ดวงดาว Part
ฉันมองไปทางประตูที่ถูกเปิดออกแว๊บแรกที่เห็นเขาเดินเข้ามาฉันยอมรับว่าตกใจมาก ฉันไม่เคยคิดเลยว่าบริษัทใหญ่โตที่ประสบความสำเร็จมากขนาดนี้จะมาจากมือของผู้บริหารที่ยังหนุ่มยังแน่นขนาดนี้ ก่อนที่ฉันจะมาสมัครงานที่นี่นั้นฉันก็ได้ลองหาข้อมูลของบริษัทนี้มาแล้วเหมือนกันนะแต่ว่ารูปของประธานบริษัทในเว็บไซต์มันไม่ใช่เขาหนิ ฉันมองเขาแบบนั้นอยู่นานเพราะฉันรู้สึกแปลกใจมาก ไม่คิดเลยว่าคนเรามันจะเพอร์เฟคได้ขนาดนี้ เขาทั้งสูง ทั้งหล่อแถมยังร่ำรวยติดอันดับของประเทศด้วยไม่รู้เลยว่าชาติที่แล้วเจาทำบุญด้วยอะไร "ทิชชู่หน่อยไหม" เสียงทุ้มต่ำที่มีเสน่ห์ของเขาทำให้ฉันหลุดออกจากพะวัง ตายจริงในใจเขาต้องคิดว่าฉันทำตัวไม่เหมาะสมแน่เลย "คะ?" "ก็คุณมองผมจนตาเยิ้มหมดละ คงไม่ได้กำลังสนใจผมอยู่ใช่ไหม" คำตอบของเขาทำเอาฉันแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี นี่ฉันจ้องเขาขนาดนั้นเลยหรอเนี่ยแต่ว่าคนอะไรหลงตัวเองจัง เขาแสยะยิ้มใส่ฉันทีนึงแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานฉันเลยรีบเดินตามเขาไป "สวัสดีค่ะ" ฉันรีบพูดเพื่อจะแนะนำตัวให้เขารู้จัก เขาเองก็เงยหน้าขึ้นมามองฉันทันที "ดิฉันชื่อดวงดาว ขจรวิทย์ ค่ะท่านประธานจะเรียกว่าดาวเฉย ๆ ก็ได้นะคะดิฉันมาทำงานที่นี่เป็นวันแรกค่ะ ขอบคุณที่เลือกดิฉันนะคะดิฉันจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดค่ะ" "ไม่ต้องพิธีรีตองขนาดนั้นก็ได้แล้วก็คุยกัันแบบธรรมดาเถอะไม่ต้องมาดิชงดิฉันอะไรผมไม่ได้หัวโบราณขนาดนั้นและในเมื่อผมเลือกคุณแล้วผมก็หวังว่าคุณจะทำได้งานให้ผมอย่างเต็มที่เหมือนที่คุณพูดก็นะ" ก๊อก ก๊อก ก๊อก "ขออนุญาตครับท่านประธาน" เสียงผู้ชายคนนึงตะโกน "เข้ามา" ท่าทางสุภาพเรียบร้อยแต่งตัวสะอาดสะอ้านดูจากหน้าตาแล้วคนนี้อายุน่าจะพอ ๆ กับฉันนะ "กาแฟครับท่านประธาน" เขาพูดแล้วเดินเอาถ้วยกาแฟมาวางบนโต๊ะของท่านประธาน "นี่คุณชัชนะเป็นคนสนิทของผม ถ้าคุณมีอะไรสงสัยก็ถามเขาได้เลยตอนนี้เขาทำหน้าที่รักษาการแทนคุณอยู่...คุณชัชเดี๋ยววันนี้คุณส่งมอบงานทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเอกสาร ตารางนัด ตารางประชุมรวมถึงสัญญาเงินกู้ของพวกลูกหนี้ที่ผมต้องเซ็นต์ในวันนี้ให้กับ..." ท่านประธานหันหน้ามามองฉันด้วยสายตาแปลกๆ "คุณเลขาคนใหม่ของผมด้วย" ท่านประธานพูดต่อหลังจากมองหน้าฉันอยู่แปปนึงด้วยน้ำเสียงนิ่งทุ้ม ทำเอาฉันรู้สึกขนลุกไปทั้งตัวเลยสายตาเมื่อกี้ของเขาที่มองมาที่ฉันมันดูทีเล่นทีจริงมากไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกไม่ชอบมาพากลเท่าไหร่ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเขาต้องการอะไรหรืออยากจะทดสอบอะไรกับฉันกันแน่ "ได้ครับท่านประธาน" "คุณออกไปก่อนเถอะผมมีอะไรจะคุยกับเธอสักหน่อย" "ครับท่านประธาน" คุณชัชตอบแล้วก็เดินออกไป "คุณนั่งลงก่อนสิ" ฉันเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเขา "คุณอายุเท่าไหร่" "24 ค่ะ" ฉันตอบออกไปแม้ในใจจะรู้สึกงง ๆ อยู่ว่าเขาถามทำไมเพราะตอนนี้ในมือของเขาเองก็กำลังเปิดอ่านเรซูเม่ของฉันอยู่แท้ ๆ "คุณมีกระดาษกับปากกาไหม" "เอ่อ...มีค่ะ" ฉันตอบแล้วฉันเปิดกระเป๋าหยิบกระดาษโพสอิทกับปากกาขึ้นมา เขามองแล้วก็พยักหน้าให้ฉันทีนึงเหมือนพอใจมาก "ข้อที่ 1 ผมต้องดื่มกาแฟทุกวัน วันละ 2 แก้วซึ่งแก้วแรกผมจะดื่มก่อนเริ่มงานดังนั้นคุณมีหน้าที่นำกาแฟมาเสิร์ฟให้ผมก่อนที่ผมเริ่มงานและห้ามเสิร์ฟช้าเกิน 10 นาทีหลังจากที่ผมมาถึงโต๊ะทำงานแล้ว โดยกาแฟแก้วแรกที่ผมจะดื่มคืออเมริกาโน่ร้อนเท่านั้นส่วนกาแฟแก้วที่สองที่ผมจะดื่มมีส่วนผสมคือ Espresso 2 ช็อต น้ำตาล 1 ช้อนชาและนมสด 1 ออนซ์ใส่น้ำแข็งแค่ครึ่งแก้วพร้อมด้วยโครนัทคัสตาร์ดครีมราดซอสเบอร์รี่จากร้าน xxx ต้องเสิร์ฟพร้อมกันตอนบ่ายโมงตรง คุณจะออกไปซื้อเองหรือกดสั่งเอาก็ได้แล้วแต่คุณเลยเดี๋ยวผมจะให้เงินไว้เป็นรายสัปดาห์ก็แล้วกันแต่จำไว้ด้วยว่าเรื่องส่วนผสมกาแฟของผมคุณห้ามพลาดเด็ดขาดและกาแฟทั้งสองแก้วนี้คุณจะต้องเป็นคนชงเองที่ห้องกาแฟของบริษัทเท่านั้น ใช้ห้องกาแฟของชั้นนี้แหละปกติมีแค่ผมกับคุณชัชใช้กันแค่สองคนถ้าคุณอยากดื่มอยากทานอะไรก็ไปใช้ได้เลย ทานได้ทุกอย่างไม่ต้องเกรงใจเดี๋ยวจะมีคนคอยไปเติมของเอง" ฉันพยักหน้าตอบรับและรีบจดให้ทันตามที่เขาพูด "ข้อที่ 2 ทุกครั้งที่มีคนขึ้นมาหาผมคุณจะต้องถามเขาว่าเขาชื่ออะไร มาจากแผนกไหนแล้วมีธุระอะไรกับผมเพื่อนำเข้ามารายงานผมในห้องก่อนเสมอและผมจะเป็นคนบอกเองว่าให้เข้ามาได้หรือไม่ ข้อที่ 3 เวลาของผมมีค่ามากห้ามคุณสายหรือขาดโดยที่ไม่ได้ผมบอกล่วงหน้ายกเว้นกรณีที่คุณมีเรื่องฉุกเฉินจริงๆ เท่านั้นที่ผมจะสามารถอนุโลมให้ได้" เขาจ้องหน้าฉันอยู่ฉันตลอดเวลาเลยฉันรู้สึกได้แม้ว่าฉันจะไม่ได้เงยขึ้นมาเลยก็ตาม "คุณมีแฟนหรือยัง" อยู่ดีๆ ท่านประธานก็ถามขึ้นมาเฉยเลย "ฮะ? เอ่อ ยังค่ะ" "ดีมาก เพราะกฏข้อที่ 4 ของผมคือผมไม่อนุญาตให้พนักงานคนสนิทมีแฟน" "คะ?" ฉันอุทานออกมาด้วยความสงสัย "อะไรนะคะ? " ฉันถามย้ำอีกครั้งเพื่อเช็คให้แน่ใจว่าเขาพูดแบบนั้นจริงไหมเพราะนั่นมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับงานของฉันเลยหนิทำไมฉันถึงไม่สามารมีแฟนได้ "ก็...อย่างที่คุณเห็นนั่นแหละงานของผมมีเยอะมากเนื่องจากผมพึ่งมารับช่วงต่อจากคุณพ่อได้แค่ 2 เดือนกว่า ๆ ดังนั้นมันผมเลยต้องใช้เวลาทุ่มเทกับมันมากหน่อย...ถ้าคุณมีแฟนตอนนีิผมกลัวว่าคุณจะไม่ค่อยมีสมาธิกับการทำงานเพราะถ้าคุณมีแฟนแล้วคุณก็คงต้องเอาเวลา สมาธิส่วนใหญ่ไปจดจ่อกับแฟนคุณแล้วถ้าเกิดวันนึงคุณหมด Passion กับการทำงานแล้วเพราะอยากไปใช้ชีวิตกับแฟน อยากแต่งงานมีลูกมีครอบครัวด้วยกันขึ้นมาถึงตอนนั้นคนที่เดือดร้อนก็ไม่ใช่ใครแต่เป็นผมเนี่ยแหละที่จะต้องหาคนมาทำงานแทนคุณ แล้วกว่าผมจะฝึกให้เขาทำงานได้เก่ง ๆ มันก็ใช้เวลาค่อนข้างนานใช่ไหมล่ะ...ผมหวังว่าคุณคงเข้าใจผมนะ...เพราะงั้นผมขอจะเวลาคุณแค่ 2 ปีให้งานผมมันอยู่ตัวก่อนแล้วหลังจากนั้นก็...ก็ค่อยแล้วแต่คุณเลย" ตอนนี้คิ้วฉันแทบจะผูกติดกันอยู่แล้วถึงฉันจะไม่ค่อยเข้าใจตรรกะของเขาเท่าไรืแต่ก็คงต้องตอบไปว่าเข้าใจแหละ "ค่ะ..." ฉันตอบพร้อมกับพยักหน้ารับทราบ "แล้วสรุปคุณไม่มีแฟนจริง ๆ เหรอ "จริงค่ะ แต่ท่านประธานไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกนะคะเพราะดาวแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ค่ะ ดาวจะไม่มีทางให้เรื่องพวกนี้มีผลกระทบต่อการทำงานของดาวแน่นอน" "ก็ดีขอให้คุณตั้งใจทำงานละส่วนพวกกฏเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เหลือคุณชัชเขาจะเป็นคนบอกคุณเอง...คุณออกไปได้ละ" "คะ? ค่ะท่านประธาน" "เดี๋ยว!" ฉันจึงหยุดแล้วนั่งลงเหมือนเดิม "ท่านประธานมีอะไรหรือเปล่าคะ" "งานแรกที่ผมจะให้คุณทำก็คือ...ผมขอสั่งให้คุณเลิกเรียกผมว่าท่านประธานตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป" ฉันมองเขาด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงเรียกท่านประธานไม่ได้ก็ในเมื่อเมื่อกี้คุณชัชยังเรียกเขาว่าท่านประธานอยู่เลย "คือ...มันฟังดูแก่เกินไปน่ะ ผมอายุแค่ 28 เองนะคุณเรียกผมแบบนั้นผมว่าไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่" มันจะไม่เหมาะได้ไงก็เขาเป็นประธานบริษัทจริงๆ หนิมันไม่เห็นดูแก่ตรงไหนเลยอีกอย่างมันดูมีอำนาจดูมีบารมีมากกว่าซะอีก "แต่...ทุกคนที่นี่ก็เรียกท่านประธานว่าท่านประธานไม่ใช่เหรอคะ" "ก็พวกเขาชินกันหมดแล้วไง เขาเรียกแบบนั้นมาตั้งแต่สมัยที่พ่อผมบริหารแล้วจะให้แก้ตอนนี้ก็คงยาก" "แล้วจะให้ดาวเรียกท่านประธานว่าอะไรละคะ" "ทศ...ผมชื่อทศราช" เขามองจ้องมาที่ฉันก่อนจะตอบ "ได้ค่ะ...คุณทศ" "งั้นดาวขอตัวก่อนนะคะ" ฉันพูดแล้วลุกขึ้นก้มหัวให้เขาทีนึงก่อนจะเดินออกจากห้องนี้ไป ออกมาเห็นคุณชัชกำลังจัดแฟ้มเอกสารกองโตอยู่ "อ้าว~ คุณเลขามาพอดีเลยครับ" เขายกเอกสารแล้วเดินมาวางไว้ที่โต๊ะฝั่งขวา "นี่ครับเอกสารที่ท่านประธานบอก คุณเลขาลองอ่านดูนะครับ" เขาพูดเอียงตัวไปหยิบแฟ้มที่เหลือมาวางไว้รวมกัน "ส่วนนี่คือตารางงานประชุมกับตารางนัดลูกค้าของท่านประธานครับ คุณเลขาดูตารางแล้วจัดเอกสารตามนี้เลยนะครับ" "ได้ค่ะ นี่โต๊ะทำงานของดาวหรอคะ" "ใช่แล้วครับ" "ขอบคุณมากนะคะ" "คุณเลขาต้องจัดให้ตรงและถูกต้องนะครับห้ามผิด! ห้ามพลาดเด็ดขาดเลยไม่งั้นท่านประธานจะโกรธคุณเลขามาก ๆ ท่านประธานเป็นคนที่เกลียดการมีข้อผิดพลาดที่สุดเลย" คุณชัชพูดย้ำด้วยสีหน้าจริงจังสุดๆ "เข้าใจแล้วค่ะ...เอ่อ...คุณชัชเรียกดาวว่าดาวเฉย ๆ ก็ได้นะคะต้องทำงานด้วยกันแบบนี้เรียกคุณเลขาฟังดูห่างเหินยังไงไม่รู้" "อ๋อ...ได้ครับคุณดาว" คุณชัชตอบด้วยหน้าตายิ้มแย้ม ฉันส่งยิ้มไปให้คุณชัชคืน เขาดูใจดีมากๆ เลยแบบนี้น่าจะทำงานด้วยกันไม่ยากคุณทศเดินไปเปิดประตูที่นั่งด้านหลังให้แม่กับป้าน้อย ทั้งคู่หันมามองที่ฉันเหมือนเป็นการถามเพื่อความแน่ใจว่าขึ้นไปได้จริง ๆ ใช่ไหมฉันเลยพยักหน้าตอบเพื่อให้พวกเขาสบายใจแม้แม่กับป้าน้อยจะรู้สึกเกรงใจคุณทศมาก ๆ แต่การที่เขาเปิดประตูรอแบบนั้นก็ทำเอาแม่กับป้าน้อยไม่อาจปฏิเสธได้เลย ฉันมองดูการกระทำของคุณทศที่ปฏิบัติต่อแม่และป้าน้อยอยู่ตลอดด้วยความพอใจเพราะถึงเขาจะเป็นถึงเจ้าของบริษัทแต่ไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งหรือทำตัวไม่ดีต่อครอบครัวที่แสนจะธรรมดาของฉันเลยแม้แต่น้อยและเพราะเขาเป็นแบบนี้เนี่ยแหละฉันถึงยิ่งประทับใจเขามากขึ้นทุกที พอแม่กับป้าน้อยขึ้นไปนั่งบนรถแล้วคุณทศก็หันกลับมามองฉัน พอสบตากับเขาอีกครั้งฉันก็ถึงสะดุ้งเลยจากนั้นฉันก็รีบเดินไปเปิดประตูแล้วขึ้นไปนั่งฝั่งข้างคนขับทันที แม้จะไม่ได้หันไปมองหน้าเขาอีกครั้งแต่ฉันรู้สึกได้เลยว่าคุณทศต้องกำลังยืนขำท่าทางตลก ๆ ของฉันเมื่อกี้อยู่แน่ ๆ ร้านอาหารมาถึงร้านฉันก็บอกให้แม่กับป้าน้อยเข้าไปก่อนเลยเพราะฉันจองโต๊ะเอาไว้แล้ว"คุณไม่ลงเหรอ" ฉันค่อย ๆ หันหน้าไปหาเขาด้วยความตื่นเต้น "หรือว่าอยากจะกลับบ้านพร้อมกับผม" น้ำเสียงและสีหน้าทีเล่นที่จริงของเขา
"เมื่อกี้คุณทศยิ้มให้เราเหรอ" ฉันถามตัวเองเบา ๆ ด้วยหัวใจที่เต้นรัวอย่างกับจะระเบิดออกมา"แล้วทำไมเราต้องดีใจขนาดนี้ด้วยละ...ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ เลย" หลังจากยืนคุยกับตัวเองอยู่แป๊ปนึงฉันก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานจากนั้้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาแม่"ฮัลโหลค่ะแม่""ว่าไงจ๊ะลูก""วันนี้ช่วงบ่ายแม่กับป้าน้อยไม่ต้องทำกับข้าวออกไปขายที่ตลาดนะคะ""ทำไมล่ะลูก""ไม่มีอะไรหรอกค่ะ วันนี้ประมาณห้าโมงเย็นแม่กับป้าน้อยขึ้นแท็กซี่มาหาดาวที่บริษัทนะคะ""อะไรอีกล่ะเนี่ย""ต้องมานะคะ""จ่ะ ๆ ไว้เจอกันนะเดี๋ยวแม่ต้องไปช่วยป้าน้อยแกขายของต่อแล้ว""ค่ะ ดาวรักแม่นะคะ""จ่ะ แม่ก็รักดาวนะลูก"ทศราช Partผมนั่งมองกล่องสีดำเล็ก ๆ นั่นด้วยรอยยิ้มมาอยู่สักพักหลังจากที่เธอออกจากห้องไป"ของขวัญตอบแทนเหรอ ฮึ ๆ ดีกว่าที่คิดไว้อีกแฮะ" ผมพูดแล้วหยิบเสื้อสูทตัวโปรดที่คลุมอยู่บนเก้าอี้ขึ้นมาใส่จากนั้นก็ดึงปากกาด้ามเก่าที่เหน็บอยู่บนกระเป๋าเสื้อออกแล้วแทนที่ด้วยปากกาด้ามใหม่ที่เธอเพิ่งให้เมื่อกี้แทนดวงดาว Partหน้าบริษัทหลังจากเลิกงานฉันก็ออกมายืนรอแม่กับป้าน้อยอยู่หน้าบริษัท ในระหว่างที่ฉันยืนรออยู่นั้นรถของคุณทศ
หลังจากเลิกงานฉันก็ออกไปพร้อมกับทุกคนโดยมีพี่บอสเป็นคนขับให้พวกเราห้างสรรพสินค้า (ร้านบุฟเฟ่ต์)"เฮ้อ...พี่แหม่มกับเจนเลือกของกันได้แล้วแต่ผมยังไม่รู้เลยว่าจะซื้ออะไรให้แฟนดี ขนาดชัชที่ไม่มีแฟนก็ยังเลือกได้แล้วแบบนี้ผมจะทำยังไงดีเนี่ย เลือกของให้ผู้หญิงมันช่างยากจริงๆ เลย" พี่บอสถอนหายใจแล้วก็บ่นออกมา"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ทำไมเสือผู้หญิงอย่างพี่บอสถึงมาตกม้าตายกะอีแค่เรื่องของขวัญได้ล่ะครับ" คุณชัชพูดแล้วหัวเราะออกมา"นายจะไปรู้อะไร ผู้หญิงเนี่ยเบื่อง่ายจะตายไป ปีแรกได้ช็อกโกแลตกับเครื่องสำอางค์ ปีที่สองได้ดอกไม้กับตุ๊กตา ปีที่แล้วได้น้ำหอมกับกระเป๋าส่วนปีนี้พี่หมดมุกแล้วจริง" ทุกคนหัวเราะกับคำตอบของพี่บอสจากนั้นพี่บอสก็หันมามองฉันด้วยสายตามีความหวัง"แล้วน้องดาวละครับถ้าเป็นน้องดาวจะอยากได้อะไรเป็นของขวัญจากแฟนอ่ะ" พี่บอสถาม"ดาวก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ...พอดีดาวยังไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลย" "ฮะ!!"ทุกคนอุทานออกมาแล้วมองมาที่ฉัน"นี่น้องดาวไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลยเหรอ" พี่แหม่มถาม"หน้าตาแบบนี้รอดมาได้ยังไงเนี่ย" พี่เจนพูด"บุญวาสนาของพี่จริง ๆ ที่หน้าตาแบบนี้ยังหาสามีได้" พี่นุ่นพูด"ก็ตอนเด็ก ๆ พ่อของ
1 สัปดาห์ต่อมา ฉัันยังคงมาทำงานตามปกติเหมือนทุกวันแต่ที่ดูจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็คือการทำงานของฉันดูราบลื่นขึ้นมากและได้รับคำชมจากเพื่อนร่วมงานอยู่บ่อย ๆ แถมพนักงานหลายๆ คนก็เริ่มให้ความการเคารพฉันในฐานะเลขาของคุณทศบ้างแล้วจากที่ตอนแรกดูจะตึง ๆ และไม่ชอบฉันอย่างเห็นได้ชัด "คุณดาวหลังจากที่ทีมการตลาดได้โฆษณาออกไปผลตอบรับของโครงการหมู่บ้านที่พัทยาเป็นยังบ้าง" คุณ "ดีมากเลยค่ะคุณทศตอนนี้ลูกค้ากำลังให้ความสนใจโครงการของเราเป็นอย่างมากแล้วก็มีสปอนเซอร์รายใหญ่ติดต่อมาหลายบริษัทเลยค่ะ" "งั้นก็ดีแล้ว คุณไปทำงานต่อเถอะ" ฉันก็เดินออกจากห้องทำงานของเขาแล้วมานั่งทำงานของตัวเองต่อเหมือนเดิม พอใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันฉันก็กดสั่งอาหารมาไว้ให้เขาตามปกติก่อนจะลงไปทานมื้อกลางวันของตัวเองที่โรงอาหาร โรงอาหาร ทุกคนนั่งทานอาหารกลางวันและพูดคุยกันถึงปัญหาต่างๆ ในแต่ละวันกันอย่างสนุกสนานมีทั้งเรื่องรถติดบ้าง ทะเลาะกับสามีบ้าง มีปัญหาหากับเพื่อนร่วมงานบ้าง "น้องดาวเย็นนี้ว่างไหมจ๊ะ" "ก็ว่างนะคะพี่เจนพอดีดาวไม่ได้มีงานด่วนอะไรด้วย" งั้นน้องดาวไปกับพวกเราไหม" พี่เจนถาม "พวกพี่จะไปไหนกันหรอคะ"
"อะไรนะ!!" เสียงของอนุวัฒน์ดังขึ้นเมื่อลูกน้องคนสนิทมารายงานข่าวเรื่องที่ดิน ที่เขาเคยยื่นขอเสนอไปแต่ก็ถูกตัดหน้าไปก่อนอย่างหน้าเสียดาย"คึ...คือคุณลดาเธอบอกว่าเธอนำที่ดินไปลงทุนกับบริษัท KTK แล้วครับ" ดนัยตอบ (ลูกน้องของอนุวัฒน์)"เป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อเราติดต่อพูดคุยกับคุณลดาไว้ตั้งแต่หลายเดือนแล้วนิว่าเราจะขอซื้อที่ดินตรงนั้นของเธอด้วยเงินสด ทำไมเธอถึงยังปฎิเสธเราได้อีก นี่แกประสานงานยังไงกันแน่ว่ะ" อนุวัฒน์ถามด้วยความโมโห"คือผมทำตามที่คุณอนุวัฒน์สั่งจริงๆ นะครับแต่ผมทราบมาว่าคุณทศราชผู้บริหารคนใหม่ของทางบริษัท KTK ได้ยื่นขอเสนอให้คุณลดาเป็นหุ้นส่วนโครงการใหม่ที่ทางบริษัทนั่นกำลังจะทำขึ้นในอีกไม่ช้าแถมยังให้เปอร์เซ็นที่สูงอีกด้วย เธอก็เลยเกิดลังเลกับข้อเสนอของเราแล้วตกลงเซ็นต์สัญญากับทางนู้นครับ" ดนัยตอบ อนุวัฒน์รู้สึกโกรธยิ่งขึ้นอีกเมื่อรู้ว่าเด็กรุ่นใหม่ที่พึ่งจะก้าวเข้าวงการของธุรกิจอย่างทศราชมาชิงตัดหน้าเขาไป เขาติดต่อกับคุณลดามาเป็นเวลานานมากกว่าคุณลดาจะยอมเปิดใจอ่านสัญญาซื้อขายกับเขา เสียทั้งเงินทั้งเวลทไปก็ไม่ใช้น้อยเพื่อซื้อใจฝั่งนั้นแต่กลับมารู้ทีหลังว่าสิ่งที่เ
ฉันค่อย ๆ นั่งลงตามที่คุณทศสั่ง "คุณทศจะไม่กลับบริษัทหรอคะ" "ผมหิวข้าวน่ะ" ฉันตกใจรีบยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาทันทีถึงได้รู้ว่านี่มันเลยเวลาอาหารกลางวันของคุณทศมานานแล้ว "โอ้! จริงด้วย ดาวขอโทษนะคะที่ไม่ได้สั่งอาหารกลางวันมาให้คุณทศ" "เราอยู่กันที่ร้านอาหารนะไม่ใช่บริษัทถึงคุณจะสั่งอะไรมาให้ผมผมก็กินไม่ได้อยู่แล้วป่ะ" "ดาวขอโทษค่ะ" ฉันมัวแต่ลนจนทำขายหน้าคุณทศอีกแล้ว "อยู่กับผมคุณไม่จำเป็นต้องขอโทษอะไรที่ไม่ได้ทำผิด เข้าใจไหม! ได้ยินทีไรล่ะรู้สึกหงุดหงิดทุกที" "ขอโท- " ฉันกำลังจะเผลอพูดคำนั้นออกมาอีกครั้งแล้วแต่ก็เจอเข้ากับสายตาที่มองมาอย่างดุๆ ก็เลยชะงักไปก่อน "เอ่อ~ รับทราบค่ะ" "แล้วนี่คุณไม่หิวหรือไง" คุณทศถาม "ดาวว่าจะกลับไปทานที่บริษัทค่ะ" "นี่มันจะบ่ายสองแล้วกว่าจะไปถึงบริษัทก็เกือบเลิกงานพอดี ผมทนหิวขนาดนั้รไม่ไหวหรอกนะ" คุณทศตอบแล้วยกมือเรียกให้พนักงานมารับออร์เดอร์ "คุณอยากกินอะไรก็สั่งเลยนะเดี๋ยวผมเลี้ยงเอง" คุณทศพูดแล้วลงไปดูเมนูอาหาร ฉันรับเมนูจากพนักงานมาเปิดดูก็ถึงกับอึ้งไปเลยไม่รู้ทำไมอาหารทุกอย่างมันถึงได้แพงขนาดนี้ ราคาอาหารต่อจานโหดแบบนี้ฉันสามารถใช้เป็น