หน้าหลัก / รักโบราณ / ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว / บทที่ 8 ดอกบัวขาวของโซ่วอ๋อง

แชร์

บทที่ 8 ดอกบัวขาวของโซ่วอ๋อง

ผู้เขียน: BigM00N
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-21 13:04:15

หลี่ไท่หยางไม่ได้สนใจว่าจะมีผู้อื่นจ้องมองเขาหรือไม่ในยามนี้เขาคิดเพียงแค่การพาญาติผู้น้องที่น่าสงสารของตนเองมาผ่อนคลายจิตใจ อีกทั้งยามนี้ในใจของเขาที่มีให้แก่หลินชิงเหมยก็มีแค่เพียงความรู้สึกสงสารและเอ็นดูยังไม่ได้มีความคิดเกินเลยเนื่องจากเด็กสาวผู้นี้ยังเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งในสายตาของเขา เรื่องการเว้นระยะห่างระหว่างคนทั้งคู่เขาจึงคิดว่าไม่จำเป็น

แต่ในสายตาของคนที่มองอยู่อย่างเฉียวซื่อและเฉินเจียวเจียวกลับไม่ใช่เช่นนั้น สำหรับเฉินเจียวเจียวเป็นเพราะมีความทรงจำของช่วงชีวิตที่แล้วมาเป็นบทเรียนจึงไม่คิดการที่สองคนนี้มีความสนิทสนมเป็นเรื่องปกติ ส่วนในสายตาของเฉียวซื่อนั้นนางคิดว่าต่อให้สตรีที่มาด้วยยังเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่ง แต่ก็ควรที่จะเว้นระยะห่างให้มากกว่านี้ แม้แต่คนในครอบครัวเดียวกันอย่างเฉินเจียวจ้านและเฉินเจียวเจียวนางในฐานะมารดาเลี้ยงของพวกเขายังคอยดูแลจัดการให้พวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างถูกต้องและเหมาะสม

ไม่ว่าอย่างไรเรื่องชื่อเสียงของบุตรชายและบุตรสาวย่อมสำคัญที่สุด เฉินเจียวจ้านนั้นก็ช่างเถิดเขาโตแล้วและไม่มีความผูกพันอันใดกับนาง ไม่ว่าอย่างไรบุตรชายและแม่เลี้ยงก็ไม่ควรจะข้องเกี่ยวกันให้มากอยู่แล้วแต่กับเฉินเจียวเจียวนั้นไม่ใช่ สำหรับเฉียวซื่อแล้วเฉินเจียวเจียวคือคนที่นางจะต้องให้ความดูแลและความใส่ใจมากที่สุด

บุตรสาวก็เหมือนเสื้อนวมอันอบอุ่นของพ่อแม่ นางที่แต่งเข้ามาเป็นภรรยาคนที่สองไม่มีความรักความผูกพันต่อสามีเทียบเท่ากับฮูหยินที่ตายจากไปของเขา อีกทั้งครรภ์ของนางก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ที่จะใช้ผูกมัดใจของสามีอีก เฉินเจียวเจียวจึงเป็นสิ่งเดียวที่คอยให้ความอบอุ่นและคอยสานสัมพันธ์ให้นางและสามี ทำให้นางทั้งรู้สึกรักและเอ็นดูบุตรสาวคนนี้เสมือนดั่งบุตรสาวแท้ๆ ของตนเองเลยทีเดียว

หลี่ไท่หยางผู้นี้หากไม่เป็นเพราะหลินซื่อผู้เป็นฮูหยินคนก่อนทำสัญญาหมั้นหมายเอาไว้ นางในฐานะมารดาเลี้ยงก็คงจะไม่มีทางสนับสนุนการหมั้นหมายในครั้งนี้ การแต่งเข้าราชวงศ์มีความยากลำบากมากเพียงใดนางย่อมรู้ดี ทั้งพี่สาวและน้องสาวของนางก็ต่างถูกส่งเข้าวังหลวงเป็นทั้งกุ้ยเฟยที่มีตำแหน่งสูงส่งและเหม่ยเหรินซึ่งเป็นตำแหน่งของพระสนมระดับล่างของแคว้นต้าเยียน

เมื่อได้เห็นพฤติกรรมของหลี่ไท่หยางในตอนนี้นางเองก็ยิ่งไม่พอใจ ตนเองมีสัญญาหมั้นหมายกับบุตรสาวจวนผิงกั๋วกงแล้วยังกล้าพาสตรีอื่นออกมาเดินเหินต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้อีก แม้ว่าวัดต้าฝูแห่งนี้จะอยู่ไกลถึงนอกเมือง แต่บรรดาชนชั้นสูงที่มาไหว้พระที่นี่ก็มีมิได้ขาดแต่โซว่อ๋องกลับมืได้ระมัดระวังความประพฤติของตนเองเลยสักนิด

“เจียวเจียวเจ้าไม่ต้องร้อนใจ เรื่องนี้แม่จะต้องมีคำตอบให้เจ้าแน่” เมื่อเฉียวซื่อเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเจียวก็มอบรอยยิ้มอันอ่อนจางให้นาง

“ไม่ว่าอย่างไรโซ่วอ๋องก็เป็นถึงเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ พวกเราจะไปสอบถามและตำหนิก็คงจะไม่ได้” คำพูดของเฉินเจียวเจียวทำให้เฉียวซื่อส่ายหน้า

“ผู้ใดว่าทำไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรแม่ของเจ้าผู้นี้ก็เป็นถึงฮูหยินจวนกั๋วกงต่อให้ไม่อาจจะออกหน้าตำหนิโซ่วอ๋องที่เป็นเชื้อพระวงศ์ได้แต่แม่ก็มีหนทางที่จะทำให้โซ่วอ๋องทรงรู้ว่าอย่าได้ล่วงเกินบุตรสาวจากจวนผิงกั๋วกงอย่างเด็ดขาด” เฉียวซื่อเอ่ยพลางขยับนั่งตัวตรงแล้วรับน้ำชาที่สาวใช้ส่งมาให้ขึ้นมาจิบอย่างรอคอย ส่วนเฉินเจียวเจียวนั้นได้แต่ลอบยินดีอยู่ในใจไม่ว่าอย่างไรหากให้เฉียวซื่อออกหน้า ไม่แน่ว่าการหมั้นหมายของนางอาจจะมีหนทางให้ถอนตัวได้อย่างสง่างาม

เวลาผ่านไปราวหนึ่งก้านธูปก็มีสาวใช้เข้ามารายงาน แม้ว่าบริเวณที่พวกนางนั่งอยู่จะมีเพียงสามเณรองค์น้อยคอยดูแล แต่ก็ไม่ได้นั่งห่างไกลจากผู้อื่นมานักรวมถึงโซ่วอ๋องและหลินชิงเหมยด้วย สาวใช้จึงได้เอ่ยรายงานกับเฉียวซื่อเสียงเบาแต่ก็เพียงพอที่จะให้เฉินเจียวเจียวได้ยินด้วย

“ได้ความมาแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูที่ติดตามโซ่วอ๋องมาผู้นั้นคือคุณหนูรองสกุลหลินเจ้าค่ะ อี๋เหนียงที่เป็นมารดาแท้ของนางถูกหลินฮูหยินส่งมาปฏิบัติธรรมที่นี่เจ้าค่ะ คุณหนูรองสกุลหลินก็เลยมาเยี่ยมเยียนมารดาของตนเองที่นี่อยู่บ่อยครั้ง ส่วนโซ่วอ๋องก็เป็นตัวแทนของเต๋อเฟยมาไหว้พระเติมตะเกียงที่นี่บ่อยทำให้คนทั้งคู่สนิทสนมกัน เรื่องนี้อี๋เหนียงผู้นั้นน่าจะมีส่วนอยู่ไม่น้อย” เมื่อสาวใช้ผู้นั้นเอ่ยเช่นนี้เฉียวซื่อก็ขมวดคิ้ว

“คุณหนูรองสกุลหลิน นางยังเด็กอยู่ไม่ใช่หรือแต่ที่ข้าเห็นสตรีที่มากับท่านอ๋องนางมีรูปร่างและท่าทางเหมือนสตรีที่อยู่ในวัยแรกรุ่นผู้หนึ่งแล้วนะ” เฉียวซื่อหันไปมองเฉินเจียวเจียว สกุลหลินคือสกุลเดิมของมารดาแท้ๆ ของเฉินเจียวเจียวนางจึงไม่กล้าเอ่ยพาดพิงถึงสกุลหลินเท่าใดนัก

“สิบสองย่างสิบสามแล้วเจ้าค่ะ นางมีอายุน้อยกว่าข้าหนึ่งปี เมื่อหลายวันก่อนนางติดตามท่านป้ามาเยี่ยมเยียนที่เรือนของท่านย่าข้าเห็นว่านางดูเหมือนจะเติบใหญ่และรู้ความมากกว่าสตรีในวัยเดียวกัน อันที่จริงข้าเองก็เคยคิดอยู่ก่อนแล้วว่าอาจจะเป็นนางเมื่อดูจากทั้งท่วงท่าการเดินและรูปร่าง เพียงแต่นางเป็นเพียงบุตรสาวบุญธรรมของท่านป้าสะใภ้ไม่ได้มีความเกี่ยวพันทางสายเลือดกับท่านอ๋อง ข้าจึงไม่กล้าคาดเดาส่งเดชเจ้าค่ะ” เมื่อเฉินเจียวเจียวเอ่ยเช่นนี้เฉียวซื่อก็ส่ายหน้า

“ต่อให้เป็นคุณหนูใหญ่สกุลหลินที่มีฐานะเป็นญาติผู้น้องของท่านอ๋องก็ไม่เหมาะสมที่จะทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกันเช่นนี้ยิ่งยามนี้ท่านอ๋องมีสัญญาหมั้นหมายแล้วก็ยิ่งเป็นการกระทำที่ไม่สมควร” เฉียวซื่อเอ่ยพลางหลุบตาลง

“เรื่องนี้หากออกหน้ามากเกินไปก็จะกระทบต่อความสัมพันธ์ของเจ้ากับป้าสะใภ้ของเจ้า อีกทั้งหากพวกเราจวนผิงกั๋วกงทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ก็อาจจะทำให้กระทบต่อชื่อเสียงของเจ้า เรื่องเช่นนี้หากจัดการได้ไม่ดีเจ้าจะได้ชื่อว่าเป็นสตรีขี้หึงติดตัว แถมอาจจะกลายเป็นเจ้ามีจิตใจคับแคบจนริษยาญาติผู้น้องของตนเองก็ได้…เรื่องนี้แม่จะจัดการเองเจ้าไม่ต้องกังวลไปและไม่ต้องเล่าให้ท่านย่าของเจ้าฟังด้วย นางจะได้ไม่ต้องโมโหกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง”

“วางใจเถิดเจ้าค่ะท่านแม่ ข้าจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ท่านย่าฟังหรอกเจ้าค่ะ” เฉินเจียวเจียวเอ่ยพลางคิดถึงท่านย่าของตน ยามนี้ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเฉินมีอายุมากแล้วย่อมไม่เหมาะที่จะต้องมานั่งกังวลกับเรื่องของนาง

เฉินเจียวเจียวและเฉียวซื่อยังคงนั่งจิบน้ำชาเพื่อย่อยอาหารต่ออีกครู่หนึ่ง ทางฝ่ายของโซ่วอ๋องก็เริ่มจะรู้ตัวแล้วว่ายามนี้คู่หมั้นของตนอยู่ที่นี่ เป็นหลินชิงเหมยที่เห็นคนของจวนผิงกั๋วกงก่อนแล้วจึงได้เห็นว่าเฉินเจียวเจียวและเฉียวซื่อซึ่งเป็นฮูหยินจวนผิงกั๋วกงนั่งอยู่จึงได้หันไปเอ่ยกับโซ่วอ๋องเสียงเบา

“ท่านอ๋องเพคะ พี่หญิงเจียวเจียวนั่งอยู่ทางด้านหลังของพวกเราเพคะ” นางเอ่ยออกมาด้วยท่าทีขลาดกลัว เมื่อโซ่วอ๋องเห็นแล้วก็อดเอ่ยวาจาปลอบใจนางไม่ได้

“เจ้าจะหวาดกลัวนางไปทำไม พวกเราล้วนทำเรื่องที่บริสุทธิ์ใจเหตุใดเจ้าต้องกลัวนางด้วย”

“แต่ถ้าพี่หญิงนำความไปบอกต่อท่านแม่ของหม่อมฉันเล่าเพคะ หากท่านแม่รู้ว่าหม่อมฉันมาพบกับท่านอ๋องที่นี่ ท่านแม่จะต้องไม่ชอบใจและสั่งห้ามไม่ให้หม่อมฉันมาเยี่ยมเยียนอี๋เหนียงที่นี่เป็นแน่”

“นางไม่รู้หรอกว่าเป็นเจ้า เจ้านั่งอยู่ตรงนี้เถิดข้าขอไปทักทายผิงกั๋วกงฮูหยินเสียหน่อย” เมื่อเอ่ยจบโซ่วอ๋องก็ขยับตัวลุกขึ้นแต่หลินชิงเหมยกลับยื่นมือไปรั้งชายแขนเสื้อเอาไว้พลางส่ายหน้าแต่เขากลับส่งยิ้มให้นางยื่นมืออีกข้างไปกอบกุมมือที่กำลังกุมชายแขนเสื้อของตนเอาไว้แล้วเอ่ยกับนางเสียงเบา

“ไม่เป็นไรมีข้าอยู่เจ้าไม่ต้องกลัวสิ่งใดทั้งนั้น” เขาเอ่ยพลางจับมือของนางไปวางลงหน้าตักของนางแล้วก็ยืดกายขึ้นแล้วเดินมาทางทิศที่เฉียวซื่อและเฉินเจียวเจียวนั่งอยู่ แน่นอนว่าการกระทำเมื่อครู่นี้ของหลี่ไท่หยางและหลินชิงเหมยย่อมอยู่ในสายตาของสองแม่ลูก เฉินเจียวเจียวได้แต่ยิ้มเย็นอยู่ในใจ

‘แม้แต่ตอนที่อายุน้อยเช่นนี้แม่ดอกบัวขาวตัวน้อยก็เริ่มมีพิษสงเสียแล้ว ไม่น่าแปลกใจเลยที่ในกาลก่อนข้าจะแพ้นางอย่างราบคาบเช่นนั้น’

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 10 ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน

    หลายวันถัดมาเมืองหลวงแคว้นต้าเยียนก็มีเรื่องราวเล่าลืออันโด่งดังที่ทำให้ผู้คนต่างพากันพูดถึง อีกทั้งคราวนี้ยังเป็นเรื่องราวของเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงอย่างโซ่วอ๋อง ต่อให้เป็นเรื่องพยายามปกปิดมากสักเพียงใดแต่หน้าต่างล้วนมีหูประตูล้วนมีช่องไม่อาจจะปกปิดความอยากรู้ของผู้อื่นได้ ยิ่งพยายามปกปิดก็ยิ่งก็กระตุ้นให้ผู้อื่นยิ่งอยากจะรู้เรื่องราวมากยิ่งขึ้นโซ่วอ๋องลักลอบนัดพบสตรีอื่นในวัดต้าฝูทำให้ฝ่าบาททรงไม่พอพระทัยกับความประพฤติของโซ่วอ๋องเป็นอย่างมากจนต้องเรียกโซ่วอ๋องเข้าวังมาตำหนิ เรื่องนี้แม้แต่เต๋อเฟยเองก็ยังพลอยโดนหางเลขไปด้วย ในฐานะที่อบรมพระโอรสได้ไม่ดี การออกพระโอษฐ์ตำหนิในครั้งนี้ถือว่าสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งวังหลังในทันที เต๋อเฟยจำต้องคุกเข่าสำนึกผิดหน้าพระตำหนักนานถึงสองชั่วยามกว่าจะทำให้ฝ่าบาททรงคลายความพิโรธลงได้เมื่อข่าวลือเอ่ยถึงวัดต้าฝูก็มีหลายคนเอ่ยปากออกมาว่าพวกเขาต่างก็เคยเห็นว่าโซ่วอ๋องมักจะมีสตรีอ่อนเยาว์ผู้หนึ่งอยู่เคียงข้างกายในวัดต้าฝูจริงๆ เมื่อมีการยืนยันหลายเสียงเช่นนี้หลายคนต่างพากันคาดเดากันใหญ่ว่าสตรีผู้นั้นคือผู้ใด เป็นคุณหนูจากสกุลไหนหรือเป็นเพียงเด็กสาวชาวบ้านธรร

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 9 เฉียวซื่อลงมือ

    เมื่อหลี่ไท่หยางเดินไปถึงโต๊ะที่สองแม่ลูกสกุลเฉินนั่งอยู่พวกนางสองแม่ลูกก็ลุกขึ้นมาแล้วย่อกายคารวะตามธรรมเนียมในทันที บรรดาสาวใช้และผู้ติดตามเองก็เช่นกันพวกเขารีบคารวะหลี่ไท่หยางด้วยท่าทีนอบน้อม“ไม่ต้องมากพิธีหรอก” หลี่ไท่หยางเอ่ยพลางโบกมือพวกเขาจึงได้ขยับตัวยืดกายขึ้นแล้วถอยออกไปทิ้งไว้เพียงเฉียวซื่อและเฉินเจียวเจียวที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของเขา“คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกันที่นี่ ผิงกั๋วกงฮูหยินสบายดีหรือไม่” หลี่ไท่หยางเอ่ยออกมาก่อนพลางจ้องมองเฉินเจียวเจียวอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ละสายตาไป สำหรับเขาแล้วอีกไม่นานสตรีที่มีรูปโฉมงดงามตรงหน้าอีกไม่นานก็จะต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันกับเขา ซึ่งเรื่องนี้นับได้ว่าเป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว เขาจึงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นที่ได้พบนางและไม่ได้รู้สึกผิดอันใดกับการที่นางพบว่าเขาอยู่กับสตรีอื่น เพราะสำหรับเขาแล้วในยามนี้หลินชิงเหมยเป็นเพียงเด็กสาวที่มีชีวิตและความเป็นอยู่ที่น่าสงสารมากเท่านั้น เขาหาได้ทำผิดต่อว่าที่พระชายาในอนาคตผู้นี้ของเขาไม่“หม่อมฉันสบายดีเพคะ วันนี้อากาศดีก็เลยพาเจียวเจียวมาไหว้พระ คิดไม่ถึงว่าจะได้พบท่านอ๋องที่นี่ด้วย” เฉียวซื่อเอ่ยพลางส่งยิ้มให้เขา

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 8 ดอกบัวขาวของโซ่วอ๋อง

    หลี่ไท่หยางไม่ได้สนใจว่าจะมีผู้อื่นจ้องมองเขาหรือไม่ในยามนี้เขาคิดเพียงแค่การพาญาติผู้น้องที่น่าสงสารของตนเองมาผ่อนคลายจิตใจ อีกทั้งยามนี้ในใจของเขาที่มีให้แก่หลินชิงเหมยก็มีแค่เพียงความรู้สึกสงสารและเอ็นดูยังไม่ได้มีความคิดเกินเลยเนื่องจากเด็กสาวผู้นี้ยังเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งในสายตาของเขา เรื่องการเว้นระยะห่างระหว่างคนทั้งคู่เขาจึงคิดว่าไม่จำเป็นแต่ในสายตาของคนที่มองอยู่อย่างเฉียวซื่อและเฉินเจียวเจียวกลับไม่ใช่เช่นนั้น สำหรับเฉินเจียวเจียวเป็นเพราะมีความทรงจำของช่วงชีวิตที่แล้วมาเป็นบทเรียนจึงไม่คิดการที่สองคนนี้มีความสนิทสนมเป็นเรื่องปกติ ส่วนในสายตาของเฉียวซื่อนั้นนางคิดว่าต่อให้สตรีที่มาด้วยยังเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่ง แต่ก็ควรที่จะเว้นระยะห่างให้มากกว่านี้ แม้แต่คนในครอบครัวเดียวกันอย่างเฉินเจียวจ้านและเฉินเจียวเจียวนางในฐานะมารดาเลี้ยงของพวกเขายังคอยดูแลจัดการให้พวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างถูกต้องและเหมาะสมไม่ว่าอย่างไรเรื่องชื่อเสียงของบุตรชายและบุตรสาวย่อมสำคัญที่สุด เฉินเจียวจ้านนั้นก็ช่างเถิดเขาโตแล้วและไม่มีความผูกพันอันใดกับนาง ไม่ว่าอย่างไรบุตรชายและแม่เลี้ยงก็ไม่ควรจะข้องเกี

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 7 ส่งคนไปสืบ

    เมื่อเฉินเจียวเจียวเดินกลับมาจนเกือบถึงบริเวณที่คนของตนรออยู่นางก็หันไปมองสาวใช้ที่รู้วรยุทธ์ของนางด้วยสีหน้าดุดัน สาวใช้นางนั้นรีบคุกเข่าและขอรับโทษในทันที“ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ บ่าวไม่สามารถปกป้องคุณหนูให้ดีหากคุณหนูจะลงโทษบ่าวก็พร้อมจะยอมรับโทษเจ้าค่ะ” เมื่อสาวใช้ผู้นั้นเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเจียวก็ทอดถอนใจออกมาพลางเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“ตงจื้อ เรื่องในวันนี้ห้ามเจ้าบอกผู้ใด ไม่ว่าจะเป็นตงผิง ตงชิงหรือว่าพี่สาวน้องสาวคนอื่นๆ ของเจ้า หากผู้อื่นรู้เรื่องนี้ข้าไม่มีทางยอมปล่อยเจ้าไปแน่” เมื่อเจ้านายเอ่ยเช่นนี้ตงจื้อผู้เป็นสาวใช้ก็รีบรับคำในทันที“บ่าวไม่มีทางเอ่ยกับผู้ใดแน่นอนเจ้าค่ะ” ตงจื้อเอ่ยด้วยน้ำเสียงนอบน้อม“ส่วนเรื่องลงโทษเจ้านั้นคงไม่จำเป็น เรื่องนี้เป็นข้าที่ขาดความระมัดระวังเองแต่ไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้เจ้าเองก็มีส่วนผิด มีคนอยู่ใกล้ข้าถึงเพียงนั้นแต่เจ้ากลับไม่รู้เรื่อง หากเป็นยอดฝีมือคนอื่นก็ว่าไปแต่คนที่จับข้าผู้นั้นไม่น่าจะมีฝีมือเหนือกว่าเจ้าไปได้” เมื่อเฉินเจียวเจียวเอ่ยเช่นนี้ตงจื้อก็อ้าปากตั้งใจว่าจะเอ่ยวาจาคัดค้านว่าคนที่จับคุณหนูของนางนั้นมีฝีมือดีกว่าคนที่จับตั

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 6 คนที่ไม่ควรพบ

    เช้าวันถัดมาเฉินเจียวเจียวก็ได้ติดตามเฉียวซื่อไปไหว้พระที่วัดสมใจ เพียงแต่เมื่อเดินทางมาถึงวัดเฉินเจียวเจียวก็ได้แต่ต้องลอบดุด่าตนเองอยู่ในใจ หลินชิงเหมยอายุไม่ถึงสิบสามปีดีนางจะยัดเยียดข้อหาหนุ่มสาวลักลอบนัดพบกันให้แก่เด็กสาวที่ยังไม่โตเต็มที่ได้อย่างไร แต่ไหนๆ ก็มาแล้วนางจึงคิดว่าควรจะสำรวจบริเวณรอบๆ อีกสักหน่อยหลังจากไหว้พระเติมตะเกียงแล้วเฉินเจียวเจียวก็ขออนุญาตเฉียวซื่อเพื่อไปเดินเล่นรอบๆ มากราบไหว้พระครั้งนี้เฉียวซื่อตั้งใจจะมาขอบุตร นางจึงรีบอนุญาตเฉินเจียวเจียวในทันที แม้ว่านางจะรู้ดีว่าเฉินเจียวเจียวย่อมสามารถคาดเดาจุดประสงค์ของนางได้อยู่แล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรการที่ไม่มีเฉินเจียวเจียวอยู่ด้วยก็ทำให้นางสามารถขอพรได้อย่างสะดวกใจมากกว่าวัดต้าฝูแห่งนี้ตั้งอยู่นอกเมืองใช้เวลาเดินทางพอสมควรกว่าจะเดินทางมาถึง แต่ข้อดีก็คือมีบรรยากาศอันเงียบสงบและทิวทัศน์งดงาม เฉินเจียวเจียวที่เดินไปเห็นทิวทัศน์ทางด้านหลังของวัดก็อดพยักหน้าให้แก่ตนเองไม่ได้ ช่างเหมาะแล้วที่พวกเขาจะใช้เป็นสถานที่นัดพบกัน ทิวทัศน์งดงามบรรยากาศเป็นใจเหมาะแก่การพูดคุยระบายความในใจต่อกันเป็นอย่างยิ่งเฉินเจียวเจียวเดินอย

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 5 วัดต้าฝู

    แม้ว่าศัตรูอันดับหนึ่งของเฉินเจียวเจียวคือหลินชิงเหมย แต่คนที่นางไม่อาจจะเพิกเฉยได้ก็คือหลี่ไท่หยาง การแต่งงานในครั้งนี้แม้จะดูเหมือนนางคือฝ่ายป่ายปีนขึ้นที่สูงได้แต่งเข้าราชวงศ์ แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นหลี่ไท่หยางต่างหากที่ได้ประโยชน์ในครั้งนี้ ผิงกั๋วกงเฉินคังผู้เป็นบิดาของนางเป็นถึงแม่ทัพพิทักษ์ชายแดนมีกองกำลังในมือหลายแสนนายส่วนสกุลหลินที่เป็นบ้านเดิมของมารดาก็มีท่านลุงที่ยามนี้ดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีฝ่ายขวา การได้เกี่ยวดองกับนางย่อมทำให้มีคนหนุนหลังเขาในราชสำนักมากขึ้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความคิดจะแย่งชิงราชบัลลังก์ก็ตามที แต่หากเกิดเหตุพลิกผันอันใดขึ้น ในฐานะอ๋องที่มีกองกำลังหนุนหลังและมีขุมอำนาจในราชสำนักคอยคุ้มครอง ย่อมสามารถอยู่รอดปลอดภัยมากกว่าอ๋องคนอื่นๆแคว้นต้าเยียนแห่งนี้มีหลี่ไท่หลงเป็นองค์รัชทายาท ยามนี้ฝ่าบาทมักจะมีราชโองการให้องค์รัชทายาทออกว่าราชการแทนในท้องพระโรงอยู่บ่อยครั้ง ก่อนที่นางจะถูกสามีสั่งโบยแล้วแท้งบุตรจนตาย องค์รัชทายาทหลี่ไท่หลงก็ได้ครอบครองราชบัลลังก์อย่างมั่นคงแล้ว ท่านอ๋องหลายคนในยามนั้นล้วนถูกกำจัดมีเพียงไม่กี่คนที่ได้รอดชีวิตและหนึ่งในนั้นก็มีโซ่วอ๋อง

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 4 ศัตรู

    เมื่อเฉินเจียวเจียวพาคุณหนูจากสกุลหลินทั้งสองกลับขึ้นเรือนมาฮูหยินผู้เฒ่าที่กำลังพูดคุยอยู่กับฟางเจียอีฮูหยินใหญ่จากสกุลหลินก็พลันเงียบเสียงลง แต่แล้วเมื่อคิดได้ว่าปีหน้าเฉินเจียวเจียวก็จะถึงวัยปักปิ่นอีกทั้งทางเต๋อเฟยเองก็มีรับสั่งเอ่ยถึงเรื่องนี้บ้างแล้วนางจึงคิดว่าให้เฉินเจียวเจียวรับรู้เรื่องนี้บ้างก็เป็นเรื่องดีนางจะได้เตรียมพร้อมเอาไว้“ทางข้าเองก็ไม่ได้คิดจะขัดข้องอันใด หากทางเต๋อเฟยอยากจะส่งปิ่นมาร่วมแสดงความยินดีก็ถือว่าเป็นเกียรติของเจียวเจียวเป็นอย่างยิ่ง แต่เรื่องพิธีปักปิ่นหากทางเต๋อเฟยอยากจะเป็นแม่งานก็คงไม่เหมาะ แม้ว่าจะทรงเอ็นดูเจียวเจียวมากเพียงใดแต่ไม่ว่าอย่างไรในตอนนี้นางก็ยังมีมารดาเลี้ยงของนางอยู่ แม้ว่าเฉียวซื่อจะไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยแต่ไม่ว่าอย่างไรคำพูดของผู้อื่นก็อาจจะทำให้นางไม่สบายใจ” เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเช่นนี้ฟางเจียอีที่เป็นพี่สาวแท้ๆ ของเต๋อเฟยก็พลันทอดถอนหายใจออกมา“ข้าเองก็คำนึงถึงเรื่องนี้จึงได้บอกกับพระนางว่าข้าจะขอมาปรึกษากับทางจวนผิงกั๋วกงก่อน” ฟางเจียอีเอ่ยพลางหันไปมองเฉินเจียวเจียวที่เดินนำหน้าบุตรสาวของนาง“ปีนี้เจียวเจียวโตขึ้นมาก ยังไม่ทันจ

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 3 หลินชิงเหมย

    ยามที่คนสกุลหลินมาเยือนที่จวนฮูหยินผู้เฒ่าและเฉินเจียวเจียวออกไปต้อนรับที่โถงหลักของเรือนชั้นในด้วยตนเอง ผู้ที่มาก็คือฟางเจียอีป้าสะใภ้จากจวนสกุลหลิน ป้าสะใภ้ผู้นี้มีความสัมพันธ์อันดีกับหลินซื่อมารดาของเฉินเจียวเจียวเมื่อหลินซื่อล่วงลับป้าสะใภ้ผู้นี้ก็หมั่นมาเยี่ยมเยียนนางที่จวนอยู่บ่อยครั้ง เฉินเจียวเจียวจึงได้มีความรู้สึกดีต่อป้าสะใภ้ผู้นี้มากเป็นพิเศษส่วนญาติผู้น้องร่างกายบอบบางและดูซูบผอมของนางนั้นกำลังนั่งอยู่เงียบๆ ทางด้านหลังของฟางเจียอี หลินชิงเหมยคือบุตรสาวที่ถือกำเนิดจากอนุภายในจวน แต่เพราะร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็กป้าสะใภ้ของนางจึงรับหลินชิงเหมยมาดูแลด้วยตนเองและได้รับหลินชิงเหมยมาเป็นบุตรสาวภายใต้ชื่อทำให้หลินชิงเหมยขยับฐานะขึ้นมาเป็นบุตรสาวของภรรยาเอกแม้ว่าหลินชิงเหมยจะได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีแต่หากจะให้เทียบเคียงกลับหลินชิงหว่านบุตรสาวคนโตที่ถือกำเนิดจากป้าสะใภ้ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ หลินชิงหว่านทั้งรูปโฉมงดงามกิริยาและวาจาก็ถูกอบรมมาเป็นอย่างดีแม้แต่เฉินเจียวเจียวเองก็ยังแอบยกย่องนางอยู่ในใจ เพียงแต่ไม่รู้เพราะเหตุใดสตรีที่มีดีทั้งรูปโฉม ชาติกำเนิดและท่วงท่ากิริยาเต็ม

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 2 รอการมาเยือน

    จวนผิงกั๋วกงตั้งอยู่ในตรอกสุ่ยอันของเมืองหลวงแห่งแคว้นต้าเยียน ภายในตรอกสุ่ยอันแห่งนี้มีจวนขุนนางตำแหน่งสูงตั้งอยู่หลายจวน จวนขุนนางที่มีตำแหน่งสูงเหล่านี้ล้วนมีเรื่องราวการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นอันซับซ้อนมากมายภายในเรือนหลังของจวน ยิ่งตำแหน่งสูงมากก็ยิ่งมีความสัมพันธ์อันซับซ้อนของผู้คนภายในจวนมากยิ่งขึ้น แต่จวนผิงกั๋วกงแห่งนี้กลับไม่ได้มีความสัมพันธ์อันซับซ้อนและยุ่งเหยิงดังเช่นจวนขุนนางจวนอื่น อาจจะเป็นเพราะผู้คนภายในจวนไม่มากอีกทั้งยังมีการปกครองภายในจวนอย่างเข้มงวดผู้คนภายในจวนจึงใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างสงบสุขเฉินเจียวเจียวอยู่ในจวนแห่งนี้ในฐานะคุณหนูใหญ่ นางเป็นบุตรสาวคนเดียวของผิงกั๋วกงและหลินซื่อ มารดาของนางตายจากไปตั้งแต่นางยังเล็ก นางจึงได้รับการเลี้ยงดูจากฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเฉิน ส่วนเฉียวซื่อผู้เป็นภรรยาที่แต่งเข้ามาใหม่ของบิดาก็นับว่าเป็นมารดาเลี้ยงที่ดีพอสมควรเพียงแต่ระหว่างพวกนางสองคนไม่ค่อยจะสนิทกันเท่าใดนัก อาจจะเป็นเพราะตอนที่เฉียวซื่อแต่งเข้ามาเฉินเจียวเจียวก็โตมากแล้วอีกทั้งยังมักจะอยู่ข้างกายของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้คนทั้งคู่ไม่ค่อยจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดสนิทสนมกันบ้านรองและบ้

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status