LOGINริมฝีปากของเธอขยับคล้ายจะเอ่ยคำ แต่ยังไม่ทันได้เปล่งวาจา เขาก็ทาบทับริมฝีปากลงมาอีกครั้งแล้วเปลี่ยนแปลงความหนักเบาไปเรื่อยๆ กักเสียงอื้ออึงเอาไว้ในลำคอ ระดมจูบอย่างบ้าคลั่ง..เขายินยอมให้เธอผ่อนลมหายใจ แต่ทว่าไม่ยินยอมให้ผละจาก ปลายลิ้นนั้นสอดลึกคล้ายจะคว้านไล้ให้ทั่วทุกซอกมุม โรมรันเข้ามาดุจนักเดินทางกลางทะเลทรายที่พึ่งพบเจอแหล่งน้ำ เขาใช้ลิ้นไล่ต้อนจนร่างกายของเธอเสียการควบคุม นี่มันอันตรายแล้วละสิ เพราะดูเหมือนว่าสติที่เหลือของเธอกำลังจะถูกดูดกลืนไปอย่างช้าๆ ในจุดที่มองไม่เห็น ข้างในกลับพัวพันกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ทิ้งเอาไว้เพียงเสียงคลุมเครือที่หลุดรอดออกมา “อื้อ..” ในปากพัวพันจนชาหนึบขณะที่ฝ่ามือของเขากำลังมุดเข้าไปในกระโปรงของเธอไล้ตั้งแต่หัวเข่าไปจนถึงโคนขาอ่อน เธอตกใจและพยายามจะถอยหนี แต่ทว่าทั้งริมฝีปากที่กำลังถูกพันธนาการและมืออีกข้างของเขาที่ทำหน้าที่โอบกอดเธอเอาไว้..ร่างกายเล็กๆ ที่กำลังสูญเสียการควบคุมของณิรินจึงไม่อาจถอนหนีได้ตามใจ “เชื่อใจกันหน่อยสิณิริน..” ใบหน้าของเขาเคลื่อนลงต่ำในทันทีที่เขาถอนริมฝีปากออกไป เรียวขาของเธอถูกแยกกว้าง ยังไม่ทันที่ณิรินจะได้ตั้งสติ ใบหน้าของเขาก็แนบลงไปที่ส่วนนั้นเสียแล้ว เขาจดลิ้นชิมรสชาติของอีกฝ่ายราวกับว่ากำลังลิ้มรสอาหารมื้อโอชะ เขาสัมผัสลงไปโดยที่กางเกงชั้นยังไม่ทันได้ถอดเลยด้วยซ้ำ ธีรักษ์แนบริมฝีปากลงไปอย่างช้าๆ เรียวลิ้นร้อนสากไล้ผ่านเนื้อผ้าจนมันเปียกชุ่ม เลียลงไปที่ปากทางเข้าโดยที่ยังมีเนื้อผ้าขวางกั้นกันเอาไว้ เราสัมผัสกันเช่นนั้น..ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้สัมผัสมาโดยตรงแต่การกระทำเช่นนี้กลับกระตุ้นความต้องการได้ดีมากกว่าที่คิดเอาไว้ ทว่าเพียงแค่นั้นก็สร้างความสั่นสะเทือนให้แก่ร่างกายของณิริณอย่างน่าประหลาด เธอยกมือขึ้นมาปิดปากด้วยความตกใจ คราบชื้นบนผิวผ้าที่ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วมาจากเขาฝ่ายเดียวหรือไม่ หรือว่าในบางทีมันอาจจะมาจากน้ำหล่อลื่นของเธอและน้ำลายของเขาที่ผสมรวมกันจนเป็นเนื้อเดียวก็เป็นได้ มือของเธอตรึงศีรษะของเขาเอาไว้ แล้วพยายามจะดันอีกฝ่ายออกไปทางด้านข้างเพื่อให้เขาหยุดยั้งการกระทำนี้ลงเสีย แต่ทว่าเรี่ยวแรงอันแสนเล็กน้อยของเธอไม่อาจทำให้เขาสะดุ้งสะเทือนได้เลย เขาตรึงเธอเอาไว้แล้วใช้นิ้วเกี่ยวกางเกงซับในไปไว้ที่ด้านข้างเพื่อให้เขาสัมผัสลงไปบนร่างกายของเธอโดยตรง ธีรักษ์จ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาของเขากำลังกวาดไล้ไปตามช่องทางรักสีชมพูที่ดูราวกับผิวของผลไม้ที่สุกงอม ความชุ่มชื่นที่แผ่ซ่าน เหมือนสายน้ำที่ไหลเอื่อยในสวนต้องมนตร์ ให้ตายสิ..เท่าที่เขารู้ ดูเหมือนว่าณิรินจะเคยมีแฟนนี่นา..อีกทั้งแฟนของเธอเป็นฝ่ายบอกเลิกณิรินอีกต่างหาก ไอ้หมอนั่นมันทอดทิ้งณิรินไปได้ยังไงกันนะ..หากเป็นเขาแล้วละก็ เขาจะไม่มีวันทอดทิ้งเธอไปแม้แต่คืนเดียวเลย..ธีรักษ์สัญญา เขากดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในร่องรักที่ละเอียดละออเหมือนเนื้อผ้าซาตินที่กำลังผิวไหว ความอบอุ่นที่โอบล้อมราวกับเปลวไฟอันนุ่มนวลของเปลวเทียนในห้องที่มืดมิด “อ๊า!..พะ.พอก่อน พอเถอะค่ะ” เสียงร้องครางที่หวานฉ่ำเช่นนั้น ดังออกมาจากใบหน้าสวยหวานที่กำลังบิดเบี้ยว แพรขนตางอนงามเปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาและ..ธีรักษ์ไม่แน่ใจว่าที่ณิรินร้องไห้ออกมานั้นมันเป็นเพราะเหตุผลแบบไหนกันแน่ ไม่ชอบ เจ็บ หรือว่าเสียวจนทนไม่ไหว..แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเช่นไร ต่อให้เธอจะร้องไห้ออกมาด้วยความทรมานหรืออะไรก็ตามที เสียงร้องไห้และความน่าสงสารนั้นมันไม่มีวันส่งไปถึงหัวใจของเขาหรอก เพราะในยามนี้สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือการจับจูงมือคู่นี้ของณิรินไปให้ถึงห้วงอารมณ์ที่สูงที่สุดในร่างกาย ไม่ว่าเธอจะยินดีหรือไม่ เมื่อเรื่องราวมันดำเนินมาจนถึงจุดที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้แล้ว เช่นนั้นเขาก็จะต้องเดินหน้าต่อไป.. เสียงร้องอันแสนหวานนั้นนอกจากจะไม่ทำให้ธีรักษ์อยากหยุดแล้ว มันยังมีแต่จะปลุกเร้าความต้องการของเขาอีกด้วย “ทั้งที่นิ้วนี่เข้าไปได้ง่ายๆ แท้ๆ ..เป็นถึงขนาดนี้แล้วยังจะมาห้ามกันอีกงั้นเหรอ?” เธอปรือตาขึ้นมามองหน้าเขา ถึงแม้ว่าภาพเบื้องหน้าจะพร่าเลือนมากแค่ไหน แต่ชายที่กำลังกระทำเรื่องเช่นนั้นอยู่กับร่างกายของเธอ เขาคือท่านประธาน..เจ้านายของเธอไม่ผิดแน่ ตั้งแต่ที่เราทำงานด้วยกันมา เธอไม่เคยเห็นเขาในมุมนี้มาก่อนเลย เธอเคยเห็นเขาในมุมที่โหดร้ายตอนที่เขาจัดการเรื่องคนที่ทรยศในบริษัท เคยเห็นเขาในช่วงเวลาที่เคร่งเครียดตอนการทำงาน เห็นเขาใจร้ายในตอนที่พนักงานส่งงานล่าช้า ทั้งๆ ที่ณิรินคิดว่าเธอเห็นสีหน้าอันมากมายบนใบหน้าที่สมบูรณ์แบบของเขามานับไม่ถ้วน แต่ทว่าเธอพึ่งเคยเห็นเขามีสีหน้าเช่นนี้ครั้งแรกเลย สีหน้าที่เขากำลังสนุกสนานที่ได้เล่นกับร่างกายของเธอ “อะ..อา..” การเคลื่อนไหวของเขานั้นไม่มีความลังเลหรือว่าเกรงใจ มีเพียงความตั้งใจที่จะสำรวจทุกซอกทุกมุมในส่วนที่ลึกที่สุดเท่านั้น “ทำไมตัวสั่นขนาดนั้นกันล่ะ ไม่ทันไรก็แฉะไปหมดแล้ว..หรือเพราะว่าคุณคาดหวังเรื่องแบบนี้มาตั้งนานแล้วรึเปล่า คาดหวังให้ผมสัมผัสคุณแบบนี้..” ใบหน้าของณิรินมันชาวาบไปหมดที่เธอได้ยินคำกล่าวหยาบคายของเขาที่ถูกพ่นออกมา นี่ใช่ท่านประธานที่เธอรู้จักจริงๆ งั้นเหรอ? เขาพ่นคำลามกออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย.. “ณิรินไม่เคย..อึ่ก! ไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะคะ..” เขาแลบลิ้นออกมาเลียที่ริมฝีปาก พร้อมกับจ้องมองใบหน้าของเธอด้วยแววตาที่โกรธเคืองเล็กน้อย “แบบนั้นก็แย่นะสิ เพราะที่ผ่านมาผมคิดว่าเรื่องแบบนี้จะต้องเกิดขึ้นมาในสักวันหนึ่ง..แล้วก็คาดหวังมากๆ ด้วยว่าคุณจะต้องชอบมัน เดี๋ยวคุณก็รู้เองว่าของผมมันดีมากแค่ไหน หากที่ผ่านมาไม่เคยคิด เช่นนั้นหลังจากนี้ไปก็คิดหน่อยสิ..ต้องคิดอยู่แล้วล่ะเพราะวันนี้ผมจะทำให้คุณลืมไม่ลงเลย” นิ้วป้ายของเหลวขยับลึกเข้าออกอย่างเชี่ยวชาญ ขณะที่ณิรินอ้าปากค้างกับคำกล่าวของเขา นี่มันหมายความว่ายังไงกันที่ว่าเขาคิดมาตลอดน่ะ.. อา..ให้ตายสิในตอนนี้เธอควรคิดถึงเรื่องไหนก่อนดีนะ เรื่องคำพูดของเขาหรือว่าคิดถึงในเรื่องการกระทำของเขาในตอนนี้กันแน่ เธอทั้งรู้สึกโกรธและไม่เข้าใจท่านประธานที่ยืนอยู่ตรงหน้าเอาซะเลย..แต่ว่าในเมื่อเรื่องราวมันเดินทางมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ในเมื่อต่อให้หยุดยั้งกลางคัน ระหว่างเราทั้งสองคนมันก็คงจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีก แบบนั้นก็ช่างแม่งเรื่องเจ้านายหรือว่าเลขาอะไรนั่นไปเถอะ! ณิรินเอื้อมมือไปจับที่กระดุมกางเกงของเขา ฝ่ามือเล็กๆ เลื่อนไล้มาสัมผัสบางอย่างที่กำลังแข็งขึงดุนดันกางเกงออกมา “แล้ว..ท่านจินตนาการถึงฉันบ่อยแค่ไหนกันล่ะคะ”
หากจะนับกันจริงๆ เขาไม่ได้รู้จักเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะมุมมองที่เขาเห็น นั้นมันเป็นมุมมองของเจ้านายที่มองดูลูกน้อง และเธอที่ยิ้มแย้มตลอดเวลา แถมยังไม่เคยทำสีหน้าไม่พอใจเลยสักครั้งไม่ว่าจะเป็นในช่วงเวลาแบบไหนเธอก็ยังคงยิ้มราวกับว่าตัวเองไม่เป็นไร แต่ทว่าที่มันเป็นเช่นนั้นเพราะเธอคือเลขาของเขายังไงล่ะ และเขาคือเจ้านายของเธอ..ณิรินไม่สามารถทำตัวเป็นเลขาผู้สมบูรณ์แบบของเขาไปได้ตลอดหรอก หากว่าเราอยู่ด้วยกันขึ้นมาจริงๆ แล้วเธอแสดงนิสัยที่แท้จริงของตัวเองออกไป เขาจะรับได้อย่างงั้นเหรอ?“แบบนั้นก็ลองดูสิ ผมเองก็มั่นใจไม่แพ้กันว่าคุณเองก็ยังไม่รู้จักผมดีพออย่างแน่นอน เราต่างมองกันและทำความรู้จักกันในนิสัยที่ไม่ใช่ตัวตนของเรา เพราะอย่างนั้นก็มาลองดูสิ มาลองทำความรู้จักกันดู แล้วหากว่าเราไปด้วยกันไม่ได้จริง..เราค่อยมาคุยเรื่องลูกกันอีกทีก็ได้”เขากำลังร้องขอสิ่งที่เรียกว่าโอกาส และณิรินเกลียดตัวเองมากเหลือเกินที่ตัวเธอเป็นพวกคนใจอ่อนน่ะหากจะมองในมุมของเขานั้น ตัวของท่านประธานเองก็ไม่ได้ผิดตรงไหนเลย ตรงกันข้ามเขาแสดงตัวและมีท่าทีที่ชัดเจนในการพยายามอย่างยิ่งที่จะรับผิดชอบเธอ“ได้โปรดนะณิริน คุณจะไม
เป็นเขาที่คิดน้อยมากเกินไป เพราะเราเดินเคียงข้างกันมานานในฐานะของเจ้านายและลูกน้อง เพราะอย่างนั้นสายตาของผู้คนเวลาที่มองมาที่เธอก็จะเกิดภาพจำว่าเธอคือเลขาของเขา..ด้วยเหตุนั้นธีร์จึงเปลี่ยนไปทานมื้อเช้าในร้านอาหารที่เราไม่เคยมาด้วยกัน“ร้านนี้ก็น่ากินเหมือนกันนะ จากนี้ไปเราลองเปลี่ยนบรรยากาศไปร้านใหม่ๆ กันบ้างดีกว่านะณิริน”เธอมองหน้าเขา ก่อนจะมองอาหารมากมายที่วางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ วันนี้ท่านประธานแตกต่างไปจากทุกวันจริงๆ นั่นแหละ หรือว่าเขามีเรื่องอะไรที่จะพูดคุยกับเธอรึเปล่า“ค่ะ ไม่ทราบว่าวันนี้ท่านประธานมีอะไรอยากจะพูดกับณิรินไหมคะ”เธอมีเรื่องให้คิดมากพออยู่แล้ว มีเรื่องมากมายให้ต้องใช้ความคิดไตร่ตรองให้ดีเพราะอย่างนั้นเธอไม่มีเวลาที่จะมาคาดเดาความคิดของเขาอีกหรอกธีร์วางช้อนเอาไว้ในจาน เขาประสานนิ้วมือเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังเข้าโหมดจริงจัง“แล้วณิรินไม่คิดว่าเรามีเรื่องจะต้องคุยกันงั้นเหรอ?”เธอกะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะยกยิ้มขึ้นมา“ไม่นี่คะ หากเป็นเรื่องงานณิรินมั่นใจว่าณิรินทำงานได้อย่างดีและไม่มีผิดพลาดอย่างแน่นอน ไม่มีเรื่องอะไรที่ท่านจะต้องมาตำหนิณิรินหรอกค่ะ”ธีร์พ่นลมหายใจอ
ในมือของณิรินยังคงถือที่ตรวจครรภ์เอาไว้ เธอหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะเริ่มจัดระเบียบความคิดของตัวเองข้อแรกวันนี้เธอหยุดและณิรินจัดการปิดโหมดการบินเอาไว้แล้ว เธอไม่ต้องการรับข่าวสารใดๆ ในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือว่าเรื่องอะไรก็ตามทีและข้อสองเธอน่าจะต้องเตรียมตัวในเรื่องของเด็กคนหนึ่งที่กำลังจะเกิดมาณิรินล้มตัวนอนลงบนเตียง เธอหลับตาลงช้าๆ แน่นอนว่านี่มันคือเรื่องที่หนักหนาแต่นี่ช่างน่าแปลกที่เธอไม่ได้รู้สึกกลัวกับการเผชิญหน้ากับความจริงเลยฝ่ามือเล็กๆ ของณิรินกำลังลูบลงไปเบาๆ บนหน้าท้องที่แบนราบของตัวเอง..หากเป็นเรื่องเงินเธอไม่ได้ติดขัดอะไรเลย ที่ผ่านมาเธอทำงานแบบไม่มีเวลาให้ได้ใช้เงิน ด้วยเหตุนั้นเงินเก็บในธนาคารที่ณิรินมีมันเพียงพอที่จะใช้เลี้ยงดูเธอและลูกไปอีกนานหลายปี เพราะอย่างนั้นสิ่งที่เธอต้องคิดในตอนนี้คือ..เธอควรวางแผนที่จะใช้ชีวิตระยะยาวของตัวเองและเธอคงไม่อาจทำงานในตำแหน่งที่กำลังยืนอยู่ได้อีกต่อไป..มันคงน่าอึดอัดพิลึก หากเขารู้ว่าเธอท้องและเธอจะทำยังไงดีล่ะในช่วงเวลาที่เขาเอ่ยถามออกมาว่าเด็กในท้องคือลูกใครณิรินไม่ได้คาดหวังให้ท่านประธานมารับผิดชอบเพราะในวันนั้นเธอเองก็
เมื่อเหลือเราสองคนที่อยู่ในห้องนี้ ณิรินหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาเพื่อสั่งอาหารให้เขา“..สั่งของคุณมาด้วยสิ วันนี้ผมไม่อยากกินข้าวคนเดียว”อันที่จริงไม่ใช่แค่วันนี้เท่านั้น แต่ที่ผ่านมาเขาก็ชอบให้เธอสั่งอาหารมาเผื่อตัวเธอด้วย ความใส่ใจที่แสนเล็กน้อยนี่แหละที่ณิรินมองว่ามันช่างแสนอันตรายมากเหลือเกิน..ที่ผ่านมาต่อให้เธอจะทำงานหนักมากแค่ไหน นอกจากค่าตอบแทนที่สุดแสนจะคุ้มค่าแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่เธอได้รับจากเขามันคือความเอาใจใส่ที่ถึงแม้ว่ามันจะเล็กน้อย แต่เธอกลับได้มันมาอย่างสม่ำเสมอ“ค่ะ..หมอฉลามอนุญาตให้ท่านออกจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ”และนั่นคงเป็นข่าวดีที่สุดในรอบสองเดือนสำหรับธีรักษ์เลยก็ว่าได้ เพราะมันหมายความว่าเขาจะได้ออกไปจากที่นี่ กลับไปทำงานและได้มองเห็นณิรินในสายตาตลอดเวลาแล้วแผลผ่าตัดที่เคยปริแตกของเขามันหายดีไปจนหมดแล้ว..หากแม่ไม่สั่งให้เขาอยู่ที่โรงพยาบาลต่อ เขาคงจะไปจากที่นี่ตั้งแต่อาทิตย์แรกแล้ว“นั่นเป็นข่าวที่ดีมากจริงๆ ในที่สุดผมก็จะได้ออกไปจากที่นี่สักที..”เขาพูดถ้อยคำเหล่านั้นออกมาด้วยรอยยิ้ม ส่วนสายตาของธีร์รักนั้นกลับไม่ละไปจากใบหน้าของณิรินเลยแม้แต่น้อยและสิ่งที่มาขั
พะพายตามมาดูอาการของณิรินด้วยความเป็นห่วง“เราว่าแกไปหาหมอก่อนดีไหม หรือไม่ก็ไปที่ห้องพยาบาลก่อน..”เพราะพะพายรู้ว่างานของณิรินมันยุ่งมาก หากให้ณิรินไปหาหมอที่โรงพยาบาลคงเป็นไปไมได้อย่างแน่นอน คนบ้างานอย่างณิรินไม่มีทางจะยอมทิ้งงานเพื่อพาตัวเองไปหาหมอแน่ๆณิรินพยักหน้า เธอยอมเดินตามพะพายไปที่ห้องพยาบาลของบริษัท“ดูเหมือนว่าเพื่อนหนูจะพักผ่อนน้อยค่ะ มันกินข้าวไม่ได้และก็อาเจียนออกมาด้วย..”หมอที่ประจำเป็นที่ห้องพยาบาลส่งยิ้มให้กับพะพาย มันคือรอยยิ้มที่มากเกินคนรู้จักทั่วไปอย่างแน่นอน และนั่นทำให้ณิรินพอจะคาดเดาความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ได้บ้าง“เดี๋ยวเราไปทำงานก่อนนะ หากแกไม่ไหวก็โทรไปหาเราก็ได้ เดี๋ยวเราไปส่งแกกลับบ้านเอง”พะพายกล่าวออกมาพร้อมกับจับมือของณิรินเอาไว้“อืม ขอบใจแกมาก ไปทำงานเถอะ..”หมอประจำห้องพยาบาลยกมือขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อโบกมือลาพะพาย ก่อนที่เขาจะเบนสายตากลับมาหาณิรินที่กำลังนั่งอยู่“มีอาการอาเจียนมากี่วันแล้วครับ แล้วก็มีอาการอย่างอื่นร่วมด้วยอีกไหม..ยกตัวอย่างเช่นการเวียนศีรษะหรือว่ารู้สึกอย่างอื่น”ณิรินเงียบไปพักหนึ่ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนน้อยร่างกายก็เลยรวนไปหมด นั่นจ
“เท่าที่จำได้กูบอกว่าให้ณิรินไปส่ง แล้วมึงเสนอหน้ามาด้วยทำไมวะไอ้ธีร์”บรรยากาศในรถตอนนี้ดูเหมือนว่าจะร้อนระอุมากกว่าบรรยากาศในห้องทำงานเมื่อครู่อีก เธอจำได้ว่าตัวเองกำลังพาคุณสิงหาไปที่รถ และเมื่อเธอกำลังจะเดินถึงรถ ท่านประธานก็ตรงเข้ามาหาเธอพร้อมกับเปิดประตูด้านหลังรถเพื่อยัดคุณสิงหาเข้าไปในนั้นแล้วเขาก็สั่งให้เธอขับรถ ส่วนตัวเองเดินเข้ามาเพื่อนั่งข้างคนขับ นี่มันเป็นอะไรที่แปลกใหม่จนณิรินไม่รู้ว่าเธอจะรับมือกับความแปลกของท่านประธานอย่างไรดี“กูก็อยากไปหาหมอเหมือนกัน พอดีว่ากูไปต่อยหมามาก็เลยเจ็บมือ ทำไม..มีแต่มึงที่ไปหาหมอได้คนเดียวงั้นเหรอ”ตลอดทางทั้งสองคนก็จิกกัดกันไม่ยอมปล่อย จะว่ายังไงดีล่ะ ถึงแม้ว่าทั้งสองคน ทั้งท่านประธานและคุณสิงหาจะไม่ถูกกันแต่ทว่าในช่วงเวลาที่เขากำลังเถียงกัน มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังมองเพื่อนกำลังทะเลาะกันมากกว่าแต่ณิรินไม่อยากจะพูดออกไปแบบนั้นหรอก เธอกลัวว่าท่านประธานจะไม่ชอบใจ ว่าแต่การที่เธอพยายามจะหนีท่านประธานออกมานั้นมันไม่ได้ผลอย่างนั้นสินะ เพราะต่อให้เธอพยายามหลบหนีเขามากแค่ไหน แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะพยายามตามติดเธอมากแค่นั้น..แต่ช่าง







