แชร์

#6 ความลับของข้า

ผู้เขียน: จันตรา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-15 19:33:59

เช้าวันแรก ฉันยังไม่ค่อยชินกับร่างกายที่ต้องเดินแทนว่าย ต้องหายใจด้วยจมูกแทนเหงือก ทุกอย่างดูแปลกไปหมด แม้แต่เสื้อผ้าที่ใส่ก็รู้สึกอึดอัดนิดๆ เหมือนกำลังห่อหุ้มตัวเองไว้ด้วยอะไรบางอย่าง

อีธานยื่นเสื้อคลุมมาให้ “หนาวมั้ย ใส่นี่ไว้นะ ลมแรงนิดนึง”

“ขอบใจนะ” ฉันรับมาใส่แบบเก้ๆ กังๆ เขายิ้มบางๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น

“วันนี้ข้าจะพาเดินดูรอบเมือง เจ้าจะได้รู้จักโลกของฉันมากขึ้น”

ฉันพยักหน้าเบาๆ แล้วก้าวตามเขาไป

เมืองบนพื้นดินไม่เหมือนอะไรที่ฉันเคยเห็นมาก่อน ตึกเรียงรายสองข้างถนน สีสันสดใส ผู้คนเดินสวนกันไปมา บ้างก็หัวเราะ บ้างก็อุ้มเด็กเล็กไว้ในอ้อมแขน กลิ่นหอมของขนมปังลอยมากับลม ฉันเงยหน้าขึ้นมองป้ายร้านเบเกอรี่ที่อีธานบอกว่า “อร่อยที่สุดในเมือง”

“ตรงนี้เป็นร้านขนมปัง ข้าชอบมาซื้อเวลาหิวตอนบ่าย” เขาชี้ไปที่ร้านกระจกใส

“กลิ่นมันหอมมากเลย” ฉันพูดอย่างตื่นเต้น ดวงตายังไม่ละไปจากขนมที่โชว์อยู่หลังตู้

“ไว้วันหลังเราค่อยลองด้วยกัน” เขาว่า แล้วเดินต่อไปช้าๆ ให้ฉันได้มองทุกอย่างรอบตัวอย่างเต็มตา

ขณะที่เรากำลังจะเดินข้ามถนน เสียงหนึ่งก็ดังมาจากอีกฟาก

“อีธาน! เจ้ามากับใครน่ะ?”

ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินข้ามถนนมาอย่างเร็ว ผมยุ่งๆ เหมือนไม่ได้หวีมาหลายวัน แต่ใบหน้ายิ้มทะเล้นดูเป็นมิตร

“นีร่า นี่ไคล์ เพื่อนข้าเอง” อีธานแนะนำ

“สวัสดีจ้ะ” ฉันยิ้มให้เขาอย่างเก้อๆ

“ว้าว…หน้าตาเหมือนหลุดมาจากหนังสือนิทานเลยนะ” ไคล์หัวเราะเบาๆ “เจ้ามาจากไหนเหรอ?”

“ไกลมากเลยจ้ะ” ฉันตอบแบบไม่คิดจะโกหก แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง

“แล้วมาอยู่กับอีธานได้ยังไงล่ะเนี่ย?”

อีธานตอบแทนด้วยเสียงเรียบๆ “ฉันแค่ช่วยดูแลนางชั่วคราว นางยังไม่ค่อยคุ้นกับที่นี่เท่าไหร่”

ไคล์พยักหน้าช้าๆ มองฉันสลับกับอีธาน ก่อนจะยิ้มอย่างรู้ทัน “อ๋อ…งั้นฝากดูแลดีๆ ล่ะกัน นายดูอารมณ์ดีผิดปกตินะตอนอยู่กับนาง”

ฉันหลบสายตาเล็กน้อย ส่วนอีธานทำเป็นไม่สนใจ แต่ฉันเห็นหูเขาแดงแวบๆ

“ข้าว่าเราไปเดินเล่นต่อดีกว่า” เขาพูดพร้อมพยักหน้าให้ไคล์

“ไปเลย เดี๋ยวข้าไปหาอะไรเย็นๆ กินดีกว่า” ไคล์ยกมือบ๊ายบายแล้วเดินจากไปแบบสบายๆ

เมื่อกลับมาเดินกันสองคนอีกครั้ง อีธานหันมาถามเสียงเบา “เจ้าเหนื่อยมั้ย?”

ฉันส่ายหน้าแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้า “ไม่เลย…แค่รู้สึกเหมือนได้เจอโลกอีกใบ”

“แล้วเจ้าชอบมั้ย โลกใบนี้”

ฉันนิ่งไปนิด ก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้ม “ชอบ…เพราะมีเจ้าอยู่ด้วย”

หลังจากเดินชมเมืองกันสักพัก ฉันก็เริ่มรู้สึกถึงกลิ่นหอมบางอย่างลอยมาแตะจมูกอีกครั้ง มันหวานละมุนจนทำให้ท้องร้องเบาๆ แบบที่ฉันไม่เคยเป็นมาก่อน

อีธานหัวเราะเบาๆ พลางเอ่ยขึ้น “หิวแล้วสินะ เสียงท้องเจ้าไม่โกหกเลย”

ฉันหน้าแดงนิดๆ รีบหลบตาอย่างเขินๆ “มันหอมจนอดไม่ได้น่ะ…”

“งั้นไปลองขนมที่ร้านนั่นกันเลยดีกว่า รับรองว่าเจ้าจะติดใจ”

เขาพาฉันเดินเข้าไปในร้านขนาดเล็กที่อบอุ่นด้วยกลิ่นขนมปังและเสียงเพลงเบาๆ โต๊ะไม้เล็กๆ กับแสงแดดที่ส่องผ่านกระจกใสทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในโลกนิทาน

“รับอะไรดีคะ?” สาวหน้าร้านถามพร้อมรอยยิ้ม

“ขอครัวซองต์หนึ่ง กับนมอุ่นหนึ่งแก้วครับ” อีธานหันมาถามฉันเบาๆ “เจ้าเอาด้วยมั้ย?”

“ขเาขอแบบเดียวกับเจ้าก็ได้ ฉันไม่รู้ชื่ออะไรเลย…”

ไม่นาน ขนมหอมๆ ก็มาเสิร์ฟตรงหน้า ฉันจ้องมันเหมือนเป็นสิ่งประหลาด ก่อนจะหยิบขึ้นมากัดคำเล็กๆ แล้วต้องเบิกตากว้าง

“อร่อยมากเลย!”

อีธานหัวเราะเบาๆ “ฉันบอกแล้ว ว่าเจ้าต้องชอบ”

ฉันยิ้มกว้าง พลางจิบเครื่องดื่มอุ่นๆ รู้สึกแปลกดีที่ร่างกายอบอุ่นขึ้นจากข้างใน ไม่ใช่เพราะแสงแดดหรืออากาศ แต่เพราะอะไรบางอย่างที่เรียกว่า “ความสุขเล็กๆ”

ระหว่างที่ฉันกำลังเพลิดเพลินกับรสชาติแสนใหม่ เสียงกระดิ่งหน้าประตูร้านก็ดังขึ้น

“ไคล์?” อีธานหันไปมองก่อนจะถอนใจ “ไม่คิดว่าจะตามมาถึงนี่นะ”

ไคล์เดินมานั่งที่โต๊ะใกล้ๆ พร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้าไม่ได้ตามหรอก แค่หิวเหมือนกัน พอเห็นพวกเจ้าเดินเข้าร้านนี้ก็เลย…ตามมานิดนึง”

เขาหันมาหาฉัน “แล้วเป็นไงบ้างนีร่า โลกของข้าน่ากลัวมั้ย?”

ฉันส่ายหน้าช้าๆ “ไม่น่ากลัวเลย มีแต่ของแปลกๆ น่ารักเต็มไปหมด”

“นั่นสินะ” ไคล์พยักหน้าเหมือนกำลังสังเกตอะไรบางอย่าง “นางนี่แปลกดี เหมือนคนที่เพิ่งหัดยิ้มกับโลก…”

ฉันชะงักนิดหนึ่ง แต่ยังคงยิ้ม “อาจจะใช่ก็ได้…”

ไคล์หรี่ตาเล็กน้อย เหมือนเริ่มสงสัยบางอย่างในใจ

แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรต่อ อีธานก็ขัดขึ้นเบาๆ “นางยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ ไคล์ อย่าเพิ่งถามอะไรเยอะนัก”

ฉันหันไปมองอีธาน เขามองกลับมาด้วยสายตาอ่อนโยน แบบที่ทำให้ใจฉันสั่นวูบอย่างไม่มีเหตุผล

หลังจากอิ่มอร่อยกับขนมหอมๆ และนมอุ่น ฉันกับอีธานก็เดินออกจากร้านมาแบบสบายใจ ลมยามบ่ายพัดผ่านใบไม้ดังกรุ๊งกริ๊งเบาๆ เหมือนกำลังเล่นดนตรี

ฉันหันไปมองน้ำพุเล็กๆ กลางลาน เดินเข้าไปใกล้ก่อนจะเอื้อมมือแตะหยดน้ำใสๆ ที่กระเด็นขึ้นมา

เย็น...ใส...และเหมือนมันเรียกฉันกลับบ้าน

“นีร่า...” อีธานเรียกเบาๆ ฉันรีบชักมือกลับทันที ไม่รู้ว่าเผลอแสดงสีหน้าแบบไหนออกไป แต่เขาก็เดินเข้ามาใกล้ แล้วยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้

“ไม่เป็นไรหรอก แค่น้ำเอง” เขายิ้ม

ฉันพยักหน้า รับผ้าเช็ดมือมาอย่างเก้อๆ

“นายเคยสงสัยมั้ย...” ฉันเอ่ยเบาๆ ขณะมองสายน้ำที่ไหลลงบ่อ “ว่าคนบางคนอาจมาจากที่ที่เราไม่รู้จักเลย”

อีธานนิ่งไปนิด ก่อนตอบเสียงนุ่ม “เคยนะ แต่ถ้ามาจากไหนก็ไม่สำคัญเท่ากับตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้าข้าหรือเปล่า”

ฉันหันไปสบตาเขาโดยไม่ตั้งใจ และรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างในอกมันเต้นแรงกว่าปกติ

“โอ๊ย!”

เสียงลั่นจากอีกมุมทำให้เราทั้งคู่หันไปมอง — ไคล์สะดุดขอบกระถางต้นไม้เข้าอย่างจัง จนล้มลงกองกับพื้น

“ฉันแค่จะเดินตามดูเฉยๆ ไม่ได้แอบฟังสักหน่อย!” เขารีบลุกขึ้นแล้วปัดฝุ่นตัวเองแรงๆ

“เจ้าตามเรามาตั้งแต่เมื่อไหร่?” อีธานขมวดคิ้ว

“ก็...ไม่ได้นานนัก” ไคล์หัวเราะแห้งๆ แล้วหันมามองฉัน “เจ้า...เคยว่ายน้ำมั้ยนีร่า?”

ฉันชะงัก หัวใจเต้นแรงขึ้นกะทันหัน “เอ่อ...เคยสิ” ฉันตอบรวบรัด แล้วเบือนหน้าหนีเล็กน้อย

“รู้สึกว่าเจ้าชอบน้ำมากเลยนะ ฉันเห็นเจ้ามองมันนานมาก…”

ฉันไม่ตอบอะไร นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง

ไคล์ยิ้มบางๆ อย่างคนเริ่มจับจุดได้

“แปลกดีนะ เจ้าไม่คุ้นกับของบนำพื้นดิน แต่ดูคล่องกับน้ำมากกว่าคนธรรมดาซะอีก”

อีธานพูดแทรกขึ้นมาทันที “พอเลยไคล์ อย่าเล่นอะไรแปลกๆ กับนางแบบนั้น”

“แค่สงสัยนิดหน่อย” ไคล์ยกมือยอมแพ้ “แต่ถ้านางมีความลับจริงๆ...ข้าก็ไม่ว่าหรอกนะ ข้าเป็นพวกเก็บความลับเก่ง”

“ฉันไม่ได้มีความลับอะไร...” ฉันรีบพูด แต่ในใจกลับสั่นระรัว

แม้ปากจะพูดไปแบบนั้น แต่สายตาของไคล์กลับบอกว่า...เขาเริ่มรู้แล้ว ว่าฉันไม่เหมือนคนอื่น

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #19 การตามล่าจากโจรสลัด

    เมืองคอร์เซียร์...เมืองท่าขนาดใหญ่ทางฟากตะวันตกของทวีปที่เหล่าโจรสลัด นักล่าทะเล และพ่อค้าวัตถุต้องสาปต่างพากันมารวมตัว ไม่ใช่เพื่อศีลธรรม...แต่เพื่อผลประโยชน์ เงินทอง และเลือดเรือโจรสลัด “แบล็คดราฟต์” ของกัปตันแบร์กตัน จอดเทียบอย่างลับ ๆ ที่ท่าเรือหมายเลขเจ็ดของเมืองกลางยามสนธยา ท้องฟ้าถูกย้อมด้วยกลุ่มเมฆแดงหม่น แววตาเจ้าของเรือก็ไม่ต่างกัน“ลากของขึ้นฝั่ง!” แบร์กตันสั่งเสียงห้วนลูกเรือสองคนลากกรงเหล็กขนาดใหญ่คลุมด้วยผ้าดำขึ้นจากเรือ แบกผ่านตรอกแคบ ๆ ไปยังด้านในของเมืองที่หมายของพวกเขาคือ — โรงละครสัตว์ใต้ดินซึ่งว่ากันว่าสะสมสิ่งมีชีวิตประหลาดไว้มากกว่ารัฐบาลราชสำนักเสียอีกภายใต้โคมไฟน้ำมันที่ส่องไหวริบ ๆ เจ้าของโรงละครออกมาต้อนรับชายวัยกลางคนตัวเตี้ย ร่างอ้วนท้วน ใบหน้าคล้ายลูกหมู ผูกผ้าพันคอแดงทับเสื้อกำมะหยี่เก่าแก่“เจ้าพาสิ่งนั้นมาหรือยัง?” เขาถามเสียงขุ่น “ข้าจ่ายเงินล่วงหน้าไปแล้ว หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ผิดหวังนะ...แบร์กตัน”แบร์กตันโบกมือผ้าคลุมกรงถูกเปิดออก...เผยให้เห็นเพียงเเค่คนเเคระคนนึงเท่านั้น“ไม่มี!?” เจ้าของโรงละครร้องเขาก้าวไปจนหน้าดำหน้าแดง “เจ้ากล้าหลอ

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #18 เสียงที่ล่อลวง

    สายลมจากทะเลพัดโชยผ่านใบไม้หนาทึบ กลิ่นเกลือและไอชื้นของป่าไหลเข้าปะทะจมูก แต่นีน่าไม่แม้แต่จะหายใจลึก หัวใจเธอมีเพียงความเร่งรีบ"มาริเบล...ต้องรอด"น้องสาวของนางนอนอยู่ในถ้ำเล็กริมชายหาด ดวงตาร้อนผ่าว ผิวที่เคยสดใสเริ่มซีดจางจากพิษของบาดแผลขณะหลบหนี แม้นีร่าจะใช้ความรู้จากเผ่าตนรักษาเบื้องต้น แต่สมุนไพรที่ต้องการมีเฉพาะในป่าภายในเกาะ ซึ่งแปลกและไม่คุ้นเคยนางจำตำราได้ว่า ใกล้ภูเขาใจกลางเกาะนี้เคยมี “ดอกวารีทอง” — ดอกไม้ขนาดเล็กที่มีกลีบสีเงินสลับทอง ผสมกับราก "เฟินน้ำเที่ยงคืน" แล้วบดกับเกลือ จะถอนพิษจากบาดแผลลึกได้“นางจะต้องไม่เป็นอะไร…” นีร่าพึมพำในใจ ขณะฝ่าไผ่รกและเลื้อยไม้ขึ้นสู่แนวเขาเล็กแต่ทันทีที่นางไปถึงลำธารกลางป่า...เสียงบางอย่างก็ดังขึ้น—เสียงเพลงแผ่วเบา แฝงความเศร้าโศก ราวเสียงร้องของหญิงสาวใต้ผิวน้ำนีน่าหยุดชะงัก หางตากวาดไปรอบ ๆ — ไม่มีใครแต่ผิวน้ำสั่นเบาเหมือนมีบางสิ่งตื่นขึ้นจากก้นลึก> “...ผู้หลงทางในความมืด… กลิ่นเลือดเจ้าช่างหวานนัก…”เสียงนั้นกระซิบในหัว ไม่ใช่เสียงมนุษย์ ไม่ใช่เงือกธรรมดาทันใดนั้น ผิวน้ำก็แตกกระจาย ร่างหนึ่งพุ่งขึ้นมา—เงือกสาวผิวซีดจ

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #17 คำสาปในเกาะลึกลับ

    แสงจันทร์ส่องลงมากระทบลานหินกลางป่าลึก เงาไม้โยกไหวตามแรงลม คืนนี้เงียบผิดปกติ—เงียบเสียจนได้ยินเสียงลมหายใจของผู้ถูกจับไอล่าและรัฟเฟอร์นั่งอยู่กลางวงพิธี แขนทั้งสองข้างถูกมัดด้วยเถาวัลย์ศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยอักขระโบราณ พวกเขาไม่ได้ถูกทำร้าย ไม่แม้แต่รอยขีดข่วนบนร่างกาย...แต่หัวใจกลับสั่นสะท้านด้วยสิ่งที่มองไม่เห็นเพราะรอบตัวพวกเขา...ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่เลยมีเพียง "เงา" — เงาบางเบาของสิ่งที่เคยมีชีวิตเสียงสวดมนต์ต่ำ ๆ ดังขึ้นจากทุกทิศ เสียงนั้นไม่ใช่มนุษย์ ไม่ใช่สัตว์ แต่เป็นเสียงกระซิบของลมหายใจในอดีต เสียงของวิญญาณที่เคยมีเลือดเนื้อ และบัดนี้...หลงเหลือเพียงเศษความตายที่ยังไม่สงบ"พวกมัน...ไม่มีร่าง" รัฟเฟอร์กระซิบเบาไอล่าหันมามอง สีหน้าซีดเผือด "แต่ยังมีเจตจำนง"จู่ ๆ อากาศรอบกายเย็นวาบ ลมหอบหนึ่งพัดผ่าน ก่อนที่แสงสีฟ้าหม่นจะก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างของหญิงชราโบราณ ใบหน้าซีดเผือดดั่งกระดูก ห้อยลอยอยู่เหนือพื้นเพียงนิ้วเดียว ดวงตาขาวขุ่นไร้แววชีวิต แต่มองตรงมาราวกับมองทะลุหัวใจ“เจ้าจะเป็นสะพาน...” เสียงนั้นดังกังวานโดยไม่มีปากขยับ“สะพานเพื่อพวกข้า...จะกลับมาอีกครั้ง”แท่นหิ

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #16 เผ่าที่โดนสาป

    เปลวแดดยามสายส่องทะลุม่านเมฆครึ้ม ปลายหางเรือเล็กแหวกผืนน้ำอย่างเงียบงัน อีธานนั่งนิ่งบนหัวเรือ สายตาคมใต้คิ้วเข้มทอดมองไปยังผืนป่าแน่นทึบบนเกาะร้างเบื้องหน้า"ตรงนี้แหละ" เสียงไอล่าเอ่ยพลางหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นดู เธอชี้ไปยังฝั่งที่มีโขดหินเรียงตัวคล้ายประตูธรรมชาติ "ฉันเห็นรอยเท้า...มันมุ่งเข้าไปด้านใน"อีธานพยักหน้า รอยแผลบนแขนยังไม่ทันแห้งดี แต่เขาไม่อาจรอให้บาดแผลสมานก่อน รอยเลือดของพวกโจรสลัดยังเปรอะเปื้อนอยู่บนเสื้อผ้า กลิ่นคาวยังติดปลายจมูก — มันคือเครื่องเตือนใจว่าเขาต้องเร็วขึ้นอีก ก่อนจะสายเกินไปลูกเรืออีกคนที่ยังเหลือ—ชายร่างสูงชื่อรัฟเฟอร์—เป็นคนเงียบขรึม แต่ซื่อสัตย์ เขาหิ้วสัมภาระตามหลัง ไม่เอ่ยถ้อยคำใด นอกจากพยักหน้าอย่างพร้อมเคียงบ่าเคียงไหล่สามคนขึ้นฝั่ง ใต้ร่มไม้เงียบงัน เย็นยะเยือกผิดกับแสงแดดข้างนอก เสียงใบไม้แห้งลั่นกรอบใต้เท้า พร้อมกลิ่นดินชื้นที่คละเคล้ากลิ่นเกลือทะเล"หยุดก่อน..." เสียงอีธานเบาและกดต่ำ ขณะเขาย่อตัวลง มือหนาแตะบางสิ่งบนพื้นมันคือหยดเลือด...เล็กแต่ยังสดไอล่าถลาเข้ามาอย่างเร็ว "เลือดเหรอ?"อีธานไม่ตอบ เขายืนนิ่ง ขมวดคิ้วแน่น ดวงตาเขาสั่นไหว.

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #16 บาดเเผล

    แสงจันทร์สาดสีเงินลงเหนืออ่าวลับ เงาน้ำพลิ้วไหวใต้ผืนฟ้ายามค่ำคืน ท่ามกลางความเงียบงันที่แทบจะได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น ข้าค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นจากแอ่งน้ำข้างหาด ดินเหนียวเปรอะขา เท้าของข้าเหยียบลงไปบนผืนทรายที่เย็นชื้นเท้า—ไม่ใช่หางเงือกอีกต่อไปข้ามองปลายขาตัวเองอย่างอึ้งงัน ผิวเนื้อที่เคยเป็นเกล็ดทองสะท้อนแสงบัดนี้กลายเป็นผิวมนุษย์เรียบเนียน ซีดขาวด้วยไอเย็นของน้ำและความเหน็ดเหนื่อยข้าไม่รู้ว่าสิ่งใดเปลี่ยนร่างข้ากับน้อง…บางที อาจเป็นเวทมนตร์ของโพรงน้ำใต้เกาะ หรือบางสิ่งที่เรายังไม่เข้าใจ> “พี่…” เสียงเบาเรียกจากข้างหลัง ข้าหันไปเห็นมาริเบลกำลังพยายามพยุงตัวลุกขึ้นเช่นกัน“ข้า…ข้าก็มีเท้าเหมือนเจ้าแล้ว”ข้าประคองนางขึ้นจากน้ำ ดวงตานางเบิกโพลง ขณะจ้องมองปลายเท้าตัวเองเหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งเห็นโลกเป็นครั้งแรก ผมของนางเปียกปอนแนบแก้ม หยดน้ำยังเกาะตามขนตาคล้ายหยดน้ำตาข้าจับมือนางไว้แน่น> “เรายังมีชีวิตอยู่ และนั่น…คือสิ่งเดียวที่สำคัญ”สายลมยามค่ำคืนพัดหอบเอากลิ่นทะเล กลิ่นดิน กลิ่นมอส และกลิ่นไม้ผุจากป่าด้านหน้าเข้ามา ด้านหลังของเราคือผืนน้ำกว้างใหญ่เบื้องหลังภูเขาหินสูงชัน ไม่มี

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #15 เกาะที่ไร้ชื่อ

    เพลิงลุกไหม้ยอดไม้ โหมกระท่อมริมฝั่งทะเลสาบให้กลายเป็นเศษเถ้าดำราวสรวงสวรรค์เคยทอดทิ้งที่นี่ไปนานแล้ว...ข้ายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ใต้แสงสีส้มของความสูญเสียข้ารู้สึกราวกับห้วงเวลาหยุดหมุนในชั่วครู่ที่สายตาจับจ้องไปยังร่างหนึ่งบนพื้น—เรน ชายผู้เคยเป็นทั้งเพื่อน ทั้งรัก และบัดนี้…เป็นเพียงซากอดีตที่ไร้คำแก้ตัวเสียงสะอื้นของนีร่าดังแผ่วอยู่เบื้องหลัง หยดน้ำตาสีดำยังร่วงทีละหยดลงสู่ผืนดินที่เปียกชื้นจากทั้งฝนที่เพิ่งจางหาย และเลือดที่ยังไม่แห้งข้าอยากยื่นมือไปปลอบนางแต่ข้ากลับยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น...เพราะบางความเจ็บ ก็ไม่มีถ้อยคำใดปลอบประโลมได้> “อีธาน…”เสียงนางเบาเหมือนเสียงคลื่นลมที่ซัดชายฝั่งข้าหันมาช้า ๆ และสบตากับนางดวงตาคู่นั้น—แม้จะยังงดงาม—กลับเต็มไปด้วยร่องรอยของการแตกสลาย> “ข้า…เหนื่อยเหลือเกิน…”นางเอ่ยก่อนจะซบหน้าลงบนบ่าข้า ข้าได้แต่ยกแขนขึ้นโอบประคองแผ่นหลังบางเอาไว้แน่น มาริเบลยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง ร่างเล็กที่เปื้อนเลือดและดินเงยหน้ามองพี่สาวอย่างเงียบงัน น้ำตาของนางไม่ไหล…เพราะนางไม่เหลือแม้แรงจะร้องไห้อีกแล้วข้าอยากให้คืนวันสงบกลับมา แต่ในโลกนี้—มันไม่เคยง่ายเช่นนั้นเพร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status