่ก้าวขาออกจากประตูลิฟต์ ลำแขนแกร่งโอบประคองร่างเล็กไว้ได้ทัน เขาพยุงเธอให้เดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆบริเวณนั้น “นั่งก่อนนะ หนูไม่สบายใช่ไหม นั่งพักตรงนี้ก่อน” “ค่ะ หนูเวียนหัว นั่งเครื่องหลายชั่วโมง นอนไม่ค่อยหลับน่ะค่ะ” “หนูมาจากไหน แล้วกำลังจะไปไหน มีใครมารับหรือเปล่า” กัปตันพิพัฒน์ถามด้วยความเป็นห่วงเด็กสาวในวัย18 ปี “หนูมาจากประเทศไทยค่ะ หนูกำลังจะไปบ้านคุณพ่อ แถวๆนาวิกลิน่ะค่ะ” เธอตอบกลับ “หนูเป็นคนไทยงั้นเหรอ” “ค่ะ คุณพ่อเป็นคนที่นี่ คุณแม่เป็นคนไทยค่ะ หนูอยากมาเซอร์ไพรส์คุณพ่อกับคุณแม่ เลยไม่ได้บอกให้ท่านรู้น่ะค่ะ” เธอบอกกัปตันพิพัฒน์ ขณะที่ใบหน้าของเธอยังคงซีดเซียวและดูอ่อนล้า “ฉันก็เป็นคนไทย เราคงมาเครื่องบินลำเดียวกัน งั้นไปกับฉันก็ได้ ฉันกำลังจะไปที่พักแถวๆนาวิกลิ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวรู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที กัปตันพิพัฒน์โทรให้คนของเขาเข้ามารับกระเป๋าเดินทางของหญิงสาว รวมทั้งประเป๋าเดินทางใบใหญ่ของเขา ลำแขนแกร่งคอยโอบประคองร่างบางเดินตามหลังคนของเขาไปที่ลานจอดรถ “ขอบคุณนะคะที่ช่วยหนูไว้ ถ้าไม่มีคุณกัปตัน หนูคงเป็นลมล้มอยู่ในลิฟต์แน่ๆ” หญิงสาวขอบคุณคนที่นั่งอยู่ข้างๆภายในรถหรู “ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นสิ่งที่ฉันควรจะทำอยู่แล้ว บ้านของหนูอยู่ตรงไหน” “อีกสองไฟแดงค่ะ เลี้ยวซ้ายไฟแดงที่สอง แล้วตรงไปประมาณห้าร้อยเมตรค่ะ” รถยนต์คันสีดำหยุดจอดริมทาง หน้าคฤหาสน์หรูสไตล์โรมันสองชั้น สภาพบ้านบ่งบอกถึงฐานะเจ้าของบ้านเป็นอย่างดี แต่คนอย่างกัปตันพิพัฒน์ ไม่ได้สนใจเรื่องคนอื่นขนาดนั้น เพราะตัวเขาเองก็เป็นทายาทเจ้าของสายการบินอันดับ1 ของประเทศ ทั้งการงาน การศึกษาและชาติตระกูล รวมไปถึงรูปลักษณ์อันหล่อเหลา จึงทำให้ผู้หญิงมากหน้าหลายตาพยายามเข้าหาเขาไม่เคยขาด “ขอบคุณนะคะที่มาส่งหนู” หญิงสาวไหว้ขอบคุณกัปตันพิพัฒน์อย่างนอบน้อม “หนูเดินไหวใช่ไหม ยังเวียนหัวอยู่หรือเปล่า” “ดีขึ้นแล้วค่ะ หนูเข้าบ้านแล้วนะคะ” เขาพยักหน้าตอบกลับก่อนที่เธอจะลงจากรถไป ดวงตากลมโตมองดูรถหรูแล่นออกไปจนลับตา ลลิสารู้สึกดีไม่น้อย กับการกระทำของกัปตันหนุ่มที่ให้ความช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ “คนอะไร หล่อแล้วยังใจดีอีก หวังว่าจะได้เจอคุณกัปตันอีกครั้งนะ” เธอพูดพึมพำขณะที่กำลังเดินลากกระเป๋าเข้าไปในบ้านหรู “ซาร่า!” เสียงของหญิงวัยห้าสิบเรียกลูกสาวด้วยความตกใจ และรู้สึกดีใจที่ลูกสาวคนสวยเดินทางมาอิตาลีโดยที่ไม่ได้บอกให้รับรู้ก่อนจะมา “คุณแม่!” (พรึ่บ) (ฟอดดด/ฟอดดด) ทั้งสองสวมกอดกันด้วยความคิดถึง ก่อนจะสลับสับเปลี่ยนกันแนบปลายจมูกลงที่แก้มด้วยความรักและความอบอุ่น “จะมาทำไมไม่โทรบอกพ่อกับแม่ก่อนล่ะลูก” “ถ้าโทรบอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิคะ คริคริ” สาวน้อยพูดพร้อมกับหัวเราะเริงร่า “คุณพ่อไปทำงานเหรอคะ” “ใช่ลูก วันนี้คุณพ่อมีประชุมเรื่องการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่น่ะ น่าจะกลับค่ำๆ ลูกไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนดีกว่าไหม ดูหน้าซีดๆ ไม่สบายหรือเปล่า” มาดามริสาถามลูกสาว พร้อมกับยื่นมือไปแตะที่หน้าผากมน “ตัวก็ไม่ร้อนนี่” “ซาร่าไม่ได้ป่วยหรอกค่ะคุณแม่ แค่รู้สึกเพลียแล้วก็ง่วงน่ะค่ะ งั้นซาร่าไปพักผ่อนก่อนนะคะ” “จ้ะลูก” ลลิสาล้มตัวลงนอนตรงกลางเตียงใหญ่ และหลับไหลไปด้วยความเหนื่อยล้า “เหนื่อยไหมคะคุณพัฒน์” สาวสวยหน้าหมวยในวัยสามสิบต้นๆเอ่ยถามกัปตันผู้หล่อเหลาทันทีที่เขามาถึงโรงแรมหรู “ไม่เหนื่อยเท่าไหร่ ผมชินแล้ว ว่าแต่คุณเถอะ จะกลับไทยพร้อมผมเลยหรือเปล่า” กัปตันพิพัฒน์พูดกับแอร์โฮสเตสสาว และพ่วงด้วยตำแหน่งแฟนสาวของเขาเช่นกัน “แอนนี่จะกลับไทยพร้อมคุณพัฒน์ค่ะ” “คุณลางานหลายวัน ทำธุระเสร็จแล้วเหรอครับ” “เรียบร้อยค่ะ” เขาพยักหน้าเบาๆขณะที่มือหนากำลังจัดการถอดเครื่องแบบกัปตันออกจากร่างกาย “ให้แอนนี่ช่วยนะคะ” เธอยื่นมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ด พร้อมกับส่งสายตายั่วยวนเขา “หึ ทำหน้าแบบนี้ สงสัยอยากโดนหนักๆ” พิพัฒน์กระซิบข้างๆหูแฟนสาว “แน่นอนค่ะ แอนนี่ไม่เจอคุณพัฒน์เกือบสองอาทิตย์ ใครจะไม่คิดถึงแฟนล่ะคะ” (พรึ่บ) “ว้าย!” (ตั๊บตั๊บตั๊บตั๊บ) “อ๊า...อ๊าย...อืม” “ซี๊ดดด...อ่าส์” (เพี๊ยะ เพี๊ยะ) “อ๊ายอื๊อ...คุณพัฒน์ขาแอนนี่จุกค่ะ” หญิงสาวส่งเสียงครางระงม เมื่อถูกแฟนหนุ่มออกแรงโยกเอวอัดกระแทกเข้าใส่ก้นงอน เธออยู่ในท่าโก้งโค้ง สองมือเกาะที่ขอบอ่าง ร่างกำยำออกแรงกระแทกกระทั้นเข้าไปในรูลึก ขณะที่ฝ่ามือหนายังฟาดลงที่แก้มก้นขาวนวลจนเกิดรอยแดง (เพี๊ยะเพี๊ยะ) “อ๊าย...คุณพัฒน์ขา แอนนี่เสียว อืม...อูย” “อ่าห์...ซี้ดดด...ผมจะแตกแล้ว โอ้ว...อ่าส์...ซี๊ดดดด...อ๊าสสสสส!” “อ๊า...อ๊าย...กรี๊ดดดด!” ร่างทั้งสองกระตุกเกร็งพร้อมกัน พิพัฒน์ค่อยๆถอดถอนแท่งเอ็นใหญ่ออกช้าๆ ก่อนจะถอดเกาะป้องกันออกจากแก่นกาย แล้วโยนมันทิ้งลงที่พื้นห้องน้ำ จากนั้นจึงยื่นมือไปหยิบซองถุงยางอนามัยชิ้นใหม่ขึ้นมาฉีกออก และสวมใส่อีกครั้ง “เอ่อ...จะทำอีกเหรอคะคุณพัฒน์ คือ...แอนไม่ไหวแล้วนะคะ” ร่างสาวเปลือยเปล่าหันมายืนประกบหน้าแฟนหนุ่ม เธอมองเขาด้วยสายตาที่เหนื่อยล้า “แต่ผมยังอยาก ขอเอาอีกครั้งนะ บนเตียงก็ได้” “แต่แอนนี่ไม่ไหวแล้ว คุณพัฒน์แตกไปสองรอบแล้วนะคะ” คำพูดจากปากแฟนสาว ทำให้กัปตันพิพัฒน์รู้สึกหงุดหงิดพอสมควร แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกให้อีกฝ่ายต้องลำบากใจ “งั้นคุณก็อาบน้ำแล้วไปพักผ่อนเถอะ ผมอยากแช่น้ำในอ่างก่อน” “ค่ะ แอนนี่รักคุณพัฒน์นะคะ” (จุ๊บ) ริมฝีปากเรียวเล็กประกบจูบริมฝีปากหนา เธอรีบอาบน้ำชำระร่างกาย แล้วออกจากห้องอาบน้ำไป พิพัฒน์ปลายตามองตามหลังแฟนสาวเพียงชั่วครู่ ร่างแกร่งนั่งเอนหลังพิงขอบอ่าง เขากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างที่เขารู้สึกว่ามันมีเรื่องผิดปกติไปจากเดิม ------------------------------------- เปิดเรื่องมาก็แซ่บเลยนะคะคุณกัปตัน พระเอกเรื่องนี้ร้อนแรงจริงๆ ฝากติดตามตอนต่อไป ใครชอบแนวพระเอกนางเอกคลั่งรัก ต้องติดตามค่ะ😍😍😍สามปีต่อมาพิพัฒน์ในวัย 48 ปี แต่ใบหน้ายังคงหล่อเหลาราวกับหนุ่มในวัยสามสิบปลายๆ ร่างกายของเขายังคงแข็งแรงจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอ เขาใช้เวลาทุกๆวันดูแลลูกๆและภรรยา แม้จะไม่ได้ทำงานเหมือนแต่ก่อน แต่พิพัฒน์ก็ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในสายการบินของครอบครัว และแพรพลอยขึ้นรับตำแหน่งรองประธาน ในขณะที่ภาคินเองก็เพิ่งจะขึ้นรับตำแหน่งประธานไปหมาดๆ พิพัฒน์และลลิสาแต่งงานกันในโบสถ์แห่งหนึ่ง กลางเมืองมิลาน ครอบครัวทั้งสองฝ่ายต่างร่วมยินดีและเป็นสักขีพยานรักให้กับคนทั้งสอง“มาค่ะ ใครจะนั่งกับคุณยายคุณตาบ้างคะ”คุณยายริสาถามหลานๆ พวกเขากำลังเดินทางไปเที่ยวที่เทือกเขาโดโลไมต์ในช่วงปิดเทอม“ผมจะนั่งกับคุณตาคุณยายครับ”เด็กชายภูผาในวัย4 ขวบ เดินขึ้นรถบ้านไปนั่งตรงกลางระหว่างคุณตาคุณยาย “น้องพราวจะนั่งกับคุณตาคุณยาย หรือจะนั่งกับพี่พลอยคะ”แพรพลอยถามน้องสาว เด็กหญิงแพรวพราวในวัยสองขวบ เด็กน้อยน่ารักเหมือนตุ๊กตาบาบี้ พี่สาวอย่างแพรพลอยหวงนักหนา“นั่งกับพลอยๆ พี่พลอยฉวยๆ”เด็กหญิงตัวน้อยยื่นมือให้พี่สาวโอบอุ้มขึ้นรถ(พรึ่บ)(ฟอดดดด)“น่ารักที่สุดค่ะ น้องสาวพี่”แพรพลอยหอมหน้าผากน้องสาวและอุ้มขึ้นรถบ้าน
ตอนพิเศษNC20+“เฮียไม่ต้องไปตามลูกหรอกค่ะ ปล่อยให้เขานอนกับพี่สาว เฮียก็รู้ยัยพลอยกับน้องภูตัวติดกันขนาดนั้น เรามาหาความสุขกันเถอะนะคะ ผลิตลูกเพิ่มดีไหม”เธอพูดพร้อมกับยื่นมือไปดึงขอบเอวกางเกงวอร์ม แล้วรูดลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้าของพิพัฒน์“ดีครับ งั้นเฮียจะผลิตลูกเพิ่มอีกสักสองคน หนูโอเคใช้ไหม”เขาก้มหน้าลงไปจับที่คางภรรยาสาว เธอช้อนตาขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลา ขณะที่มือเล็กกำลังรวบรัดแก่นกายลำใหญ่“ดีค่ะที่รัก คืนนี้จัดทั้งคืนเลยดีไหมคะ”(จ๊วบ)“อ่าส์...สะ...เสียว”พิพัฒน์ถึงกับซู้ดปาก เมื่ิอภรรยาคนสวยใช้ริมฝีปากจดจูบที่ปล่ายหัวเห็ดบาน เธอมองจ้องมันอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงอ้าปากครอบกลืนแท่งเอ็นใหญ่ และผงกศีรษะขึ้นลงเรื่อยๆ(บ๊วบบ๊วบบ๊วบ)“อ่าส์...ซี้ด...เสียว...โอ้ว”เขายืนเต็มความสูงและโยกเอวเบาๆเข้าไปในโพรงปากนุ่มนิ่ม ลลิสานั่งอยู่ปลายเตียง เธอช้อนตามองสามีอย่างยั่งยวน มือหนายื่นไปเกี่ยวสายเดี่ยวให้หลุดลงจากไหล่บาง จากนั้นจึงยื่นมือไปบีบคลึงเต้านมอวบใหญ่ ลลิสายังคงเร่งผงกหัวเข้าออกรัวๆ “อ๊าส์...อ่า...สุดยอด...โอย...ซี้ด เร็วอีกครับ”หลังจากที่ภรรยาคนสวยใช้ปากรูดดูดแท่งเอ็นใหญ่หลายนาที พิ
ตอนพิเศษหลายเดือนต่อมา“แว้แว้แว้!”เสียงเด็กทารกเพศชายร้องไห้ในยามเช้า พิพัฒน์ในวัย 45 ปี รีบเดินเข้าไปโอบอุ้มลูกชายวัยสามเดือนขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอดของเขา“โอ๊ะโอ๋ ลูกชายของคุณพ่อ ตื่นแล้วเหรอครับ ไม่ต้องร้องนะคนเก่ง วันนี้คุณพ่อกับคุณแม่จะพาน้องภูกลับประเทศไทย เรากลับไปอยู่บ้านของเรากันนะครับ ให้ลูกโตขึ้นกว่านี้ คุณพ่อจะพากลับมาเยี่ยมคุณตาคุณยาย โอเคไหมครับ”“แอ้”พิพัฒน์พูดราวกับว่าเจ้าตัวเล็กฟังรู้เรื่อง เด็กชายภูผาหยุดร้องไห้ทันที เจ้าตัวกำลังมองดูบิดาที่กำลังทำท่าหยอกล้อและพูดคุยด้วย“ลูกตื่นแล้วเหรอคะเฮีย”ร่างระหง ผิวพรรณเปล่งปลั่งดูมีน้ำมีนวล กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ เธอใช้ผ้าเช็ดตัวนุ่งกระโจมอก พิพัฒน์จ้องมองภรรยาสาวด้วยความหลงใหลเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา“ลูกตื่นแล้วครับ น่าจะหิวนมด้วย”“แป๊บนะคะ”เธอตอบสามี ขณะที่กำลังนำเสื้อเชิ๊ตมาสวมใส่“ครับ ที่รัก”“มองทำไมขนาดนั้นคะ”ลลิสาถามถามพิพัฒน์ เขาเอาแต่จ้องมองเธอด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความรู้สึกหลากหลาย“มองคุณแม่คนสวยไงครับ ทั้งสวย ทั้งมีน้ำมีนวล ทั้งน่ารัก น่าขย้ำสุดๆ”น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมา ก่อนที่เขาจะหันไปหยอกล้อลูกชาย“อดทน
ตอนที่ 43 ตามหาหัวใจพิพัฒน์และแพรพลอยเดินทางมาถึงประเทศอิตาลีในช่วงเช้าของวันเสาร์ แพรพลอยค่อนข้างตื่นเต้น เพราะเป็นการเดินทางในต่างประเทศครั้งแรกของเธอ เธอมองซ้ายมองขวาด้วยท่าทางเหมือนเด็ก“เดินเร็วๆสิพลอย พ่อรีบนะ”พิพัฒน์เองก็ตื่นเต้นไม่แพ้ลูกสาว เขาคิดถึงเมียรักจนสุดหัวใจ และหวังว่าลลิสาจะไม่โกรธเขา สองพ่อลูกนั่งรถแท็กซี่ไปตามเส้นทางที่เขาจำได้ดี“ตื่นเช้าจังเลยนะลูก หรือว่านอนไม่หลับอีก”มาดามริสาถามลูกสาวที่กำลังนั่งอยู่ในสวนดอกไม้“เจ้าตัวเล็กดิ้นแต่เช้าเลยค่ะคุณแม่”เธอยิ้มให้กับมารดาพร้อมกับใช้มือลูบหน้าท้องกลมโตนับตั้งแต่วันที่ลลิสากลับมาอยู่กับบิดามารดา เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ลึกๆในใจเธอเฝ้าแต่คิดถึงคนที่เป็นพ่อของลูกอยู่ตลอด เธอไม่ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้บิดามารดาฟัง เธอบอกแค่ว่าพิพัฒน์ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก จนความจำเสื่อม และเขาต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกนาน เธอจึงต้องกลับมาอยู่กับท่านทั้งสอง มิสเตอร์ฟรังโก้และมาดามริสาเข้าใจลูกสาวและลูกเขยเป็นอย่างดี “หลานชายของแม่คงจะแข็งแรงน่าดูเลย คริคริ ดีใจจังเลย จะได้เป็นคุณยายแล้ว”มาดามริสาทั้งตื่นเต้นและมีความสุข“
ตอนที่ 42 สำนึกผิด“ซาร่า! อย่าไป ซาร่ากลับมาก่อน!”(พรึ่บ)พิพัฒน์เอาแต่นอนละเมอ เรียกหาเมียรัก และสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก“อื๊อ...คุณอาละเมอหรือครับ”ภาคินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย เพราะเขาเองก็เพิ่งหลับไป และต้องตื่นตอนที่ได้ยินเสียงของพิพัฒน์“ซาร่า ซาร่าไปไหนแล้ว เมียของอาหายไปไหน ไปตามซาร่ามาหาอาหน่อยสิภีม”พิพัฒน์พยายามมองหาเมียรักของเขา ภาคินรีบลุกจากโซฟาเดินเข้ามาหาคุณอาของเขา“อาพัฒน์ว่าไงนะครับ”“ซาร่าไปไหน ทำไมไม่กลับมาหาอา เมียของอาไปไหน”“ใจเย็นๆนะครับคุณอา คุณอาจำผมได้แล้วใช่ไหมครับ”พิพัฒน์จ้องหน้าภาคินทันที“แกพูดอะไรของแกวะไอ้ภีม ทำไมอาจะจำไม่ได้ แกมันก็เป็นหลานชายของอาไง เมื่อก่อนแกก็ตามจีบเมียอา หมั่นไส้ ไอ้หลานบ้านี่”“ฮ่าๆๆ คนแก่จำได้แล้วโว้ย!”ภาคินหัวเราะดังลั่นห้อง“ว่าใครแก่วะ อายังไม่แก่นะเว้ย”“นั่งอยู่ตรงนี้นะครับ ผมจะไปตามคุณหมอ”ภาคินรีบเดินออกจากห้อง เพื่อไปตามแพทย์เจ้าของไข้แพทย์หนุ่มพูดคุยและตรวจอาการพิพัฒน์โดยละเอียด พิพัฒน์ตอบคำถามได้ทุกอย่าง แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะถามหาเมียรักของเขาอยู่แบบนั้น“คนไข้หายเป็นปกติแล้วนะครับ แต่เรื่องของแขนด้านซ้าย อย่าเ
ตอนที่ 41 ซาร่าจากไปพร้อมกับลูกในท้องพิพัฒน์เอาแต่นอนซึม เมื่อรู้ว่าลลิสาไปจากเขาแล้ว ทุกๆครั้งที่ตื่นมา เขาจะเจอเธออยู่ข้างๆตลอด แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว ผู้หญิงที่คอยดูแลเขา ผู้หญิงที่คอยป้อนข้าว คอยเช็ดตัว และคอยเอายาให้เขาทานทุกวัน “คุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะพี่ภีม พลอยไม่ได้มาเยี่ยมสองวัน คุณพ่อดีขึ้นหรือเปล่า ”แพรพลอยเดินทางมาเยี่ยมบิดาของเธอในเช้าวันเสาร์ และก็เป็นเหมือนทุกครั้ง แอนนี่คอยติดตามเธอมาตลอด“ก็ตามที่เห็น ดูเอาสิ”ภาคินตอบกลับ แพรพลอยมองดูบิดาที่กำลังนอนหน้าเศร้าไม่สนใจใคร“คุณพ่อไม่สบายหรือเปล่าคะ ทำไมดูซึมๆ”เธอเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วยื่นมือไปแตะที่หน้าผากของบิดา“ตัวก็ไม่ร้อนนี่ แต่ทำไมถึงดูเหมือนคนเป็นไข้ล่ะ คุณหมอมาตรวจหรือยัง หมอบอกหรือเปล่าว่าคุณพ่อเป็นอะไร”เธอหันไปถามภาคินที่กำลังนั่งก้มหน้าเล่นมือถือ ที่ภาคินต้องทำแบบนั้น เพราะเขาไม่อยากจะใส่ใจแพรพลอยอีกแล้ว“หมอก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรนี่ สงสัยจะเป็นไข้ใจละมั้ง”“ไข้ใจอะไรกัน”“ก็ตั้งแต่ซาร่าไปจากที่นี่ คุณอาก็ไม่ยอมทานข้าว เอาแต่นอนซึมเหมือนที่เห็นนั่นแหละ”“ฮะ ยัยซาร่าไปแล้วเหรอ ไปไหน”แพรพลอยทำหน้าฉงน“ไปอิตาลีไ
Mga Comments