Masukมือหนาแหวกร่องอวบนั้นออกจนเห็นเนื้อสีชมพูด้านใน เขาอดใจไม่ไหวก้มลงเลียไล้มันไปมาแล้วดึงดูดเมล็ดดอกไม้ด่านล่างนั้นอย่างรุนแรงจนมันบวมเป่งทันที เขาดูดดึงจนร่างอวบเสียวซ่านจนทนไม่ไหว โยกสะโพกอวบนั้นเข้าใส่ใบหน้าคมคายเป็นจังหวะอย่างร่านร้อน
แม่ทัพเฉินก็ดูดดึงไล้เลียอย่างเอร็ดอร่อยจนกระทั่งสะโพกอวบกระตุกเกร็งเสร็จสมไปทันที ร่างหนาเห็นดังนั้นจึงผุดลุกขึ้นถอดเครื่องแต่งกายชุดในของเขาออกจนหมดกาย
แล้วชักรูดลำกายใหญ่นั้นจนมันพรักพร้อมแล้วจึงสอดใส่เข้าไปในร่องอวบอิ่มนั้นอย่างช้า ๆ แล้วหยุดเพื่อให้นางปรับตัวด้วยเขารู้ว่านางยังมิเคยชาย และเขาเองก็ปวดลำกายอย่างมากที่ร่องอวบนั้นบีบรัดเขา จนเมื่อน้ำหวานเริ่มไหลชะโลมลำกายใหญ่ของเขาอีกครั้งจนทั่วเขาจึงค่อยๆดันมันเข้าไปจนสุดทาง
คนใต้ร่างหวีดร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวด
“อ๊าย อ๊ายเจ็บจังเลย เจ็บ ท่านอาข้าเจ็บ อ๊าย ”
แม่ทัพเฉินจุ๊ปากเบาๆปลอบโยนนาง เขาก้มลงบดจูบนางอย่างดูดดื่มจนนางเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบนั้นเขาจึงเริ่มขยับลำกายใหญ่เข้าออกช้าๆ เร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งเริ่มกระแทกนางอย่างรุนแรงเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้อง ตับ ตับ ตับ ตับ เตียงหนาหนักนั้นสั่นไหวรุนแรงดังเอี๊ยดอาดตามจังหวะกระแทกของร่างใหญ่ หัวเตียงกระทบผนังดังกราวๆสนั่นห้อง ทั้งสองครวญครางผสานกันอย่างอย่างเสียวซ่าน
“ อ๊าย อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ อ๊าก อ๊าก ”
แม่ทัพเฉินยิ่งกระแทกนางรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งทั้งสองกระตุกเกร็งเสร็จสมไปพร้อมๆกัน ร่างหนาทรุดลงนอนข้างร่างอวบนั้นเขาดึงนางเข้าสู่อ้อมกอดแกร่ง อิงฮัวซุกตัวในอ้อมกอดอุ่นนั้น
“ ท่านอาขา ข้าเป็นของท่านอาแล้ว ”
ร่างหนาก้มลงมองหน้านางเขาบดจูบนางอย่างดูดดื่มแล้วนอนกอดกันหลับผล็อยไป
รุ่งสางอิงฮัวรู้สึกตัวตื่นขึ้นเพราะความเสียวซ่านอย่างเกินทานทน นางลืมตาขึ้นเห็นสามีหมาดๆของนางกำลังโยกขย่มนางอย่างรุนแรง นางตื่นเต็มตาแล้วจึงโยกสะโพกอวบรับแรงกระแทกของเขาอย่างเร่าร้อน
ทั้งสองต่างโยกขย่มกันอย่างรุนแรงเหมือนโหยหากันและกันมานาน ต่างผลัดกันรุกผลัดกันรับ อิงฮัวตามใจบุรุษที่นางรักเต็มหัวใจ ยอมหมดทั้งกาย เขาจับนางพลิกไปในท่าไหนนางก็ยินยอมตามใจเขาไปทั้งนั้น ทั้งสองพากันท่องไปตามที่ต่างๆในห้องนั้นจนกระทั่งไปหยุดที่ถังอาบน้ำใบใหญ่นั้น
นางโยกขย่มร่างหนาอย่างเร่าร้อนรุนแรง เขาก็ดูดดึงยอดอกนางอย่างเอร็ดอร่อยน้ำกระเพื่อมจากแรงกระแทกนั้นจนกระจายเต็มพื้นรอบๆถัง อิงฮัวกระแทกสะโพกอวบขย่มคนใต้ร่างจนกระทั่งทั้งสองกระตุกเกร็งเสร็จสมไปพร้อมๆกันจึงช่วยกันอาบน้ำให้กันและกัน
เมื่อเสร็จแล้วแม่ทัพเฉินช้อนอุ้มร่างอวบนั้นขึ้นมาเขาคว้าเสื้อคลุมของเขาให้นางใส่ไปพลางๆ ก่อน แล้วอุ้มนางไปนั่งที่โต๊ะกลางเพื่อจะกินอาหารเช้าที่มันเลยเวลาจนถึงเที่ยงแล้ว
สาวใช้ทะยอยลำเลียงนำอาหารเข้ามาวางให้ในห้องนั้น ต่างแอบชำเลืองมองใบหน้าหวานที่แดงระเรื่อด้วยอับอายสายตาสาวใช้ที่นางกับท่านอามีอะไรกันเสียงดังลั่นไปหมด ร่างหนากระแอมเบาๆสาวใช้ต่างรีบนำจานอาหารลงวางทันทีจนครบถ้วนแล้ว รินน้ำชาใส่จอกที่วางตรงหน้าทั้งคู่ แล้วรีบออกไปกันอย่างรวดเร็ว
อิงฮัวคีบกับข้าวใส่จานให้สามีหมาดๆของนาง อิงฮัวเจ็บปวดระบมไปทั่วทั้งกายของนางจนแทบเดินไม่ไหว แต่นางก็ยินดีด้วยนางได้สมรักได้เป็นของบุรุษที่นางเฝ้าแอบรักเขามาหลายปี
“ เจ้ารีบกินเถอะนะไม่ต้องคีบให้อาหรอก แล้วเดี๋ยวจะให้บ่าวเอาเครื่องแต่งกายของเจ้ามาผลัดเปลี่ยนจะได้กลับเรือนของเจ้า เรื่องนี้อย่าได้แพร่งพรายให้ใครรู้ ต่อไปเราอย่าใกล้ชิดกันต่อหน้าผู้อื่น อาไม่อยากให้คนนอกรู้ว่าเราเป็นผัวเมียกันแล้ว ”
อิงฮัวเงยหน้าขึ้นทันควัน ท่านอาอับอายที่ได้เสียกับข้าเช่นนั้นหรือ ต้องปิดบังไม่อยากให้ผู้อื่นรู้เช่นนั้นหรือ แล้วมามีอะไรกับข้าทำไมกันเล่า นางอึ้งงันกับวาจาหักหาญน้ำใจนางนั้น
“ มีข้าเป็นเมียมันน่าอับอายนัก ต่อไปอย่ามายุ่งกับข้าอีกก็แล้วกัน ”
นางเอ่ยขึ้นพลางลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารนั้น
“อาไม่ได้หมายความเช่นนั้น เจ้าเข้าใจผิดไปนะ เพียงไม่ต้องการให้ผู้ใดรู้ อาเป็นแม่ทัพใหญ่มีคนนับหน้าถือตามากมาย มาได้เด็กที่ตนเองอุปการะเป็นเมียมันน่าอับอายยิ่งนัก อาคงจะเปิดเผยไปให้ใครรู้มิได้หรอก ”
อิงฮัวน้ำตาไหลรินเป็นสาย นางพูดแทบไม่ออกจึงได้แต่เดินหลังตรงออกจากห้องโดยไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีก
หลายวันผ่านไปนางหลบหน้าเขาพยายามทำตัวมีธุระยุ่งเข้าไว้ หากเขาให้บ่าวมาตามนางก็จะหาข้ออ้างเรื่อยไป ไม่ต้องการพบเขา นางคิดอยากไปจากที่นี่แต่ด้วยนางมิมีที่พึ่งพาที่ไหน จะไปอยู่กับใครกัน
แล้วหากจะออกไปจากที่นี่ต้องไปหาซื้อจวนอยู่ซึ่งนางมิมีเงินมากมายเพียงนั้น และไม่มีหนทางหาเงินอีกด้วย จึงได้แต่คิดไว้ในใจ หากนางมีหนทางก็จะขอไปจากที่นี่นางไม่อยากจะพบกับเขาอีกแล้ว
บ่ายวันหนึ่งมีหญิงนางหนึ่งมาหาท่านแม่ทัพเฉินที่จวนนางบอกว่าชื่อหยางลี่ผิง นางเป็นบุตรีของสหายบิดามารดาของท่านแม่ทัพที่เสียไปแล้ว นางเพิ่งมาทำการค้าที่เมืองนี้กับบิดาของนางที่เป็นคหบดีใหญ่เมืองที่ห่างจากที่นี่ข้ามไปอีกสามเมืองด้วยกัน ใช้เวลาเดือนทางสามวัน
เมื่อมาถึงจัดการเรื่องร้านค้าสาขาของนางที่เปิดใหม่แล้วจึงได้เดินทางมาพบคู่หมายที่บิดามารดาของเขาและบิดาของนางได้เคยพูดจากันไว้เมื่อนานมาแล้ว เมื่อบ่าวมาเชิญนางให้เข้าไปพบท่านแม่ทัพเฉินที่รออยู่ที่ห้องโถงกลางหน้าเรือนใหญ่
นางจึงเดินเข้าไปพบเขาทันที เมื่อพบหน้าเขาครั้งแรกหยางลี่ผิงตะลึงงันเขาหล่อเหลา สูงสง่าองอาจสมชายชาตรียิ่งกว่าที่นางคิด นางจึงปักใจว่าจะต้องได้เขาเป็นสามีของนางให้ได้
เมื่อนั่งลงสนทนากันนางจึงบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขารับรู้และบอกว่าบิดาของนางจะเดินทางมาจากบ้านเกิดของนางในอีกสามวันจะพามาพบทำความรู้จักกับเขาทันที แล้วถามว่าเขาพอจะจำบิดาของนางได้หรือไม่ แม่ทัพเฉินทบทวนความทรงจำยามเด็ก
เขาพลันนึกออกแล้วบิดาของนางคือท่านอาหยางนั่นเอง เขาเคยพบและสนิทสนมกับท่านอาหยางเมื่อครั้งเขายังเด็กจนถึงวัยหนุ่มน้อยแต่หลังจากนั้นท่านอาหยางก็เดินทางไปทำการค้าที่ต่างเมืองและไม่กลับมาอีกเลยจนกระทั่งบิดามารดาของท่านแม่ทัพเสียด้วยอุบัติเหตุจึงขาดการติดต่อกันไป
เขารับทราบความประสงค์ที่นางบอกว่าบิดามารดาของเขาต้องการให้เขาหมั้นหมายและตบแต่งกับนาง เขาพลันคิดว่าก็ดีเหมือนกันจะได้ตบแต่งนางออกหน้าไม่ต้องเป็นที่ครหาของผู้อื่นว่าเขาได้เด็กในอุปการะเป็นเมีย ส่วนอิงฮัวนั้นเขาจะให้เป็นเมียลับ ๆ ของเขาเก็บไว้ในจวนและติดตามยามเขาออกไปชายแดน แต่คงจะให้แต่งเป็นฮูหยินออกหน้ามิได้เพราะเกรงจะเป็นที่ครหาของผู้อื่นได้
มือหนาแหวกร่องอวบนั้นออกจนเห็นเนื้อสีชมพูด้านใน เขาอดใจไม่ไหวก้มลงเลียไล้มันไปมาแล้วดึงดูดเมล็ดดอกไม้ด่านล่างนั้นอย่างรุนแรงจนมันบวมเป่งทันที เขาดูดดึงจนร่างอวบเสียวซ่านจนทนไม่ไหว โยกสะโพกอวบนั้นเข้าใส่ใบหน้าคมคายเป็นจังหวะอย่างร่านร้อนแม่ทัพเฉินก็ดูดดึงไล้เลียอย่างเอร็ดอร่อยจนกระทั่งสะโพกอวบกระตุกเกร็งเสร็จสมไปทันที ร่างหนาเห็นดังนั้นจึงผุดลุกขึ้นถอดเครื่องแต่งกายชุดในของเขาออกจนหมดกายแล้วชักรูดลำกายใหญ่นั้นจนมันพรักพร้อมแล้วจึงสอดใส่เข้าไปในร่องอวบอิ่มนั้นอย่างช้า ๆ แล้วหยุดเพื่อให้นางปรับตัวด้วยเขารู้ว่านางยังมิเคยชาย และเขาเองก็ปวดลำกายอย่างมากที่ร่องอวบนั้นบีบรัดเขา จนเมื่อน้ำหวานเริ่มไหลชะโลมลำกายใหญ่ของเขาอีกครั้งจนทั่วเขาจึงค่อยๆดันมันเข้าไปจนสุดทาง คนใต้ร่างหวีดร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวด“อ๊าย อ๊ายเจ็บจังเลย เจ็บ ท่านอาข้าเจ็บ อ๊าย ”แม่ทัพเฉินจุ๊ปากเบาๆปลอบโยนนาง เขาก้มลงบดจูบนางอย่างดูดดื่มจนนางเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบนั้นเขาจึงเริ่มขยับลำกายใหญ่เข้าออกช้าๆ เร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งเริ่มกระแทกนางอย่างรุนแรงเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้อง ตับ ตับ ตับ ตับ เตียงหนาหนักนั้น
จนอิงฮัวแทบจะขาดใจนางจึงเอามือบางตบไหล่เขาเบาๆจนเขาปล่อยปากอวบอิ่มของนาง แล้วดันร่างของนางไปที่โต๊ะเขียนหนังสือแล้วเอามือกวาดที่สิ่งที่วางอยู่บนนั้นลงไปด้านล่างอย่างไม่อินังขังขอบมัน วางร่างนางลงบนโต๊ะนั้นกดตัวนางลงไป แล้วบดจูบนางต่ออย่างเร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆมือหนาบีบเค้นอกอวบด้านนอกเสื้อของนางอย่างเมามันจากนั้นมือหนาสอดเข้าไปในสาปเสื้อของนางแล้วแหวกมันออกจากกันอย่างรุนแรงจนเห็นเอี๊ยมตัวบางๆข้างในนั้น อกอวบใหญ่ของนางปรากฏเต็มสองตาของเขา เขาก้มลงอ้าปากดูดดึงผลอิงเถาที่ดุนดันออกมาอย่างเห็นได้ชัดเขาดูดดึงมันอย่างเมามันดูดมันอย่างโหยหารุนแรงจนเสื้อเอี๊ยมสีขาวตัวบางของนางเปียกเป็นวงกว้าง จากนั้นเขาปลดสายคล้องคอของนางออกจนเอี๊ยมตัวบางหลุดออกจากอกอวบนั้น เขาอ้าปากไล้เลียมันอย่างลุ่มหลงเลียจนร่างอวบแอ่นอกเข้าหาปากรุ่มร้อนของเขา นางครวญครางกระเส่า มือบางเสยเข้าไปในเส้นผมของร่างหนากดศีรษะของเขาลงมาจนชิดอกอวบนั้น เขาดูดดึงมันจนร่องอวบของอิงฮัวตอดลมเบาๆอย่างร่านร้อน“อ๊าย อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ท่านอาเจ้าขา อ๊าย”นางร้องครวญครางปานจะขาดใจ ร่างหนาเมื่อได้ยินเสียงครวญครางของคนใต้ร่างและเอ่ยเรียกเขาว่าท่านอ
แม่ทัพเฉินมองเด็กสาวใบหน้าหวานปานจะล่มเมือง ที่เอ่ยเชิญชวนให้เขาดื่มน้ำแกงของนางด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนหวานเขาจึงอดใจอ่อนไม่ได้ ยอมดื่มน้ำแกงของนางขณะที่อิงฮัวเดินไปด้านข้างโต๊ะที่ท่านแม่ทัพกำลังนั่งอยู่นางยกโถเทน้ำแกงลงในถ้วยเพื่อจะให้ท่านแม่ทัพดื่มนั้น นางสะดุ้มล้มนั่งลงบนตักของเขา นางตกใจตะลึงงันอยู่อย่างนั้นฝ่ายแม่ทัพเฉินอึ้งงันเมื่อสัมผัสถึงสะโพกอวบอั๋นบนตักหนาของเขามันอ่อนนุ่มเย้ายวนน่าสัมผัสมันนัก ทั้งสองมองตากันและกันนิ่งอยู่นาน นางเห็นแววตาสั่นไหววูบหนึ่งของเขา เมื่อแม่ทัพเฉินระลึกบางอย่างขึ้นมาได้ มือหนาจึงยกร่างอวบออกไปจากตักของเขาทันที“อิงฮัววันหลังอย่าทำแบบนี้อีก ถ้าผู้อื่นมาเห็นจะเข้าใจผิดเอาได้ อาไม่ชอบหญิงเจ้ามารยาชอบหว่านเสน่ห์บุรุษเช่นนี้ อย่าทำแบบนี้ให้เห็นอีกนะ ” แม่ทัพเฉินดุอิงฮัว ใบหน้าหวานสลดลงทันตา นางมิได้ตั้งใจจะหว่านเสน่ห์เขาเลย นางตั้งใจจะเอาน้ำแกงมาให้เขาจริงๆเพียงแต่นางสะดุดขาโต๊ะเท่านั้นเอง เขาก็ดุนางเสียมากมายอย่างคิดว่านางจะหว่านเสน่ห์เขาเช่นนั้น นางจึงโมโหกรุ่นขึ้นมาทันทีตอบโต้เขาไว้ว่า“ ข้าไม่ได้คิดจะหว่านเสน่ห์ท่านอาหรอกเจ้าค่ะ หากข้าคิดจะหว่านเ
หลินอิงฮัวอายุได้เพียงสิบปีบิดาก็มาด่วนจากไปเพราะการออกไปรบคราหนึ่ง ด้วยสาเหตุที่เขาพุ่งเข้าไปรับลูกธนูแทนท่านแม่ทัพเฉินอี้หรานผู้บังคับบัญชาของเขาแล้วเสียชีวิตทันที ทิ้งหลินอิงฮัวเด็กอายุสิบปีไว้ผู้เดียวนางมีบิดาเพียงผู้เดียวเพราะว่ามารดาทิ้งนางและบิดาไปตั้งแต่ยังเล็กๆนางแทบจำมารดามิได้เลยด้วยซ้ำ มีเพียงบิดาที่เลี้ยงดูนางมา แต่บิดาเป็นทหารจึงมักจะออกรบครั้งละนานๆด้วยครานั้นมีศึกมาก จะหยุดพักกลับจากชายแดนมาอยู่กับนานเป็นบางครั้งคราวเท่านั้น นางอยู่กับแม่นมที่เลี้ยงนางมาแต่อ้อนแต่ออดแต่แม่นมฉินก็มาด่วนจากไปเมื่อคราวที่นางอายุได้เพียงสิบสองปีเมื่อมาอยู่ที่จวนแม่ทัพเฉินอี้หรานแล้ว แม่ทัพเฉินก็เช่นเดียวกับบิดาของนางท่ีมักไปรบแต่ในคราหลังๆก็มักอยู่จวนเพราะการศึกน้อยลงกว่าสมัยที่บิดาของนางยังมีชีวิตอยู่ นางว้าเหว่โหยหาความรักของบิดาเมื่อแม่ทัพเฉินเข้ามารับอุปการะนาง นางก็มองแม่ทัพเฉินอย่างเช่นมองบิดาของนางที่เลี้ยงดูนางเฉกเช่นเดียวกันแต่มันกลับกลายเป็นความรักเช่นหนุ่มสาวเมื่อนางล่วงเข้าสู่วัยปักปิ่น เขาดูแลนางอย่างดีให้นางเรียกเขาว่าท่านอา เพราะสงสารที่นางกำพร้าอีกทั้งนางเป็นบุตรสาวของผ







