ก่อนอำลาหรูหรั่นเซียงวางระเบิดลูกใหญ่ให้สกุลจางลุกฮือ นางเดินมาตรงประตูโถงรับรอง ซึ่งเป็นจุดที่เหล่าอนุเรือนหลังของรองเจ้ากรมจางห้าวยืนเรียงราย
พวกนางมีศักดิ์ฐานะครึ่งนายครึ่งบ่าว มิอาจนั่งเชิดหน้าเหมือน
ฮูหยินของนายท่าน หรูหรั่นเซียงหยุดยืนตรงหน้าอนุหลินจัวแล้วเอ่ยทักทาย“อนุหลินสบายดีนะ”
เพียงเท่านี้ก็ทำให้ใบหน้ากับแผ่นหลังอนุคนงามเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดโตหลั่งรินราวกับฝนตก
บทบาทอนุภรรยานั้นไม่ต่างจากบ่าวไพร่ ดูแลรับใช้เจ้านายทุกคนวนเวียนอยู่แต่เขตเรือนหลัง ออกไปไหนต้องขออนุญาตฮูหยินใหญ่เสียก่อน
ฉะนั้นคนอย่างอนุหลิน จะรู้จักมักคุ้นฮูหยินผู้เฒ่าจวนแม่ทัพ ผู้มีหน้ามีตาในสังคมชนชั้นสูงได้อย่างไร
เพียงคำทักทายประโยคเดียว ทำให้ผู้คนในสกุลจางตาสว่าง คาดเดาได้ว่าที่แท้อนุหลินก็นำความในไปเผยต่อภายนอกนี่เอง
หลังส่งฮูหยินผู้เฒ่าปั๋วเฉินเสร็จสรรพ จางห้าวที่ข่มโทสะไว้ก็เดือดดาลขึ้นมา
“จับอนุหลินไปขังห้องเก็บฟืน!”
“นายท่าน! ขะ…ข้าทำผิดอะไรเจ้าคะ” อนุหลินตีหน้าตาย อย่างไรก็ไม่คิดยอมรับความผิด
เพียะ!
จางห้าวใช้ฝ่ามือเป็นคำตอบแทนคำพูด ร่างบอบบางกระเด็นกระดอนกองบนพื้น ราวกับก้อนเนื้อก้อนหนึ่ง มุมปากมีเลือดสดๆ ไหลออกมา นางร้องไห้กระซิกไม่หยุด
“ท่านพี่! ตรงนี้หน้าประตูจวน มีหลายหูหลายตาเฝ้ามองอยู่เจ้าค่ะ”
ฮูหยินใหญ่ซุนฮุ่ย แม้นจะโกรธจนตัวสั่น ทว่าต้องพึงรักษากิริยา พวกตนยืนส่งแขก สายตาชาวเมืองทุกสารทิศกำลังเพ่งเล็งจับผิด
จางห้าวสะบัดชายเสื้อเดินจ้ำอ้าวเข้าเรือนด้านในไปพร้อมฮูหยินเอก ไม่หันกลับหลังดูอาการอนุหลินสักเสี้ยวให้เปลืองสายตา
เขาเกลียดสตรีที่ใช้เล่ห์อุบายทำลายล้างผู้อื่นที่สุด ตอนนี้พลอยชิงชังบุตรสาวที่เกิดจากอนุไม่รู้ความผู้นั้นไปด้วย
“ส่งจางหลันไปเรือนชนบท”
“ท่านพี่! อย่าเพิ่งด่วนลงโทษยามใจร้อนเลยเจ้าค่ะ” ซุนฮุ่ยเตือนเสียงแผ่ว “ส่งมารดาของนางไปดีกว่า ส่วนนาง...อย่างไรพวกเราก็ต้องหาสามีให้อยู่แล้ว”
ภายนอกฮูหยินใหญ่คล้ายพูดไกล่เกลี่ยให้จางหลัน แต่แท้จริงภาย
ในใจกลับวางแผนร้ายเอาคืน ใครใช้ให้พวกมันสองแม่ลูกเล่นแผนสกปรกก่อนเล่า ในเมื่อกล้าพรากดวงใจไปจากนาง ก็ต้องทำให้รู้ซึ้งกับคำว่าอยู่ไม่สู้ตายเป็นอย่างไรมีขุนนางม่ายภรรยาตายแก่หงำเหงือกใกล้เกษียณอยู่หลายคนในราชสำนัก หากตบแต่งฮูหยินคนใหม่วัยขบเผาะ พวกเขาคงไม่ขัดข้อง ดวงตาฮูหยินใหญ่ทอประกายร้ายกาจวาบหนึ่ง
คุณชายใหญ่จางเฉิงเข่อแค่นเสียงเหอะอย่างเหยียดหยามออกมาจากปาก ดวงตาทอแววเดียดฉันท์ทอดมองอนุหลิน
“อาอวี้กลับเรือนกันเถอะ” ชายหนุ่มประคองท่านย่าที่เม้นปากเป็นเส้นตรงอดกลั้นสุดพลัง มิให้ฟาดฝ่ามือตบหน้าอนุเลว
“เจ้าค่ะ” จางเหม่ยอวี้กัดฟันกรอด บีบมือซ่อนไว้ใต้แขนเสื้อ สาดประกายเหี้ยมมองอนุหลินด้วยความอาฆาตมาดร้าย
‘ข้าไม่เคยล่วงล้ำพวกเจ้า แต่พวกเจ้ากลับทำร้ายข้าก่อน’ นางทดความแค้นไว้ และเชื่อว่าฮูหยินใหญ่จะต้องเอาคืนแค้นนี้ให้แก่นางอย่างสาสมแน่นอน
จางเหม่ยอวี้สั่งมามาต้มยานอนหลับให้ท่านย่า ความกลัดกลุ้มรุมเร้าจนเป็นลมล้มพับไปหลายรอบ กว่ายาจะออกฤทธิ์ใช้เวลาถึงสองเค่อ นางถึงได้ปลีกตัวกลับเรือนนอน
ครั้นก้าวเท้าข้ามธรณีประตูกลับพบพี่หญิงใหญ่กับสาวใช้คนสนิทกำลังลุกล้ำพื้นที่ส่วนตัว จางหลันกอดอกปรายตามองตนแล้วเบะปากเย้ยหยัน ท่าทางหยิ่งยโสโอหังเช่นนี้ นางคงยังไม่รู้ชะตากรรมของแม่ตัวเองสินะ
“ข้ารอปั๋วเฉินฮูหยินนานมาก” หญิงสาวหยักไหล่แล้วเดินกรีดกรายไปยังหุ่นไม้ที่มีชุดมงคลสีแดงตัดเย็บประณีตงดงามสวมอยู่ ชุดที่จางเหม่ยอวี้ตัดเพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวแก่กัวจิ้นเต๋อ
“ในเมื่อน้องรองรับชุดพระราชทานจากฮองเฮาไปแล้ว เช่นนั้นชุดนี้ก็ให้พี่เสียเถอะ” นางลูบไล้เนื้อผ้าอย่างทะนุถนอม มุมปากแสยะยิ้มสาแก่ใจตลอดเวลา ดวงตาทอประกายแวววับกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างผู้ชนะ
คำพูดที่อีกฝ่ายกล่าวออกมานั้น ไฉนเลยจางเหม่ยอวี้จะไม่เข้าใจ นางมิได้ขอแค่ชุดมงคล แต่หมายถึงคุณชายกัวจิ้นเต๋อด้วย
“เจ้าถือดีอย่างไร กล้ามาขอพี่จิ้นเต๋อกับข้า” จางเหม่ยอวี้แค่นเสียงหัวเราะ บัดนี้นางไม่จำเป็นต้องเรียกอีกฝ่ายว่าพี่หญิงอีกแล้ว แววตาของนางมองอีกฝ่ายอย่างเกลียดชัง
“เจ้าจะหวงแหนเขาไปไย อีกไม่นานเจ้าก็จะแต่งงานกับแม่ทัพเฉินแล้วมิใช่หรือ” หญิงสาวลอยหน้าลอยตาพูดขึ้นอย่างถือดี
“เหอะ! ชุดนี้ในเมื่อข้าไม่ได้ใส่ ใครหน้าไหนก็มิอาจครอบครอง”
กล่าวจบมือเล็กคว้ากรรไกรแล้วมุ่งตรงสู่หุ่นไม้ จางเหม่ยอวี้งลงมือตัดและฉีกกระชากทำลายชุดมงคลที่ตนเพียรพยายามแรมปีเย็บด้วยใจมุ่งมั่น
“น้องห้า! เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!” จางหลันตกตะลึงพรึงเพริดคาดไม่ถึงว่าจางเหม่ยอวี้จะถึงขั้นทำลายชุดวิวาห์ที่อดตาหลับขับตานอนตัดเย็บ
“หยุดนะ! ข้าบอกให้หยุด!!” จางหลันตวาดลั่น แต่ไม่กล้าเข้าห้ามปรามพฤติกรรมบ้าคลั่งของน้องสาวร่วมบิดา
“ของของข้า...ข้าจะทำลายหรือยกให้ใคร เกี่ยวอันใดกับเจ้า!”
จางเหม่ยอวี้ตะเบ็งเสียงกร้าว ถลึงตาโปนดุร้ายจ้องแขกไม่ได้รับเชิญ
“อย่ามาถือดีกับข้า กลับเรือนพี่ไปรอรับโทษจากท่านพ่อเถอะ!!”
ตอนพิเศษ 2.2ส่วนคุณหนูรองจางเหม่ยอวี้ ดูเหมือนว่าจะมีนิสัยตรงกันข้ามกับพี่สาว หยิ่งผยองเงียบขรึมพูดน้อย ดื้อรั้นเอาแต่ใจ รักความสงบเงียบ ไม่ค่อยสุงสิงเข้าสังคม แต่นับเป็นคนมีวาสนาดี เพราะคบหาอยู่กับคุณชายกัว ชาวเมืองครหาไว้อย่างนั้นแต่เพราะแม่ทัพปั๋วเฉินชิงซงอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบมาทั้งชีวิตย่อมเข้าใจเรื่องที่ว่า ‘การศึกไม่เคยหน่ายอุบาย’ ฉะนั้นเสียงนกกาสุนัขหมาป่าเห่าหอนที่ชาวเมืองคอยเต้าข่าว เขาไม่คิดเชื่อ ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองชายหนุ่มต้องการดูเนื้อแท้ของสองตัวเลือก เพราะพวกนางหนึ่งในนี้จะต้องกลายเป็นสตรีที่เคียงข้างกายเขาไปตลอดชีวิต ในใจเขาจึงคิดไว้ว่านางต้องอ่อนโยนรู้กาลเทศะ ละเอียดลออเคร่งครัดจนไร้ช่องโหว่ อีกทั้งยังต้องฉลาดหัวไว ใจเยือกเย็น รู้เท่าทันเล่ห์อุบายต่ำทรามนานา เพราะจะได้สามารถเอาตัวรอดจากภัยอันตรายที่ซุ่มซ่อน ในขณะที่แม่ทัพเช่นเขาออกศึกไม่พำนักอยู่จวนทาสอัปลักษณ์หลังค่อมเดินลัดเลาะมาถึงระเบียงทางเดินดักรอคุณหนูรอง ส่วนคุณหนูใหญ่ยังคงอยู่แต่ในเรือนนอนไม่ได้ออกไปไหน“โอ๊ย! เดินอย่างไรไม่ดูตาม้าตาเรือ” จื่อผิงเอะอะโวยวายขึ้นหลังมีทาสชายหลังค่อมถอยมาชนปึก!ทาสอัปลักษณ
ตอนพิเศษ 2.1“เจ้าว่าอะไรนะ”ขุนนางฝ่ายบู๋ลำดับศักดิ์ปั๋ว ตระกูลเฉินนามชิงซง หรือแม่ทัพกองทัพจูเชว่คุ้มครองแดนใต้เงยหน้าขึ้นจากรายงานทางการทหาร หว่างคิ้วยับย่นฉับพลัน อดย้อนถามอย่างตกใจไม่ได้ หลังฟังคำบอกเล่าจากปากลูกน้องคนสนิท“เมื่อครู่ใครมาเข้าพบท่านแม่ แล้วชี้นำให้ท่านแม่ทำอะไรนะ...เปลี่ยนตัวเจ้าสาวพระราชทานอย่างนั้นหรือ” น้ำเสียงของแม่ทัพหนุ่มเปี่ยมด้วยความสนอกสนใจ ความรู้สึกหลายอย่างเกิดขึ้น ทั้งสับสนสงสัย ทั้งตะลึงและประหลาดใจ ก่อนตบท้ายด้วยขุ่นเคือง หากสิ่งที่ได้ฟังมาเป็นความจริง‘ตระกูลจางคิดจะสลับตัวเจ้าสาว’รองผู้บัญชาการกองทัพจูเชว่เผิงเสียนจือ ลอบกลืนน้ำลายด้วยความประหม่า อดคิดในใจไม่ได้ว่าท่านแม่ทัพจะเพิกเฉย ไม่นึกยี่หระเสียอีก เขามารายงานตามปกติประจำวันไม่ได้เน้นเสียง หรือจงใจให้เจ้านายหันเหสนใจเรื่องดังกล่าวแต่งคนไหนก็เหมือนกันมิใช่รึ อย่างไรก็ไม่ได้แต่งด้วยความรัก รองแม่ทัพหนุ่มชะงักพักหนึ่งหยุดไปประมาณห้าอึดใจ จึงเริ่มเล่าวกเรื่องเมื่อครู่อีกครั้ง“ฮูหยินผู้เฒ่าโมโหไม่น้อยเลยขอรับ” คนรายงานตามจริงถอนใจเศร้าๆ หลายครา นึกสงสารชะตากรรมคุณหนูรองที่มีแม่เลี้ยงเฉกเช่นอ
ตอนพิเศษ 1.2ชายหนุ่มกำลังจะโผกายสวมกอดภรรยา ทว่านางบีบจมูกและย่นหว่างคิ้ว เขาจึงเข้าใจทันทีว่า มันเป็นเพราะกลิ่นกายตนที่ทำให้อีกฝ่ายอาเจียนมากมายขนาดนั้น จึงไม่กล้าผลีผลามเข้าใกล้อย่างคราแรก ๆ อีกทว่าในจังหวะแห่งความปลื้มปีตินั้นเอง อยู่ ๆ รองแม่ทัพเผิงวิ่งเข้ามาขัด พร้อมรายงานด่วนทางการทหาร บอกแก่เขาว่ามีข้าศึกโจมตี ทำให้แม่ทัพหนุ่มจำต้องโบกมืออำลาภรรยาที่กำลังแพ้ท้องอย่าหนักหน่วงด้วยความห่วงอาลัยยิ่ง“พี่จะรีบกลับมา น้องหญิงรอพี่ก่อนนะ” เขากล่าวคำลาด้วยใจที่ย่ำแย่ มองใบหน้าฮูหยินคนงามที่มองเขาตอบด้วยสายตาอย่างยากจะคาดเดาออกในวันนั้นจางเหม่ยอวี้ไม่มีคำลาใด ๆ หรืออวยพรให้เขาชนะศึก การกระทำที่นิ่งเฉยของนาง ทำเอาแม่ทัพผู้เด็ดเดี่ยวใจสั่นไหว เสมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบหัวใจจนปวดหนึบนับจากวันอำลา เฉินชิงซงรู้สึกเดียวดายเปล่าเปลี่ยวยิ่งนัก เขาเอาแต่คิดถึงใบหน้าหวานของภรรยาตลอดทั้งวันทั้งคืน ความห่วงหาอาทรแผ่ซ่านทุกห้วงอณู ศึกก็ต้องรบ ทว่าหัวใจหดหู่ทำให้ส่งผลกระทบต่อการวางแผนกลศึก กระทั่งเหล่านายกอง รวมถึงรองแม่ทัพต่างวิตกว่าสุขภาพของท่านแม่ทัพจะย่ำแย่ จึงแนะนำให้เขาเขีย
ตอนพิเศษ 1.1หลังจากเข้าพิธีสมรสได้หนึ่งเดือน เฉินชิงซงต้องวุ่นวายกับการโยกย้ายจวน เดินทางจากเมืองหลวงลงแดนใต้ กว่าจะถึงเมืองชายแดนจูเชว่ต้องใช้เวลาไปอีกหนึ่งเดือนครึ่ง ระยะนี้เขากับฮูหยินตัวน้อยจึงมิได้สานสัมพันธ์แนบแน่นกันเลยวันนี้ตั้งใจแน่วแน่ จะร่วมคืนวสันต์แสนหวานกับผู้เป็นภรรยา แค่คิดเรื่องสัปดน หัวใจก็เต้นโครมครามยากระงับไหว เลือดลมสูบฉีดจนใบหน้าคมคายแดงซ่าน ดวงตาคมทอประกายวาบวาม มิต่างอันใดกับทะเลยามราตรีที่เต็มไปด้วยคลื่นใต้น้ำ“อวี้เอ๋อร์ เจ้ากำลังรอเหมือนพี่อยู่หรือไม่นะ” แม่ทัพหนุ่มรำพึงรำพันด้วยความสุขล้น สองมือเร่งหยิบรายงานทางการทหารที่กองพะเนินมาเปิดอ่าน เขาต้องประทับตราลงนามให้เสร็จแล้วรีบกลับจวนเฉินชิงซงใจเริ่มคุ้นชินกับการมีจางเหม่ยอวี้อยู่ข้างกาย ไม่ว่าตอนตื่นลืมตาช่วงเช้า รับสำรับมื้อแรกช่วงสาย ปิ่นโตมื้อกลางวัน และสำรับเย็นที่เรือนท่านแม่ก่อนปิดท้ายวันด้วยการเข้านอนทว่าพอถึงเวลาค่ำคืนของสามีภรรยา เขากับนางกลับทำเพียงแค่โอบกอด แล้วพากันสู่นิทรามิได้ลึกซึ้งเหมือนเช่นคืนเข้าหอแต่ในคืนนี้เฉินชิงซงตั้งใจเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า เขาจะต้องร่วมหอกับภรรยาตัวน้อยให้จงไ
บทส่งท้าย บทสรุปของคำว่าครอบครัว(3) จากประโยคนี้ของสามี จางเหม่ยอวี้ถึงกับโผเข้าไปสวมกอดเขาเอาไว้ บุรุษผู้นี้ช่างดีต่อนางยิ่งนัก นางทำตัวร้ายกาจ วางแผนสังหารคนขนาดนี้ แต่เขาก็ยังเลือกที่จะอยู่เคียงข้างและปกป้องนาง เช่นนี้แล้วนางจะไม่เปิดรับเขาเข้ามาอยู่ในใจได้อย่างไร“ท่านพี่ขอบคุณท่านมาก ขอบคุณ”“ไม่ต้องขอบคุณแล้ว เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่มีเรื่องที่ต้องเกรงใจ”เฉินชิงซงยิ้มให้กับภรรยา หลังจากนี้เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่มีเรื่องใดผ่านเข้ามาทำให้ภรรยาของเขาต้องเคร่งเครียดและเสียน้ำตาอีกแล้วจวนปั๋วเฉินแห่งแดนใต้จูเชว่หนึ่งปีแล้ว หลังจากโยกย้ายครอบครัวมาอยู่แดนใต้ เริ่มแรกก็ยุ่งเหยิงวุ่นวายยกใหญ่ จางเหม่ยอวี้สตรีเมืองหลวงผู้เพียบพร้อมจรรยามารยาทงดงาม ไม่คุ้นชินกับชาวบ้านชนบทที่พูดจาเสียงดัง ท่าทางกร่างจัด ไม่เคารพธรรมเนียมปฏิบัติ หลักการข้อไหนก็ไม่ยึดถือจางเหม่ยอวี้โชคดีที่มีสามีคอยแนะนำ มีแม่สามีสอนสั่ง ประเพณีที่นี่เป็นเช่นไร พึงศึกษาอยู่ไม่นานนักก็สามารถปรับตัวได้ทางด้านจื่อผิงออกเรือนแต่งเป็นอนุให้รองแม่ทัพเผิง ไม่รู้ไปต้องตาพึงใจกันตอนไหน จื่อผิงอยู่ชนชั้นทาสมาตั้งแต่เกิด
บทส่งท้าย บทสรุปของคำว่าครอบครัว(2)เตียง ทั้งสองแลกเปลี่ยนจุมพิตกันอย่างยาววนาน ก่อนจะเริ่มเพิ่มความเร่าร้อนขึ้น ด้วยการสอดประสานกายเป็นหนึ่งเดียวกัน เช้าวันรุ่งขึ้น สองสามีภรรยาเดินทางไปยังกองบัญชาการแห่งทัพจูเชว่ ซึ่งจางเหม่ยอวี้ได้พบกับจือหมิ่น น้องสาวของจือลิ่ว อดีตคนสนิทของอนุหลินจริง ๆ ทันทีที่จือหมิ่นเห็นว่าคนที่ก้าวเข้ามายังห้องที่นางถูกควบคุมตัวไว้เป็นใครก็มีสีหน้าซีดเผือด แข้งขาของเจ้าตัวพลันอ่อนแรง ล้มลงไปนั่งกองกับพื้น ปากคอสั่นจนหาเสียงตนเองไม่พบ“ดูท่าเจ้าคงจดจำนางได้สินะ”เฉินชิงซงมองอีกฝ่ายอย่างจับผิด และคนตรงหน้าก็ยิ่งตัวสั่นกว่าเดิม เมื่อมองไปยังจางเหม่ยอวี้ที่จ้องมองมาอย่างไม่วางตา“คุณหนูรอง”“เจ้ารู้จักข้าด้วย ทั้งที่เราไม่เคยพบกันแท้ ๆ” จางเหม่ยอวี้กล่าวเหมือนนึกทึ่ง พลางเดินเข้าไปนั่งอยู่ต่อหน้าอีกฝ่ายที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยร่างกายที่สั่นเทาจากนั้นเฉินชิงซงก็เริ่มสอบถามเรื่องราวต่าง ๆ และแม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้วิธีทรมานใด ๆ เพื่อให้จือหมิ่นยอมพูดความจริง หญิงสาวตรงหน้าที่มีความผิดบาปฝังมาในใจเนิ่นนานแล้วก็สารภาพออกมาอย่างหมดเปลือกและแล้วเรื่องราวตลอ
บทส่งท้าย บทสรุปของคำว่าครอบครัว(1)“นี่ข้าวของของข้า เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงโยกย้ายมันโดยพลการ!”ภายในจวนปั๋วเฉินเกิดความวุ่นวายขึ้น เสียงแว้ด ๆ ที่ดังอยู่ผู้เดียวจะเป็นใครได้ หากไม่ใช่น้องสาวของรองแม่ทัพเผิงชิ่นหลิงถลึงตามองจางเหม่ยอวี้ ดวงตาวาววับแทบลุกเป็นไฟ นางจะไม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้อย่างไร จู่ ๆ ภรรยาของแม่ทัพที่เพิ่งตบแต่งได้ไม่นานก็ทำท่าวางอำนาจ ฉวยโอกาสตอนนางออกไปเที่ยวใช้ทาสมาเก็บข้าวของในเรือนรับรองใส่หีบ“เพราะข้าเป็นฮูหยินของจวนเฉินอย่างไรเล่า เจ้าเล่า! มีสิทธิ์อันใดอาศัยที่นี่ กาฝากรึ” จางเหม่ยอวี้ตอกกลับได้อย่างแสบทรวง “อีกประการข้าถามท่านพี่กับท่านแม่แล้ว พวกเขาไม่ได้เต็มใจต้อนรับเจ้า เพียงแต่ยังเกรงใจท่านรองแม่ทัพเผิงเท่านั้น”“นี่เจ้า!” เผิงชิ่นหลิงกรีดร้องด้วยความเดือดดาล นางชี้นิ้วใส่เฉินเย๋ปั๋วฟูเหรินอย่างไร้มารยาทยิ่งจางเหม่ยอวี้ที่ดำรงตำแหน่งภรรยาของจวนแม่ทัพไม่มีท่าทีโกรธเกรี้ยว นอกเสียจากเหยียดยิ้มชั่วร้ายให้กับท่าทางของสตรีที่ทำตัวไม่ต่างกับหนูสกปรกตัวหนึ่ง“ท่านรองแม่ทัพเคลื่อนกำลังพลกลับจูเชว่ตั้งแต่ราชโองการออกมาแล้ว เจ้ายังหน้าด้านอยู่จวนเฉินอีกรึ”“เจ้
บทที่ 15สุขทุกข์ร่วมแบ่งเบาเฉินชิงซงเห็นภรรยามีท่าทีไม่สบายใจมาหลายวันแล้ว อีกทั้งหลายครั้งนางก็เหมือนจะเหม่อลอย เวลาเขาสนทนาด้วยบางทีก็ตอบช้าไปกว่าทุกครั้งคล้ายมีเรื่องครุ่นกังวล“น้องหญิง เจ้ากังวลเรื่องใดหรือ เหตุใดพักนี้เจ้าจึงเหม่อลอยพิกล”แม่ทัพหนุ่มเอ่ยถามออกมาด้วยความห่วงใย ฝ่ายผู้เป็นภรรยาทำสีหน้าไม่ถูก ที่ผ่านมานางถูกสอนสั่งให้เอาใจใส่สามี เมื่ออีกฝ่ายพูดออกมาเช่นนี้จึงรู้สึกไม่สบายใจ กังวลไปว่าตนเองบกพร่องในหน้าที่ฮูหยินของเขาหรือไม่“ขออภัยเจ้าค่ะท่านพี่”“ไม่มีเรื่องใดต้องขอโทษ เจ้าไม่สบายใจ พี่ควรช่วยเจ้าแบ่งเบา มีอะไรก็ว่ามาเถิด เราสองคนเป็นสามีภรรยากันแล้วนะ”เขาเว้นคำพลางมองลึกเข้าไปในดวงตาที่หม่นแสงของภรรยา ฉวยจับมือเล็กไว้มั่น แม้แต่งงานกันได้ไม่นาน แต่เขาก็เอื้ออาทรในตัวของจางเหม่ยอวี้อย่างยิ่ง จึงไม่ต้องการเห็นนางมีเรื่องหม่นหมองในใจ“จำไว้...ไม่มีเรื่องใดที่บอกกล่าวพี่ไม่ได้”แววตาของสามีที่ทอดมองมาอ่อนโยนยิ่งนัก หญิงสาวเห็นแล้วก็รู้สึกซาบซึ้งในใจ เฉินชิงซงอาจเป็นคนเย็นชาพูดน้อย แต่แท้จริงกลับใส่ใจทุกเรื่องของนาง ขนาดเขาออกไปตรวจค่ายทหารทุกวัน และเจอนางไม่
ตอนที่14.2 มดปลวกรวมตัว(2)ฉางทิงกับบ่าวฉกรรจ์อีกสามคนฉุดกระชากลากถูคนร้ายไปตามระเบียงไม่คิดไว้ไมตรีทะนุถนอมอันใด ฟู่หว่ากรีดร้องจนสุดเสียงก็ไม่มีใครยื่นมือเข้าช่วยฮูหยินผู้เฒ่ายืนทอดสายตามองฟู่หว่า เด็กสาวที่นางเลี้ยงดูมากับมือทว่ากลับหลงเดินทางผิดถูกคนเลวหลอกใช้“ท่านแม่ อากาศเย็นแล้ว กลับเข้าห้องเถอะเจ้าค่ะ” จางเหม่ยอวี้ปั้นหน้าแย้มยิ้มระรื่น ทำเป็นมองไม่เห็นแม่สามีที่กำลังตรอมตรม“อือ รบกวนเจ้าแล้ว” หรูหรั่นเซียงถอนหายใจ ล้วงผ้าเช็ดหน้าซับหยดน้ำตา แล้วให้ลูกสะใภ้ประคองเข้าห้องนอน“แม่ขอโทษนะที่ตัดวาสนาของเจ้ากับคุณชายกัว”“อย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว” จางเหม่ยอวี้สั่นศีรษะพร้อมกับส่งยิ้มให้กับแม่สามีอย่างจริงใจ “ลูกรู้สึกว่าตนเองนั้นช่างโชคดีนัก ที่วันนั้นท่านแม่เลือกให้ลูกมาเป็นสะใภ้”“ไม่เคืองจริงหรือ” แม่สามีเย้าลูกสะใภ้ โดยที่มีจินหรงมามาอมยิ้มปลื้มปริ่มเดิมตามหลัง“ความจริงครั้งแรกก็รู้สึกโกรธเคืองไม่น้อยเจ้าค่ะ เพราะลูกฝึกฝนจรรยาฮูหยินเรือนหลังจวนขุนนางฝ่ายบุ๋นอย่างลำบากมานาน” ลูกสะใภ้หัวเราะเบาๆ อย่างเหนียมอายแม่สามีพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเข้าอกเข้าใจ จรรยาสตรี