แชร์

#14. การสูญเสีย

ผู้เขียน: จันตรา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-18 13:41:50

ยามรัตติกาลกลางป่าลึกทางตอนใต้ของคอร์เซียร์

สายลมเหน็บหนาวพัดผ่านยอดไม้สูง เสียงใบไม้ไหวระริกดังเป็นระยะคล้ายเสียงกระซิบของภูตป่า ในความมืดสลัวของรัตติกาล สายตาใครบางคนยังคงจดจ้องไปยังเส้นทางเบื้องหน้า—ดวงตาสีฟ้าเย็นเยียบดั่งคลื่นทะเลลึก

นั่นคือ... เรน

“ทางนี้แน่ ข้าเห็นรอยน้ำหยดลงบนใบไม้” ชายหนุ่มเปล่งเสียงเบา ขณะย่อตัวลงมองพื้น เขาลูบสัมผัสรอยเปียกบนดินอย่างแนบแน่น ใบหน้านิ่งขรึมยิ่งทำให้แผ่นหลังของลูกน้องทุกคนรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล

ในมือของเขา ดาบที่เคยฟาดฟันเงือกมานับไม่ถ้วนยังคงเปื้อนร่องรอยจากครั้งเก่า ดวงใจที่ครั้งหนึ่งเคยเปิดให้หญิงสาวนามว่า นีร่า บัดนี้กลับแข็งกระด้างจนไม่มีแม้ความลังเลหลงเหลือ

> “ข้ายอมให้เจ้าหนีไปครั้งหนึ่ง...แต่น้ำตาเงือกเจ้าจะต้องเป็นของข้า—ทั้งหมด”

เสียงฝีเท้ากลุ่มนักล่าฉุดกระชากความเงียบให้หายไป

กลิ่นคาวโลหิตในอดีตกาลลอยมาแตะปลายจมูกอย่างเลือนลาง

จนกระทั่ง...

> พรึ่บ!!

กลุ่มกอไม้ที่ดูเหมือนไม่มีอะไรพลันเปิดทาง สายลมแปรเปลี่ยนเป็นความชื้นแฉะ กลิ่นทะเลบางเบาลอยมากระทบจมูกพร้อมภาพเบื้องหน้าที่ทำเอาหัวใจทุกคนชะงัก

หมู่บ้านเงือก—หมู่บ้านเร้นลับที่ไม่มีแผนที่ใดจารึก

ทะเลสาบสีเงินสว่างไสวในเงามืด เงือกนับสิบกำลังแหวกว่ายอย่างสงบเงียบ เสียงหัวเราะแผ่วเบาดังคลอเคลียขอบผืนน้ำ

> “สวรรค์...” หนึ่งในลูกน้องของเรนพึมพำ

แต่เรนไม่ได้ตื่นตาตื่นใจเช่นนั้น

เขายิ้ม—รอยยิ้มที่ไม่มีแม้ความอ่อนโยนหลงเหลืออยู่เลย

> “จับมันให้หมด...ใครขัดขืน ฆ่า”

เสียงกรีดร้องดังสะท้านไปทั่วหมู่บ้านในพริบตา

นีร่าและไอล่าที่เพิ่งพักพิงได้เพียงครู่ สะดุ้งตื่นจากเสียงหวีดร้องของเงือกสาวผู้หนึ่งซึ่งถูกตาข่ายเหล็กพันรัดร่างขณะพยายามหนีออกจากน้ำ

“ไม่!! อย่าทำพวกนาง!!” นีร่ากรีดร้อง เสียงสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวและโทสะ แต่เรนกลับย่างเท้าเข้ามาใกล้ ดวงตาของเขาฉายแววแห่งความคะนึง ปนคลั่ง

> “เจ้าทรยศข้า นีร่า...เจ้าเลือกมันผู้นั้นแทนข้า”

> “เจ้าไม่เคยรักข้า...เจ้าเพียงต้องการครอบครอง!”

เสียงของนีร่าดังก้องแม้เธอจะถอยหลังไปจนชิดต้นไม้ใหญ่

แต่เรนกลับเข้ามาใกล้ ช้า ๆ และแนบเนียน

มือหนึ่งคว้าข้อมือเธอไว้แน่น อีกมือกระชากสายสร้อยเปลือกหอยที่เธอสวมมานับแต่เด็กจนขาดหลุด

ณ ชายป่าริมหมู่บ้าน — ในเวลาเดียวกัน

เสียงฝีเท้ากลุ่มหนึ่งฝ่าเข้ามาท่ามกลางความชุลมุน

อีธาน ยืนอยู่เบื้องหน้า

ใบหน้าของเขาเปื้อนเหงื่อจากการต่อสู้กับกลุ่มโจรสลัดเมื่อครู่ สายตาสีเทาเข้มกวาดมองซากเงือกบาดเจ็บและควันไฟที่เริ่มลอยขึ้นจากกระท่อมไม้ริมทะเลสาบ

“นีร่า...” เขาพึมพำ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในหมู่เงือกที่กำลังหนีตาย

> “ช่วยด้วย! ผู้คนของเราโดนฆ่า!”

> “ชายผมทอง! พวกมันพาเรนเข้ามา!”

เสียงตะโกนประสานสลับกับเสียงร้องไห้ของเงือกน้อย

อีธานกระชับดาบในมือแน่น ก้าวเข้าประจันหน้ากับชายแปลกหน้าผมทองที่เขาไม่เคยเห็น แต่รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของภัยอันตราย

> “ปล่อยเธอ...ก่อนที่ข้าจะปลิดลมหายใจของเจ้า”

กลางหมู่บ้านเงือกเร้นลับ — ท่ามกลางแสงเพลิงยามค่ำ

เสียงกรีดร้องยังคงสะท้อนดังก้อง น้ำในทะเลสาบกระเพื่อมไม่หยุดเพราะเหล่าเงือกสาวกำลังแตกตื่น หลายตนถูกจับ หลายตนบาดเจ็บ ท้องฟ้าสีม่วงคล้ำยิ่งเพิ่มบรรยากาศของความสิ้นหวัง

และตรงนั้น…

สองชาย ยืนประจันหน้ากันท่ามกลางเปลวไฟที่ลามเลียกระท่อมไม้

> “ปล่อยนางซะ ก่อนที่เจ้าจะไม่มีโอกาสกลับออกไปจากที่นี่อีก”

เสียงอีธานเย็นเยียบ ต่างจากความโกรธที่ลุกโชนในดวงตา

เขากระชับดาบในมือแน่น ดาบเล่มที่ครั้งหนึ่งใช้เพียงป้องกันตัว กลับต้องยกขึ้นเพื่อสู้…เพื่อปกป้องนางที่เขารัก

เรนหัวเราะเบา ๆ เสียงแผ่วเหมือนลมหนาวยามค่ำ

> “เจ้ารู้จักนางนานแค่ไหนกัน? ข้า—ข้ารู้จักเธอตั้งแต่ยังไม่มีขาเดินบนแผ่นดิน!”

“เจ้ามาช้าเกินไป …นางเป็นของข้า!”

คำว่า “ของข้า” ทำให้อีธานสบตากับเขาด้วยแววตาแข็งกร้าว

> “ไม่มีใครเป็นของใคร…”

“โดยเฉพาะนีร่า—เธอเลือกแล้วว่าไม่ต้องการเจ้า”

เพียงสิ้นคำ ดาบของเรนก็ฟาดฟันเข้าใส่!

โลหะกระทบดังกังวาน ดาบสองเล่มสาดประกายท่ามกลางแสงไฟ

เสียงฝีเท้ากระทบพื้นดินเปียกชื้น แรงปะทะสะเทือนขึ้นมาถึงหัวไหล่ อีธานกัดฟันแน่นขณะรับแรงของเรนที่เข้ามาไม่ยั้ง

เรนสู้ด้วยความคลั่ง

ฟัน ฟาด แทง ราวกับไม่ได้สู้เพื่อชนะ แต่สู้เพื่อทำลาย

อีธานถอยก้าวหนึ่ง แล้วสวนกลับด้วยแรงทั้งหมด ฟาดดาบเฉียดแขนของเรนจนเลือดซึม

> “เจ้ายังกล้าทำร้ายนางอีกหรือ—แม้ในวันที่นางร้องไห้เพราะเจ้า?”

คำถามนั้นทำให้เรนชะงักเพียงครู่เดียว…ก่อนจะคำรามในลำคอแล้วโถมเข้าใส่อีธานอีกครั้ง

> “เพราะนางร้องไห้…ข้าถึงยังจำได้ว่ารักนางมากแค่ไหน!!”

> “แต่นางไม่ได้รักเจ้าแล้ว!”

เสียงของอีธานดังก้อง ฟาดดาบสวนกลับเต็มแรง—แรงแห่งความรักและความศรัทธาที่ไม่หวังครอบครอง แต่ต้องการปกป้อง

เสียง ฉึก! ดังขึ้นจากการที่ดาบของอีธานตวัดฟาดไปโดนชายโครงของเรน

ชายผมทองชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะทรุดเข่าลง มือข้างหนึ่งกุมบาดแผล เลือดไหลอาบเสื้อ

แต่ในดวงตาสีฟ้าของเขา…ยังไม่ดับ

ยังเต็มไปด้วยเงาของอดีต

เงาที่เขาปล่อยวางไม่ได้

---

“พอเถอะ เรน…”

เสียงของ นีร่า ดังขึ้นช้า ๆ จากด้านหลังอีธาน

หญิงสาวในชุดบางเปียกชื้นจากการวิ่งฝ่าทะเลสาบ เส้นผมยาวเปียกแนบหลัง ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตา

เธอเดินเข้ามาใกล้—ช้า ช้า

ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าเรน

> “ข้า…ข้าเคยคิดว่าเจ้าจะปกป้องข้า”

“แต่ตอนนี้ ข้ารู้แล้ว…เจ้ากำลังฆ่าทุกอย่างที่เคยมีค่า”

เรนเงยหน้ามองเธอ ดวงตาสีฟ้าไหวระริก—แต่ไม่อ้อนวอน ไม่สำนึก—เพียงแต่ว่างเปล่า

> “ข้า…เสียเจ้าไปนานแล้วใช่ไหม นีร่า…”

หญิงสาวไม่ตอบ

เพียงหลับตา ปล่อยหยดน้ำตาไหลริน

แต่คราวนี้…เธอร้องไห้เพราะเลือกที่จะ ปล่อยวาง

นีร่าทรุดลงข้างร่างของเรนที่แน่นิ่งไปแล้ว มือบางสั่นเทาแนบอกตัวเอง ดวงตาสีเทาสั่นไหว หยดน้ำตาไหลริน…

แต่คราวนี้—มิใช่น้ำตาใสบริสุทธิ์อีกต่อไป

ทว่าเป็นหยดน้ำตาสีดำสนิท…ดำดั่งเงาแห่งอดีต ดั่งความสิ้นหวังที่หมักหมม

หยดแล้ว…หยดเล่า

ร่วงจากขอบตาลงบนพื้นดินเปียกชื้น

แต่ละหยดเมื่อกระทบพื้น กลับกลายเป็นไข่มุกสีดำแวววาว คล้ายมีแสงเงาสะท้อนภาพหัวใจที่แตกร้าวของเธอ

> “เหตุใด…เหตุใดทุกครั้งที่ข้ารัก…”

“สิ่งนั้นต้องกลายเป็นความเจ็บปวดเสมอ…”

เธอกัดฟัน กลั้นสะอื้น แต่เสียงในลำคอกลับสั่นเครือ น้ำเสียงนั้นเหมือนเสียงของเด็กหญิงคนหนึ่งที่เคยหวัง…เคยเชื่อ…และเคยสูญเสีย

> “เรน…เจ้าทำลายหัวใจข้า…ข้ารู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น…”

เสียงก้าวเท้าดังขึ้นเบื้องหลัง เงาร่างหนึ่งวิ่งฝ่าเปลวไฟเข้ามา ร่างเล็กในชุดเปื้อนดินและเลือด หัวใจของนีร่าเต้นแรงเพียงสบตากับเธอคนนั้น

> “…มาริเบล!!”

เด็กสาวผู้มีดวงตากลมโตนั้นวิ่งเข้ามาหา พุ่งกอดพี่สาวสุดแรง

> “พี่! พี่ข้า!!”

แขนข้างหนึ่งของเธอมีเลือดซึมผ่านผ้าพันแผลที่พันไว้ลวก ๆ

นีร่าเบิกตากว้าง กอดน้องแน่นราวกับกลัวว่า หากปล่อยเพียงชั่ววินาที เด็กคนนี้จะหายไปอีกครั้ง

> “เจ้าบาดเจ็บ…ใคร…ใครทำร้ายเจ้า…”

เสียงเธอสั่นเครือ มือสั่นเทารีบจับแขนมาริเบลไว้อย่างเบามือ

> “ข้าไม่เป็นไร พี่ต่างหาก…ทำไมถึงร้องไห้เช่นนี้…”

นีร่ามองหน้ามาริเบล

ไข่มุกสีดำยังคงร่วงเงียบ ๆ จากดวงตา

> “พี่เจ็บ…เจ็บทั้งหัวใจ…ที่เคยคิดว่าเจ้าตายไปแล้ว”

“พี่…เสียเจ้าครั้งหนึ่งไปแล้ว…แต่ตอนนี้…”

เธอกลืนเสียงสะอื้น กลั้นหายใจ แล้วแนบหน้าผากลงบนหน้าผากของน้องสาว

> “คราวนี้…พี่จะไม่ยอมเสียเจ้าไปอีกแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”

เสียงเปลวไฟยังคงลุกอยู่ไกล ๆ

แต่ท่ามกลางความเสียหาย ความตาย และซากฝันที่แตกสลาย

แสงแห่งความรักจากครอบครัวกลับอบอุ่นที่สุดในเวลานี้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #29 การเป็นอมตะ

    กลับสู่ปัจจุบันนีร่าผงะออกจากแท่นหิน ดวงตาเธอเปลี่ยนกลับเป็นปกติ แต่น้ำตาไหลอาบแก้ม“ไม่...ข้าไม่อยากเป็นแบบนั้น” เธอกระซิบ “ข้าไม่อยากฆ่าใคร...ไม่อยากกลายเป็นสัตว์ร้าย”อีธานประคองเธอแน่น “เจ้าคือเจ้าคนเดิม นีร่า...เราเลือกทางเดินของตัวเองได้”ชายชราเพียงเงียบ ก่อนเดินไปยังผนังด้านหลัง เขาดึงแผ่นศิลาออก เผยให้เห็น ตราประทับสุดท้าย — รูปเกล็ดเงือกสีเงินไขว้กับเลือดสีแดง“เลือดเจ้าคือประตูสุดท้ายที่จะเปิดพลังของ ‘อาทรามา’”“แต่หากเจ้าปิดมันด้วยตนเอง — เจ้าจะสูญเสียพลังทั้งหมด... กลายเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา”นีร่าก้มหน้าสั่น “ข้าต้องเลือกระหว่าง ‘เป็นตัวข้า’ หรือ ‘เป็นสิ่งที่ไม่อาจควบคุมได้’...”มาริเบลเดินเข้ามาจับมือพี่สาว“ไม่ว่าพี่จะเลือกอะไร ข้าก็จะอยู่กับพี่...จนกว่าจะถึงที่สุด”เสียงจากเบื้องบนเริ่มดังขึ้นอีกครั้งแสงไฟจากตะเกียงและเสียงรองเท้าเหล็กกระทบพื้นหินสะท้อนเข้ามาในอุโมงค์กองทหารของเจ้าชายเฟอเรส...อีธานหันมามองทุกคนเสียงฝีเท้าเริ่มใกล้เข้ามาทหารของเจ้าชายเฟอเรสกำลังเข้าประชิดอุโมงค์ใต้พระราชวัง พวกอีธานไม่มีเวลาอีกแล้วนีร่ายืนหน้าตรงต่อหน้าตราประทับสุดท้ายเธ

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #28 อาทรามาผู้ตื่นขึ้นจากการหลับไหล

    บรรยากาศในวิหารใต้ดินเงียบงันจนได้ยินเสียงลมหายใจของทุกคนชัดเจนแสงจากลวดลายโบราณบนพื้นค่อย ๆ จางลง ทิ้งไว้เพียงแสงสีน้ำเงินสลัวจากแท่นศิลาเบื้องหน้านีร่ายืนเซเล็กน้อย เธอรู้สึกเหมือนร่างกายเบาหวิว แต่ขณะเดียวกันกลับร้อนรุ่มภายในอีธานพยายามประคองเธอ “เจ้าไหวไหม?”“เหมือนข้า...ได้ยินเสียง...” นีร่ากระซิบ ดวงตาของเธอกำลังเปลี่ยนเป็นสีฟ้าเรืองแสงจาง ๆ โดยที่เธอไม่รู้ตัวมาริเบลเบิกตากว้าง “ตาของเจ้า...นีร่า...เหมือนตาของแม่เราในคืนสุดท้าย...”ทันใดนั้นเอง เสียงบางอย่างดังขึ้นจากมุมมืดของวิหารเสียงฝีเท้าเก่าแก่... และเงาหนึ่งปรากฏออกจากหลังเสาหินชายชราผิวซีดในผ้าคลุมสีดำเดินออกมาช้า ๆ ดวงตาเขาขุ่นมัวคล้ายคนมองทะลุอดีตมาหลายร้อยปี“ในที่สุด... นางก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง”ทุกคนชะงัก“เจ้าคือใคร?” ไอล่าถาม มือแตะดาบอย่างระวังชายชราไม่ตอบคำถามตรง เขาจ้องนีร่าแน่นิ่งก่อนพูดเสียงแผ่ว “เงือกแห่งคำสาป...เงือกที่ถูกสร้างขึ้นจากเลือดของราชาและคราบเกลือพันปี”นีร่าถอยหลังไปก้าวหนึ่ง หัวใจเธอเต้นแรงจนรู้สึกชาไปทั้งร่าง“ข้า...ไม่เข้าใจ” เธอพูดเบา ๆชายชราก้าวเข้าใกล้แท่นศิลาเขาวางมือลงบนตราสัญลั

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #27 การเผชิญหน้า

    อีธานนอนไม่หลับ เขาเดินออกมายังระเบียงวังพบกับนักบวชชรานั่งจุดตะเกียงอยู่คนเดียว“ท่านมาจากดาร์กวาเรนใช่หรือไม่?” นักบวชถาม“ใช่” อีธานตอบ “ทำไม?”นักบวชหันมามองเขา ตาเขาขุ่นเหมือนคนที่เห็นอะไรมานาน“พวกเจ้าไม่ควรมีชีวิตรอดออกมา”“และหากเมืองมันปล่อยพวกเจ้ามา... แปลว่า มันเลือกแล้วว่าใครจะนำบางสิ่งติดมาด้วย”อีธานขมวดคิ้ว “หมายถึงอะไร?”นักบวชไม่ตอบ แต่เขายื่นเศษผ้าผืนหนึ่งมาให้“ถ้าเธอเริ่มมีแผล... อย่าให้เลือดของเธอตกบนพื้นหินเมืองนี้เด็ดขาด”เช้ามืดวันถัดมา ฟ้าขาวหม่น เหมือนไม่ได้ผ่านคืนที่แท้จริงนีร่าไม่ได้นอน เธอนั่งอยู่บนระเบียงหินสูง มองออกไปที่ทะเลเบื้องล่างนิ้วมือซ่อนไว้ใต้แขนเสื้อ ผิวเริ่มลอกออกเป็นลายริ้วบางแผ่นเนื้อบาง ๆ คล้ายเกล็ด ค่อย ๆ ปรากฏบนข้อนิ้วทีละชั้นเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง“ข้านึกว่าเจ้าจะไม่กลับมาอีกแล้ว”อีธานนีร่าไม่หันไปมอง “ข้าเองก็เคยคิดแบบนั้น”อีธานเดินมานั่งข้างเธอเงียบ ๆ ลมทะเลปะทะใบหน้าเขาเหลือบมองเธอ ก่อนถามตรง“เมื่อคืน... เจ้าชายพูดอะไรกับเจ้า?”นีร่ายังคงมองทะเล “เขาบอกว่า ข้ากำลังเปลี่ยน”อีธานนิ่งไปชั่วอึดใจ“เปลี่ยนเป็นอะไ

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #26 ผู้ถูกสังเวย

    ทะเลยามรุ่งอรุณนั้นเงียบอย่างผิดปกติเสียงคลื่นซัดฝั่งแผ่วลงจนเหมือนโลกหยุดหายใจ — และเมืองดาร์กวาเรนที่ครั้งหนึ่งเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ บัดนี้เงียบงันดั่งสุสานอีธานยืนอยู่กลางลาน ข้างนีร่า ไอล่า และมาริเบลพวกเขายืนเงียบเหมือนนักโทษที่เพิ่งรู้ว่า "กำแพงรอบตัวไม่ใช่กำแพง" — แต่คือเนื้อของสิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็นนีร่าหลุบตามองผิวแตกร้าวบนแขนตนเองที่เริ่มแตกกระจายเป็นลวดลายแห้งกรังอีกครั้งน้ำทะเลเมื่อคืนหล่อเลี้ยงเธอได้เพียงครู่... ตอนนี้ผิวเริ่มร่วงหล่นอีกหนเธอไม่พูดอะไร... เพราะทุกคนรู้แล้วว่าต้องหนีแต่หนีไปไหน?จนกระทั่ง...“เรือ!”เสียงของไอล่าเบา แต่เฉียบคมเหมือนใบมีดทุกคนหันขวับไปที่ขอบผาเบื้องหน้า — ที่นั่นฝ่าหมอกยามเช้าบางเบา มีเรือขนาดกลางลำหนึ่งแล่นตรงมาอย่างเชื่องช้าธงบนหัวเสากระพือในลม — เป็นสัญลักษณ์ที่อีธานจำได้… นั่นเรือของมนุษย์” เขาพึมพำทันทีที่เรือเข้าเทียบท่า...กลุ่มชายชุดเกราะสีเข้มกระโดดลงมาพร้อมอาวุธครบมือท่าทางเคร่งขรึม แต่ไม่ใช่เพื่อสู้รบ — แต่เพื่อภารกิจที่เงียบงันยิ่งกว่าหัวหน้ากลุ่มนั้นมีผ้าคลุมสีดำขลิบทองผิวเข้มจากแดดดินแดนไกล และดวงตาสีเทานิ่ง

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #25 ความลับของเมืองนี้

    นีร่าไม่เคยกลัวแสงแดดแต่ยามเช้าของวันที่สามบนแผ่นดินเธอเริ่มหลีกเลี่ยงมัน… อย่างไม่รู้ตัวผิวของเธอเคยเนียนชื้น ดั่งเนื้อปลาในละอองเกลือแต่ตอนนี้ แห้งตึงแห้งจนเมื่อเธอขยับนิ้วแขน เหมือนมีบางอย่าง ลั่นอยู่ใต้ผิวหนังเธอเอามือแตะต้นแขนและพบว่าผิวเริ่มแตกลายบางจุดเส้นรอยแตกเล็ก ๆ ที่เหมือนลายแห้งบนดินร้าง...บางจุดหลุดออกเป็น เศษสะเก็ดบาง ๆ ราวกับเกล็ดปลาที่แห้งกรังเมื่อเธอเกา เศษผิวซีดขาวร่วงลงกับพื้นทรายและจากใต้รอยนั้น... มี เบทะ ของเหลวใสอมเงินที่คล้ายเลือดของเงือกซึมออกมาเงียบ ๆ เหมือนหยดน้ำจากหินในถ้ำเธอหอบเบา ๆหน้าอกกระเพื่อม ผิวตรงซี่โครงขึ้นเงา — ไม่ใช่เหงื่อ แต่เป็นการตอบสนองสุดท้ายของผิวที่ “เคยอยู่ใต้น้ำ”ความเงียบที่ไม่สามารถพูดเธอไม่บอกอีธานเพราะในแววตาของเขามีความสุขและเธอไม่อยากให้เขารู้ว่า ร่างของเธอ กำลังค่อย ๆ แหลกสลายจากภายในเมื่อเขายื่นถ้วยน้ำจืดมาให้ เธอรับไว้แต่ไม่ใช่เพื่อดื่ม เธอรินลงมือ แล้วลูบเข้ากับแขนชะโลมเบา ๆ ให้ผิวไม่ขาดน้ำเปล่าเย็นเฉียบไหลลงมาตามข้อศอกและเธอ... หลับตาในชั่ววินาทีนั้น เหมือนได้หายใจใต้น้ำอีกครั้งหนึ่งคืนที่เธอร้องไห้เงี

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #24 หมู่บ้านที่ปรากฏ

    เสียงไม้ลั่นเอี๊ยดอ๊าดของเรือเก่า ส่งเสียงผสานกับเสียงคลื่นที่สาดซัดเข้ากระดานเรือเป็นระยะ มันไม่ใช่เรือที่มั่นคงนัก แต่พอพาให้พวกเขาหลุดจากผืนแผ่นดินที่แทบพรากชีวิตไปแล้วอีธานกับแบร์กตันช่วยกันกางใบเรือซึ่งผ่านการปะซ่อมอย่างเร่งรีบ เชือกมัดเสาบางจุดแทบจะหลุดออกจากกัน ขณะที่มาริเบลกับนีร่าแยกผลไม้ป่าที่เก็บมาใส่ภาชนะ บางอย่างเริ่มเน่าแล้ว แต่ก็ยังดีกว่าความว่างเปล่า“เรามีเวลาไม่มากก่อนน้ำจะหมด” อีธานกล่าวเรียบ ๆ พลางตรวจถังไม้ที่ใช้รองน้ำค้างจากใบไม้แบร์กตันยืนนิ่ง มองเกาะที่ค่อย ๆ จางหายไปในสายหมอก — ไม่พูดอะไรเลย---วันที่สองกลางทะเลแสงแดดแรงจัด พื้นเรือร้อนจนแผ่นไม้แตกร้าวในบางจุดลูกเรือพยายามใช้ผ้าชุบน้ำพันศีรษะ ลดอาการเพลียแดด อีธานวัดระดับน้ำจืดในถัง แล้วแจกแจง“เหลือพอให้กินได้วันละสองอึก... ถ้าไม่มีฝน เราต้องเริ่มจับน้ำทะเลกลั่นเอง”นีร่าเงยหน้ามองฟ้า “ไม่มีเมฆ... ไม่มีลม... ไม่มีนก...”เหมือนทุกอย่างรอบตัวกลืนหาย — พวกเขาอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่า---วันที่ห้าเข็มทิศหมุนช้า ๆ… แล้วหยุด… ก่อนจะหมุนกลับอีกทางอีธานเคาะมันกับขอบเรือ “มันเสียแน่ ๆ”“หรือเรือมันวนเป็นวงกลม”

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status