อุโมงค์หินใต้ดินคดเคี้ยวและแคบจนแทบต้องคลาน รอยสลักเวทมนตร์เรืองแสงสีน้ำเงินริบหรี่เป็นระยะ แสงจากเปลวไฟพกพาทำให้เงาทั้งสามยาวยืดบนผนังเหมือนปีศาจในตำนาน
คาเอลหอบเบาๆ ขณะคลานตามหลังดราน “อย่าเข้าใจผิดนะ ข้าไม่กลัวที่มืด...แค่ไม่ค่อยถูกกับที่ที่ มีอะไรดุกว่าข้าอยู่ข้างหน้า เท่านั้นเอง” “เงียบหน่อย” ดรานสบถเบาๆ “เสียงสะท้อนมันดังไกลมากที่นี่” “โอเค โอเค ข้าจะเงียบ…หลังจากบอกว่าเข่าข้าไปบี้หอยที่พื้นนี่เข้าแล้วแน่ๆ มันแหลมเหมือนมีความแค้น!” นีร่าอดหัวเราะไม่ได้ “นี่ถ้าติดเกราะเหมือนเงือกที่เมืองใต้น้ำ คงรอดหอยได้ล่ะมั้ง” คาเอลยักคิ้วให้ทั้งคู่ แม้ในความมืด “พวกนั้นเกล็ดหนา ฉันแค่...บางกว่า นุ่มกว่า เรียกได้ว่าเป็นเงือกฉบับขนมปังปิ้ง” ดรานหลุดขำจมูก “เงือกขนมปังปิ้งเนี่ยนะ” “ใช่ และขนมปังปิ้งจะพาคุณรอดจากความตายได้ ทันใดนั้น แผ่นหินใต้เท้าพังครืดลง! ทั้งสามร่วงลงไปในโพรงเบื้องล่าง ก่อนจะกระแทกพื้นน้ำตื้นเสียงดัง ซ่า! นีร่าดีดตัวลุกขึ้นก่อน มือลูบน้ำออกจากตา “ทุกคนปลอดภัยไหม!?” “ขาอยู่ แขนอยู่” ดรานคราง “ข้าเจอน้ำ...แล้วก็หอยอีก” คาเอลพูดพลางดีดเปลือกหอยออกจากคอเสื้อ “เอาจริงนะ—ข้าเริ่มคิดว่าหอยที่นี่มีเเรงอาฆาต” เมื่อสายตาปรับกับความมืดลงอีกครั้ง ทั้งสามเห็นว่า พวกเขาอยู่ในโพรงหินยักษ์ ด้านหน้ามีทะเลสาบใต้น้ำเงียบสงบ แสงจันทร์ส่องลอดรอยแยกบนเพดานสูงเบื้องบน กลายเป็นม่านแสงตกกระทบกับสิ่งก่อสร้างโบราณกลางน้ำ — วิหารหินจมครึ่งหนึ่ง ลวดลายเดียวกับบนหน้าผากราชินีเก่าอยู่ที่นั่น... แต่สมบูรณ์กว่า “นั่นแหละ... ‘โพรงหัวใจ’ ที่แผนที่นำทางมา” นีร่าพูดเบาๆ เหมือนกลัวจะปลุกสิ่งใต้น้ำ คาเอลยืนข้างๆ พลางสะบัดน้ำออกจากผม “แน่นอนว่าเป็นสถานที่ต้องสาป เพราะถ้ามีอะไรลึกลับแต่ไม่ต้องสาป นั่นคือกับดัก” ดรานชี้ไปยังทางเดินหินทอดยาวไปยังวิหารกลางน้ำ “เราไม่มีทางเลือก ต้องเข้าไปข้างใน...” นีร่าเริ่มเดินนำ โดยมีดรานตามหลัง คาเอลเดินท้ายสุด แต่ก่อนจะก้าวเท้าลงบนทางเดิน...เขาก็พูดขึ้นว่า: “ถ้าข้าตายข้างใน บอกทุกคนด้วยนะว่าข้าเป็นฮีโร่...หรืออย่างน้อยก็พ่อครัวเงือกผู้กล้าหาญที่แพ้หอย” --- ภายในวิหารจม ประตูหินเปิดออกอัตโนมัติเมื่อพวกเขาเข้าใกล้ เสียงกึกก้องดังไปทั่วโพรง ห้องโถงขนาดยักษ์ที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์โบราณและบันไดหินทอดลึกลงไปข้างใต้ ที่กลางห้อง มีแท่นศิลาและ ลูกแก้วสีน้ำเงินเข้มเรืองแสง ลอยอยู่เหนือแอ่งน้ำดำสนิท นีร่าเดินเข้าไปช้าๆ “นี่คือ...หัวใจของทะเล” ทันใดนั้น พื้นหินสั่นสะเทือน เสียงกรีดร้องต่ำลึกดังขึ้นจากแอ่งน้ำ เงาสีดำเริ่มแผ่ออกใต้ผิวน้ำ — บางสิ่งตื่นขึ้นแล้ว คาเอลผงะถอย “โอ๊ย พอเลย! ข้าบอกแล้วใช่ไหม ว่าถ้ามีลูกแก้วลอยได้ในห้องโบราณ...อย่าแตะ!” ดรานชักดาบขึ้น “เตรียมตัวไว้ พวกเราอาจไม่ได้ออกไปจากที่นี่โดยง่าย…” นีร่าจับลูกแก้วไว้ด้วยสองมือ — และเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวเธอ “ผู้ถือสมดุล...เลือกเถิด ว่าจะรักษา—หรือจะคืนพลังให้ทะเลกลับกลืนทุกสิ่ง” เมื่อมือของนีร่าสัมผัสลูกแก้ว พลังเย็นจัดไหลผ่านแขนเข้าสู่หัวใจเธอในทันที เธอแทบไม่อาจหายใจได้ — ท้องฟ้า ทะเล เสียงคลื่น และความรู้สึกจากหมื่นชีวิตที่อยู่ใต้ผิวน้ำ พุ่งเข้าสู่จิตของเธอพร้อมกัน โลกทั้งโลกกลายเป็นน้ำ > “ผู้แบกรับเสียงแห่งมหาสมุทร… ผู้ที่ได้ยินบทเพลงจากบ่อน้ำต้องห้าม… เจ้า คือ ผู้ถูกเลือก” เสียงนั้นดังจากทุกทิศ เหมือนท้องทะเลทั้งผืนกำลังพูดกับเธอ ภาพผุดวาบในหัวนีร่า — เงือกโบราณ ราชินีองค์ก่อน ล่มสลายของอาณาจักรเก่า และเวทสมดุลที่ถูกตรึงไว้ด้วยเลือดของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตใต้เกลียวคลื่น เธอเห็นราชินีองค์เก่าถูกโซ่ตรวนลากลงสู่ความมืด เห็นสายตาสุดท้ายของเธอจ้องมาที่ “ผู้ถือสมดุลคนต่อไป” — ใบหน้าเหมือนนีร่า…แต่เด็กกว่า > “เจ้าเป็นลูกหลานสายตรง...ของราชินีองค์นั้น” เธอตกใจจนต้องทรุดลงกับพื้น หอบหายใจแรง คาเอลรีบวิ่งเข้ามา “นีร่า!? เธอโอเคมั้ย? หรือสมองโดนคลื่นทะเลล้างไปหมดแล้ว!?” “ฉัน...ได้ยินมัน” เธอพึมพำ “ทะเล มันพูดกับฉัน…” “แล้วมันพูดอะไร? ขอให้เธอหยุดกินปลาทอด?” คาเอลแทรกแบบกวนๆ พยายามทำให้เธอหัวเราะแม้สีหน้าจะเริ่มเครียด ดรานประคองตัวเธอไว้ “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” นีร่าเงยหน้าขึ้น สีตาเปลี่ยนเป็นสีน้ำทะเลเรืองแสงในเงามืด — น้ำใต้เท้าเธอสั่นเบาๆ ตอบรับพลังที่ปลุกขึ้นมา “มัน...เลือกฉัน” เธอกล่าวช้าๆ > “ข้า คือ ผู้สืบทอดผู้ปกครองท้องทะเล” --- ห้วงเสียงจากผู้ปกครองเก่า ทันใดนั้น แอ่งน้ำกลางวิหาร เริ่มส่องแสงขึ้น เงาร่างของหญิงคนหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากผืนน้ำ — เงือกที่มีมงกุฎปะการังแตกหักบนศีรษะ นีร่าเคยเห็นเธอจากศพที่พบก่อนหน้านี้ ราชินีองค์เก่า…หรือวิญญาณของเธอ > “เจ้า...เลือดข้า...หลานแห่งสมดุล จงรู้เถิด — การเป็นผู้ปกครองมิใช่สิทธิ์ หากแต่เป็นพันธะ เจ้าอาจคืนพลังให้ทะเลกลืนโลก หรือผนึกมันไว้ เพื่อประคองสมดุลแห่งทั้งสองเผ่าพันธุ์” คาเอลกระซิบ “ฟังดูเหมือนพลังนั้น...ทำได้ทั้งปกครองและทำลาย” ดรานพยักหน้า “แล้วเจ้าจะเลือกอะไร?” นีร่ายืนนิ่งอยู่ท่ามกลางเสียงคลื่น เสียงกระซิบของวิญญาณ และสายตาของเพื่อน > “ข้าจะไม่ให้ใครอีกต้องตายเพราะเลือดเก่า หรือเวทเก่า ข้าจะสร้างทางใหม่ — ที่ไม่ใช่แค่ของเงือก หรือมนุษย์ แต่ของพวกเรา...ทั้งหมด” ลูกแก้วลอยขึ้นสูง สลายกลายเป็นละอองแสงที่ส่องสว่างทั่วโพรงหิน เสียงทะเลโบราณร้องกึกก้องด้วยเสียงใหม่ — เสียงของราชินีคนใหม่ --- ปิดท้ายฉาก คาเอลยืนอ้าปาก “โอเค สุดยอด…แต่ขอบอกว่า ถ้านางมีบัลลังก์ ข้าขอเป็นราชมนตรีที่ไม่ต้องใส่กางเกงได้ไหม?” นีร่าหัวเราะพลางปาดน้ำตา “ถ้าข้าเป็นราชินี…นายจะเป็นกัปตันเรือพิธีเทียบท่าด้วยตัวเองเลยล่ะ” ดรานยิ้มบางๆ มองพวกเขาสองคน “แต่เรายังต้องออกไปจากที่นี่ก่อน…พวกผู้รักษากฎคงยังตามอยู่ไม่ไกล” เงาของบางสิ่งเคลื่อนไหวตรงทางเข้าวิหาร — และการต่อสู้เพื่อทะเลครั้งใหม่กำลังใกล้เข้ามาอุโมงค์หินใต้ดินคดเคี้ยวและแคบจนแทบต้องคลาน รอยสลักเวทมนตร์เรืองแสงสีน้ำเงินริบหรี่เป็นระยะ แสงจากเปลวไฟพกพาทำให้เงาทั้งสามยาวยืดบนผนังเหมือนปีศาจในตำนานคาเอลหอบเบาๆ ขณะคลานตามหลังดราน “อย่าเข้าใจผิดนะ ข้าไม่กลัวที่มืด...แค่ไม่ค่อยถูกกับที่ที่ มีอะไรดุกว่าข้าอยู่ข้างหน้า เท่านั้นเอง”“เงียบหน่อย” ดรานสบถเบาๆ “เสียงสะท้อนมันดังไกลมากที่นี่”“โอเค โอเค ข้าจะเงียบ…หลังจากบอกว่าเข่าข้าไปบี้หอยที่พื้นนี่เข้าแล้วแน่ๆ มันแหลมเหมือนมีความแค้น!”นีร่าอดหัวเราะไม่ได้ “นี่ถ้าติดเกราะเหมือนเงือกที่เมืองใต้น้ำ คงรอดหอยได้ล่ะมั้ง”คาเอลยักคิ้วให้ทั้งคู่ แม้ในความมืด “พวกนั้นเกล็ดหนา ฉันแค่...บางกว่า นุ่มกว่า เรียกได้ว่าเป็นเงือกฉบับขนมปังปิ้ง”ดรานหลุดขำจมูก “เงือกขนมปังปิ้งเนี่ยนะ”“ใช่ และขนมปังปิ้งจะพาคุณรอดจากความตายได้ทันใดนั้น แผ่นหินใต้เท้าพังครืดลง! ทั้งสามร่วงลงไปในโพรงเบื้องล่าง ก่อนจะกระแทกพื้นน้ำตื้นเสียงดัง ซ่า!นีร่าดีดตัวลุกขึ้นก่อน มือลูบน้ำออกจากตา “ทุกคนปลอดภัยไหม!?”“ขาอยู่ แขนอยู่” ดรานคราง“ข้าเจอน้ำ...แล้วก็หอยอีก” คาเอลพูดพลางดีดเปลือกหอยออกจากคอเสื้อ “เอาจริงนะ—ข้าเริ่มคิด
ทางเดินหินแคบเริ่มกว้างออกเป็นโถงใต้ดินสูง เสาแกะสลักเป็นรูปคล้ายสัตว์ทะเลยักษ์เรียงรายอยู่สองข้าง เสียงหยดน้ำสะท้อนก้องคล้ายเสียงหัวใจเต้นช้าๆ ลึกลงไปในพื้นดินคาเอลเดินช้าๆ พิงไหล่นีร่า บางครั้งเขาสะดุดเพราะบาดแผลที่ยังไม่หาย ดรานเดินนำ ถือคบไฟไว้ในมือแต่แล้ว...พรึ่บ!เปลวไฟดับลงกะทันหัน เหลือเพียงความมืดสนิทและลมเย็นเฉียบพัดผ่านเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นจากรอบทิศ ก่อนที่แสงจากโคมเวทมนตร์สีน้ำเงินจะลอยขึ้นเป็นวงรอบตัวพวกเขา ส่องให้เห็นร่าง บุรุษและสตรีในผ้าคลุมสีเทาอมน้ำเงิน หน้ากากเรียบไร้อารมณ์ ตรงกลางหน้าผากมีเครื่องหมายสลักเป็นเกล็ดปลากลับหัว“หยุดอยู่ตรงนั้น” เสียงหนึ่งกล่าว—ราบเรียบแต่น่าเกรงขามดรานชักดาบ แต่มือแข็งค้างกลางอากาศ ราวกับถูกตรึงไว้ด้วยเวทบางอย่าง นีร่าก้าวไปขวางหน้า“เรามาเพื่อตามหาความจริง ไม่ได้หมายจะทำลายอะไรทั้งนั้น!”ชายผู้สวมหน้ากากยกมือขึ้น—และพื้นใต้เท้าก็เปิดวูบ---ห้องขังใต้โถงพิพากษาแสงเพลิงเย็นสีฟ้าจุดขึ้นตามซอกหิน พวกเขาถูกขังในห้องหินทรงกลม มีประตูเหล็กสูงกว่าเกือบสามเมตร คาถาป้องกันซับซ้อนจนดรานไม่กล้าแตะต้องคาเอลนั่งซบผนัง ดวงตาหลับลงครู่หนึ่ง
หมู่บ้านริมผา – เวลาสองยามเพลิงจากแนวคบไฟถูกจุดขึ้นรอบหมู่บ้าน เสียงเปลวไฟแตกพรึ่บพรับแข่งกับเสียงคลื่นที่เริ่มโหมกระหน่ำ พื้นดินสั่นเล็กๆ จนเด็กเล็กบางคนเริ่มร้องไห้ไอล่าคาดแหลงไว้ข้างเอว เดินตรวจแนวป้องกันกับอีธาน ก่อนหยุดตรงจุดที่น้ำทะเลเริ่มซึมเข้ามา“ครีบพวกมันเร็วขึ้นเรื่อยๆ...” ไอล่าพึมพำเสียงหวีดเบาๆ ดังแทรกอากาศ ราวเสียงไวโอลินขูดสายอย่างไม่ประสาน เสียงนั้นมาจากเรือดำที่ลอยเข้ามาใกล้จนเห็นได้ชัด — ไม่มีคนขับ ไม่มีเสียงฝีพาย แต่ค่อยๆ เคลื่อนเข้าหาฝั่งเหมือนถูกดูดเข้ามาทันใดนั้น เสียงคล้ายแตรเป่า — แต่ทุ้มต่ำและสะท้อนก้องเหมือนเปลือกหอยยักษ์ — ดังขึ้นจากทะเล“พวกมันเริ่มพิธีแล้ว!” อีธานร้อง “ถ้าเราไม่ขัดจังหวะตอนนี้ มันจะเปิดประตูขึ้นมาจริงๆ!”“ประตูที่พวกเงือกเผ่าเก่าเคยผนึกไว้?” ไอล่าขมวดคิ้วอีธานไม่ตอบ แต่วิ่งไปหยิบคันศรประดิษฐ์พิเศษจากศาลาไม้ที่เก็บอาวุธกลางหมู่บ้าน หัวลูกศรทำจากหินสีฟ้า...เป็นของที่นีร่าเคยทิ้งไว้เขาหันไปหาไอล่า “ถ้านีร่ายังอยู่ เธอคงรู้ว่าจะทำยังไง...แต่ตอนนี้เราต้องลองเสี่ยง”ไอล่าหยิบคันธนูขึ้นมา “งั้นยิงไปที่เรือนั่นเลย?”อีธานพยักหน้าฟิ้ว!ลูกศ
เปลวไฟจากคบไฟกระพริบสั่นไหวตามแรงลมทะเล ชาวบ้านกำลังช่วยกันกางแผงไม้เสริมแนวป้องกันรอบหมู่บ้าน หลายคนขุดดินทำคูน้ำหรือผูกตาข่ายลวดไว้กับทุ่นลอยตามแนวชายป่าไอล่าใช้มีดเล็กฝนปลายไม้แหลมอยู่ตรงลานหน้าบ้านอีธาน เสียงขูดเบาๆ ฟังแล้วเหมือนเสียงลมหอบ“ข้างศาลนั่น มีอะไรไหม?” เธอถามขณะตัดไม้โดยไม่มองหน้าเขาอีธานเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบ “มีเศษเปลือกหอย...แบบที่ไม่ควรอยู่บนฝั่ง และก็มีสิ่งนี้”เขายื่นชิ้นไม้แตกหักที่มีลวดลายแกะสลักคล้ายเกล็ดปลามนุษย์ บางส่วนถูกเผาจนดำ ไอล่ารับมาแล้วขมวดคิ้ว“นี่เป็นสัญลักษณ์ของเทพแห่งสมดุล” เธอพึมพำ “แต่กลับหัว”“เหมือนมีใครเจตนาให้คำอวยพรกลับกลายเป็นคำสาป” อีธานว่าเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่เสียงฝีเท้าเบาๆ จะดังขึ้นจากแนวพุ่มไม้เด็กชายตัวเล็กๆ วิ่งเข้ามาหอบหายใจ หน้าเปื้อนฝุ่นดิน“อีธาน! ข้า...ข้าฝันแปลกๆ”อีธานลุกขึ้นทันที “ฝันอะไร ไค?”เด็กชายชื่อไคส่ายหน้าแล้วพูดเสียงสั่น “มีหญิงคนหนึ่ง...ผมยาวถึงเอว ตัวสีน้ำเงินเหมือนเงาในน้ำ เธอร้องเพลงเรียกข้า บอกให้...บอกให้กลับไปที่ทะเล”ไอล่ากับอีธานสบตากันโดยไม่พูด เด็กชายยังพูดไม่หยุด“ข้าตื่นขึ้นมาเจอน้ำเปียกที่ปลา
เสียงฝีเท้าดังสวบสาบของไอล่าหยุดลงหน้าประตูไม้ผุบ้านหลังหนึ่งที่ปลายหมู่บ้าน ท่ามกลางแสงยามเย็นสีทองอ่อน เธอยืนมองแผ่นไม้ที่เคยมีตราครอบครัวตรึงอยู่ แต่ตอนนี้เหลือแค่รอยไหม้ดำสนิทเป็นรูปนิ้วมือทั้งห้า“ที่นี่มันเคย...?” ไอล่าถามเสียงเบาอีธานพยักหน้า “บ้านของฉันเอง ถูกเผาเมื่อห้าปีก่อน ตอนที่พวกโจรสลัดบุกมาปล้นครั้งใหญ่”ไอล่าหยุดหายใจไปครู่หนึ่ง แล้วก้มหน้าลงช้าๆ “ขอโทษที่ถาม...”“ไม่เป็นไร ฉันชินแล้ว” เขายิ้มบางๆอย่างฝืน ก่อนหันกลับเดินไปยังลานกลางหมู่บ้านชาวบ้านเริ่มออกมารวมตัวกันหลังเสียงระฆังเตือนภัยเงียบสงบลง เด็กๆ วิ่งเล่นกันตามซอกทางแคบที่ปูด้วยหินเรียงตัวไม่เสมอ ผู้ใหญ่ต่างจับกลุ่มกระซิบกระซาบถึงข่าวลือเรื่องเรือโจรสลัดที่มีครีบปลาแหลมยื่นออกจากใต้ท้องเรือ“พวกมันไม่ใช่มนุษย์แล้ว...” ชาวประมงแก่คนหนึ่งกระซิบ “ฉันเห็นเองกับตา! มันว่ายอยู่ใต้น้ำ แล้วขึ้นมายืนบนเรือเหมือนผีทะเล!”“บ้าแล้ว แกเมาเหล้าต่างหาก!” ชาวบ้านอีกคนแย้ง แต่ก็ไม่มีใครหัวเราะตาม ทุกคนสีหน้าหนักเครียด ไม่เหมือนครั้งก่อนจู่ๆ เสียงเคร้งคร้างของโลหะก็ดังขึ้นที่ชายป่าด้านนอกหมู่บ้าน แล้วมีใครบางคนเดินโผล่ออกมาจา
กลางคืนในหมู่บ้านชาวประมงที่พักชั่วคราวของพวกอีธาน ทะเลเบื้องหน้าเงียบสงัด ลมพัดโชยกลิ่นเค็มของเกลือ อีธานนั่งอยู่นิ่ง ๆ ริมฝั่ง จุดไฟไว้ข้างตัว เสียงเปลวไม้แตกดังเบา ๆ เคล้ากับเสียงคลื่นซัดฝั่งที่เป็นจังหวะสม่ำเสมอ“ยังไม่หลับเหรอ?” ไอล่าเดินเข้ามาช้า ๆ ชุดของเธอเปียกน้ำเล็กน้อย ดูเหมือนเพิ่งล้างตัวจากทะเลอีธานหันไปมองแล้วผงกหัวให้ เขาเคลื่อนตัวออกเล็กน้อยเป็นเชิงชวนให้นั่งด้วยกัน “นอนไม่หลับเหมือนกันเหรอ?”“ก็ใช่…” ไอล่าพูดเสียงเบา เธอนั่งลงข้าง ๆ ห่างจากเขานิดหน่อย “วันนี้ทั้งวันมันเงียบแปลก ๆ เหมือนพายุจะมา...แต่พอเงยหน้ามองท้องฟ้า กลับไม่มีเมฆเลย”“พายุที่เราไม่เห็น… มันน่ากลัวกว่าที่เราคิดนะ” อีธานพูดช้า ๆ ดวงตาสะท้อนเปลวไฟ เขาดูนิ่งมากกว่าปกติ“พูดเหมือนนักปรัชญาเลย” ไอล่าหัวเราะนิด ๆ พลางกอดเข่าตัวเอง “นายเคยมีคนรักไหม?”คำถามนั้นทำเอาอีธานชะงักไปครู่หนึ่ง เขาไม่ตอบในทันที ไอล่าเห็นเขาเงียบไปก็ก้มหน้าหลบสายตา รีบพูดกลบเก้อ “เอ่อ ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะล้วงอะไรส่วนตัว”“มี…” เขาตอบเบา ๆ แต่ออกมาในโทนเสียงที่อบอุ่นอย่างประหลาด “เธอชื่อ…นีร่า”ไอล่าเงียบไปชั่วครู่ หัวใจเธอรู้ส