"รบกวนคุณทนายจัดการเรื่องนี้ได้ตามสมควรไม่ต้องสอบถามอะไรจากผมทั้งนั้น"อาชาสั่งเสียงเรียบอย่างไม่ใยดี
อย่างน้อยก็มีเรื่องหนึ่งที่สามารถจัดการได้แต่เขารู้ว่าคนอย่างดารินทร์ถ้าไม่จัดการถอนรากถอนโคนก็คงจะต้องกลับมาวุ่นวายกับเขาอีกแต่ตอนนี้เขายังไม่มีกระจิดกระใจจะทำอะไรทั้งนั้นนอกจากตามหาเหมยให้เจอแล้วอธิบายเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง ในที่สุด โทรศัพท์ของอาชาก็ดังขึ้น เป็นเสือที่โทรรายงาน “นายครับ ผมได้ข้อมูลมาแล้ว คุณเหมยเคยทำงานเป็นบรรณาธิการอิสระให้กับสำนักพิมพ์ ‘สายรุ้งหลากสี’ และมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งชื่อคุณพราว ซึ่งมีบ้านพักตากอากาศอยู่ในจังหวัดเชียงรายครับ” หัวใจของอาชาเต้นแรง เขาจำได้ว่าเหมยเคยพูดถึงความชอบในความสงบของธรรมชาติ เชียงรายเป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการหลบซ่อนตัว เขารีบจัดการให้ป้าแจ่มเก็บสัมภาระสำหรับเช้าวันรุ่งขึ้นทันที โดยให้เสือจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย “เสือ! เตรียมรถให้พร้อมที่สุด เราจะไปเชียงรายกันพรุ่งนี้เช้า” “ครับนาย” เสือรับคำสั่งอย่างรวดเร็ว เขารู้ดีว่าเจ้านายของเขาจริงจังแค่ไหนกับการตามหาเหมย อาชานั่งลงบนโซฟา ความเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักและความกังวลเริ่มถาโถมเข้ามา แต่ในใจกลับมีความหวังเล็ก ๆ ผุดขึ้นมา เขากำลังจะได้พบเหมยอีกครั้ง และคราวนี้เขาจะไม่ยอมให้เธอหนีไปไหนได้อีก เขาจะต้องอธิบายทุกอย่าง ขอโทษ และรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ เช้าวันรุ่งขึ้น รถส่วนตัวสุดหรูของอาชาก็ขับมาจอดที่จังหวัดเชียงรายทันทีที่รุ่งสาง เขาไม่รอช้า มุ่งหน้าไปยังบ้านพักตากอากาศของพราวตามพิกัดที่เสือหามาได้ เมื่อมาถึงรั้วบ้านพักตากอากาศที่ดูเงียบสงบ อาชาเห็นรถยนต์จอดอยู่ภายใน เขามั่นใจว่าเหมยต้องอยู่ที่นี่แน่ๆ เขาสั่งให้บอดี้การ์ดรออยู่ด้านนอก แล้วก้าวลงจากรถเพียงลำพัง "พวกมึงรอกูอยู่ตรงนี้เดี๋ยวกูจะไปหาเหมยเอง"อาชาหันมาสั่งบอดี้การ์ดที่ติดตามมาด้วย เขาเดินตรงไปที่ประตูรั้วไม้สีขาว แล้วกดกริ่ง เสียงกริ่งดังกังวานไปทั่วบริเวณ อาชารออย่างใจจดใจจ่อ หัวใจเต้นรัวด้วยความประหม่า และความตื่นเต้นผสมปนเปกัน เขากำลังจะได้พบกับเหมยอีกครั้ง และจะต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่เกิดขึ้น ประตูเปิดออกช้า ๆ เผยให้เห็นพราวที่ยืนมองเขาด้วยแววตาสงสัย พราวไม่ได้รู้จักอาชาเป็นการส่วนตัว แต่เธอก็พอจะเดาได้ว่าชายหนุ่มรูปหล่อที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคือใคร “คุณคือคุณอาชาใช่ไหมคะ” พราวถามเสียงเรียบ เธอสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ไม่เป็นมิตรจากชายหนุ่มตรงหน้า แต่ก็ยังคงรักษามารยาทไว้ อาชาพยักหน้า “ใช่ครับ ผมมาหาเหมย” พราวลังเลเล็กน้อย เธอมองเข้าไปในดวงตาของอาชา พยายามอ่านความคิดของเขา เธอเห็นทั้งความกังวล ความสำนึกผิด และบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายกับความมุ่งมั่นอยู่ในนั้น “เหมยไม่สบายค่ะ” พราวพยายามโกหก เธอยังไม่แน่ใจว่าการเผชิญหน้ากันระหว่างคนทั้งสองจะออกมาในรูปแบบใด “ผมรู้ครับ และผมก็รู้ว่าเธออยู่ที่นี่ ได้โปรดให้ผมเข้าไปคุยกับเธอเถอะครับ ผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องพูด” อาชาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนพราวสัมผัสได้ ในที่สุดพราวก็ถอนหายใจ เธอเปิดประตูให้กว้างขึ้น “เชิญค่ะ แต่ถ้าเหมยไม่ต้องการคุยกับคุณ คุณต้องกลับไปนะคะ” อาชาพยักหน้าเล็กน้อยแล้วก้าวเข้าไปในบ้านทันที เขากวาดสายตาไปรอบๆ และเห็นเหมยกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น หันหลังให้เขา เธออยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นสบายๆ ผมยาวสลวยปล่อยสยายลงมาถึงกลางหลัง หัวใจของอาชาบีบรัด เขารู้สึกผิดอย่างรุนแรงเมื่อเห็นไหล่บอบบางของเธอสั่นเล็กน้อย นั่นแสดงว่าเหมยยังคงรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น “เหมย...” อาชาเรียกชื่อเธอเบาๆ เสียงของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและโหยหา เหมยสะดุ้งสุดตัว เธอหันขวับมามองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง แววตาของเธอเต็มไปด้วยความตกใจ หวาดกลัว และเจ็บปวด เธอไม่คิดว่าเขาจะตามหาเธอจนเจอ “คุณ...คุณมาที่นี่ทำไมคะ” เหมยถามเสียงสั่น ร่างกายของเธอสั่นเทาเล็กน้อยเมื่อเห็นอาชายืนอยู่ตรงหน้า อาชาก้าวเข้าไปใกล้เธอช้าๆ “ผมมาขอโทษครับเหมย” เขาคุกเข่าลงตรงหน้าเธอทันที ดวงตาของเขาสบเข้ากับดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเธอ “ผมขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ครับ” เหมยเบือนหน้าหนี น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไรดี ความรู้สึกสับสนปะปนกันไปหมด ทั้งความเจ็บปวด ความโกรธ ความผิดหวัง และบางสิ่งบางอย่างที่เธอพยายามจะปฏิเสธ “คุณไม่ต้องพูดอะไรหรอกค่ะ ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ตั้งใจ” เหมยพูดเสียงเบา แต่ประโยคนั้นกลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เธอไม่ต้องการให้เขาอ้างเรื่องความไม่ตั้งใจอีกแล้ว “เหมย โปรดฟังผมก่อนนะครับ ผมโดน ดารินวางยาปลุกเซ็กส์ ทำให้ผมขาดสติและควบคุมตัวเองไม่ได้” อาชารีบอธิบายอย่างร้อนรน เขาต้องการให้เหมยเข้าใจว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเธอ เหมยเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความไม่เชื่อ “ดาริน? คุณพูดเรื่องอะไรคะ” “ใช่ครับ เธอกับผมมีเรื่องบาดหมางกัน และเธอจงใจวางยาผมเพื่อทำลายผม และคุณก็บังเอิญไปอยู่ในสถานการณ์ที่ผิดที่ผิดเวลา” อาชาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น สีหน้าของเขาจริงจังจนเหมยเริ่มคล้อยตาม “ผมรู้ว่ามันฟังดูไม่น่าเชื่อ และผมก็รู้ว่ามันฟังดูเหมือนข้ออ้าง แต่ผมสาบานว่ามันคือเรื่องจริง ผมไม่เคยคิดที่จะทำร้ายคุณเลยแม้แต่น้อย” อาชายื่นมือออกไปหวังจะกุมมือของเหมย แต่เธอกลับชักมือกลับ “ฉันไม่รู้ค่ะ...ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าจะเชื่อคุณได้ยังไง” เหมยพูดเสียงอ่อน เธอสับสนอย่างมาก “ผมเข้าใจครับว่าคุณคงเสียใจและเจ็บปวดมาก ผมไม่ได้ขอให้คุณให้อภัยผมในตอนนี้ แต่ผมขอโอกาสให้ผมได้แก้ไขทุกอย่าง ได้ดูแลคุณ” อาชาพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงใจ “ผมจะรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น จะดูแลคุณและปกป้องคุณจากทุกสิ่งทุกอย่าง” เหมยมองเข้าไปในดวงตาของอาชา เธอเห็นความจริงใจบางอย่างในนั้น แต่แผลในใจของเธอยังคงสดใหม่เกินกว่าที่จะรับฟังได้ทั้งหมดในตอนนี้ “คุณคะ...ฉันขอเวลาได้ไหมคะ ฉันยังไม่พร้อมที่จะคิดเรื่องอะไรตอนนี้” เหมยพูดเสียงแผ่ว เธอต้องการเวลาที่จะอยู่กับตัวเอง เพื่อประมวลผลเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นอาชาพยักหน้าช้าๆ เขาเข้าใจดีว่าเธอต้องการเวลา “ได้ครับเหมย ผมจะให้เวลาคุณ แต่ได้โปรด อย่าหนีผมไปอีกเลยนะครับ ผมขอร้อง”เขาลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ แล้วหยิบนามบัตรของเขาออกมาจากกระเป๋าสตางค์ “นี่เบอร์โทรศัพท์ของผม และนี่คือเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ผมใช้ส่วนตัว ถ้าคุณต้องการอะไร หรือเมื่อคุณพร้อมที่จะคุยกับผม ได้โปรดโทรหาผมนะครับให้คุณพราวโทรมาหาผมก็ได้”เหมยรับนามบัตรมาถือไว้ในมืออย่างสั่นเทา เธอไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี อาชาโค้งคำนับเล็กน้อย แล้วหันหลังเดินจากไปอย่างเงียบเชียบอาชาเดินออกมาจากบ้านพักตากอากาศของพราวด้วยความรู้สึกที่ปะปนกันไปหมด เขารู้สึกโล่งใจที่ได้เจอเหมยและได้อธิบายเรื่องราวบางส่วน แต่ก็ยังคงกังวลกับท่าทีของเธอที่ยังคงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเจ็บปวด“นายครับ เป็นยังไงบ้างครับ” เสือรีบเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง“เธอไม่เป็นอะไรมาก แต่ก็ยังไม่พร้อมที่จะคุยกับฉัน” อาชาตอบเสียงเหนื่อยหน่าย เขามองย้อนกลับไปยังบ้านพักตากอากาศ เขารู้ว่าการตามหาเหมยเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการแก้ไขทุกอย่าง สิ่งที่ยากที่สุดคือการทำให
"รบกวนคุณทนายจัดการเรื่องนี้ได้ตามสมควรไม่ต้องสอบถามอะไรจากผมทั้งนั้น"อาชาสั่งเสียงเรียบอย่างไม่ใยดีอย่างน้อยก็มีเรื่องหนึ่งที่สามารถจัดการได้แต่เขารู้ว่าคนอย่างดารินทร์ถ้าไม่จัดการถอนรากถอนโคนก็คงจะต้องกลับมาวุ่นวายกับเขาอีกแต่ตอนนี้เขายังไม่มีกระจิดกระใจจะทำอะไรทั้งนั้นนอกจากตามหาเหมยให้เจอแล้วอธิบายเรื่องทั้งหมดให้เธอฟังในที่สุด โทรศัพท์ของอาชาก็ดังขึ้น เป็นเสือที่โทรรายงาน “นายครับ ผมได้ข้อมูลมาแล้ว คุณเหมยเคยทำงานเป็นบรรณาธิการอิสระให้กับสำนักพิมพ์ ‘สายรุ้งหลากสี’ และมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งชื่อคุณพราว ซึ่งมีบ้านพักตากอากาศอยู่ในจังหวัดเชียงรายครับ”หัวใจของอาชาเต้นแรง เขาจำได้ว่าเหมยเคยพูดถึงความชอบในความสงบของธรรมชาติ เชียงรายเป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการหลบซ่อนตัว เขารีบจัดการให้ป้าแจ่มเก็บสัมภาระสำหรับเช้าวันรุ่งขึ้นทันที โดยให้เสือจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย “เสือ! เตรียมรถให้พร้อมที่สุด เราจะไปเชียงรายกันพรุ่งนี้เช้า”“ครับนาย” เสือรับคำสั่งอย่างรวดเร็ว เขารู้ดีว่าเจ้านายของเขาจริงจังแค่ไหนกับการตามหาเหมย
เหมยขยับตัวอย่างเชื่องช้า ความเจ็บปวดระบมแล่นแปลบขึ้นมาจากกลางลำกาย ย้ำเตือนถึงเรื่องราวเร่าร้อนเมื่อคืน เธอพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นจากเตียงอย่างทุลักทุเล ทุกท่วงท่าดูเชื่องช้าและเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ดวงตาหวานกวาดมองไปรอบห้องที่ยังคงอบอวลด้วยกลิ่นกายของอาชาทันทีที่สองเท้าแตะพื้น เหมยก็ตรงรี่ไปยังกองเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น หยิบมันขึ้นมาสวมใส่อย่างเร่งรีบ ไม่สนใจว่ามันจะยับยู่ยี่เพียงใด ในใจของเธอมีเพียงความคิดเดียวคือ ต้องรีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับอาชาอีกต่อไปเธอหลุบตาต่ำ พยายามหลีกเลี่ยงการสบตากับอาชาที่ยังคงหลับใหลอยู่บนเตียง ใบหน้าหวานซีดเผือด ไม่หลงเหลือร่องรอยของความสุขสมจากเมื่อคืน ความรู้สึกผิดหวังและเจ็บปวดถาโถมเข้ามาในใจ เหมยรู้ดีว่าเธอไม่ควรปล่อยให้เรื่องราวเกินเลยไปถึงเพียงนี้ และเธอจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีก"เหมยขอโทษนะค่ะคุณอาชา"เหมยคิดในใจเพราะเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในหัวของเธอและเธอก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น ถ้าจะให้เธออยู่สู้หน้าอาชาตอนนี้เธอคงทำไม่ได้เมื่อแต่งตัวเสร็จ เหมยคว้ากระเป๋าของตัวเองอย่างรวดเร็ว ก้าวออกจากห้องนอนใหญ่
อาชาที่กำลังไร้สติเขาได้ทำบางอย่างล่วงเกินผู้หญิงที่เขาชอบมาก ๆ เขาไม่รู้ว่าตอนนั้นเขาจะจัดการกับความรู้สึกนี้ยังไงแต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะให้เหมยเป็นผู้หญิงที่จัดการความรู้สึกของเขาแม้ว่ามันจะไม่ถูกก็ตาม"เหมยทำไมของเธอแน่นขนาดนี้"ร่างกายเปียกปอนของทั้งสองคนภายใต้สระน้ำใสอาชาพูดเสียงกระเส่าไปหน้าแดงเถือกไปหมด"คุณอาชาเหมยขอร้อง...อย่าทำอะไรเหมยเลย"เหมยพยายามเรียกสติอาชาพยายามวิ่งหนีแต่ก็ยิ่งเหมือนเป็นการปลุกเร้าอารมณ์ซาตานดิบเถื่อนที่อยู่ภายใต้หน้ากากหรอเรา"อาขาออกหน่อยสิที่รัก..."อาชาพูดจบนิ้วที่กำลังขยี้ที่ติ่งเสียวเขาเปลี่ยนใช้สอดเข้าไปในรูสวาทภายใต้สายนั้นเย็นยะเยือกยิ่งทำให้ เหมยรู้สึกเสียวซ่านจนสมองขาวโพลนล่องลอยไปตามแรงอารมณ์"อ้าส์... ยะ อย่าค่ะ ซี๊ด .."เหมยครวญครางลมหายใจติดขัด หายใจหอบเหนื่อยไม่เป็นจังหวะ รูสวาทถูกนิ้วมือหนากระหน่ำแทงนิ้วเข้าออกไม่หยุด เข้าสุด ออกสุด"จูบ เหมย จูบ จูบผม" อาชาร้องขอให้ เหมยจูบเขาอีกครั้ง ตัวอาชาทรมานจากฤทธิ์ยาปลุกเซ็กส์ที่โดนมาจากดารินอย่างรุนแรงอาชาเหลือมืออีกข้าง กดหัวขอเหมยเข้ามาแนบประกบจูบ หยอกเย้ากับริมฝีปากเล็ก โลมเลียบังคับให้เห
เขาได้ไปพบกับดารินที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเพราะดารินขอร้องและต้องการจะพบเขาเขาตัดสินใจไปพบดารินผู้หญิงที่เคยทิ้งเขาไปอย่างไม่ใยดีที่เขาอยากจะเห็นคือเธอจะทำหน้ายังไงเมื่อเห็นว่าเขามีทั้งเงินและอำนาจในเวลานี้"มีอะไรก็รีบพูดมาเวลาของฉันเป็นเงินเป็นทองคงไม่มีเวลามานั่งเสวนากับคนแบบเธอ"อาชาใช้คำพูดเสียดสีใส่ดารินอย่างไม่ไว้หน้า"โถ่ อาชาคะ เรื่องมันก็ผ่านมานานมากแล้วตอนนั้นดารินยังเด็ก อาชาช่วยให้อภัยดารินไม่ได้หรอคะ"ดารินเริ่มดราม่าเล่าความเท็จตีหน้าเศร้าใส่อาชา"น้องเอาแชมเปญมาเสิร์ฟให้หน่อย"ดารินหันไปบอกบริกรข้าง ๆ บริกรถือแชมเปญมูลค่าสูงเปิดและรินให้กับอาชาและดาริน โดยที่ก่อนหน้านี้ดารินได้แอบทายาบางอย่างไว้ที่ขอบแก้ว"ทำไมล่ะคะไม่กล้ากินหรอ รังเกียจดาขนาดนั้นเลยหรอคะ"ดารินหมุนแก้วแชมเปญเบาๆแล้วกระดกทีเดียวจนหมดอาชาไม่ตอบอะไรเขากระดกแชมเปญทีเดียวหมดแก้วเช่นกัน พร้อมกับวางเงินค่าแชมเปญเอาไว้บนโต๊ะลุกขึ้นเต็มความสูงปลายตามองดารินเพียงหางตา"อาชาคุณจะไปไหนคะ ได้โปรดอยู่คุยกับดารินก่อน อาชาคะ อาชา..!"ดารินพยายามดึงรั้งอาชาเอาไว้เพราะเธอมีแผนอยากจะได้อาชากลับมาอีกครั้งเพราะผู้ชายที่เธอเคยคว
ทั้งไร่ชาปกคลุมด้วยความมืดมิด มีเพียงแสงไฟดวงเล็กๆ จากบ้านพักของอาชาที่ส่องสว่างอยู่ ในที่สุดอาชาก็เคลียร์งานทุกอย่างเสร็จสิ้น เขามองดูนาฬิกา "หกโมงครึ่ง..." เขาพึมพำกับตัวเองชายหนุ่มรีบอาบน้ำแต่งตัว เขาเลือกเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวสะอาดตา กางเกงผ้าลินินสีเบจ และรองเท้าหนังคู่โปรด เขามองตัวเองในกระจกพลางยิ้มอย่างพึงพอใจ อาชาไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อนเลยระหว่างรอรับเหมยที่แต่งตัวอยู่ในห้องหัวใจของอาชาก็เต้นรัวไม่ต่างกัน ยิ่งคิดว่ากำลังจะไปออกเดทกับคนที่ชอบ หัวใจก็ยิ่งเต้นแรง "นายต้องใจเย็น ๆ นะอาชา" เขาบอกตัวเองในใจ พลางขับรถกอล์ฟไปตามเส้นทางที่คุ้นเคยเมื่อผ่านไปสักพักเหมยก็ออกมาจากห้อง อาชาก็เห็นเหมยในชุดเดรสยาวสีขาวพลิ้วไหวเข้ากับบรรยากาศของไร่ชาที่รายล้อมไปด้วยต้นชาเขียวขจี เธอดูสวยงามมากเสียจนอาชาแทบหยุดหายใจ"คุณเหมย..." อาชาเอ่ยเรียกชื่อเธอเบาๆเหมยหันมามองอาชาแล้วยิ้มหวาน "ไปกันเลยไหมคะ"ทั้งสองคนขึ้นรถกอล์ฟและขับออกไป ไม่นานนักก็มาถึงลานกว้างใกล้กับทะเลสาบเล็กๆ ในไร่ ที่นี่ถูกจัดเตรียมไว้เป็นอย่างดี มีโต๊ะอาหารเล็กๆ ที่ประดับประดาด้วยดอกไม้และเทียนหอม อาชากำลังจะบอกเหม