LOGINสามสาวเดินตามกันมาถึงร้านผ้าก็เข้าไปที่ห้องทำงานของลูกสาวทันที เจียงหยู่จึงไปหยิบผ้าที่รับซื้อมาจากมู่ฟ่านปิงให้แม่ของเธอและพี่สะใภ้ดู
!! คุณนายเจียงถึงกับตกตะลึงผ้าคลุมไหล่หลายผืนมีลายที่แตกต่างกัน พอกางออกดูรูปดอกไม้หรือสัตว์เหมือนกับมีชีวิตยิ่งมองยิ่งหลงใหล แถมผ้าเช็ดหน้าก็มีลายการ์ตูนคนละลายและมีสัตว์ที่เหมือนกับมันจะส่งยิ้มให้คนมองอีกด้วยสร้างความหลงใหลให้กับคนที่มองเห็นยิ่งนัก "สวยเหลือเกินลูก" คุณนายเอามือลูบผ้าด้วยความหลงใหล "ปิงเอ๋อร์หนูเก่งจริงๆเลยลูก" คุนนายบอกกับฟ่านปิงด้วยรอยยิ้มเต็มหน้าพวกเราเจอเพรชงามแห่งหมู่บ้านหลัวเค่อเข้าให้แล้วละ คุณนายหัวเราะด้วยความเบิกบานใจที่ลูกสาวคนเล็กมอบผ้าคลุมไหล่กับผ้าเช็ดหน้าให้อย่างละผืน รวมทั้งพี่สะใภ้อย่างเหม่ยอิงด้วยที่ยิ้มไม่หุบเพราะได้ของถูกใจจากเพื่อนรัก "ปิงเอ๋อร์หนูคือความโชคดีของครอบครัวเราดีใจที่สุดเลย" คุณนายเจียงซินเย่วถึงกับดึงตัวฟ่านปิงมากอดด้วยความดีใจ เพราะลายผ้าที่ลูกสาวของเธอได้มามันทำเงินให้ครอบครัวของลูกสาวของเธอมากมายมหาศาลทั้งตำแหน่งสะใภ้ใหญ่ที่มั่นคง และทำให้กิจการร้านขายผ้าของสามีก้าวหน้าต่อไปในวันข้างหน้า "เอ้อพี่สาวเจียงคะคือฉันขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะพอดีต้องไปทำธุระต่อกับพี่ชายของฉันอีกที่หนึ่งค่ะ" เธอบอกเจียงหยู่เบาๆ "อือได้สิให้พี่สาวไปส่งไหมฟ่านปิง" เจียงหยู่ถาม "อ้อไม่ต้องค่ะพอดีปานนี้พี่ใหญ่คงจะรอฉันนานแล้วรวมทั้งแม่เสิ่นหนานด้วยค่ะพี่สาวเจียง" ฟ่านปิงรีบบอกก่อนจะขอตัวเดินออกมาซึ่งทั้งสามคนก็เดินออกมาส่งฟ่านปิงถึงประตูร้าน และนัดเจอกันอีกคือเจ็ดวันข้างหน้าฟ่านปิงจะนำแบบวาดใหม่มาให้ร้านของเจียงห่าวส่งเข้าประกวด พอเห็นน้องสาวเดินออกมาจากร้านผ้ามู่หยางกับเฉินซานและแม่เสิ่นก็ลุกขึ้นจ่ายเงินเดินออกมาหาฟ่านปิง ทุกคนจึงได้รู้จักกันทักทายกันตามมารยาทแล้วทั้งสี่คนจึงพากันเดินไปที่ร้านอาหารที่พี่ชายเคยทำงาน เพราะเพื่อนของพี่ชายเป็นลูกชายของร้านขายอาหารและพี่ชายก็เคยทำงานที่นี้ก่อนจะลาออกได้ไม่กี่วันตอนน้องสาวเกิดเรื่องนั้นเอง ทั้งสี่คนเดินตามกันมาจนผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีก็มาถึงแต่พี่ชายพาไปทางหลังร้านเพราะตอนนี้คนเริ่มเข้ามาใช้บริการในร้านอาหารเป็นบางส่วนแล้ว มู่ฟ่านปิงมองสำรวจดูด้านหลังร้านก็เห็นว่ามีเด็กที่ทำงานในร้านออกมาทักทายพี่ชายของเธอก่อนเชิญทุกคนเข้าไปนั่งรอที่ห้องทำงานของเจ้าของร้านซึ่งก็คือพ่อของเพื่อนพี่ใหญ่ของเธอนั้นเอง ไม่นานก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาและทักทายมู่หยางอย่างเป็นกันเอง "มู่หยางนายมีธุระด่วนอะไรหรือเปล่าเรื่องที่บ้านเรียบรอยแล้วเหรอแล้วน้องสาวของนายไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมเพื่อน มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะเราเป็นเพื่อนกันมาหลายปีนายอย่าได้เกรงใจกันให้มากถ้านายไม่ทำงานแล้วจะมีเงินซื้อยาให้น้องสาวนายหรือเปล่า" จื่อเซิ้งรีบถามเพื่อนรั่วๆพอเห็นหน้ามู่หยางนั่งอยู่ในห้องจนลืมไปว่าในห้องไม่ได้มีแค่มู่หยางคนเดียวนั่งอยู่เพียงคนเดียว "เอ่อถามทีละอย่างก็ได้ฉันจะตอบคำถามไหนก่อนดีละ" มู่หยางบอกเพื่อนที่คอยช่วยเหลือเขามาตลอดหลายปี เงินไม่พอซื้อยาก็ได้เพื่อนคนนี้ช่วยมาโดยตลอดและเขาก็ตอบแทนด้วยการทำงานจนคุ้มค่าแรงทุกบาทที่เพื่อนจ่ายเงินช่วยเหลือเขากับน้องสาว "อ้อนี้น้องสาวของฉันเองวันนี้เราพามาด้วยกันและมาทำธุระด้วยหลายอย่างในวันนี้" เขาตอบเพื่อนรักเพียงคนเดียวที่มี "สวัสดีค่ะพี่จื่อเซิ้นฉันมู่ฟ่านปิงค่ะฉันอยากมาขอบคุณพี่ชายจื่อเซิ้นมานานแต่ฉันไม่ค่อยสบายเลยไม่ค่อยได้เข้ามาในอำเภอค่ะ ฉันขอบคุณพี่มากนะคะที่คอยช่วยเหลือเราสองพี่น้องมาโดยตลอดนะคะพี่จื่อเซิ้น" มู่ฟ่านปิงไหว้ขอบคุณชายหนุ่มด้วยความเต็มใจที่พี่ชายคนนี้คอยช่วยเหลือเธอสองคนพี่น้องมาโดยตลอดและเธอจะตอบแทนบุญคุณด้วยเมนูใหม่ๆให้พี่ชายใจดีไปสักสิบจานก็แล้วกัน มู่ฟ่านปิงคิดในใจและยิ้มให้เพื่อนพี่ชายด้วยรอยยิ้มที่สดใส เสิ่นเฉินซานมองภรรยาตัวน้อยด้วยสายตาหึงหวงรอยยิ้มนี้มันควรจะเป็นของเขาเพียงคนเดียว ชายหนุ่มไม่อยากให้เธอยิ้มให้ใครต่อหน้าของเขาเลยแต่ได้แต่ข่มใจให้สงบเอาไว้ก่อนเพราะตอนนี้ภรรยาตัวน้อยกำลังไม่หายโกรธเขาจึงได้แต่ข่มใจของตัวเองเอาไว้ "ยินดีที่ได้รู้จักน้องสาวฟ่านปิงได้ยินแต่ชื่อมานานวันนี้พี่ได้เห็นหน้ากันสักทีนะ สวยน่ารักสมกับที่พี่ชายของเราหวงให้เฝ้าแต่บ้านรอและบอกว่าน้องสาวไม่ค่อยแข็งแรงมาโดยตลอดเลย" "ใช่ค่ะพี่จื่อเซิ้นฉันไม่สบายมานานตอนนี้หายดีแล้วค่ะและมาขอบคุณพี่ชายถึงที่ และอยากตอบแทนพี่ชายด้วยการให้สูตรอาหารที่ฉันคิดค้นขึ้นมาเอง พี่จื่อเซิ้นอยากลองทานดูก่อนไหมคะฉันไม่คิดเงินสักบาทเพียงแต่อยากตอบแทนที่พี่ให้ความช่วยเหลือเราสองพี่น้องมาโดยตลอดค่ะ" มู่ฟ่านปิงบอกความต้องการของเธอด้วยรอยยิ้มใครมองเห็นก็ต้องตกหลุมรักเธอเพราะความสดใสตอนนี้เฉินซานกำหมัดแน่นเพื่อข่มใจในการที่ภรรยาตัวน้อยยิ้มให้ชายอื่นที่ไม่ใช่สามีของตัวเอง "จริงหรือพี่ต้องยินดีอยู่แล้วฟ่านปิง" จื่อเซิ้นตอบและหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันมาทางแม่เสิ่นหนานกับชายหนุ่มอีกคนที่นั่งในห้องนี้ด้วย "นี้คือใครหรือมู่หยาง"เขาผายมือไปหาสองแม่ลูก "อ้อนี้คือแม่ของเสิ่นเฉินซานคู่หมั้นของฟ่านปิงจะแต่งงานกันสิ้นเดือนนี้ละ ได้ถือโอกาสเชิญนายไปเลยก็แล้วกัน วันหน้าฉันจะเข้ามาหานายอีกที่ก็แล้วกัน" มู่หยางบอกกับเพื่อนรักที่คอยช่วยเหลือเขามาโดยตลอด "ยินดีที่ได้รู้จักครับป้าเสิ่นหนานรวมทั้งคุณเฉินซานด้วยนะครับ" จื่อเซิ้นทักทายสองแม่ลูกอย่างเป็นกันเอง แต่เขาเหมือนจะเห็นใหน้ำส้มคู่หมั้นของฟ่านปิงแตกแล้วละตอนนี้หึๆน่าสนุกดีเขาคิดในใจ จึงแกล้งหยอกเย้าไปเล็กน้อย "นี้ถ้าฉันได้พบหน้ากับฟ่านปิงก่อนคุณเฉินซานเราคงได้เกี่ยวดองกันไปแล้ว ช่างน่าเสียดายที่นายซ่อนฟ่านปิงไว้ไม่เคยพามาในเมืองด้วยเลย" จื่อเซิ้นพูดขึ้นอย่างเสียดาย "ไม่เป็นไรเป็นน้องสาวของพี่ก็ได้นะฟ่านปิง" เขาหันไปถามสาวน้อยที่ยืนยิ้มแฉ่งให้ในคำพูดของเขา "แต่ตอนนี้พี่อยากจะลองซิมฝีมืออาหารของน้องสาวฟ่านฟิงแล้วละ เราไปที่ห้องครัวกันเถอะครับพี่จะไปบอกพ่อครัวเตรียมของที่น้องฟ่านปิงอยากได้ให้พ่อครัวหาให้" จื่อเซิ้นพูดก่อนจะเดินนำหน้าฟ่านปิงไปที่ห้องครัว ส่วนสามคนนั่งรอกินน้ำชาในห้องรอเพราะฟ่านปิงขอไปคนเดียว "มีอะไรมาทำอาหารแปลกใหม่ให้กับร้านอาหารของพี่ครับ" จื่อเซิ้นถามฟ่านปิงขณะที่เดินไปด้วยกันสองคน "อ้อว้นนี้ฉันได้ปลากับกุ้งมาค่ะพี่ชายจื่อเซิ้งและผักป่าสามสี่อย่างมาทำอาหารให้พี่ลองชิมดูก่อน" ฟ่านปิงบอกเพื่อนของพี่ชายเมื่อคืนเธอทอดเอาปลามาทำแปะซะ กุ้งเผาอีกห้าตัวที่เอาใส่ไว้ในมิติเนื้อของกุ้งที่แกะมาทำข้าวผัดและผักป่ามาผัดอีกสามจาน "มีแปะซะ กุ้งเผา ข้าวผัดและอื่นๆเล็กน้อยรับรองว่าร้านของพี่จะมีลูกค้าเข้าร้านจนรับไม่ทันเลยละ" ฟ่านปิงบอกรายการของอาหารและหัวเราะด้วยความสดใสจื่อเซิ้นมองด้วยความเอ็นดู "พี่น่าจะเจอเราก่อนที่น้องจะมีคู่หมั้นนะฟ่านปิง" จื่อเซิ้นพูดกับฟ่านปิงด้วยความเสียดายเขาชอบในความสดใสและจริงใจที่ฟ่านปิงแสดงออกมาทุกอย่างในชีวิตของฟ่านปิงในแต่ละวันนี้ผ่านมาได้เกือบหนึ่งเดือนในการย้ายเข้ามาในเมืองและตอนดึกหลังจากที่เข้าห้องนอนกับสามีฟ่านปิงปวดท้องตอนหกทุ่มเฉินซานรีบนำรถจากบ้านหลังจากที่อุ้มเมียขึ้นรถเรียบร้อยแม่เสิ่นเตรียมของจนครบทุกอย่าง ทุกคนรู้ว่าฟ่านปิงได้ลูกแฝดเพราะท้องใหญ่มากทุกคนในครอบครัวดูแลเธอเป็นอย่างดีคุณนายเจียงซินเย่วแวะเข้าไปหาลูกสาวบุญธรรมแทบจะทุกวัน หาของบำรุงมากมายไปให้ฟ่านปิงบำรุงหลานในท้องเพราะตอนนี้กิจการของร้านขยายไปอีกหลายเมืองเพราะแบบที่บุตรสาวบุญธรรมคนนี้ให้มาและงานประกวดที่มีขึ้นสองปีได้ที่หนึ่งสองปีซ้อนสร้างความโด่งดังไปทั่วปักกิ่งจนต้องเปิดสาขาในเมืองหลวงอีกที่หนึ่งเป็นร้านที่ใหญ่โตมากเพราะลูกค้ามากมายชอบในแบบสินค้าที่ทางร้านมีแทบจะทุกแบบ แถมมีห้องลองที่ทันสมัยมีนางแบบนายแบบโฆษณาแทบจะทุกสิ้นเดือนเลือกได้ว่าช่างนี้ตัดกันมือเป็นระวิงฟ่านปิงปวดท้องอยู่สองชั่วโมงคุณหมอจึงผ่าทำคลอด เฉินซานเดินจนมารดาเวียนหัวที่ห่วงเมียจนนั่งไม่ติดมู่หยางก็เดินทางมาพร้อมกันกับจื่อเซิ้นตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์แล้วรวมทั้งพี่สาวเจียงหยู่กับคุณแม่และพี่ชายที่พากันตามหลังมาติดๆในที่สุดคุณหมอก
วันเวลาหมุนเวียนผ่านไปสองปีตอนนี้ฟ่านปิงมีลูกให้กับเฉินซานสมใจ ทีแรกจนเขาแทบจะท้อใจคิดว่าตัวเองเป็นหมั่นแท้ที่จริงฟ่านปิงกินยาคุมเอาไว้ จนตอนนี้เธอท้องได้เข้าเดือนที่เก้า ฟ่านปิงในวันที่เธอท้องได้สองเดือนที่ตื่นขึ้นมาเวียนหัวจนลุกไม่ได้สามีวิ่งไปบอกให้พี่ชายเอารถออกไปโรงพยาบาลพอรู้ว่ามู่ฟ่านปิงท้องเฉินซานทั้งยิ้มและหัวเราะมาตลอดทางเหมือนคนบ้าจนจื่อเซิ้นกับมู่หยางได้แต่ส่ายหัวให้กับน้องเขยตั้งแต่นั้นมาเขาดูแลฟ่านปิงเหมือนไข่ในหินฟ่านปิงพอคุมได้สองปีเธอจึงปล่อยให้ท้องอะไรเชื้อจะแรงมากขนาดนั้นเพราะปล่อยสามเดือนท้องเลยต้องให้รางวัลของคนขยันที่สามีของเธอขยันปั้นลูกทุกคืนจนสมใจ ก่อนที่เธอจะท้องได้พาสามีเข้ามิติและบอกเรื่องกินยาคุมกับสามีเขางอนเธอไปหลายวันคิดว่าตัวเองจะเป็นหมั่นจนจะไปตรวจที่โรงพยาบาลฟ่านปิงจึงบอกความจริงให้ฟังและนั้นคือการทำโทษของสามีที่ตั้งใจตั้งปั้นใหม่และก็สมใจเขาถึงตอนนี้ซึ่งตอนที่เธอบอกเรื่องที่มีมิติและบอกว่าได้พรมาจากท่านตาเทพตั้งแต่ที่โดนเพื่อนรักอย่างเสี่ยวชิงชิงวางยาในคืนนั้น คิดว่าตัวเองตายไปแล้วท่านตาจึงพาไปที่โลกของอนาคตข้างหน้าและให้เรียนรู้สิ่งต่างๆในโลกใบนั
ทั้งห้าคนในบ้านมู่กินมื้อเช้าด้วยความสุขพอได้บอกเรื่องที่หนักลงจากบ่า สองหนุ่มคู่รักต่างก็มีสีหน้าของความสุขที่ไม่ต้องหลบซ่อนสายจากใครในครอบครัวหลังจากนั่งพักฟ่านปิงไปล้างถ้วยในครัวและบอกให้ทุกคนพักก่อนไม่ต้องตามมาช่วยเดี๋ยวเสร็จแล้วเธอจะออกไปช่วยที่โรงเรือนที่ทุกคนตักผักเองหลังนั่งย่อยอาหารไม่นานสามหนุ่มจึงชวนกันไปตัดผักต่อ แม่เสิ่นจะไปด้วยแต่ทุกคนบอกเหลือไม่เยอะ"แม่ปักผ้าไปเลยครับไม่ต้องห่วงงานผักผมกับพี่ภรรยาทำทันอย่างแน่นอนเพิ่มคุณจื่อเซิ้นไปอีกคนไม่นานก็เสร็จแล้วครับ" ก่อนจะไปเฉินซานที่ช่วยภรรยายกถ้วยให้ภรรยาล้าง เขาสวมกอดฟ่านปิงจากทางด้านหลังด้วยความรักก่อนจะกระซิบใส่เมียรักเบาๆ"ปิงเอ๋อร์เมื่อคืนน้อนร้อนแรงมากพี่เกือบตายคาอกเมียพี่ขอแบบนี้ทุกคืนนะครับ" พูดจบเฉินซานก็ก้มลงหอมทั้งสองงแก้มซ้ายขวาบอกรักฟ่านปิงแล้วรีบไปตัดผักต่อฟ่านปิงที่ยืนนิ่งเพราะมือไม่ว่างติดล้างถ้วยอยู่ได้แต่ส่งค้อนให้สามีที่ส่งเสียงหัวเราะออกไปจากครัวด้วยความสุขออกไปจากในครัวหลังจากได้รางวัลจากสองแก้มเธอนับวันเขายิ่งทำตัวหื่นไม่เลือกสถานที่ ตั้งแต่ที่เมื่อคืนที่ตัวเธอยอมขอโทษที่พูดให้สามีได้เอาเปรียบเธอแทบจ
"ก็ไม่เป็นอะไรนี้ครับปิงเอ๋อร์พี่รับได้คนเราเลือกเกิดไม่ได้ พี่อยู่ในเมืองใหญ่ในค่ายทหารมาหลายปีหนูคิดว่าพี่จะไม่พบเจอบ้างเลยหรือครับและมันกลับเป็นเรืองที่ดีที่พี่ชายของหนูจะได้อยู่ใก้ลหนูทั้งสองคนยังไงละครับ แม่ของพี่ท่านเป็นคนในเมืองมาก่อนและมีเหตุผลท่านใช้ชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนพวกเรา ท่านต้องเข้าใจมากมากกว่าและเห็นใจพี่ภรรยาทั้งสองคนอยู่แล้วครับ แล้วหนูจะมาขอหย่าพี่เรื่องแค่นี้หรือครับเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะครับ พี่เสียใจมากนะครับปิงเอ๋อร์ที่น้องไม่เคยมองพี่ในแง่ดีขึ้นมาบ้างเลยหรือครับ พี่รู้ว่าที่ผ่านมาพี่ผิดจนหนูโกรธพี่มากพี่จะบอกน้องตรงนี้ต่อหน้าพี่ชายของน้องว่าพี่รักหนูมากเท่าชีวิตของพี่ครับ" เฉินซานบอกภรรยารักและมองหน้าเธอด้วยความเสียใจที่ภรรยาไม่เคยใจอ่อนให้เขาเข้าร่วมและขอความคิดเห็นเลยมีแต่อยากทิ้งเขาทั้งที่ไม่เคยถามสามีสักคำก่อนเลย ฟ่านปิงมองหน้าสามีและเดินเข้าไปจับมือของสามี"หนูขอโทษที่ยังไม่ได้ถามพี่แต่หนูก็คิดไปก่อนขอบคุณพี่ที่เข้าใจพี่ชายของหนูค่ะ" ฟ่านปิงบอกสามีเฉินซานเห็นภรรยาจับมือและขอโทษที่เธอทำผิดเพราะตลอดเวลาที่แต่งงานกันมาฟ่านปิงจะไม่เคยแตะต้องตัว
ฟ่านปิงมาส่งพี่ชายทั้งสองถึงบ้านและดึงพี่ชายทั้งสองคนเข้าห้องนอนของพี่ใหญ่ก่อนจะพูดให้ทั้งสองคนฟังชัดๆเพราะตอนนี้จื่อเซิ้นกับมู่หยางยังตกใจที่ฟ่านปิงรู้เรื่องของตัวเองได้ยังไง"ไม่ต้องตกใจหรอกค่ะพี่จื่อเซิ้นหนูรู้ว่าพี่ชอบพี่ใหญ่เกินคำว่าเพื่อนรัก เพียงแต่คนที่นี้ไม่ค่อยยอมรับเรื่องชายรักชายเท่านั้นเอง แต่สำหรับหนูไม่ว่าพี่ทั้งสองคนจะเป็นแบบไหนหนูก็รับได้ค่ะพี่ไม่ต้องตกใจหนูยินดีที่พี่ทั้งสองคนจะมีความสุขด้วยกันถึงแม้คนอื่นจะไม่ยอมรับแต่จะสนใจทำไมละคะ ในเมื่อพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้หาข้าวให้เรากินหรือมารับเลี้ยงเรานี้คะทำตัวตามที่ใจพี่ทั้งสองคนต้องการเถอะค่ะ" ฟ่านปิงบอกพี่ชายที่เธอรักทั้งสองคน "ปิงเอ๋อร์" มู่หยางพูดเสียงเบาเขาพยายามที่จะหักใจมาตลอดว่าที่ผ่านมามีเพียงจื่อเซิ้นที่คอยช่วยเหลือเขามาโดยตลอดตั้งแต่ขาดพ่อกับแม่เค้าต้องเป็นเสาหลักให้น้องสาว จากที่เรียนมาด้วยกันและรับเข้าไปทำงานในร้านอาหารของพ่อตัวเองตอนเรียนจบ จื่อเซิ้นต้องปกปิดตัวตนทุกอย่างเพราะกลัวว่าบิดาจะเสียใจที่เขามีใจเป็นหญิงท่านพาไปดูตัวผู้หญิงที่ไหนเขาก็ปฎิเสธและขอแลกกับการทำงานแทนการแต่งภรรยาและบอกความจริงกับบิดาไปว่
อีกสองวันต่อมาพี่ชายจื่อเซิ้นก็มาค้างที่บ้านกับพี่ใหญ่เพื่อจะตกปลากัน หลังจากที่พากันตัดผักส่งให้คนรถนำกลับไปที่ร้านสามหนุ่มจึงพากันไปนั่งตกปลาที่ริมลำธารกันตั้งแต่ตอนกินมื้อเที่ยงอิ่มแล้วฟ่านปิงมีหน้าที่ทำอาหารให้กับสามหนุ่มวันนี้เธอจึงคิดจะกินหม้อไฟชาบูดีกว่าหลายคนดี จากนั้นรอบบ่ายฟ่านปิงจึงคลุกอยู่ในครัวปรุงน้ำซุปและหั่นหมูหั่นปลา แล่กุ้งทำกุ้งแช่น้ำปลาทำน้ำจิ้มรสเด็ดหอมหอมแห้งนำมาแช่น้ำรวมทั้งเห็ดหูหนูฟ่านปิงเดินไปที่โรงเรือนหลังจากที่ทำของสดครบทุกอย่าง ลูกชิ้นเธอก็ทำเองทั้งหมูทั้งปลาและกุ้งทำให้มีจานเนื้อหลากหลายจะเอาออกมาจากในมิติก็ไม่ได้ เพราะมันยังเป็นความลับสำหรับสามีรวมทั้งแม่เสิ่นที่ตอนนี้ฟ่านปิงยังไม่อยากเปิดเผยและรู้ว่าสามมีสงสัยของใช้ของเธอบางอย่างที่เขาไม่เคยเห็น แต่เขาจะไม่ถามถ้าภรรยาไม่อยากให้รู้ ฟ่านปิงก็ไม่ได้รังเกียจสามีแต่ที่ผ่านมาเขาก็ยอมรับผิดทุกอย่างและแสดงให้เห็นว่ารักเธอและทำตามที่ลั่นวาจาเอาไว้ทุกอย่าง ฟ่านปิงถามว่ารักสามีไหมสำหรับเธอก็มีใจสั่นเวลาสามีออดอ้อนเหมือนลูกน้อยในห้องนอนทุกคืนและเธอคิดว่าคงไม่ยากที่จะเปิดใจยอมรับความรักของสามีอีกไม่นานเธอเลือกเอ







