Share

บทที่ 34 เผชิญหน้าหลงอี้

last update Last Updated: 2025-06-23 00:12:43

หลี่เฟิ่งเซียนเริ่มนับถือพวกเขาทั้งสองคน เหตุใดพวกเขายังมองหน้ากันได้อย่างสบายใจ

เมื่อนางย้อนมองมาที่ตัวเอง นางเพียงทำเรื่องชั่วเล็กน้อยอย่างการแอบกินเต้าหู้ เฉียดๆแก้มของมู่เฉินไปไม่กี่อึดใจ เหตุใดนางถึงรู้สึกว่านางเป็นคนสารเลวแสนชั่วร้าย นางรู้สึกผิดอยู่ทุกวัน จะมองหน้าเขายังไม่กล้า ให้ขอโทษนางก็ยิ่งกลัว กลัวว่าเขาจะยื่นใบหย่าให้นาง!

จากนั้นทุกคนก็นั่งรอ รอให้เป็นไปตามที่ลู่มู่เฉินพูด

ผ่านไปสองชั่วยาม เมื่อหลี่เฟิ่งเซียนลืมตาตื่น ทุกคนก็อยู่หน้าศาลไคฟง จ้าวเหลียงพึ่งจะนำตัวโจรพวกนั้นไปฝากขังในคุก เดินมาถึงรถม้าก็เห็นว่าหลี่เฟิ่งเซียนฟื้นแล้ว

"คุณหนูใหญ่" เขาประสานมือคำนับ

"จับพวกมันได้ทั้งหมดหรือไม่"

"ขอรับ"

"ดี ข้าจะเข้าวัง" หลี่เฟิ่งเซียนบอก

"แล้วท่านเขยและทุกคน จะให้ทำอย่างไรขอรับ" จ้าวเหลียงถาม

"พาไปที่จวน ข้าหารือกับฮ่องเต้เสร็จแล้วค่อยกลับ ฝากเจ้าดูแลพวกเขาด้วย"

"ขอรับ" จ้าวเหลียงตอบ

หลี่เฟิ่งเซียนลงจากรถม้า นางเดินไปขึ้นม้าของจ้าวเหลียง แล้วควบขี่แยกทางจากไป จ้าวเหลียงรับหน้าที่พาทุกคนกลับจวนแม่ทัพหลี่

หลี่เฟิ่งเซียนเข้าไปในวังขอเข้าพบฮ่องเต้ทั้งที่เป็นเวลาเย็นมากแล้ว ทั้งขันทีน้อยและทหารยามเฝ้าประตูต่างไม่ยอมให้นางเข้าไป หลี่เฟิ่งเซียนพูดอย่างไรก็แล้ว แต่ไม่มีใครยอมให้นางเข้าไป ในเมื่อเหตุการณ์ยังเป็นเช่นนี้ นางพยายามเป็นคนดีพูดจารู้เรื่องแล้วไม่เป็นผล นางจึงอาละวาด สวมบทบาทคุณหนูใหญ่ที่นางเคยเป็น 

ขันทีน้อยจึงรีบวิ่งกลับเข้าไปรายงาน ทว่าคนที่ออกมาต้อนรับนางกลับกลายเป็นขันทีหลงอี้

"คุณหนูใหญ่ ฮ่องเต้ให้ข้าน้อยมารับท่าน" ขันทีเจ้าเล่ห์พูด

หลี่เฟิ่งเซียนไม่ตอบและไม่คิดจะทักทาย นางมองเขาอย่างเคียดแค้น ขันทีเฒ่ากลับไม่ใส่ใจ ผายมือให้นางเดินตามเขาไป หลี่เฟิ่งเซียนอดทนเดินตามไปได้สักพัก ในที่สุดนางก็ทนเก็บความคับข้องใจไม่ไหว

"เสแสร้งได้ดีนี่ ข้าขอนับถือ" หลี่เฟิ่งเซียนพูด

"คุณหนูใหญ่พูดเรื่องอะไร ข้าน้อยไม่เข้าใจขอรับ" เขาตอบ

"ขอโทษด้วยข้าเสแสร้งไม่เก่ง แต่ข้าสาบาน ใครที่มุ่งร้ายกับข้า ข้าไม่คิดจะปล่อยมันเอาไว้" นางข่มขู่ทั้งที่ตัวเองก็กลัวมาก 

"คุณหนูใหญ่คิดมากไปแล้ว ไม่มีใครทำอะไรคุณหนูใหญ่ได้หรอกขอรับ คุณหนูใหญ่เป็นคุณหนูใหญ่ของจวนแม่ทัพหลี่ ผู้ใดมันจะกล้า นอกเสียจาก..คุณหนูใหญ่จะเผลอไปเหยียบสิ่งที่ไม่ควรเหยียบ ด้วยความเป็นห่วง คนแก่เช่นข้าขอบังอาจสั่งสอนคุณหนูใหญ่ว่า หากจะเดินก็ควรมองเท้าให้ดีๆ" ขันทีหลงอี้ข่มขู่ทั้งที่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า

“ดินอยู่บนพื้น ข้าเดินอยู่ดีๆ เหยียบพื้นก็เป็นความผิดของข้าหรือ” นางตอบ

“หึ” หลี่เฟิ่งเซียนได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ นางหวาดกลัว แต่ยังพยายามอดทนไว้ กำกระโปรงของตัวเองไว้แน่น เดินต่อไปไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองขันทีเฒ่า

‘สารเลวนัก เมื่อบ่ายยังส่งคนไปฆ่าปิดปากข้า ยามนี้กลับทำเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น ข้านับถือเจ้าจริงๆ คอยดูเถิดว่าข้าจะเปิดโปงเจ้าอย่างไร’ หลี่เฟิ่งเซียนคิด

เมื่อนางเข้าไปถึง ฮ่องเต้กำลังบอกให้นำอาหารขึ้นโต๊ะ เมื่อนางทำความเคารพเขาแล้ว เขาจึงชวนนางให้อยู่ทานอาหารเย็นด้วยกันเสียเลย

หลี่เฟิ่งเซียนตั้งแต่เล็กนางก็ได้รับความรักความเอ็นดูจากฮ่องเต้มาก บางครั้งเขาก็ยังแอบหนีออกไปหานางที่จวนแม่ทัพหลี่ มีอะไรที่เป็นของดี ไม่กระทบต่องานราชการ ฮ่องเต้ก็จะส่งมอบให้นาง อาหารที่นางชอบเขาจะส่งให้นางทุกเดือน ราวกับนางเป็นลูกอีกคนของเขาก็ไม่ปาน 

คนในวังหลังหลายคนจึงไม่ค่อยชอบใจนางเท่าไหร่นัก วันนี้เพิ่งกลับมาถึงเมืองหลวง นางก็ได้นั่งโต๊ะร่วมอาหารกับฮ่องเต้แล้ว หลายคนอยู่ในวังหลังมานานยังไม่เคยได้ร่วมโต๊ะกับฮ่องเต้สักครั้ง 

"เซียนเซียนเดินทางมาเหนื่อยๆ ไปอยู่ชายแดนมาตั้งหลายเดือน ดูสิเจ้าผอมไปหมดแล้ว มาๆ ต้องรีบกินเยอะๆ จะได้กลับมาสวยเช่นเดิม" ฮ่องเต้ว่า

แต่หลี่เฟิ่งเซียนมองดูอาหารหลายร้อยจานบนโต๊ะแล้วนางกลับรู้สึกหนักหน่วงในอก

"เป็นอะไรรีบมานั่งสิ" ฮ่องเต้พูด

"ฝ่าบาทหม่อมฉันมีเรื่องขอร้อง ขอพระองค์ได้โปรดรับฟัง" หลี่เฟิ่งเซียนคุกเข่าลงไปหัวโขกพื้น

"เด็กคนนี้นี่ รีบลุกขึ้นมา มีอะไรก็ค่อยๆพูด" 

"ฝ่าบาทที่หม่อมฉันเร่งรีบมาที่นี่ เพราะมีเรื่องสำคัญไม่พูดไม่ได้เพคะ" หลี่เฟิ่งเซียนยืนยัน

"เฮ้อ เอาเถิด เจ้าลุกขึ้นมาแล้วค่อยพูด" ฮ่องเต้ถอนหายใจ

หลี่เฟิ่งเซียนลุกขึ้นมานั่งที่โต๊ะไม่ห่างจากฮ่องเต้

"เซียนเซียนโตแล้วสินะ เจ้าถึงกับมีเรื่องเดือดร้อนที่อยากจะให้ข้าช่วยแล้ว คงเป็นเรื่องที่แม้แต่คุณหนูใหญ่ก็ทำสิ่งใดไม่ได้ ใช่หรือไม่" เขาพูดพร้อมกับหยิบตะเกียบขึ้นมา ยื่นไปคีบอาหารจานละเล็กละน้อยใส่ในถ้วยส่วนตัว

"ใช่แล้วเพคะ ต่อให้มีหม่อมฉันอีกสิบคน ก็ยังทำสิ่งใดไม่ได้ เรื่องนี้ต้องเป็นพระองค์เท่านั้นเพคะ" 

หลี่เฟิ่งเซียนก้มหน้ามองอาหารเหล่านั้น ในหัวก็นึกย้อนภาพเหตุการณ์ต่างๆที่นางเจอ ตั้งแต่โดนจับไปจนถึงได้พบกับอาหง ฮ่องเต้ยื่นถ้วยของเขามาตรงหน้าของหลี่เฟิ่งเซียน ในนั้นมีอาหารอร่อยอยู่เต็มไปหมด

"ไหนลองว่ามาสิ" ฮ่องเต้พูดพร้อมกับโบกมือเรียกให้ขันทีเอาถ้วยใบใหม่มาให้เขา

จากนั้นหลี่เฟิ่งเซียนก็หยิบตะเกียบคีบอาหารในถ้วยที่ฮ่องเต้เพิ่งจะยื่นให้ นางกินไปด้วยเล่าเรื่องราวที่ตัวเองพบเจอไปด้วย ไม่สนใจมารยาทในวังที่ควรกระทำทำใดๆทั้งสิ้น เหล่าขันทีที่รับใช้ก็ไม่กล้าพูดสิ่งใด ในเมื่อฮ่องเต้ยังนั่งอยู่ตรงนี้และเขาก็ทำเพียงพยักหน้าชื่นชมนางไม่พูดสิ่งใด

เมื่อหลี่เฟิ่งเซียนพูดจบ อาหารในถ้วยของนางก็หมดแล้วเช่นกัน หลังจากออกจากคุกใต้ดินครั้งนั้น ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด นางไม่เคยกินอาหารทิ้งๆขว้างๆอีกเลย มีเท่าไหร่นางก็อยากกินให้หมด มีสิ่งใดนางก็กินสิ่งนั้น

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • คุณหนูใหญ่ได้สามีอัปลักษณ์   บทที่ 50 ภรรยาผู้อื่นยืนอยู่ตรงนี้

    เรื่องราวในคืนนั้น ความหอมหวานที่เขากอดกกนาง รสจูบ ความนุ่มนิ่มนุ่มนวล ทุกอย่างทำให้เขาไม่กล้าเดินไปที่เตียงนั่น แม้บนเตียงนั้นจะเปลี่ยนผ้าปูผ้าห่มใหม่ทั้งหมดแล้วก็ตาม เขายังคงรู้สึกว่ากลิ่นหอมหวานจากตัวนางยังคงติดอยู่ที่จมูก'ตัวเจ้าหอมมาก' คำพูดของหลี่เฟิ่งเซียนลอยมา นางเคยพูดชมเขาเช่นนั้นหลายครั้งแล้ว เขาไม่แน่ใจว่านางได้กลิ่นอันใดทั้งที่บนตัวเขามีแต่กลิ่นยา เขาเองก็อยากจะบอกกับนางว่า 'ตัวเจ้าหอมน่ากินมาก' เพราะบนตัวของนางมีกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายดอกไม้ผสมกลิ่นบางอย่างคล้ายหนิวหน่าย[1] ต้มผสมน้ำผึ้ง เป็นอาหารของชาวอิ่นตู้ที่เขาเคยได้ลิ้มลองเมื่อครั้งยังท่องเที่ยวไปทั่ว มันอร่อยและหอมติดจมูก ดังนั้นเมื่อเขาได้กลิ่นนี้จากตัวนาง เขาจึงรู้สึกน้ำลายสอ อยากจะกลืนกินครั้งแล้วครั้งเล่า เสียดายก็แต่เขาพูดออกไปเช่นนั้นไม่ได้ ในที่สุดลู่มู่เฉินก็ดึงผ้าห่มจากเตียงและลงไปนอนบนพื้นแทน เขาไม่รังเกียจที่จะนอนบนพื้นเพราะเขาเคยนอนในที่ที่ลำบากมากกว่านี้ พื้นแข็งๆที่ทำจากไม้ขัดมันอย่างดี ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการนอนหลับของเขาลู่มู่เฉินนอนหลับด้วยความยากเย็นเพราะมัวแต่คิดถึงนาง ในขณะที่หลี่เฟิ่งเซียนแทบ

  • คุณหนูใหญ่ได้สามีอัปลักษณ์   บทที่ 49 เรียนรู้การเข้าหอ

    “มันก็ไม่ใช่ฉี่เช่นนั้น มันออกมานิดเดียว ไม่ได้เปื้อนผ้าห่ม แต่ก็เปื้อนตามขาด้านใน จับต้องได้ เพราะมันเหนียวๆ ใสๆ” หลี่เฟิ่งเซียนหน้าทั้งร้อนทั้งแดง เรื่องน่าอายเช่นนี้นางไม่เคยพูดกับใคร แต่หากเป็นเช่นคืนนั้นอีก ตอนเขากำลังเข้าหอกับนาง นางไม่รู้ว่าจะรับมือเช่นไร สู้อับอายกับอาหงยังดีเสียกว่า อย่างน้อยนางข่มขู่อาหงได้“หรือว่า..ที่จริงแล้วข้ากำลังป่วยอยู่” หลี่เฟิ่งเซียนพูดออกไปเมื่อคิดได้บางอย่าง นางเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา“ห๊ะ! เอ่อ ไม่สิ ไม่ใช่ ให้ข้าถามก่อนเจ้าอย่าเพิ่งโวยวาย....ฉี่ที่เจ้าพูดนั้น มันใสๆ เหนียวเล็กน้อย และออกมาจากผลท้อของเจ้า เจ้า..เจ้าเคย..กับท่านเขยแล้วหรือ” อาหงพยายามสรรหาคำพูดที่ฟังแล้วไม่น่าเกลียดเกินไปมาถาม“เคยอะไร ข้าไม่เคยสักครั้ง เราสองคนยังไม่เคยเข้าหอ หากเคยไปแล้วข้าจะมานั่งกลุ้มใจเช่นนี้หรือ” หลี่เฟิ่งเซียนตัดพ้อ“เจ้าไม่เคยแล้วน้ำใสๆ นั่นจะออกมาได้อย่างไรกัน” อาหงขมวดคิ้วแน่น“ก็นั่นสินะ ข้า ข้ากำลังป่วยใช่หรือไม่” หลี่เฟิ่งเซียนสลดยิ่งนัก“แล้วน้ำนั่น ไหลมาตอนไหนหรือ” อาหงซักอย่างละเอียด“ห๋า เอ่อ ก็ ..ก็หลังจากที่เขา ..เขา..เขากัด” หลี่เฟิ่งเซียนอธิบาย

  • คุณหนูใหญ่ได้สามีอัปลักษณ์   บทที่ 48 เรียนรู้เรื่องในห้องหอ

    เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินเขาพูดครั้งเดียวยาวๆเช่นนี้ หลี่เฟิ่งเซียนพูดไม่ออกได้แต่นิ่งฟัง“ที่ท่านย่าไม่ชอบข้า นั่นก็เพราะนางรักเจ้ามาก อยากให้เจ้าได้แต่งงานกับผู้ที่จะดูแลเจ้าได้ ผู้ที่จะสามารถแบกตระกูลหลี่ไว้บนบ่า แต่เจ้ากลับคว้าเอาใครไม่รู้เช่นข้ามาแต่งงาน ทั้งอัปลักษณ์ ทั้งพิการ นางเพียงกลัวว่าภายภาคหน้าเจ้าจะลำบาก หากว่าท่านแม่ทัพไม่อยู่แล้ว” ลู่มู่เฉินเข้าใจความคิดของท่านย่าเป็นอย่างดี และไม่โทษผู้ใดที่เขามีชีวิตเช่นนี้ “แต่ว่า..เจ้าจะเจ็บมือหากอยู่ในที่เย็นๆ” นางยังคงเป็นห่วงเขา แม้จะเริ่มเข้าใจสิ่งที่เขาพูด“ไม่ต้องห่วง ข้ามีกล่องเข็มของเจ้าช่วยชีวิตแล้ว เวลาที่รู้สึกเจ็บ ข้าสามารถฝังเข็มที่มือบรรเทาความเจ็บได้” เขาตอบอย่างอ่อนโยน“เจ้า พูดจริงหรือ เจ้าย้ายไปอยู่ในห้องดีๆก็ได้ จวนของข้าสามารถดูแลเจ้าได้ ไม่จำเป็นต้องประหยัดเพียงนั้น เจ้า ..ข้าไม่ได้รังเกียจเจ้า” หลี่เฟิ่งเซียนยังดื้อดึง คำพูดท้ายๆนางไม่กล้าสบตาเขาเพราะความเขินอาย จึงก้มหน้าลงบิดมือไปมา“อย่าเหลวไหล ถึงจวนของเจ้าจะมีเงินมากมาย แต่ก็ต้องรู้จักรักษา และหามาเพิ่ม พรุ่งนี้เจ้าควรไปขอโทษท่านย่าด้วย เข้าใจหรือไม่” เข

  • คุณหนูใหญ่ได้สามีอัปลักษณ์   บทที่ 47 ยังไม่หลับ

    “รีบลุกขึ้นมา เจ้าไม่สบายอยู่ เดี๋ยวจะอาการหนักกว่าเก่า” หลี่เฟิ่งเซียนเป็นห่วงสามี“อย่าเหลวไหล ท่านย่าทำโทษเจ้าอยู่ อย่างไรข้าย่อมต้องรับโทษแทนเจ้า เจ้าอย่าทำให้ท่านโกรธอีก” ลู่มู่เฉินดุนาง หลี่เฟิ่งเซียนก็เงียบตามเขาพูด นั่งลงข้างๆเขา“เจ้าไม่ต้องทำเช่นนี้ มีข้ารับโทษแทนเจ้าแล้ว เมื่อวานเจ้าเหนื่อยทั้งคืน หากยังต้องมานั่งคุกเข่าตากอากาศเย็นตอนกลางคืน เจ้าจะไม่สบายได้” เขาพูดอย่างอ่อนโยนกับนางลู่มู่เฉินพูดถึงเรื่องที่นางชกต่อยจนชายชาตินักรบผู้หนึ่งอย่างจ้าวเหลียงต้องนอนรักษาตัวลุกไม่ขึ้น แต่หลี่เฟิ่งเซียนกลับนึกไปถึงเรื่องที่เขาทำให้นางอ่อนระทวยจนไม่มีแม้แต่แรงขยับตัว นางรู้สึกแก้มสองข้างร้อนๆ กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เพราะมืดแล้ว สาวใช้ที่ยืนรอบๆต่างไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของคุณหนูใหญ่ แต่ไม่ใช่ลู่มู่เฉิน เขารับรู้ถึงความเขินอายของนางได้ คราแรกเขาไม่แน่ใจว่าเหตุใดจู่ๆนางจึงเขินอาย แต่เมื่อนึกย้อนทบทวนคำพูดของตัวเองแล้ว เขารู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อยในความชวนให้เข้าใจผิดของคำพูดนั้น สองสามีภรรยาโง่งมต่างเขินอายโดยไม่มีผู้ใดรับรู้เพล้ง!! เสียงถ้วยกระเบื้องแตกดังออกมาจากเรือนของ

  • คุณหนูใหญ่ได้สามีอัปลักษณ์   บทที่ 46 คุกเข่า

    หลี่เฟิ่งเซียนรีบร้อนไปรับยู่ยี่กลับมา แต่พอไปถึงที่พักของคนใช้นอกจวน นางก็ได้รับรู้ว่ายู่ยี่ไม่ได้อยู่ในที่พักนี้ ยู่ยี่ถูกบังคับให้ไปเช่าบ้านอยู่ และวันนี้นางก็ต้องไปซักผ้าที่แม่น้ำ หลี่เฟิ่งเซียนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางยิ่งรู้สึกผิดต่อยู่ยี่ที่พามาลำบากอยู่ในเมืองหลวง หลี่เฟิ่งเซียนสัญญากับตัวเองว่าหากพานางมาได้แล้วจะดูแลนางให้ดีขึ้นเรื่องนี้ หรือเรื่องสามี ทั้งสองเรื่องผิดที่ตัวนาง นางเป็นคนพาพวกเขามาแต่ไม่ดูแลพวกเขา คิดว่าท่านย่ารักนางอย่างไรก็จะดูแลคนของนางให้ดี ที่ไหนได้ท่านย่ากลับเห็นคนไม่เท่ากัน บ่าวก็ยังเป็นบ่าว บ่าวก็ยังแบ่งกันเป็นหลายชั้น สูงต่ำกันไปตามมารยาทที่ได้รับฝึกสอนอีก ส่วนเขยของจวนแม่ทัพอย่างลู่มู่เฉิน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าท่านย่ารังเกียจเขาเพียงใด บังคับให้เขาอยู่ในห้องมืดๆ ผนังไม่ดี ลมเย็นพัดเข้ามาได้ตลอดคืน ผ้าห่มฟู่ปูนอนก็เป็นของเก่า ทั้งที่นางก็บอกไปแล้วว่าเขาป่วยอยู่ในห้องที่มีอากาศเย็นนานๆไม่ได้ นางไม่อาจไม่รับความผิดนี้ นางจะชดเชยให้พวกเขาหลี่เฟิ่งเซียนควบขี่ม้าไปรับยู่ยี่ที่แม่น้ำ ทันทีที่นางเห็นคุณหนูใหญ่ ยู่ยี่ก็ร้องไห้ออกมายกใหญ่ ทั้งด่าทั้งบ่นคุณหนูใหญ่

  • คุณหนูใหญ่ได้สามีอัปลักษณ์   บทที่ 45 นอนในห้องของสามี

    มือเย็นยะเยือกที่ไร้เนื้อหนัง บนหลังมือยังเต็มไปด้วยตุ่มใส เล็บยาวสีแดงน่ากลัว คืบคลานเข้าหาตัวนางทีละเล็กทีละน้อย มือข้างนั้นดึงเสื้อผ้าของนางขาดจนไม่เหลือชิ้นดี หลี่เฟิ่งเซียนตัวแข็งทื่อคล้ายโดนพิษขยับไม่ได้มือที่มีเพียงกระดูกนั้นผลักนางด้วยความแรงชนิดที่นางคิดไม่ถึง ตัวนางล้มลงไปบนกองฟางเปียกชื้น มันทั้งเหม็นทั้งคัน นอกจากกองฟางนั้นแล้วรอบๆ มีแต่สิ่งปฏิกูล นางร้องขอความช่วยเหลือแต่อ้าปากไม่ได้ ทั้งห้องอับชื้นมีเพียงแสงสว่างสายหนึ่งส่องเข้ามาจากด้านบนนางรู้สึกได้ถึงริมฝีปากที่งับเบาๆ แถวปลายคาง ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปตามผิวเนื้อวิ่งตรงไปที่ท้องน้อยของนาง ก่อนจะทำให้ผลท้อชมพูของนางสั่นระริกราวกับโดนไฟลวก สองมือที่มีแต่กระดูกตระกองกอดนาง บีบบังคับให้นางต้องแอ่นอกไปชิดโครงร่างผอมแห้ง ลิ้นชื้นแฉะเลียไปตามคอระหง วกกลับไปดูดริมฝีปากล่างของนางเบาๆ แต่นางยังรู้สึกเจ็บมากหลี่เฟิ่งเซียนกลัวจับใจ แต่ร่างนั้นยังคงกอดกัดนางต่อไป มันกัดริมฝีปากของนางจนเปื่อยก่อนจะผลักนางล้ม ฉีกกระชากตู้โตวของนาง ก่อนจะทาบทับลงไปบนหน้าอก นางรู้สึกถึงยอดถันชมพูที่กำลังเสียดสีกับโครงกระดูก ก่อนที่โครงกระดูกจะโน้มตัว

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status