LOGINพวกเขาเดินทางไปยังตลาดในเมือง ซึ่งเป็นตลาดเล็กๆที่มีชาวบ้านนำของป่าและพืชผักที่ปลูกเองมาวางขาย หลิงเหม่ยเม่ย ตรงไปที่ร้านขายยาสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดในตลาด ซึ่งเป็นของเถ้าแก่หลี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร
"เถ้าแก่! ข้ามีของดีมาให้ท่านดู" หลิงเม่ยเม่ยกล่าว ด้วยน้ำเสียงมั่นใจ เธอค่อยๆ เปิดผ้าที่คลุมตะกร้าออก เผยให้เห็นเห็ดหลิงจือ ดอกใหญ่และโสมร้อยปีที่ยังคงสดใหม่ เมื่อเถ้าแก่หลี่ได้เห็นสิ่งของที่อยู่ในตะกร้า ก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจและดีใจ
"โอ้! นี่มันเห็ดหลิงจือธรรมชาติ! และโสมร้อยปี! แม่นางคนนี้ช่างโชคดีนัก ว่าแต่เจ้าไปหามาจากไหนกันนี่! ของล้ำค่าเช่นนี้ ช่างหาได้ยากยิ่ง!" เขาแทบจะกระโจนเข้ามาดูสมุนไพรเหล่านั้นด้วยความตื่นเต้น " ข้าไปเจอมาในป่าลึก บนภูเขาน่ะ" หลิงเหม่ยเม่ย ตอบอย่างใจเย็น
"ท่านสนใจจะรับซื้อหรือไม่?" เถ้าแก่หลี่ยิ้มกว้าง "แน่นอนสิ! ข้าจะให้ราคางามที่สุดเท่าที่เจ้าจะหาได้ ในตลาดนี้เลยล่ะ!" หลังจากต่อรองราคากันเล็กน้อย เถ้าแก่หลี่ก็ตกลงซื้อเห็ดหลิงจือและโสมในราคาที่สูงลิ่ว ทำให้หลิงเม่ยเม่ยได้เงินมาจำนวนมากพอที่จะซื้อของให้น้อง ๆ ได้อย่างสบาย
ขณะที่หลิงเม่ยเม่ยกำลังเจรจากับเถ้าแก่หลี่อยู่นั้น แม่บ้านขี้อิจฉาสองคนซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของหลิงเหม่ยเม่ย คือป้าหลิวกับป้าจาง ที่กำลังเดินซื้อของอยู่ในตลาด ก็บังเอิญเห็นหลิงเม่ยเม่ยเดินเข้าไปในร้านขายยาสมุนไพรของเถ้าแก่หลี่ พวกนางจึงแอบย่องเข้าไปใกล้ๆ เพื่อแอบฟังบทสนทนา
"นั่นมันหลิงเหม่ยเม่ยนี่นา นางมาทำอะไรที่ร้านขายยา?" ป้าหลิวกระซิบกับป้าจาง "นั่นสิ ว่าแต่พวกเขาจนออกขนาดนั้น จะเอาปัญญาที่ไหนมาซื้อแค่จะกินให้อิ่มท้องก็ยังยังละบากเลย. ขนาดพ่อแม่อดข้าวตายพวกเขาไม่มีแม้แต่จะได้กินแป้งขาวสักมื้อ จะเอาเงินที่ไหนมาซื้อยา หรือว่าจะไปขโมย มาเราเข้าไปดูกันเถอะ " ป้าจางว่าอย่างดูถูก
แต่เมื่อพวกเธอได้ยินบทสนทนาเรื่องเห็ดหลิงจือ และโสมร้อยปี ดวงตาของพวกเธอก็เบิกกว้างด้วยความตกใจและอิจฉา "โสมร้อยปี! เห็ดหลิงจือ! น่ารักอ้วนนั่นไปหามาจากไหนกัน บนเขาแห้งแล้งจนเเทบจะไม่มีอะไรขึ้นมานานแล้วนี่ แม้แต่เปลือกไม้ยังถูกคนลอกมากินจนจะหมดภูเขาแล้ว !"
ข่าวการเจอโสมและเห็ดหลิงจือของตระกูลหลิง จึงสะพัดไปทั่วตลาดอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านบางคนก็อิจฉาในโชคของหลิงเหม่ยเม่ย แต่บางคนก็แสดงความยินดีกับเธอ เพราะพวกเขารู้ดีว่าตระกูลหลิงนั้นยากจนข้นแค้นมานาน หลังจากขายสมุนไพรได้แล้ว หลิงเหม่ยเม่ยก็พาน้อง ๆไปซื้อของที่จำเป็นทันที เธอซื้อแป้งขาวชั้นดี ข้าวสารเม็ดสวย เสื้อผ้าใหม่สำหรับน้อง ๆ ขนมหวานที่น้อง ๆ ไม่เคยได้กิน และผ้าห่มผืนหนาสำหรับฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง
นอกจากนี้เธอยังซื้อเนื้อหมู เกลือ น้ำมัน และเครื่องเทศต่างๆ เพื่อนำไปทำอาหารอร่อยๆ ให้น้อง ๆ กิน หลิงห้าวจื่อ จินเป่า และหงส์เป่า ต่างก็ตื่นเต้นดีใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พวกเขาวิ่งไปมาในตลาดด้วยความสุข ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส หลิงเม่ยเม่ยมองภาพน้อง ๆ ด้วยความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ นี่คือสิ่งที่เธอต้องการจะเห็น
น่าเสียดายที่เธอมาที่นี่ช้าไป ไม่อย่างนั้น พ่อแม่ของพวกเขาคงไม่ต้องตายอย่างน่าอนาถ หลังจากนั้น สี่พี่น้องก็เริ่มขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรเป็นประจำทุกวัน หลิงเหม่ยเม่ยใช้ความรู้ของเธอในการระบุชนิดของสมุนไพรที่มีประโยชน์และหายาก ส่วนหลิงห้าวจื่อก็ช่วยแบกตะกร้าและใช้มีดพร้าถางหญ้าตามทาง น้อง ๆ ตัวเล็กทั้งสองคนก็ช่วยกันเก็บสมุนไพรเล็กๆ น้อยๆ ที่พี่สาวบอกเมื่อกลับมาถึงบ้าน หลิงเหม่ยเม่ยก็จะนำสมุนไพรที่ได้ มาตากแดดให้แห้งอย่างพิถีพิถัน เธอจัดแบ่งสมุนไพรเป็นส่วนๆ
บางส่วนเก็บไว้ในโกดังของระบบ บางส่วนนำไปตากแห้งเพื่อเตรียมขายในตลาด ชาวบ้านจะได้รู้ว่านอกจากที่ขายเห็ดกับโสมได้แล้ว พวกเขายังทำอาชีพเก็บสมุนไพรขายอีกด้วย ในช่วงที่รอสมุนไพรแห้ง เธอก็เริ่มต้มสมุนไพรบางชนิดที่ช่วยในการลดความอ้วนและบำรุงร่างกายดื่มเป็นประจำทุกวัน เธอเลือกสมุนไพรที่ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน และขับของเสียออกจากร่างกาย ควบคู่ไปกับการควบคุมอาหารที่ได้รับจากระบบ ซึ่งเป็นอาหารที่มีประโยชน์และมีปริมาณที่เหมาะสม ราวกับมีนักโภชนาการที่เชี่ยวชาญดูแล
ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าทึ่งอย่างยิ่ง! น้ำหนักของหลิงเหม่ยเม่ยลดลง อย่างรวดเร็ว ภายในหนึ่งเดือน ร่างกายที่เคยใหญ่โตเทอะทะหนัก 200 จิน ก็กลับมาผอมเพรียวสวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ ผิวพรรณของเธอกลับมาเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล ดวงตาที่เคยโหลลึก กลับฉายแววเป็นประกายสวยงาม
“ถ้าอย่างนั้นเรากลับพร้อมกันเลย” “น้อง ๆ แน่ใจหรือว่าไม่เสียดายชีวิตในวัง” “ไมเสียดายเลย แต่จะเสียดายมากถ้าจะไม่มีบะหมีซองให้กินอีก” “ดี ถ้าอย่างนั้นพี่มีข่าวดีจะบอกพวกเจ้า " “ข่าวดี!..ข่าวดีอะไรหรือพี่ใหญ่?” “ก็ข่าวดีที่ว่าระบบของพี่ สามารถอัพเกรดขั้นสูงสุดแล้วนะสิ “..”จริงหรือๆ…ข้าดีใจยิ่งนัก แล้วระบบใหม่สามารถทำอะไรได้บ้างละเจ้าคะ ”. “สามารถทำได้ทุกอย่างเลย โดยเฉพาะ สามารถไปไหนก็ได้ และพาใครไปก็ได้ พี่จะพาน้อง ๆ ไปยังอีกโลกหนึ่ง ถือเป็นการพักผ่อนและท่องเที่ยว น้องสองคนจะไปกับพี่ไหม?” “ไปสิ ๆ พี่ใหญ่ ไม่ว่าท่านพี่จะไปไหน ที่นั่นต้องมีของอร่อยที่นั่นแน่ๆ" …"งันดีเลย พี่จะพาน้องไปช้อปปิ้งไปเสริมสวย ไปกินของอร่อยๆมากมาย และที่สำคัญจะพาไปเที่ยวบาโฮสด้วยดีไหม?” ทั้งสองพยักหน้า "ถ้าอย่างนั้นเอาไว้จะไปเมื่อไหร่พี่จะบอก" "เจ้าค่ะท่่านพี่ ถ้าอย่างนั้นหลับตาแล้วจับมือกัน หากว่าพี่ไม่บอกให้ลืมตาก็อย่าลืมตาขึ้นมาเด็ดขาด"เมื่อมาถึง แล้ว ทั้งสามปรากฏตัวในห้องของโรงแรมหรู ก่อนที่จะบอกให้น้องๆลืมตาขึ
วันหนึ่ง อ๋องอี้ส่งเทียบเชิญพิเศษมายังหลิงเหม่ยเม่ย เขาจัดงานเลี้ยงสำคัญระดับสูง เพื่อต้อนรับทูต จากแคว้นเพื่อนบ้าน และตัดสินใจเชิญหลิงเหม่ยเม่ย เข้าร่วมในฐานะ นักธุรกิจผู้มีวิสัยทัศน์และมีส่วนช่วย ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของเมืองหลวง นี่เป็นโอกาสสำคัญที่เธอจะได้ก้าวเข้าสู่สังคม ชั้นสูงอย่างเต็มตัว หลิงเหม่ยเม่ยตื่นเต้นกับงานเลี้ยงนี้ เป็นอย่างมาก เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่แค่การเข้าร่วมงานเลี้ยง ธรรมดาๆ แต่เป็นการประกาศสถานะ และบทบาทของเธอในสังคม เธอตัดสินใจใช้เงินจากระบบ เพื่อซื้อชุดราตรีที่สวยงามและทันสมัยที่สุดเท่าที่จะหาได้ในยุคนี้ ชุดนั้นทำจาก ผ้าไหมเนื้อดี สีครามเข้ม ปักลวดลายดอกโบตั๋นสีเงิน อย่างประณีต การออกแบบเรียบหรูแต่สง่างาม เน้นรูปร่างที่เพรียวบางของเธอให้เด่นชัดและงดงามยิ่งนัก และยังช่วยขับผิวพรรณ ที่เปล่งปลั่งให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น ในวันงานเลี้ยง หลิงเหม่ยเม่ยปรากฏตัวในชุดราตรีสีครามเข้ม เธอเดินเข้ามาในห้องโถงจัดเลี้ยงด้วยท่าทางสง่างามและมั่นใจ ผมเผ้าถูกเกล้าขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่ดูมีรสนิยม ประดับด้วยปิ่นปักผมเงินฝังอัญมณีเล็กน้อย ใบหน้าของเธอแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง
ร้านผักดองของเธอยังคงได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ชื่อเสียงของเธอในฐานะ แม่ค้าผักดองอัจฉริยะ และ คุณหนูหลิงผู้พิทักษ์" ยิ่งทำให้มีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย หลิงเม่ยเม่ยบริหารจัดการธุรกิจด้วยความสามารถ ที่เหนือกว่าคนในยุคนี้ เธอใช้หลักการบริหารจัดการสมัยใหม่ การตลาด และการควบคุมคุณภาพ ทำให้ธุรกิจของเธอเติบโตอย่างก้าวกระโดด เธอขยายกิจการด้วยการเปิดสาขาเพิ่มในย่านการค้าสำคัญของเมืองหลวง และเริ่มมองหาโอกาสในการส่งออก ผักดองและสินค้าเกษตรแปรรูป ไปยังเมืองอื่นๆ อีกด้วย เธอจ้างคนงานเพิ่มขึ้นและดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี ทำให้คนงานทุกคนรักและภักดีต่อเธอ ส่วนน้อง ๆ ของเธอ จินเป่าและหงส์เป่า ได้รับการดูแลอย่างดีในวัง พวกเธอปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความเฉลียวฉลาดจากน้ำยาอัจฉริยะ ทำให้พวกเธอเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและโดดเด่น กว่าเด็กคนอื่นๆ ในโรงเรียนสตรี ในวัง อิงอ๋องเองก็ให้ความเมตตาและดูแลพวกเธอประหนึ่งลูกแท้ๆ ทำให้ชีวิตของเด็กหญิงทั้งสองเต็มไปด้วยความสุขและโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนหลิงห้าวจื่อ เองก็เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ที่สำนักศึกษาเหวินอี้
เธอเล็งและยิงออกไปอย่างต่อเนื่อง สังหารนักฆ่า ไปจนหมดสิ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงร่างไร้วิญญาณ ที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นดิน ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วป่าหลังเสียงปืนนัดสุดท้ายสิ้นลง อ๋องอี้และองครักษ์ต่างก็มองหลิงเม่ยเม่ยด้วยแววตา ที่เต็มไปด้วยความสงสัยและตกตะลึงในเวลาเดียวกัน พวกเขาไม่รู้ว่าหญิงสาวที่ดูบอบบางเช่นนี้ จะครอบครองอาวุธที่ร้ายกาจเช่นนี้ได้อย่างไร"นี่... นี่มันคืออะไรกันคุณหนูหลิง" อ๋องอี้ถามเสียงแผ่วเบา ดวงตาจับจ้องไปที่ปืนในมือของเธอ หลิงเม่ยเม่ยเก็บปืนกลับเข้าไปในระบบอย่างรวดเร็ว เธอรู้ว่าเธอต้องหาคำโกหกที่น่าเชื่อถือที่สุด "ท่านอ๋อง... มันคืออาวุธประหลาดที่ข้าได้ซื้อมาจากพ่อค้าชาวตะวันตกเมื่อไม่กี่วันก่อนเพคะ" เธอพยายามทำสีหน้า ให้เป็นธรรมชาติที่สุด"พวกเขาบอกว่ามันเป็นเครื่องมือป้องกันตัวที่หาได้ยากยิ่ง ข้าไม่คิดว่าจะได้ใช้มันในสถานการณ์เช่นนี้" อ๋องอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย "พ่อค้าชาวตะวันตกอย่างนั้นหรือ." เขาทบทวนในใจ เขาเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อค้าแปลกหน้า ที่นำของแปลกๆ เข้ามาในแผ่นดินอยู่บ้าง แต่ไม่คิดว่าจะมีอาวุธที่ร้ายกาจถึงเพียงน
บัดนี้ จินเป่าและหงส์เป่าอยู่ในฐานะที่สูงส่งกว่าบรรดา คุณหนูจากตระกูลขุนนางเหล่านั้นไปแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าดูถูกหรือกลั่นแกล้งพวกเธออีกต่อไป ในงานเลี้ยง ดวงตาของจินเป่าและหงส์เป่า ฉายแววความสุข พวกนางสวมชุดที่สวยงามปราณีต ได้รับการดูแลอย่างดี และมีรอยยิ้มบนใบหน้าตลอดเวลา หลิงเหม่ยเม่ยมองภาพน้อง ๆ ที่มีความสุขด้วยความอบอุ่นในหัวใจ เธอรู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของอ๋องอี้ คือของขวัญอันล้ำค่าที่สุดสำหรับครอบครัวของเธอท่ามกลางแขกเหรื่อมากมาย คุณหนูที่โดดเด่นคนหนึ่งในงานคือ รั่ว ม่านอี้ บุตรสาวของเสนาบดีกรมคลัง นางเป็นหญิงสาวที่งดงามและเติบโตมาในตระกูล ที่ร่ำรวยและมีอำนาจ และเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มหลายคน และมักจะเป็นที่หนึ่งในหมู่คุณหนูทั้งหลายเสมอ รวมถึงเป็นคนที่เคยชินกับการเป็นที่สนใจและได้รับการปฏิบัติอย่างพิเศษ เธอเองก็เป็นหนึ่งในนักเรียนของโรงเรียนสตรีในวัง และเป็นหนึ่งในผู้ที่เคยดูถูกจินเป่าและหงส์เป่า เมื่อรั่วม่านอี้ ได้เห็นภาพของเด็กหญิงสองคนนั้น ที่นางเคยดูถูกเหยียดหยาม บัดนี้กลับได้รับการยกย่องให้มีฐานะเทียบเท่าเชื้อพระวงศ์ ดวงตาของเธอก็ลุกวาวด้วยความ ไม่พอใจปนความอิจฉ
หลังจากที่หลิงเม่ยเม่ยได้ส่งน้อง ๆ ทั้งสามคน เข้าสู่เส้นทางของการศึกษา หลิงห้าวจื่อเข้าเรียนที่สำนักศึกษาเหวินอี้ ของอ๋องอี้ ส่วนจินเป่าและหงส์เป่าได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้เข้าศึกษาในโรงเรียนสตรีในวังของอิงอ๋อง แม้นั่นจะเป็นเพียงโรงเรียนสำหรับเด็กหญิง แต่ก็เป็นสถานที่ ที่รวมลูกหลานของเหล่าขุนนาง และเชื้อพระวงศ์น้อยใหญ่ไว้ด้วยกัน เด็กหญิงทั้งสองที่เพิ่งก้าวเข้ามาจากชีวิตที่ยากไร้ ย่อมเป็นเป้าสายตาของเด็กผู้หญิงที่เติบโตมาในกรอบของสังคมชั้นสูง ผู้ที่คุ้นชินกับการแข่งขันและแบ่งชนชั้นเพียงไม่กี่วันผ่านไป อิงอ๋องก็ได้รับข่าวจากเหล่าพี่เลี้ยง และครูบาอาจารย์ในโรงเรียน เกี่ยวกับพฤติกรรม ของนักเรียนบางคน ที่เริ่มแสดงออกถึงความรังเกียจ และดูถูกจินเป่ากับหงส์เป่า พวกคุณหนูเหล่านั้นนินทาเรื่องฐานะที่ต่ำต้อยของสองพี่น้อง ตลอดจนรูปลักษณ์ ที่ยังคงผอมบางเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเด็กที่ได้รับการดูแลมาอย่างดี และแม้กระทั่งเสื้อผ้าที่หลิงเม่ยเม่ยเลือกสรรมาให้แล้วอย่างดีที่สุด ก็ยังคงถูกมองว่าไม่คู่ควรกับ "สถานที่สูงส่ง" เช่นในวัง อิงอ๋องผู้เป็นน้องสาวของอ๋องอี้ เป็นคนใจดี และมีคุณธรรมสูงส่งไม่







