LOGIN"คือว่าฉันขอรายได้สองส่วนจากการขายแบบของเครื่องประดับในแต่ละเดือนตามลายที่ฉันวาดแบบค่ะและจะวาดให้ใหม่เดือนละห้าแบบเหมือนกันกับร้านผ้าของพี่สาวเจียงหยู่ค่ะคุณเจียงห่าว" มู่ฟ่านปิงบอกความต้องการสองสามีภรรยามองหน้ากันและหันไปถามน้องสาว
"เธอตกลงกับมู่ฟ่านปิงแบบนี้ใช่ไหมเจียงหยู่" พี่ชายถามน้องสาว "ค่ะพี่ใหญ่น้องทำสัญญากับฟ่านปิงแล้วค่ะ มีลายผ้าให้น้องเดือนละห้าแบบด้วยเช่นเดียวกัน" เจียงหยูตอบพี่ชายตามความจริง เจียงห่าวมองหน้ามู่ฟ่านปิงก่อนจะนึกว่าให้แม่ทำการตกลงเองดีกว่า "ให้แม่ของพี่มาคุยด้วยดีกว่าว่าท่านจะว่าเช่นไร" "ได้ค่ะฉันไม่รีบ" มู่ฟ่านปิงตอบ สักพักมีเสียงคนเดินเข้ามาในห้องพร้อมกันกับเสียงพูดขึ้น "อาห่าวให้เด็กไปตามแม่มีเรื่องอะไรเร่งด่วนหรือเปล่าลูก" พอเดินเข้ามาในห้องก็เจอกับลูกสาวคนเล็กในห้องทำงานของลูกชายด้วย คุณนายเจียงซินเย่วมองหน้าทุกคนในห้องงงๆรวมทั้งคนแปลกหน้าเช่นมู่ฟ่านปิงด้วย "คุณแม่ครับนี้มู่ฟ่านปิงเธอเอาแบบวาดของเครื่องประดับมาเสนอให้ร้านของเราครับและน้องเล็กเป็นคนพามาเพราะเธอวาดแบบผ้าให้น้องเล็กด้วยเช่นกันครับคุณแม่" เจียงห่าวตอบมารดา "สวัสดีค่ะคุณแม่" เจียงหยู่ทักทายมารดา "สวัสดีค่ะคุนนายหนูชื่อมู่ฟ่านปิงค่ะจากหมู่บ้านหลัวเค่อค่ะ วันนี้หนูนำแบบวาดมาเสนอขายให้กับทางร้านของคุนนายค่ะเชิญคุณนายดูแบบได้เลยนะคะมีทั้งทำมาจนเสร็จแล้วและวาดแบบมาเสนอด้วยค่ะ และการขายหนูขอสองส่วนจากการขายเครื่องประดับจากแบบวาดของหนูทุกเดือนค่ะ" มู่ฟ่านปิงตอบและพรีเซ้นงานของเธออย่างฉะฉานสร้างความแปลกใจให้คุนนายเจียงซินเย่วยิ่งนัก "ฉันขอดูแบบก่อนแล้วกันว่าจะให้เธอได้ตามที่เสนอให้มาหรือเปล่า" คุณนายซินเย่วบอกก่อนจะขอดูแบบวาดจากลูกชายเธอ คุนนายเจียงซินเย่วมองดูแบบวาดด้วยความตกตะลึงโอ๊ะ!พระเจ้า "สาวน้อยเธอเป็นวาดแบบเองเลยเหรอนี้สวยมากลงสีสวยได้ถูกใจแม่ยิ่งนักได้แบบส่งเข้าไปประกวดแล้วลูกเจียงห่าว" คุณนายเจียงเย่วบอกลูกชายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นนางชอบทุกแบบวาดของมู่ฟ่านปิงเลย "คุณแม่ดูที่ทำเสร็จแล้วสิครับ" หยิบเครื่องประดับอีกสี่ห้าชิ้นให้มารดาดูที่มู่ฟ่านปิงทำจนเสร็จและนำมาเสนอ "มีแต่แบบที่สวยและมันไม่เคยเห็นงานของร้านไหนออกมาให้เห็นเลยถ้าเช่นนี้นเราคงจะเป็นเจ้าแรกของเจ้าแม่เครื่องประดับแล้วละลูก" คุณนายเจียงหัวเราะด้วยความดีใจแม้อายุจะเกือบหกสิบอีกห้าปีเธอก็ยังสวยมากๆ ฟ่านปิงมองคนนั้นทีคนนี้ทีด้วยความสบายใจ มันจะมีได้อย่างไรคะคุณนายก็หนูนำมันมาจากภพเดิมของหนูเลยนะคะเธอคิดในใจ มีแต่กลิ่นเงินลอยมาจนเต็มไปหมดรวยๆแล้วเรามีตัวช่วยมันก็ดีอย่างนี้เองอิๆๆ ฟ่านปิงหัวเราะอย่างชั่วร้ายในใจคนเดียว "เอาละมาเราตกลงกันหน่อยสิสาวน้อยเธอบอกจะวาดแบบให้ที่ร้านของเราเดือนละห้าลายใช่ไหมแลกกับค่าแบบวาดรายเดือนสองส่วน" คุณนายเจียงถามความต้องการของมมู่ฟ่านปิงพอดูแบบวาดทุกลายรวมทั้งเครื่องประดับใหม่ๆที่ในร้านของเธอไม่มีและไม่เคยมีคนวาดออกมาให้แบบนี้อีกด้วย นี้ถือว่าร้านของเธอเป็นเจ้าแรกที่จะได้เปิดตัวในงานประกวดที่จะถึงในอีกสองเดือนที่จะถึงนี้อย่างแน่นอน "ค่ะคุณนายแลกกับสองส่วนที่ลายที่หนูวาดแบบส่งให้กับทางร้านทุกสิ้นเดือนว่าขายได้กี่ชิ้นในแต่ละลายหนูขอแค่สองส่วนพอค่ะ และหนูรับรองว่าร้านของคุณนายจะได้ที่หนึ่งอย่างแน่นอนเพราะไม่มีใครวาดลายออกมาได้เหมือนหนูอย่างแน่นอน นอกซะจากเอาตัวอย่างจากทางร้านไปทำตามเพียงเท่านั้น แต่เจ้าแรกที่ตีตลาดคือร้านของคุนนายอย่างแน่นอนค่ะ" มู่ฟ่านปิงตอบคุณนายเจียงด้วยน้ำดังกังวานเสียงฉะฉาน "ได้ถ้าเธอสามารถทำให้ร้านของเราได้ที่หนึ่งฉันจะแบ่งจากเงินรางวัลให้เธออีกสิบส่วนเป็นอย่างไรสาวน้อย รางวัลปีนี้เป็นล้านหยวนเลยนะฉันถึงได้กลุ้มใจที่จะหาลายของเครื่องประดับแปลกใหม่และไม่มีใครเห็นมันมาก่อนจนต้องติดป้ายที่หน้าร้านให้คนส่งลายใหม่ๆเข้ามา แต่ก็ยังไม่ถูกใจอยู่ดีเพราะมีแต่ลายเก่าๆทั้งนั้น วันนี้เธอคือความโชคดีของพวกเรามาเถอะเจียงห่าวรีบมาทำสัญญากับหนูฟ่านปิงได้แล้วลูก" คุณนายเจียงเย่วบอกลูกชายด้วยรอยยิ้มที่ได้สิ่งถูกใจในเช้าวันนี้ "ครับแม่ผมเตรียมเอาไว้แล้วครับนี้สัญญาฟ่านปิงเธอลองอ่านดูก่อนว่าถูกใจเธอหรือไม่ขาดอะไรก็บอกพี่จะได้เขียนเพิ่มเข้าไปให้" เจียงห่าวบอกกับคู่ค้าของเขา มู่ฟ่านปิงเอาสัญญามาอ่านให้ละเอียดจึงลงชื่อของเธอในใบสัญญาถือว่าแม่ลูกสองร้านนี้น่าคบหาไม่น้อยไม่เอาเปรียบเธอฟ่านปิงได้รับสองส่วนทุกลายที่วาดแบบในแต่ละเดือนตามที่ทางร้านขายได้และเธอต้องวาดลายใหม่ๆออกมาเดือนละห้าลายเช่นเดียวกัน ส่วนสามสาวบ้านเจียงนั้นหันไปเม้ามอยกันอย่างถูกใจที่ได้ลายของเครื่องประดับให้กับร้านของตัวเอง แถมลูกสาวบอกว่าได้ซื้อลายผ้าจากมู่ฟ่านปิงมาหลายลายด้วยเช่นเดียวกันคุณนายมองมู่ฟ่านปิงด้วยความทึ่งในความสามารถของเธอ "คุณแม่คะเดี๋ยวเดินไปที่ร้านกับหนูนะคะหนูเลือกเอาลายผ้าไว้ให้คุนแม่กับเหม่ยอิงคนละสองผืนผ้าคลุมไหล่กับผ้าเช็ดหน้าเข้าชุดกันเลยค่ะสวยมากๆเลย ลายผ้าเหมือนพวกมันมีชีวิตและยิ้มได้เลยค่ะหนูอยากให้คุณแม่ไปเห็นไม่ต่างจากลายของเครื่องประดับเลยค่ะ" เจียงหยู่บรรยายให้มารดาฟังด้วยความตื่นเต้นจนคุณนายเจียงอยากจะเดินไปดูตอนนี้เลย "เอ่อคุณนายคะถ้าคุณนายอยากจะส่งชุดเครื่องประดับเข้าประกวดเดี๋ยวหนูจะวาดมาให้อีกเจ็ดวันนะคะรวมทั้งชุดที่จะใส่และเครื่องประดับทุกชิ้นหนูจะวาดให้ใหม่และสวยกว่าชุดนี้อีกค่ะคุณนาย" "อะไร!นะฟ่านปิงนี้เธอบอกจะวาดมาให้ฉันใหม่ในอีกเจ็ดวันรวมทั้งชุดที่จะใส่เข้าประกวดอย่างนั้นใช่ไหม" คุณนายเจียงพูดด้วยความตื่นเต้นรวมทั้งลูกสาวกับลูกสะใภ้ที่ทำตาโตอ้าปากค้างพอฟ่านปิงพูดจบ นี้ก็ว่าได้ลายที่สวยมากแล้วแต่สาวน้อยฟ่านปิงบอกจะวาดให้สวยกว่าชุดนี้อีกทุกคนจึงดีใจจนยิ้มแก้มปริเลยในตอนนี้ "ฟ่านปิงหนูมาเป็นน้องสาวบุญธรรมของพี่เถอะนะ" พี่สาวเจียงหยู่บอกก่อนจะดึงเอาตัวของฟ่านปิงไปกอดอย่างดีใจที่ได้เจอเพรชเม็ดงามกลางป่า "นั้นสิเป็นลูกสาวบุญธรรมของแม่ก็ได้นะเนอะหยู่เอ๋อร์" คุณนายบอกลูกสาวคนเล็กของตัวเอง แม้ว่าเธอจะแต่งงานออกไปแล้วแต่แม่กับพี่ชายก็รักและคอยดูแลน้องสาวไม่เคยขาดยังมีร้านค้าใกล้ๆกันอีกเพราะสามีของเจียงหยู่เป็นเพื่อนกันกับพี่ชายใหญ่นั้นเองแบบนี้เรือล่มในหนองเงินทองจะไปไหนเสีย ฟ่านปิงคิดในใจก่อนจะไหว้ขอบคุณความเมตาจากทั้งสองแม่ลูก "แล้วพ่อแม่หนูยังอยู่ด้วยไหมฟ่านปิง" คุณนายซินเย่วถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและเอามือลูบหัวฟ่านปิง เพราะได้ยินลูกสาวบอกเรื่องลาวของสาวน้อยให้ฟังคร่าวๆแล้วนั้นเองทั้งยังบอกอีกว่าเธอจะแต่งงานในสิ้นเดือนนี้ ปีนี้อายุของฟ่านปิงก็สิบแปดปีกว่าแล้ว "ไม่ค่ะหนูอยู่กับพี่ชายสองคนมาได้ห้าหกปีแล้วตั้งแต่ที่พ่อกับแม่ของหนูเสียชีวิตไป แต่หนูไม่ค่อยแข็งแรงพี่ชายจึงให้อยู่ที่บ้านหัดปักผ้าทำอาหารรอเพียงเท่านั้นหนูก็ตั้งใจฝึกฝนมาจนทำได้นี้ละค่ะ" ฟ่านปิงตอบคำถามทุกคน "โถๆน่าสงสานจริงๆเลยลูกอีกสามวันแม่จะรับหนูเป็นลูกบุญธรรมและอยากพูดคุยกับพี่ชายของหนูด้วยดีไหม เอ๋แต่ว่าวันนี้เขารอหนูที่โรงน้ำชาใช่ไหมงั้นเราเดินไปที่ร้านผ้าของเจียงหยู่และทักทายพี่ชายกับคู่หมั้นของหนูด้วยเลยก็แล้วกันนะ เจียงห่าวอยู่เฝ้าร้านก็แล้วกันแม่จะไปร้านผ้ากับน้องและเมียของลูกเอง" คุณนายหันมาสั่งลูกชาย "ครับแม่แต่ว่าเดี๋ยวผมสั่งงานตรงนี้แล้วจะเดินตามไปนะครับ" เจียงห่าวตอบมารดาเพราะเขาก็อยากเห็นลายผ้าของน้องสาวด้วยเช่นเดียวกันทุกอย่างในชีวิตของฟ่านปิงในแต่ละวันนี้ผ่านมาได้เกือบหนึ่งเดือนในการย้ายเข้ามาในเมืองและตอนดึกหลังจากที่เข้าห้องนอนกับสามีฟ่านปิงปวดท้องตอนหกทุ่มเฉินซานรีบนำรถจากบ้านหลังจากที่อุ้มเมียขึ้นรถเรียบร้อยแม่เสิ่นเตรียมของจนครบทุกอย่าง ทุกคนรู้ว่าฟ่านปิงได้ลูกแฝดเพราะท้องใหญ่มากทุกคนในครอบครัวดูแลเธอเป็นอย่างดีคุณนายเจียงซินเย่วแวะเข้าไปหาลูกสาวบุญธรรมแทบจะทุกวัน หาของบำรุงมากมายไปให้ฟ่านปิงบำรุงหลานในท้องเพราะตอนนี้กิจการของร้านขยายไปอีกหลายเมืองเพราะแบบที่บุตรสาวบุญธรรมคนนี้ให้มาและงานประกวดที่มีขึ้นสองปีได้ที่หนึ่งสองปีซ้อนสร้างความโด่งดังไปทั่วปักกิ่งจนต้องเปิดสาขาในเมืองหลวงอีกที่หนึ่งเป็นร้านที่ใหญ่โตมากเพราะลูกค้ามากมายชอบในแบบสินค้าที่ทางร้านมีแทบจะทุกแบบ แถมมีห้องลองที่ทันสมัยมีนางแบบนายแบบโฆษณาแทบจะทุกสิ้นเดือนเลือกได้ว่าช่างนี้ตัดกันมือเป็นระวิงฟ่านปิงปวดท้องอยู่สองชั่วโมงคุณหมอจึงผ่าทำคลอด เฉินซานเดินจนมารดาเวียนหัวที่ห่วงเมียจนนั่งไม่ติดมู่หยางก็เดินทางมาพร้อมกันกับจื่อเซิ้นตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์แล้วรวมทั้งพี่สาวเจียงหยู่กับคุณแม่และพี่ชายที่พากันตามหลังมาติดๆในที่สุดคุณหมอก
วันเวลาหมุนเวียนผ่านไปสองปีตอนนี้ฟ่านปิงมีลูกให้กับเฉินซานสมใจ ทีแรกจนเขาแทบจะท้อใจคิดว่าตัวเองเป็นหมั่นแท้ที่จริงฟ่านปิงกินยาคุมเอาไว้ จนตอนนี้เธอท้องได้เข้าเดือนที่เก้า ฟ่านปิงในวันที่เธอท้องได้สองเดือนที่ตื่นขึ้นมาเวียนหัวจนลุกไม่ได้สามีวิ่งไปบอกให้พี่ชายเอารถออกไปโรงพยาบาลพอรู้ว่ามู่ฟ่านปิงท้องเฉินซานทั้งยิ้มและหัวเราะมาตลอดทางเหมือนคนบ้าจนจื่อเซิ้นกับมู่หยางได้แต่ส่ายหัวให้กับน้องเขยตั้งแต่นั้นมาเขาดูแลฟ่านปิงเหมือนไข่ในหินฟ่านปิงพอคุมได้สองปีเธอจึงปล่อยให้ท้องอะไรเชื้อจะแรงมากขนาดนั้นเพราะปล่อยสามเดือนท้องเลยต้องให้รางวัลของคนขยันที่สามีของเธอขยันปั้นลูกทุกคืนจนสมใจ ก่อนที่เธอจะท้องได้พาสามีเข้ามิติและบอกเรื่องกินยาคุมกับสามีเขางอนเธอไปหลายวันคิดว่าตัวเองจะเป็นหมั่นจนจะไปตรวจที่โรงพยาบาลฟ่านปิงจึงบอกความจริงให้ฟังและนั้นคือการทำโทษของสามีที่ตั้งใจตั้งปั้นใหม่และก็สมใจเขาถึงตอนนี้ซึ่งตอนที่เธอบอกเรื่องที่มีมิติและบอกว่าได้พรมาจากท่านตาเทพตั้งแต่ที่โดนเพื่อนรักอย่างเสี่ยวชิงชิงวางยาในคืนนั้น คิดว่าตัวเองตายไปแล้วท่านตาจึงพาไปที่โลกของอนาคตข้างหน้าและให้เรียนรู้สิ่งต่างๆในโลกใบนั
ทั้งห้าคนในบ้านมู่กินมื้อเช้าด้วยความสุขพอได้บอกเรื่องที่หนักลงจากบ่า สองหนุ่มคู่รักต่างก็มีสีหน้าของความสุขที่ไม่ต้องหลบซ่อนสายจากใครในครอบครัวหลังจากนั่งพักฟ่านปิงไปล้างถ้วยในครัวและบอกให้ทุกคนพักก่อนไม่ต้องตามมาช่วยเดี๋ยวเสร็จแล้วเธอจะออกไปช่วยที่โรงเรือนที่ทุกคนตักผักเองหลังนั่งย่อยอาหารไม่นานสามหนุ่มจึงชวนกันไปตัดผักต่อ แม่เสิ่นจะไปด้วยแต่ทุกคนบอกเหลือไม่เยอะ"แม่ปักผ้าไปเลยครับไม่ต้องห่วงงานผักผมกับพี่ภรรยาทำทันอย่างแน่นอนเพิ่มคุณจื่อเซิ้นไปอีกคนไม่นานก็เสร็จแล้วครับ" ก่อนจะไปเฉินซานที่ช่วยภรรยายกถ้วยให้ภรรยาล้าง เขาสวมกอดฟ่านปิงจากทางด้านหลังด้วยความรักก่อนจะกระซิบใส่เมียรักเบาๆ"ปิงเอ๋อร์เมื่อคืนน้อนร้อนแรงมากพี่เกือบตายคาอกเมียพี่ขอแบบนี้ทุกคืนนะครับ" พูดจบเฉินซานก็ก้มลงหอมทั้งสองงแก้มซ้ายขวาบอกรักฟ่านปิงแล้วรีบไปตัดผักต่อฟ่านปิงที่ยืนนิ่งเพราะมือไม่ว่างติดล้างถ้วยอยู่ได้แต่ส่งค้อนให้สามีที่ส่งเสียงหัวเราะออกไปจากครัวด้วยความสุขออกไปจากในครัวหลังจากได้รางวัลจากสองแก้มเธอนับวันเขายิ่งทำตัวหื่นไม่เลือกสถานที่ ตั้งแต่ที่เมื่อคืนที่ตัวเธอยอมขอโทษที่พูดให้สามีได้เอาเปรียบเธอแทบจ
"ก็ไม่เป็นอะไรนี้ครับปิงเอ๋อร์พี่รับได้คนเราเลือกเกิดไม่ได้ พี่อยู่ในเมืองใหญ่ในค่ายทหารมาหลายปีหนูคิดว่าพี่จะไม่พบเจอบ้างเลยหรือครับและมันกลับเป็นเรืองที่ดีที่พี่ชายของหนูจะได้อยู่ใก้ลหนูทั้งสองคนยังไงละครับ แม่ของพี่ท่านเป็นคนในเมืองมาก่อนและมีเหตุผลท่านใช้ชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนพวกเรา ท่านต้องเข้าใจมากมากกว่าและเห็นใจพี่ภรรยาทั้งสองคนอยู่แล้วครับ แล้วหนูจะมาขอหย่าพี่เรื่องแค่นี้หรือครับเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะครับ พี่เสียใจมากนะครับปิงเอ๋อร์ที่น้องไม่เคยมองพี่ในแง่ดีขึ้นมาบ้างเลยหรือครับ พี่รู้ว่าที่ผ่านมาพี่ผิดจนหนูโกรธพี่มากพี่จะบอกน้องตรงนี้ต่อหน้าพี่ชายของน้องว่าพี่รักหนูมากเท่าชีวิตของพี่ครับ" เฉินซานบอกภรรยารักและมองหน้าเธอด้วยความเสียใจที่ภรรยาไม่เคยใจอ่อนให้เขาเข้าร่วมและขอความคิดเห็นเลยมีแต่อยากทิ้งเขาทั้งที่ไม่เคยถามสามีสักคำก่อนเลย ฟ่านปิงมองหน้าสามีและเดินเข้าไปจับมือของสามี"หนูขอโทษที่ยังไม่ได้ถามพี่แต่หนูก็คิดไปก่อนขอบคุณพี่ที่เข้าใจพี่ชายของหนูค่ะ" ฟ่านปิงบอกสามีเฉินซานเห็นภรรยาจับมือและขอโทษที่เธอทำผิดเพราะตลอดเวลาที่แต่งงานกันมาฟ่านปิงจะไม่เคยแตะต้องตัว
ฟ่านปิงมาส่งพี่ชายทั้งสองถึงบ้านและดึงพี่ชายทั้งสองคนเข้าห้องนอนของพี่ใหญ่ก่อนจะพูดให้ทั้งสองคนฟังชัดๆเพราะตอนนี้จื่อเซิ้นกับมู่หยางยังตกใจที่ฟ่านปิงรู้เรื่องของตัวเองได้ยังไง"ไม่ต้องตกใจหรอกค่ะพี่จื่อเซิ้นหนูรู้ว่าพี่ชอบพี่ใหญ่เกินคำว่าเพื่อนรัก เพียงแต่คนที่นี้ไม่ค่อยยอมรับเรื่องชายรักชายเท่านั้นเอง แต่สำหรับหนูไม่ว่าพี่ทั้งสองคนจะเป็นแบบไหนหนูก็รับได้ค่ะพี่ไม่ต้องตกใจหนูยินดีที่พี่ทั้งสองคนจะมีความสุขด้วยกันถึงแม้คนอื่นจะไม่ยอมรับแต่จะสนใจทำไมละคะ ในเมื่อพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้หาข้าวให้เรากินหรือมารับเลี้ยงเรานี้คะทำตัวตามที่ใจพี่ทั้งสองคนต้องการเถอะค่ะ" ฟ่านปิงบอกพี่ชายที่เธอรักทั้งสองคน "ปิงเอ๋อร์" มู่หยางพูดเสียงเบาเขาพยายามที่จะหักใจมาตลอดว่าที่ผ่านมามีเพียงจื่อเซิ้นที่คอยช่วยเหลือเขามาโดยตลอดตั้งแต่ขาดพ่อกับแม่เค้าต้องเป็นเสาหลักให้น้องสาว จากที่เรียนมาด้วยกันและรับเข้าไปทำงานในร้านอาหารของพ่อตัวเองตอนเรียนจบ จื่อเซิ้นต้องปกปิดตัวตนทุกอย่างเพราะกลัวว่าบิดาจะเสียใจที่เขามีใจเป็นหญิงท่านพาไปดูตัวผู้หญิงที่ไหนเขาก็ปฎิเสธและขอแลกกับการทำงานแทนการแต่งภรรยาและบอกความจริงกับบิดาไปว่
อีกสองวันต่อมาพี่ชายจื่อเซิ้นก็มาค้างที่บ้านกับพี่ใหญ่เพื่อจะตกปลากัน หลังจากที่พากันตัดผักส่งให้คนรถนำกลับไปที่ร้านสามหนุ่มจึงพากันไปนั่งตกปลาที่ริมลำธารกันตั้งแต่ตอนกินมื้อเที่ยงอิ่มแล้วฟ่านปิงมีหน้าที่ทำอาหารให้กับสามหนุ่มวันนี้เธอจึงคิดจะกินหม้อไฟชาบูดีกว่าหลายคนดี จากนั้นรอบบ่ายฟ่านปิงจึงคลุกอยู่ในครัวปรุงน้ำซุปและหั่นหมูหั่นปลา แล่กุ้งทำกุ้งแช่น้ำปลาทำน้ำจิ้มรสเด็ดหอมหอมแห้งนำมาแช่น้ำรวมทั้งเห็ดหูหนูฟ่านปิงเดินไปที่โรงเรือนหลังจากที่ทำของสดครบทุกอย่าง ลูกชิ้นเธอก็ทำเองทั้งหมูทั้งปลาและกุ้งทำให้มีจานเนื้อหลากหลายจะเอาออกมาจากในมิติก็ไม่ได้ เพราะมันยังเป็นความลับสำหรับสามีรวมทั้งแม่เสิ่นที่ตอนนี้ฟ่านปิงยังไม่อยากเปิดเผยและรู้ว่าสามมีสงสัยของใช้ของเธอบางอย่างที่เขาไม่เคยเห็น แต่เขาจะไม่ถามถ้าภรรยาไม่อยากให้รู้ ฟ่านปิงก็ไม่ได้รังเกียจสามีแต่ที่ผ่านมาเขาก็ยอมรับผิดทุกอย่างและแสดงให้เห็นว่ารักเธอและทำตามที่ลั่นวาจาเอาไว้ทุกอย่าง ฟ่านปิงถามว่ารักสามีไหมสำหรับเธอก็มีใจสั่นเวลาสามีออดอ้อนเหมือนลูกน้อยในห้องนอนทุกคืนและเธอคิดว่าคงไม่ยากที่จะเปิดใจยอมรับความรักของสามีอีกไม่นานเธอเลือกเอ







