เจคอปคว้ามือบางก่อนจะออกแรงกึ่งฉุดกึ่งลากให้รีบเดินตามเขาเข้าไปในตึก ระหว่างอยู่ในลิฟต์ ไม่มีใครเอ่ยคำพูดใดออกมา นาเดียกระชับเสื้อสูทเข้าหาตัว อดดีใจกับการกระทำของเขาไม่ได้ แม้ปากเขาจะร้ายแสนร้าย แต่เขาก็ยังปฏิบัติกับเธอในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง เมื่อถึงชั้นที่เป็นเป้าหมาย นาเดียก็เดินนำคนตัวโตเข้าไปในห้องเช่าขนาดเล็ก นึกอับอายกับชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเองเมื่อเทียบกับคอนโดหรูหราของเขา
“ขอบคุณค่ะ ผ.อ.กลับไปได้แล้วล่ะ” นาเดียถอดเสื้อส่งคืนให้เขา เจคอปมองสภาพยั่วยวนของเธอ รู้สึกไม่ชอบใจอย่างแรงที่เธอทำประชดประชันเขา ร่างสูงรับเสื้อสูทมาก่อนจะปามันลงพื้น เขาอุ้มร่างบางเดินตรงไปที่เตียง ประทับจูบเร้าร้อนผสมปนเปกับความหึงหวง นาเดียตกใจกับการกระทำจาบจ้วงแสนเอาแต่ใจของเขา เธอพยายามผลักไสร่างหนา แต่เขากลับยิ่งขึ้นมาทาบทับบนตัวเธอเต็มตัว
“ประชดฉันทำไม ไม่อายบ้างหรือไงห๊ะ เธอเห็นสายตาที่พวกผู้ชายมองเธอบ้างรึเปล่า อยากจะยั่วโมโหฉันนักรึไง” น้ำเสียงดุดันแต่ก็ฟังคล้ายตัดพ้อ เธอคิดว่าเขาจะไม่สนใจเธอเสียอีก เป็นอีกครั้งที่เจคอปแสดงท่าทางเหมือนว่าเขากำลังหึงหวงเธอ
“อายค่ะ แต่ผ.อ.ดูถูกหนู ผ.อ.ต่างหากที่เป็นฝ่ายอยากให้ผู้ชายคนอื่นมองหน้าอกหนู” คนตัวเล็กเง้างอน
“จะบ้ารึไง ใครจะอยากเห็นเมียตัวเองไปเดินโชว์นมให้คนอื่นดู ยัยเด็กบ้า เธอมันโง่! โง่จนน่าโมโห”
เขาบดจูบลงโทษเด็กร้ายกาจ เธอจะทำให้เขาหัวปั่นไปถึงไหนกัน จูบจาบจ้วงที่เหมือนจะดูดกลืนเธอเอาไว้เพียงคนเดียว ส่งผลให้ร่างบางสั่นสะท้าน นาเดียจูบตอบปากหนา รู้สึกดีใจที่เห็นเขาแสดงท่าทีหวงแหนกันขนาดนี้ เจคอปเลื่อนปากลงไปดูดจูบตามซอกคอ ไล่ลงมาที่หน้าอก นาเดียผวาส่งมือโอบรอบลำคอพลางแอ่นหน้าอกให้เขาได้ดูดกินอย่างง่ายดาย
“อ๊าาา ทำไม ผ.อ.ต้อง อื้มม ต้องโมโหด้วยคะ” นาเดียอดคาดหวังในคำตอบไม่ได้ เธอไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง หญิงสาวต้องการคำพูดยืนยันจากปากของเขา
“เพราะเธอเป็นเมียฉันไง นาเดีย ได้ยินไหม ว่าเธอเป็นของฉัน” คำพูดยืนยันหนักแน่นทำให้หัวใจดวงน้อยพองโต แม้มันจะไม่ใช่คำพูดแสนหวานที่เธอปรารถนา แต่มันก็เป็นคำพูดที่ดีที่สุดจากปากผู้ชายอย่างเขา นาเดียเลิกขัดขืน มือเล็กช่วยแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตจนถึงกางเกงสเลคสีดำ เมื่อไร้สิ่งห่อหุ้มร่างกาย จึงมีเพียงร่างเปลือยเปล่าแนบชิดนัวเนียกันอยู่บนเตียง
เจคอปปฏิเสธไม่ได้ว่าการร่วมรักกับนาเดียในขณะที่เธอโอ่นอ่อนผ่อนตามเขาแบบนี้ มันเร้าใจกว่าการบังคับขืนใจเธอมากโข ชายหนุ่มเกิดการเรียนรู้ว่าหากต้องการให้เธออ่อนโยนกับเขา เขาต้องเรียนรู้ที่จะอ่อนโยนกับเธอก่อน เธอต่างจากผู้หญิงคนอื่น หากเขายังต้องการผู้หญิงตรงหน้า เขาก็ต้องเปลี่ยนตัวเอง
อยู่ๆ ร่างบางก็พลิกตัวขึ้นมาเป็นฝ่ายคร่อมเอวเขา เจคอปตกใจเล็กน้อย ก่อนจะมองร่างเซ็กซี่แสนเร้าใจ แก้มเนียนปรากฏรอยแดงจากความอาย แต่ก็มีแววตามุ่งมั่นในสิ่งที่กำลังคิดจะทำ สาวน้อยช่างดูน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกินในสายตาเจคอป แต่ทว่าร่างบางก็แอบซ่อนความร้อนแรงเอาไว้ เจคอปใจเต้นตึกตักมองการเคลื่อนไหวของคนตรงหน้า เขาปล่อยให้เธอทำตามใจ อยากจะรู้เหมือนกันว่าเด็กไร้เดียงสาอย่างนาเดียจะทำอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้
นาเดียค่อยๆเขย่งตัวขึ้น จ่อหว่างขาให้อยู่ในแนวเดียวกับท่อนลำยักษ์ใหญ่ เธอหย่อนตัวครอบลงบนลำเอ็น ใบหน้าหญิงสาวเหยเกยามที่เจ้าท่อนร้ายเลื่อนตัวเข้าสู่โพรงคับแคบ
“ซี๊ดดด จุก เดียจุก” ร่างเล็กนอนแผ่ทับลงบนตัวเขา สิ้นฤทธิ์ที่เคยคิดจะเป็นฝ่ายควบคุมเกมส์ ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลยแท้ๆ ปล่อยให้เขาคุมเกมส์เช่นทุกครั้งก็จบ เจคอปเหลือบมองคนที่เอาแต่นอนนิ่ง ไม่ยอมขยับตัว ไหนๆเธอก็อุตส่าตั้งใจทำมาจนถึงขนาดนี้ จะปล่อยให้ยอมแพ้ได้อย่างไร มากระตุ้นอารมณ์คนหื่นแล้วก็ต้องจัดการต่อให้จบสิ
เขาประคองร่างบางให้ลุกขึ้นนั่ง “ค่อยๆขยับ เหมือนขี่ม้านั้นแหละ” เขาทำใจเย็นสอนนักเรียนฝึกหัด แต่คนตัวเล็กกลับส่ายหน้าดิก
“หนูไม่เคยขี่ม้า”
เจคอปจึงเปลี่ยนวิธี เขาจับเอวคอดแล้วยกตัวเธอขึ้นลงอย่างเชื่องช้า ปล่อยให้เนื้อนุ่มกับลำเอ็นอ่อนนิ่มได้สัมผัสเสียดสีกันแผ่วเบา ร่างเล็กกัดริมฝีปากด้วยความซ่านเสียว เป็นภาพที่ทำให้เขาพอใจยิ่งนัก เจคอปครางหนักๆในลำคอ รอจนกระทั่งร่างบางจับทางได้ คราวนี้เธอจึงเป็นฝ่ายควบคุมจังหวะด้วยตัวเอง แรกๆก็มีสะดุดบ้าง แต่พอนานไปก็เริ่มร่อนสะโพกได้อย่างชำนาญ
“อ๊าา ซี๊ดดด เสียวจัง ผ.อ.หนูเสียวว อื้อ อื้อ” นาเดียเร่งโหมสะโพกขย่มจนเตียงเหล็กราคาถูกสั่นคลอนเหมือนจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ เขามองเต้าใหญ่หย่อนคล้อยตามแรงโน้มถ่วงกระเด้งตัวขึ้นลง อดเอื้อมมือขึ้นไปบีบเล่นไม่ได้ ความเสียวสยิวที่ถูกปรนเปรอด้วยนิ้วมือผสมกับแรงสวาทที่โถมกายทางเบื้องล่าง ทำให้ร่างบางเกร็งตัวตอดรัดท่อนใหญ่ไว้แน่น ปลดปล่อยความสุขสมจนไหลเยิ้มเปรอะเปื้อน
นาเดียหมดแรงทิ้งตัวลงบนอกเขา เจคอปใช้มือสอดเข้าใต้รักแร้ ให้เธอแอ่นตัวขึ้น ปากร้อนรีบเลียชิมเม็ดสีหวาน ระรัวลิ้นไปมาบนเม็ดแข็งนั้น พลางยกตัวหญิงสาวให้เด้งรับแรงกระแทกหนักหน่วงจากเบื้องล่าง อารมณ์พิศวาทที่ดับมอดไปแล้วกลับมาลุกโชนขึ้นอีกครั้ง นาเดียโอบรัดรอบลำคอไว้มั่น แอ่นหน้าอกให้เขาได้ปรนเปรอถนัด ช่วยเกร็งลำตัวเด้งรับแรงกระแทกอีกแรง เสียงเนื้อกระแทกเนื้อดังประสานกับเสียงครวญคราง เมื่อชายหนุ่มใกล้จะถึงฝั่งฝัน เขารีบประกบริมฝีปาก ดูดเลียด้วยความเร้าร้อน ก่อนจะเกร็งตัวตอบรับการขมิบเกร็งของช่องรัก ปลดปล่อยน้ำเชื้อฉีดเข้าใส่จนเต็มโพรง
“สงสัยฉันคงต้องซื้อยาคุมรายเดือนให้เธอกินแล้วล่ะ กินแบบสองเม็ดบ่อยๆมันไม่ดี” เขาว่าพลางสวมใส่เสื้อผ้า คนตัวเล็กอดสงสัยในคำพูดของเขาไม่ได้
“ทำไมต้องกินแบบรายเดือนด้วยคะ”
แววตาใสซื่อทำเอาใจเขาเต้นแรง
“อยากท้องรึไง มีอะไรกับฉันทุกวัน แถมฉันไม่ได้ป้องกัน เธอก็ต้องกินยาสิ” เขาตอบหน้าตาย
“แล้วผ.อ.จะยังมีอะไรกับหนูแบบนี้ไปเรื่อยๆเหรอคะ” ที่เธอต้องการจะรู้ก็คือ เขาคิดจะมีอะไรกับเธอไปจนถึงเมื่อไหร่ เหมือนคนตัวโตจะเข้าใจ เขาโน้มตัวลงมากระซิบข้างใบหู
“อืม ก็มีไปเรื่อยๆ จนกว่าฉันจะเบื่อนั้นแหละ”
นาเดียชะงัก ความเจ็บปวดแล่นจี๊ดมาที่กลางหัวใจ
“แล้ว แล้วถ้าหนูไม่ยอม” เสียงเล็กสั่นเครือ
“เธอไม่มีสิทธิ์เลือก เธอต้องอยู่กับฉันจนกว่าฉันจะมั่นใจว่าเจมส์มาร์เลิกยุ่งกับเธอ แล้วกลับไปหาคู่หมั้นของเขา” เจคอปเสียงแข็ง เขามองเห็นดวงตากลมของเธอเริ่มมีหยาดน้ำ แต่พลันแววตาอ่อนแอก็หายไป เธอมองตอบเขาอย่างมาดมั่น
“งั้นหนูขออะไรเป็นการแลกเปลี่ยนบ้าง” คนตัวเล็กทำหน้านิ่ง จนเขาต้องยอมฟังเธอ
“ขออะไร?”
“ผ.อ.ห้ามพูดจาว่าร้ายหนู ห้ามดูถูกหนูอีก ห้ามโมโหร้ายใส่หนู แล้วก็ แล้วก็...” น้ำเสียงแข็งกร้าวเริ่มอ่อนกำลังลง เธอเสตามองไปทางอื่น “แล้วก็ระหว่างนี้ ผ.อ.ห้ามไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นอีก ตะ ต้องมีหนูคนเดียว ไม่งั้นหนูจะไปมีคนอื่นบ้าง!”
นาเดียทำใจกล้า สีหน้าจริงจังของเธอทำเอาเจคอปหัวเราะพรวด
“ฉันมีอะไรกับเธอทั้งเช้าทั้งเย็นขนาดนี้ คิดว่าฉันจะมีแรงไปเอากับใครที่ไหนอีกรึไง หือ!?” ใบหน้ามนเห่อร้อนด้วยความเปรมในหัวใจ
“แล้วถ้าเธอไม่อยากทุกข์ทรมานยิ่งกว่าที่ผ่านมา ก็อย่าคิดจะไปอยู่ใกล้ผู้ชายคนไหนเด็ดขาด! เข้าใจไหม” เขาต้อนหญิงสาวไปจนสุดหัวเตียง มองหน้าเธอเพื่อยืนยันคำพูด นาเดียใจเต้นระส่ำ คำที่เธอแกล้งหยอดเพื่อดูอาการของเขา แต่มันกลับได้ผลยิ่งกว่าที่คาด นาเดียพยักหน้ารับด้วยความเต็มใจ ก่อนจะเผยอปากรับจูบนุ่มนวล ไม่ว่าตอนนี้เขาจะเห็นเธอเป็นอะไรก็ตาม ขอแค่เขาอ่อนโยนกับเธอแบบนี้ มีเธอเพียงคนเดียวแบบนี้ เธอก็เต็มใจจะอยู่เป็นเชลยสวาทของเขา จนกว่าเขาจะตีตัวออกห่างจากเธอไปเอง
เจคอปถอนริมฝีปากออก เขาสัมผัสได้ว่ารสจูบของนาเดียเปลี่ยนไป คล้ายเธอจะยอมสยบให้กับเขาแล้ว หัวใจพองโตด้วยความหวัง
“ฉันจะพยายาม… ไม่รุนแรงกับเธอ” น้ำเสียงอ่อนโยนที่สุดเท่าที่เธอเคยได้ยินจากเขา น้ำตาพลันเอ่อคลอขึ้นเต็มเบ้าตา
“จริงเหรอคะ คุณพูดจริงๆเหรอคะ” เสียงสะอื้นของนาเดียทำให้น้ำแข็งที่เกาะกุมหัวใจด้านชาของเขาค่อยๆละลายตัวทีละน้อย เขาประทับจูบแสนหวานแทนคำตอบ สอดประสานเรียวลิ้นเข้าหากันอ้อยอิ่งและเนิ่นนาน หากว่าการที่เขากลายเป็นผู้ชายอ่อนโยน มันจะทำให้เขาได้หัวใจของเธอมาครอบครองจริง ต่อให้การเปลี่ยนแปลงตัวเองมันจะยากลำบากสักแค่ไหน เขาก็จะพยายาม พยายามทำให้ถึงที่สุด!
เสียงบรรเลงบทเพลง Classic จากวง orchestra ชื่อดังระดับโลกกำลังประสานเสียงจากเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดขับกล่อมออกมาในบทเพลง 'Four Season'บทเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะที่ฟังกี่ครั้งก็ยังคงตราตรึงหัวใจคนฟัง เหล่าบรรดาคนดังของประเทศอเมริกา ทั้งนายแบบนางแบบชื่อดัง ทั้งเหล่าคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงบรรดาไฮโซทั้งหลาย ต่างพร้อมใจกันมารวมตัว ณ Hall ขนาดใหญ่ที่จุคนได้นับหมื่น และหนึ่งในบรรดาคนดังเหล่านั้น ก็รวมถึงศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์เจคอป บดินพิทักษ์ นายแพทย์ชื่อดังที่พึ่งได้รับการยกย่องจากองกรค์แพทยสภาของอเมริกาให้เป็นนายแพทย์ผู้มากความสามารถซึ่งเป็นแกนนำหลักสำคัญในการพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะในช่วง 15 ปีนับตั้งแต่ที่เขากลับมาดูแลกิจการต่อจากผู้เป็นบิดา เขาก็ค่อยๆขยายสาขาไปจนครอบคลุมทั่วทุกรัฐในอเมริกา ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฉายา'อาชาแห่งวงการแพทย์'ทั้งๆที่ได้รับเกียรติจากท่านคณะรัฐมนตรีกลาโหมโดยตรงสำหรับตั๋วที่นั่งชั้นลอยระดับวีไอพี แต่แขกคนสำคัญคนดังกล่าวกลับไม่ได้นั่งอยู่ในที่ที่ถูกจัดไว้ให้หลังม่านพลิ้วไหวบนชั้นลอยระดับวีไอพี ปรากฏร่างของชายหญิง
ตอนพิเศษเล็กๆเจคอปผละออกจากร่างบาง “แต่งตัวสิ”เขาลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่ที่ดูเป็นทางการออกมาจากตู้เสื้อผ้า“จะไปไหนเหรอคะ” นาเดียเอ่ยถามด้วยความสงสัย มองแผ่นหลังที่กำลังยัดแขนลงไปในเสื้อเชิ้ต“กลับบ้านเดียไง” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนตัวเล็ก จึงไม่เห็นว่าร่างบางมีสีหน้าอึ้งกับคำพูดของเขาแค่ไหน แต่เขาก็พอจะเดาได้ จึงหันกลับมาทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จ “ไปขอลูกสาวจากท่านทั้งสองไง” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าคนสูงวัยเขาไม่มีเวลามากพอจะจัดพิธีรีตองอะไรมากมาย เพราะอีกไม่นานก็ต้องกลับอเมริกาแล้ว เขาอดใจรอที่จะบอกข่าวดีให้กับพ่อแม่ที่รออยู่ทางโน้นแทบไม่ไหว อายุจนปูนนี้แล้ว พึ่งจะรู้สึกอยากเลี้ยงลูก“ตอนนี้พี่อายุ 37 คงต้องรีบมีน้องอีกคนไวไวแล้วล่ะ เดี๋ยวแก่เกินจะเดินตามลูกไม่ทัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าร่างสูง แต่คนตัวเล็กกลับมีสีหน้าแดงก่ำกับคำพูดชวนทะลึ่ง“บะ บ้าเหรอคะ” นาเดียยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนร่างกายจะถูกโอบอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้น เจคอปถูไถใบหน้ากับหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะประทับจูบอย่างแผ่วเบา “ขอให้เป็นลูกสาวทีเถอะ”เจคอปค่อยๆวางคนตัวเล็กลงบนพื้นอย่างท
ย้อนกลับไปเมื่อราวสองเดือนก่อนหน้านี้…เจคอปรับสายจากทางไกล เป็นหมายเลขที่โทรมาจากอเมริกา“ครับป๊า”“ป๊ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจค ตอนนี้โรงพยาบาลที่อเมริกากำลังเกิดปัญหาอย่างหนัก ป๊าอยากให้ตาเจมส์หรือเจค เราคนใดคนหนึ่งกลับมาดูแลกิจการที่นี่ แต่ใจป๊าอยากให้ตาเจมส์เป็นคนกลับมา เพราะที่นี่ไม่ได้มีสาขามากมายเหมือนที่ประเทศไทย เจ้าคนเสเพลอย่างตาเจมส์คงจะจัดการได้ไม่เหนือบ่ากว่าแรง” เรื่องสำคัญจากปากคนเป็นพ่อทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่ อดนึกถึงน้องชายไม่ได้ จริงอย่างที่พ่อเขาว่า ที่ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่อยู่ใต้อาณัติของครอบครัวเขาอยู่ทั่วเกือบทุกจังหวัด ทำให้ปัญหาและภาระงานที่ต้องรับผิดชอบมีมากมายกว่าที่โน้นมากโข แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...“แล้วเรื่องงานหมั้นระหว่างหนูมินกับตาเจมส์ไปถึงไหนแล้ว ป๊าอยากให้หมั้นเช้าแล้วก็แต่งเย็นไปเลยทีเดียว ตอนตาเจมส์กลับมาจะได้พาหนูมินกลับมาด้วย ซินดี้เขาคิดถึงหนูมินน่าดู” ในที่สุดคำถามที่ผมกลัวคนเป็นพ่อจะถามก็หลุดออกมาจนได้ ทั้งๆที่งานหมั้นระหว่างตาเจมส์กับยัยมินควรจะเสร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว แต่เพราะปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ยังคา
“อ๊ะ พะ... พี่เจค” ไม่ทันที่ร่างบางจะทันได้เอ่ยความใน ปากหนาก็ชิงประกบจาบจ้วงเอาทุกคำที่คิดว่าร่างบางจะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา นาเดียเบิกตามองเขาด้วยความตื่นตะลึง เขาหมายความว่าอะไร เขารู้แล้วเหรอว่าเธอท้อง แต่เขาจะรู้ได้ยังไง“อื้มมม อ่ะ...พะ... อื้มมม” ครั้นจะส่งเสียงอะไรก็ตามที่คิดอยากจะพูด เจคอปจะคอยส่งลิ้นเข้าหาเพื่อห้ามปรามเธอเสียทุกครั้งไป จนร่างบางหมดความพยายามที่จะเอ่ยถามข้อสงสัย ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้ มือเล็กที่เคยดันอยู่ตรงแผงอกเปลี่ยนไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ท่าทางเหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธเรื่องลูกของเขาทำให้นาเดียเกิดความหวังเล็กๆขึ้นในใจเจคอปหลับตาแน่นก่อนจะคำรามออกมาเบาๆเมื่อได้ปลดปล่อยน้ำเชื้อพันธุ์ดีเข้าสู่ร่างกายคนตัวเล็กสมดังตั้งใจ เขาแช่ร่างกายค้างไว้ในตัวเธอ หวังให้ลูกๆนับพันล้านตัววิ่งเข้าไปหาไข่ใบเล็กๆเพียงใบเดียวที่อยู่ในร่างกาย เขาตั้งใจจะผูกมัดเธอด้วยวิธีที่เห็นแก่ตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำสำเร็จไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ตั้งใจแล้ว“ถ้ามีเจคอปน้อยอยู่ในท้องเธอ เธอก็จะหนีพี่ไปไหนไม่ได้อีก” เขากระซิบความในใจแสนชั่วร้ายข้างใบหูคนตัวเล็ก และนั่นทำให้เธ
เปลือกตาปิดสนิทค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นแววตาที่สะท้อนแต่เพียงความเจ็บปวด เขายังไม่ได้หลับ เขาแค่รอดูว่ายัยตัวเล็กกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่เขารู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแล้ว มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าของนาเดียหายไป เขาเหลือบมองไปยังโต๊ะก็พบว่าข้าวของต่างๆของเธอหายไปด้วย เธอกำลังคิดจะไปจากเขาบางทีการที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายอารมณ์ร้อนอย่างเขามันคงทำให้เธอมีแต่ความทุกข์ บางทีสิ่งที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอดมันคงยังไม่ดีพอสำหรับเธอ บางทีความรักของเขามันคงไม่มีค่าพอจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้บางที... เขาคงต้องปล่อยเธอไปเสียทีหัวใจดวงน้อยบีบรัดรุนแรงจนเกิดอาการเจ็บปวดรวดร้าว ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาพร่าเบลอเพราะเจ้าของดวงตามองมันผ่านม่านน้ำตาท้วมท้น นาเดียกวาดตามองไปรอบๆ คอนโดขนาดใหญ่ที่สร้างความทรงจำให้กับเธอมากมายทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา...หญิงสาวค่อยๆปิดเปลือกตาลง คล้ายจะเป็นการตัดใจจากผู้ชายอีกคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดประตูก่อนจะคาทิ้งไว้อย่างนั้นประตูบานเดียวกันนี้ที่เธอเคยเปิดมันออกเพื่อพาตัวเองออกไปจากห้องที่ไม่เคยอยากจะทนอยู่แม้
กิจวัตรยามเช้าระหว่างนาเดียกับเจคอปยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแค่ไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งคู่ไม่มีการเดินจับมือลงมาจากคอนโดไม่มีการจูบลาก่อนจะแยกกันไปทำงานไม่มีการส่งข้อความหาตลอดทั้งวันและไม่มีเธอหลงเหลืออยู่ในสายตาของเขาอีกแล้วก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเจคอปดังขึ้น “เข้ามา”คำอนุญาตจากเจ้าของห้องทำให้คนที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้าไปด้านใน เจมส์มาร์มองพี่ชายของตัวเองกำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโต เจคอปยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่เขาแวะมาเมื่อตอนเช้าก่อนเข้าผ่าตัดไม่มีผิด และสภาพของผู้หญิงอีกคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ ใบหน้าหมองเศร้าไม่ต่างกันเลย นี่คงจะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกสินะ“มีธุระอะไร” น้ำเสียงเย็นชาแบบที่อีกฝ่ายมักจะใช้เวลามีเรื่องทุกข์ใจหรืออยากซ่อนความรู้สึก มีหรือที่คนเป็นน้องอย่างเขาจะดูไม่ออก“เมื่อวานพี่คุยกับนาเดียรึยังครับ” เจมส์มาร์เอ่ยถามโดยไม่เกรงใจ เขานั่งลงโดยไม่รอให้คนตรงหน้าอนุญาต อยู่กับเจคอปมาร่วม 30 ปี พึ่งจะเคยเห็นพี่ชายมีความรัก แล้วน้องชายอย่างเขาจะยอมให้มันพังทลายลงเพียงเพราะความเย็นชาของคนตรงหน้าได้อย่างไร“ไม่มีอะไรต