Share

บทที่ 2

last update Terakhir Diperbarui: 2025-11-25 15:24:24

โรงอาหารกลาง มหาวิทยาลัย X

กลุ่มเพื่อนทั้งสี่คนมานั่งรวมกันที่โต๊ะประจำในโซนที่เงียบสงบที่สุดของโรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัยเกลซึ่งมีใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างประณีตราวกับเพิ่งออกจากสตูดิโอกำลังกินสลัดไก่ย่าง ที่ไร้น้ำสลัดรสจัดจ้านเพื่อควบคุมอาหารอย่างเข้มงวด ขณะที่ข้าวฟ่างกินข้าวมันไก่ชามโตได้อย่างสบายอารมณ์

“นี่! ฉันบอกแล้วไงว่าปีนี้เด็ดจริง! ฉันเห็นน้องปีหนึ่งสาขาการแสดงคนหนึ่งชื่อ ต้า” พิชชี่เริ่มเปิดประเด็นเม้าท์มอยทันทีที่นั่งลง เขาเลือกสั่งบะหมี่เกี๊ยวและกำลังใช้ช้อนเขี่ยหมูแดงส่วนมัน ๆ ออกอย่างประณีต

“ไม่ต้องเขี่ยก็ได้มั้งพิชชี่” เมษาที่นั่งตรงข้ามพูดพลางหัวเราะเบา ๆ เธอเลือกเมนูมังสวิรัติ

“ไม่ได้ย่ะ! ฉันเป็นศิลปะการแสดง! ฉันต้อง Maintain หุ่น! ไม่เหมือนพวกดีไซเนอร์บางคนที่กินแต่ผักกาดหอมจนจะกลายเป็นกระต่าย” พิชชี่ว่าพลางเหลือบมองจานสลัดของเกล

เกลตักผักเข้าปากอย่างใจเย็น เธอจัดระเบียบเส้นผมสีบลอนด์และตรวจสอบการเขียนขอบตาของตัวเองผ่านกระจกในตลับแป้งเล็ก ๆ อย่างรวดเร็ว แม้จะกินสลัด เธอก็ยังคงไว้ซึ่งความงามที่สมบูรณ์แบบ

“แล้วต้าที่ว่านั่นมันดียังไงเหรอ?” ข้าวฟ่างถามอย่างสนใจ ดวงตาเป็นประกาย เธอเพิ่งกินข้าวมันไก่ไปครึ่งจานแล้ว แถมยังสั่งลอดช่องน้ำกะทิมาวางรอไว้ข้าง ๆ เธอเป็นคนที่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน

“กว่านั้นสิยะ! หล่อแบบ พระเอกซีรีส์วาย เลย! สูง หุ่นดี ผิวขาว ปากแดง และที่สำคัญคือ… หน้าตาดูเย่อหยิ่งมาก! เหมือนเจ้าชายที่เดินลงมาจากหอคอย! นึกออกปะ? The unattainable one!” พิชชี่ทำท่าทางประกอบอย่างออกรสออกชาติ ราวกับกำลังแสดงละครเวทีอยู่กลางโรงอาหาร

เกลหัวเราะพลางวางส้อมลง “เจ้าชายตกบัลลังก์เหรอ? น่าสนใจนะ”

“แกก็สนใจแต่เรื่องแบบนี้แหละเกล” พิชชี่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ “แต่ช่างเถอะ! ประเด็นคือ พวกแกคิดว่าเราควรจะเอาใครมาเป็น ตัวเดินแบบหลัก ในงานแฟชั่นโชว์ของคณะช่วงปลายปีดี?”

เมษาตอบอย่างมีเหตุผล “ถ้าเป็นงานโชว์ของ แฟชั่นดีไซน์ เราควรเน้นคนที่รูปร่างตามแบบที่กำหนด และมีทัศนคติที่ดีในการทำงานนะพิชชี่ น้องสาขาเราเองก็มีหลายคนที่หุ่นดี”

“อี๋! น้องในสาขาดีไซน์มันดู อินดี้ เกินไปย่ะ! ชุดที่เกลออกแบบมามันคือ ชุดว่ายน้ำสุดแซ่บ นะ! มันต้องใช้คนที่ยืนแล้วดูเป็น Statement! ฉันว่าน้องต้าที่ฉันเห็นนั่นแหละ! ลุคแบบ Bad Boy ที่กำลังจะมาเป็นพระเอกซีรีส์วาย มันจะช่วยดึงดูดสื่อได้เยอะ” พิชชี่พยายามโน้มน้าว

ข้าวฟ่างพยักหน้าเห็นด้วยขณะที่กำลังดูดลอดช่อง

“จริงค่ะเกล! พิชชี่พูดถูก! ถ้าชุด Siren Strings ของเกลได้นายแบบนางแบบที่มี ออร่ามันจะปังกว่านี้อีก! ข้าวว่าเราควรส่งเมษาไปทาบทามน้องต้าดูนะ เมษาเป็นประธานรุ่น ดูน่าเชื่อถือ”

เกลเช็ดปากด้วยทิชชู่อย่างแผ่วเบา โดยระวังไม่ให้ลิปสติกเลอะ แล้วจึงหันไปมองออกไปนอกหน้าต่างโรงอาหารอย่างใช้ความคิด

“เอาสิ” เกลตอบเสียงเรียบ “แต่เกลไม่ยุ่งนะ ให้พวกแกจัดการไป เพราะชุดว่ายน้ำของเกล ไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับนายแบบที่หล่อที่สุด แต่ถูกออกแบบมาสำหรับ ผู้หญิงที่ต้องการความมั่นใจที่สุด”

“นี่ไง! เกลมาอีกแล้ว! พูดจาเป็นปรัชญาชุดว่ายน้ำ” พิชชี่บ่น แต่ก็ยิ้มอย่างพอใจ “เอาเป็นว่า เมษา! ภารกิจทาบทาม เจ้าชายต้า เป็นของแกนะ!”

เมษาถอนหายใจ แต่ก็ยิ้มรับบทบาท “โอเคค่ะ ฉันจะลองติดต่อให้ ถ้าเขาตกลง พวกแกต้องเลี้ยงข้าวฉันนะ”

ทุกคนหัวเราะอย่างสนุกสนาน ปมเรื่องนายแบบและนางแบบสำหรับแฟชั่นโชว์ของคณะก็กลายเป็นเรื่องใหม่ให้เม้าท์มอยกันไปจนหมดชั่วโมงพักเที่ยง

ห้องประชุมคณะกรรมการนักศึกษา, มหาวิทยาลัย X

หลังกินข้าวเสร็จไม่นาน กลุ่มเพื่อนก็ย้ายมาที่ห้องประชุมของคณะกรรมการนักศึกษาเพื่อเตรียมเอกสารสำหรับกิจกรรมในช่วงเย็น

“เรื่องชุดว่ายน้ำ Siren Strings ของแกน่ะเกล” เมษาเปิดแฟ้มเอกสารขึ้นมาพลางพูด “ถ้าเราจะทำโชว์ใหญ่ปลายเทอมจริงๆ เกลว่าเราควรหาคอนเซปต์ที่ดีกว่าที่เรามีนะ”

เกลที่กำลังใช้กระดาษซับความมันบนใบหน้าอย่างเบามือเงยหน้าขึ้นมา “เกลก็คิดแบบนั้นแหละเมษา”เธอวางกระดาษซับหน้าลงในถังขยะอย่างเรียบร้อย

“เกลตัดสินใจแล้วว่า เราจะไม่ใช้ชุดจากแบรนด์ของเกล สำหรับงานโชว์ของสาขา แต่เราจะออกแบบคอลเลกชันใหม่ขึ้นมาทั้งหมดเลย”

“อะไร? ออกแบบใหม่หมดเลยเหรอ?! แกจะเอาเวลาที่ไหนไปทำยะ! แบรนด์ตัวเองก็ยุ่งจะตายอยู่แล้ว!” พิชชี่เบิกตากว้าง

“เวลาน่ะมีเสมอ ถ้าเราอยากทำ” เกลตอบอย่างมั่นใจ น้ำเสียงของเธอแสดงความมุ่งมั่นในฐานะดีไซเนอร์ที่จริงจัง

“คอนเซปต์ของชุดใหม่เกลคิดไว้แล้ว เกลจะว่าจะทำเป็นชุดที่ออกนอกกรอบที่ผสมผสานวัฒนธรรมกับชุดที่นิยมช่วงนี้ ดีไหม” เธอพูดพร้อมขอความเห็นเพื่อนๆ

“ข้าวว่าดีนะ เอาเกลย”ข้าวฟ่างปรบมือเบา ๆ

“เอาล่ะ ถ้าเกลตกลงจะออกแบบใหม่หมด ก็เท่ากับว่าเราต้องรีบทาบทามนายแบบนางแบบให้ได้ก่อนสิ้นสัปดาห์นี้” เมษาพูดอย่างจริงจัง “ฉันจะไปหา ต้า ที่ตึกศิลปะการแสดงเดี๋ยวนี้แหละ ถ้าได้เขามาร่วมงาน คอนเซปต์ของเกลจะยิ่งปังขึ้นไปอีก”

ตึกคณะศิลปะการแสดง

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เมษาเดินถือแฟ้มเอกสารตรงไปที่ตึกคณะศิลปะการแสดง ซึ่งเป็นที่ที่เธอมั่นใจว่าจะเจอน้องต้าได้

เมษาพบต้ากำลังซ้อมบทละครอยู่กับเพื่อนกลุ่มหนึ่ง ต้าที่สูงและดูโดดเด่นสะดุดตาตามที่พิชชี่บรรยายไว้หยุดซ้อมทันทีเมื่อเมษาเข้าไปทักทาย

“สวัสดีค่ะน้องต้า พี่ชื่อเมษานะคะ เป็นประธานรุ่นปีสามของคณะศิลปกรรมศาสตร์” เมษายื่นนามบัตรคณะให้ด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรที่สุด

“พี่อยากชวนน้องมาเป็น Model หลัก ในแฟชั่นโชว์ใหญ่ของกลุ่มพี่ พอจะสนใจไหมคะ?”

ต้ารับนามบัตรไปดูอย่างสุภาพ แต่สีหน้ากลับดูเกรงใจ

“สวัสดีครับพี่เมษา ขอบคุณมากนะครับที่สนใจ” ต้ากล่าว “ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากเลยครับที่พี่มาทาบทามถึงที่เลย”

เมษายิ้มกว้าง “โอเคเลย งั้น…”

“แต่ว่า” ต้าเว้นจังหวะ “ต้องขอโทษพี่เมษาจริงๆ ครับ คือตอนนี้ผมรับงานถ่ายแบบให้กับ กลุ่มพี่ปีสามไปแล้วครับ พวกพี่ๆ มาคุยกับผมตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ให้เป็นนายแบบหลักในโปรเจกต์ใหญ่ของเขาพอดี ผมเลยรับปากไปแล้วครับ”

เมษาถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย

“อ๋อ เข้าใจแล้วค่ะ” เมษาพยายามเก็บอาการผิดหวัง “ไม่เป็นไรค่ะ งั้นพี่ขออวยพรให้งานของน้องประสบความสำเร็จนะคะ”

“ขอบคุณครับพี่เมษา” ต้ายิ้มตอบ

ห้องประชุมคณะกรรมการนักศึกษา, มหาวิทยาลัย X

“เสียใจด้วยนะพิชชี่” เมษาบอก “น้องต้า ถูกทาบทามไปแล้วอะ” เมษาถอนหายใจและทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน

พิชชี่ทำหน้าตกตะลึงราวกับโลกกำลังแตก เขาทรุดตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง มือเรียวยกขึ้นกุมหน้าอย่างดราม่า

“อะไรนะ! จริงดิ นี่มันการทำลายล้างความฝันชัดๆ ต้าของพี่ฉันเล็งไว้นานละนะ”

“พิชชี่ เว่อร์ละ” เกลพูดพลางรวบผมของตัวเองอย่างขำๆ ดวงตาที่แต่งแต้มอย่างพิถีพิถันของเธอฉายแววครุ่นคิด

“ไม่บ่นได้ไงยะเกล ชุดแกมันดีมากนะแต่ไม่มีนายแบบที่มีเสน่ห์พอจะดึงดูดคะแนนโหวตจากคนทั้งมหาวิทยาลัยไม่ได้ด้วย งานนี้มันเน้นโหวตสาธารณะถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์นะ” พิชชี่โวยวาย

ข้าวฟ่างรีบเดินเข้ามาปลอบพิชชี่ “ใจเย็น ๆ นะคะพิชชี่ ถึงต้าจะไม่ได้ แต่เราก็ต้องหาคนใหม่ได้สิ”

“ปัญหาคือใครล่ะข้าวฟ่าง!” พิชชี่เด้งตัวขึ้น “พวกน้องปีหนึ่งสาขาฉันที่เหลือก็ดูพื้น ๆ เกินไป ไม่ก็ดูแข็งทื่ออย่างกับท่อนไม้”

เกลเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ดวงตาคมกริบของเธอกวาดมองไปที่บอร์ดขนาดใหญ่ที่เมษาเขียนรายละเอียดงานประกวดเอาไว้

🏆 วิทยานิพนธ์ศิลป์: ไร้กรอบ

·      ตัดสิน: กรรมการ (50%) | โหวตสาธารณะ (50%)

“ไม่ต้องหาจากคณะศิลปะการแสดงก็ได้พิชชี่” เกลพูดขึ้น น้ำเสียงของเธอเริ่มมีประกายความคิด

“งานนี้มันคือ การสร้างสรรค์ที่ไร้กรอบ เกลอยากได้คนที่ดูแตกต่างไปจากเดิม ที่ไม่จำเป็นต้องหล่อแบบเจ้าชาย แต่ต้องมี เอกลักษณ์ ที่แข็งแกร่ง”

“เอกลักษณ์แบบไหนล่ะเกล” เมษาถามอย่างสนใจ

เกลยิ้มเล็กน้อย พลางใช้ดินสอที่ปักอยู่บนดังโงะของข้าวฟ่างมาวาดสเก็ตช์คร่าว ๆ บนกระดาษแผ่นหนึ่ง

“เราอยากได้คนที่ดู ต่อต้านแฟชั่น ดูเข้าถึงยาก ดูเหมือนคนที่ไม่สนใจเรื่องพวกนี้ แต่พอใส่ชุดของเราแล้วมันจะเกิด ความขัดแย้งที่ดึงดูด เกลอยากได้คนที่ดูดิบ ดูจริง ไม่ใช่แค่หล่ออย่างเดียว”

“แค่นายแบบก็ขัดแย้งกันแล้ว กูจะบ้า” พิชชี่ทำปากยื่น

“แบบนี้จะไปหาจากไหนได้ล่ะ! ต้องเป็นพวกนักเรียนสถาปัตย์ที่ดูเซอร์ ๆ หรือพวกวิศวะที่ดูเนิร์ด ๆ เลยนะยะ!”

“ทำไมจะหาไม่ได้ล่ะพิชชี่” ข้าวฟ่างพูดอย่างร่าเริง

“ลองไปดูตามคณะอื่นๆ สิคะ! พิชชี่กับเมษาถนัดเรื่องการส่องผู้ชายจะตายไป”

เมษายกมือขึ้นแตะคางอย่างใช้ความคิด “ข้าวฟ่างพูดถูก ถึงต้าจะไปแล้ว แต่เราก็ยังเหลือเวลาอีกสองสัปดาห์ก่อนถึงเส้นตายการยืนยันรายชื่อนายแบบนางแบบ” เมษาหันไปทางพิชชี่

“พิชชี่! ภารกิจใหม่ของเราคือ ปฏิบัติการค้นหาหานายแบบ เราจะแยกกันไปสแกนผู้ชายที่ดูน่าสนใจตามคณะต่างๆ บอกรายละเอียดนายแบบที่แกต้องการให้ละเอียดกว่านี้หน่อยสิ!”

เกลพยักหน้าอย่างเห็นด้วย สายตาของเธอเต็มไปด้วยไฟแห่งการสร้างสรรค์ เธอพร้อมที่จะเปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นความท้าทายครั้งใหม่

“ได้เลย! เกลจะวาดภาพของนายแบบที่ต้องการให้พวกพิชชี่ไปตามล่ามานะ”

ตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัย X

เมษาและพิชชี่แยกตัวออกมาจากห้องประชุมทันทีหลังได้รับแบบจากเกล โดยเมษาถือโทรศัพท์มือถือที่บันทึกภาพสเก็ตช์นายแบบที่เกลต้องการไว้ ส่วนพิชชี่สวมแว่นกันแดดอันใหญ่พร้อมสแกนทุกองศา

“ให้ตายสิเมษา! ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องมาเริ่มที่ตึกวิศวะก่อนด้วย!” พิชชี่บ่นขณะที่พวกเขาเดินผ่านกลุ่มนักศึกษาชายในชุดช็อปที่เต็มไปด้วยคราบน้ำมันและเหงื่อ

“ก็ตามที่แกพูดไงพิชชี่” เมษาตอบอย่างใจเย็น

“เกลอยากได้คนที่ดู ‘ดิบ ดูจริง ไม่ใช่แค่หล่อ’ พวกนักศึกษาคณะนี้แหละที่ดูดิบ เถื่อนที่สุดแล้ว”

“แต่แกดูแต่ละคนสิยะ!” พิชชี่ชี้ไปที่กลุ่มชายหนุ่มที่กำลังเดินหัวเราะกันออกมาจากห้องแล็บ

“นี่มันไม่ใช่ ‘ดิบ’ นะ! นี่มัน ‘สกปรก’ ย่ะ! แฟชั่นของเกลมันคือ ศิลปะที่มองไม่เห็น มันไม่ใช่ชุดคลุมช่างยนต์นะ!”

เมษาหัวเราะเบาๆ เธอหยุดเดินเพื่อพิจารณาผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งอ่านตำราอยู่ใต้ต้นไม้ เขาตัวสูง มีโครงหน้าที่ชัดเจน แต่ใส่แว่นหนาเตอะและเสื้อยืดสีซีด

“คนนั้นล่ะ?” เมษาเอ่ย พิชชี่ใช้มือป้องปากกระซิบ

“หน้าตาผ่าน แต่แว่นตาใหญ่ไป! และดูสิ เสื้อยืดนั่นย้วยมาก! มันไม่มีความ ‘สตรีทแฟชั่น’ เลยเมษา! มันมีแต่ความ ‘เนิร์ด’ ล้วน ๆ! ถ้าให้คนแบบนี้ใส่ชุด The Unseen Art ของเกล คะแนนโหวตสาธารณะห้าสิบเปอร์เซ็นต์เราจะร่วงไปอยู่ใต้บาดาลเลยนะ!”

“แต่เกลไม่ได้ต้องการคนหล่อแบบพระเอกซีรีส์วายแล้วนะพิชชี่” เมษาย้ำ

“เธอต้องการเอกลักษณ์”

“เอกลักษณ์น่ะใช่! แต่ต้องเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้คนอยากมองไม่ใช่เอกลักษณ์ที่ทำให้คนอยากมองข้าม!” พิชชี่พูดอย่างมีหลักการ

“ไม่เอาแล้วตึกนี้! เสียเวลา! ไปตึกสถาปัตย์เลย! อย่างน้อยพวกนั้นก็มีความเป็นศิลปินอยู่บ้าง!”

ตึกคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์

ทั้งคู่ย้ายมาที่ตึกสถาปัตย์ ซึ่งมีบรรยากาศที่ผ่อนคลายและดูมีสไตล์กว่ามาก ผนังอาคารเต็มไปด้วยภาพสเก็ตช์และโมเดลที่ยังสร้างไม่เสร็จ

พวกเขาเดินผ่านกลุ่มนักศึกษาที่กำลังระดมความคิดกันอย่างเคร่งเครียด บางคนใส่เสื้อผ้าที่ดูวินเทจ บางคนใส่เสื้อผ้าสีเรียบ ๆ แต่ดูดี

“นี่ดูดีขึ้นมาหน่อย” พิชชี่พูดพลางสแกนกลุ่มนักศึกษาที่กำลังสูบกาแฟ “คนนั้นที่ใส่หมวกบีนนี่! หน้าตาดูติสต์ดีนะ!”

เมษาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเทียบกับสเก็ตช์ของเกล “สูงไม่พอพิชชี่ และไหล่แคบไปหน่อย”

“เฮ้อ! เกลก็เรื่องมากเกินไปแล้วนะ!” พิชชี่ถอนหายใจยาว “นี่มันงานเดินแบบประกวดนะ ไม่ใช่การหานายแบบมืออาชีพที่ต้องตรงตามขนาดทุกตารางนิ้ว!”

“นั้นสิ แต่หุ่นนายแบบก็มีผลกับชุดนะ” เมษาพูดอย่างหนักแน่น “เราต้องหาคนที่ทำให้เกลไม่ต้องแก้ชุดเยอะที่สุดด้วย”

พิชชี่ทอดถอนใจ เขาพิงกำแพงอย่างหมดอาลัยตายอยาก

“ไม่ไหวแล้วเมษา! ฉันเริ่มหมดพลังการสแกนผู้ชายแล้วนะ! ทำไมการหาผู้ชายดี ๆ สักคนมันถึงได้ยากขนาดนี้!”

ในขณะที่พิชชี่กำลังบ่นอย่างท้อแท้ เมษาก็เหลือบไปเห็นประตูสตูดิโอแห่งหนึ่งที่ถูกเปิดแง้มไว้ ด้านในดูมืดสลัวและเต็มไปด้วยฝุ่นผงจากการทำงานศิลปะชิ้นใหญ่ ๆ

“พิชชี่” เมษาเรียกเสียงเบา “ลองดูคนนั้นสิ”

พิชชี่หันตามสายตาของเมษา

ชายคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนพื้นพิงขาโต๊ะทำงาน มีแสงไฟจากโคมไฟดวงเดียวส่องกระทบใบหน้า เขาไม่ได้สนใจโลกรอบตัว กำลังใช้ผ้าเช็ดมือที่เปื้อนสีและผงฝุ่นเช็ดเครื่องมือทำงานศิลปะบางอย่าง

เขาดูสูง ร่างกายผอมเพรียวแต่ดูแข็งแรงจากการใช้แรงงาน ผิวคล้ำแดดเล็กน้อย ผมยาวปรกหน้า แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาคือแววตาของเขาที่ดูเย็นชาและไม่สนใจสิ่งใด

“โอ้โห้” พิชชี่พึมพำ น้ำเสียงเปลี่ยนจากความเบื่อหน่ายเป็นความตื่นเต้นอย่างรวดเร็ว

ชายคนนั้นในสตูดิโอดูแตกต่างจากทุกคนที่พวกเขาเจอมาอย่างสิ้นเชิง เขาไม่ได้หล่อแบบสะอาดสะอ้านเหมือนต้า แต่มีบางอย่างที่ดูเป็น เอกลักษณ์ที่จับต้องไม่ได้ ตามที่เกลต้องการ

พิชชี่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที “คนนี้แหละเมษา! คนนี้แหละคือ ปัง”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • Friend Are Just...Lovely ก็เพื่อนมันน่า...รัก   บทที่ 7

    เกลเดินเข้าห้องคอนโดมาอย่างเงียบเชียบ เธอรีบล็อกประตูถึงสองชั้น ความเหนื่อยล้าทางร่างกายผสมกับความหวาดระแวงทำให้เธอไม่ทันสังเกตว่ามีใครติดตามมาหรือไม่ เกลโชคดีที่มาถึงคอนโดโดยปลอดภัยเธอไม่ได้สนใจจะเปิดไฟมากนัก ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างอ่อนแรง และพยายามบังคับตัวเองให้ข่มตาหลับเพื่อหนีความเครียดที่สะสมมาตลอดทั้งวันแต่หลังจากที่เธอนอนหลับไปได้ไม่นานก๊อก... ก๊อก... ก๊อก...เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เป็นจังหวะสั้น ๆ แต่ดังชัดเจนในความเงียบสงัดของยามวิกาลเกลสะดุ้งสุดตัว เธอผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียงทันที หัวใจเต้นรัวราวกับกลองที่ถูกรัวตีด้วยความหวาดกลัวที่กลับมาอีกครั้ง เธอตกใจมากจนต้องร้องไห้นี่มันก็ตีสองแล้ว!เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ดังและถี่ขึ้น เกลมองไปที่ประตูห้องด้วยความหวาดผวา เธอรู้ดีว่าคนที่พักอยู่ในคอนโดนี้ส่วนใหญ่เป็นคนมีฐานะ และไม่มีใครมาเคาะประตูบ้านคนอื่นในเวลานี้แน่ๆเธอไม่รู้ควรโทรไปหาใครดี จะโทรหาเมษาหรือข้าวฟ่างตอนนี้ก็คงจะรบกวนมากเกินไป และเธอก็ไม่กล้าปลุกใครมือของเธอสั่นเทาเมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สายตาของเธอกวาดมองรายชื่อในสมุดโทรศัพท์อย่างว้าวุ่น

  • Friend Are Just...Lovely ก็เพื่อนมันน่า...รัก   บทที่ 6

    เมษาเรียกคิรินให้ยืนตรงหน้าหุ่นตัดเสื้อพร้อมสายวัดในมือ ตอนแรกเมษาจะวัดให้ เอง แต่ทันใดนั้น เดย์ก้มลงกระซิบที่ข้างหูเมษา ประโยคสั้น ๆ ที่ทำให้ใบหน้าของเมษาเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อเมษาดูเหมือนจะ ลังเล อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะหันไปทางเกลด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ“เกล... ฝากวัดตัวคิรินก่อนได้มั้ย พอดีข้าวฟ่างอยากจะปรึกษาฉันเรื่องผ้าข้างนอกน่ะ”เกลไม่ทันจะพูดถามเหตุผลหรือปฏิเสธ เมษาและข้าวฟ่างก็รีบลากเดย์ที่ยังยืนทำหน้ากวนประสาทออกไปจากสตูดิโออย่างรวดเร็ว ทุกคนในห้องนอกจากเธอกับคิรินก็ออกไปกันหมดคิรินยิ้มอย่างได้ใจ เขายืนกอดอกมองเกลที่กำลังถือสายวัดอย่างไม่สบอารมณ์“ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นก็ได้ครับ ดีไซเนอร์” คิรินพูดกวน ๆเกลไม่พูดอะไร แต่ความโมโหทำให้เธอต้องระบายออก เธอฟาดไปที่ต้นแขนคิรินแน่นทันที ด้วยม้วนสายวัดที่อยู่ในมือ เสียงดัง "เพียะ" ดังขึ้นเบาๆคิรินไม่ได้เจ็บ แต่เขายิ้มกว้างกว่าเดิมอีก“โอ๊ย! ทำอย่างกับไม่อยากอยู่ด้วยเลยนะครับ เพื่อนรัก”เกลกัดฟันแน่น เธอตระหนักได้ทันทีว่าการวัดตัวนี้คือ กับดัก ที่คิรินกับเดย์วางแผนไว้แน่นอนนอกห้องสตูดิโอเมษาที่เพิ่งออกจากห้องมาพร้อมกับข้าวฟ่างและ

  • Friend Are Just...Lovely ก็เพื่อนมันน่า...รัก   บทที่ 5

    ทั้งแปดคนมานั่งรวมกันที่ร้านหมูกระทะชื่อดังที่อยู่ข้างๆ มหาวิทยาลัย โต๊ะถูกจัดแยกออกเป็นสองชุด ซึ่งทำให้ พิชชี่ ต้องบ่นออกมาเสียงดังก่อนจะยอมไปนั่งโต๊ะข้าง ๆ“ฉันไม่อยากนั่งกินกับเธอย่ะเกล คนอะไรมากินหมูกระทะ ไม่ยอมกินหมูสามชั้น!” พิชชี่ว่าพลางกอดอกอย่างงอนๆ ทำเหมือนจำยอมต้องไปนั่งกับเดย์และข้าวฟ่างที่อีกโต๊ะหนึ่งโต๊ะนั้นเหมือนจะมีเสียงเฮฮามาตลอดส่วน แต่โต๊ะนี้ดูจะเงียบและมีบรรยากาศตึงเครียดกว่ามากเกลนั่งอยู่ข้างเมษาโดยมีคิรินนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามและมีไนท์แฝดน้องของเดย์ที่บอกว่ารำคานพี่ตัวเองขอมานั่งโต๊ะนี้แทนดังนั้นโต๊ะของเกลจึงมีเพียงเกลนั่งอยู่ข้างเมษาโดยมีคิรินนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามและมีหม้อไฟหมูกระทะที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นอยู่ตรงกลาง เกลกินอย่างกับคนระบายอารมณ์ แต่สิ่งที่เธอเลือกนั้นถูกเรื่องแต่คลีนๆไว้ เมษาค่อยส่งเนื้อหมูส่วนเนื้อแดงให้เธอเป็นบางครั้ง ส่วนใหญ่ที่เธอกินจะเป็น กุ้ง ปลา และผักมากกว่าเพื่อกันน้ำหนักที่จะขึ้นหลังกินมื้อนี้โต๊ะข้างๆ ดูจะมีสีสันมากกว่าโต๊ะของเธอมากเพราะแค่เธอต้องสบตากวนประสาทของไอ้เด็กเลี้ยงแกะแล้วมันก็โคตรจะน่าหงุดหงิดเลยคิรินใช้ตะเกียบของเขาคีบหมูสามชั้นช

  • Friend Are Just...Lovely ก็เพื่อนมันน่า...รัก   บทที่ 4

    ห้องสตูดิโอของคณะศิลปกรรมศาสตร์ดูวุ่นวายกว่าปกติ เสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ คลอไปกับเสียงฝีเท้าของนางแบบที่กำลังซ้อมเดินอยู่บนเวทีชั่วคราวเกลอยู่ในชุดนักศึกษาที่เสื้อเข้ารูปและกระโปรงสั้นตามแฟชั่น เธอผมบลอนด์อ่อน และแต่งหน้าอย่างประณีตราวกับเป็นนางแบบเสียเอง เธอนั่งอยู่ตรงกลางโต๊ะกรรมการอย่างมาดมั่น ข้างๆคือข้าวฟ่างผู้กำลังจดบันทึกด้วยความตั้งใจและพิชชี่ ผู้ทำหน้าที่วิจารณ์ด้วยความละเอียดถี่ถ้วน“คนนี้ดีไซน์สวยมาก แต่แววตาดูนิ่งๆไปหน่อย เราน่ะมันต้องใช้คนที่มี จิตวิญญาณนะยะ ไม่ใช่หุ่นยนต์!” พิชชี่บ่นพลางโบกมือปฏิเสธนางแบบคนที่สิบ“ใจเย็นๆ นะคะพิชชี่” ข้าวฟ่างพยายามปราม “เราเน้นที่รูปร่างก่อนค่ะ เพราะชุดของเรายังไม่เสร็จ”“แต่ไม่เป็นไรค่ะ ถ้านางแบบเราหากันไม่ได้จริงๆ ก็ให้เมษานี้แหละถ่าย” เกลสรุปเพราะตอนนี้เธอยังไม่เจอใครถูกใจเลย เมษารูปร่างสูงเพียวเหมือนนางแบบ ที่เธอกำลังเครียดตอนนี้คงจะเป็น นายแบบชายมากกว่าเมษา ในฐานะผู้ประสานงานหลัก ยืนอยู่ใกล้ประตู เธอกำลังใช้โทรศัพท์มือถือจัดการธุระอย่างเคร่งเครียด ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออก พร้อมกับกลุ่มนักศึกษาชายสามคนที่ก้าวเข้ามาเดย์ เดินนำหน้ามา

  • Friend Are Just...Lovely ก็เพื่อนมันน่า...รัก   บทที่ 3

    ห้องประชุมคณะกรรมการนักศึกษา, มหาวิทยาลัย Xเกลกับข้าวฟ่างกำลังก้มหน้าปรึกษาหารือกันอย่างเคร่งเครียด โต๊ะเต็มไปด้วยกระดาษสเก็ตช์และนิตยสารแฟชั่นเล่มหนา“ฉันคิดว่าเราควรใช้ผ้าดิบเป็นหลักนะเกล” ข้าวฟ่างเสนอ“แล้วค่อยใช้เทคนิคการปัก การลงสี และการพิมพ์ลายแบบศิลปะเข้ามา มันจะสื่อถึงคอนเซปต์เข้าถึงยาก ได้ชัดเจน”“อืม… ดีเลยข้าวฟ่าง” เกลตอบขณะที่กำลังวาดโครงสร้างคอเสื้อที่ดูแปลกตา“เราต้องออกแบบชุดสำหรับผู้หญิงให้เสร็จก่อน แล้วค่อยปรับให้เข้ากับสรีระนายแบบที่จะมาเดินคู่กัน แต่ปัญหาคือนายแบบน่ะสิ” เรื่องนางแบบเธอไม่ค่อยเป็นห่วง เพราะเมษาจะรับหน้าที่นั้น เสียงประตูเปิดผางออกอย่างไม่สุภาพ ก่อนที่พิชชี่จะพุ่งเข้ามาพร้อมเมษาตามมาติด ๆ“เจอแล้ว! คนที่จะมาเป็นนายแบบของแกแล้ววเกล!” พิชชี่ประกาศเสียงดัง เขาลากเก้าอี้มานั่งข้างเกลอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเปิดโทรศัพท์มือถือที่เซฟรูปชายหนุ่มในอินสตาแกรมไว้แล้ว“ดูนี่สิ! วิน! ลูกชายเจ้าของแกลเลอรี่! เขาคือความดิบที่แสนจะแพง! เขาคือความหล่อของประเจ้าเลย”เกลหยิบโทรศัพท์ของพิชชี่มาดูอย่างพิจารณา ภาพชายหนุ่มที่ดูเย็นชาในชุดเสื้อผ้าเรียบ ๆ แต่มีร่องรอยของสีและผงฝ

  • Friend Are Just...Lovely ก็เพื่อนมันน่า...รัก   บทที่ 2

    โรงอาหารกลาง มหาวิทยาลัย Xกลุ่มเพื่อนทั้งสี่คนมานั่งรวมกันที่โต๊ะประจำในโซนที่เงียบสงบที่สุดของโรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัยเกลซึ่งมีใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างประณีตราวกับเพิ่งออกจากสตูดิโอกำลังกินสลัดไก่ย่าง ที่ไร้น้ำสลัดรสจัดจ้านเพื่อควบคุมอาหารอย่างเข้มงวด ขณะที่ข้าวฟ่างกินข้าวมันไก่ชามโตได้อย่างสบายอารมณ์“นี่! ฉันบอกแล้วไงว่าปีนี้เด็ดจริง! ฉันเห็นน้องปีหนึ่งสาขาการแสดงคนหนึ่งชื่อ ต้า” พิชชี่เริ่มเปิดประเด็นเม้าท์มอยทันทีที่นั่งลง เขาเลือกสั่งบะหมี่เกี๊ยวและกำลังใช้ช้อนเขี่ยหมูแดงส่วนมัน ๆ ออกอย่างประณีต“ไม่ต้องเขี่ยก็ได้มั้งพิชชี่” เมษาที่นั่งตรงข้ามพูดพลางหัวเราะเบา ๆ เธอเลือกเมนูมังสวิรัติ“ไม่ได้ย่ะ! ฉันเป็นศิลปะการแสดง! ฉันต้อง Maintain หุ่น! ไม่เหมือนพวกดีไซเนอร์บางคนที่กินแต่ผักกาดหอมจนจะกลายเป็นกระต่าย” พิชชี่ว่าพลางเหลือบมองจานสลัดของเกลเกลตักผักเข้าปากอย่างใจเย็น เธอจัดระเบียบเส้นผมสีบลอนด์และตรวจสอบการเขียนขอบตาของตัวเองผ่านกระจกในตลับแป้งเล็ก ๆ อย่างรวดเร็ว แม้จะกินสลัด เธอก็ยังคงไว้ซึ่งความงามที่สมบูรณ์แบบ“แล้วต้าที่ว่านั่นมันดียังไงเหรอ?” ข้าวฟ่างถามอย่างสนใจ ด

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status