LOGINท้องแล้วหรือ...ช้าไปนะ พันธะของฉันกับเธอมันจบไปแล้ว..
View Moreบทนำ
“พรุ่งนี้แล้วสินะที่ฉันจะหลุดพันธะนี้”
เจ้าของเสียงอย่างภาธรก้าวเข้ามายืนอยู่ข้างกายคนที่พูดด้วย ซึ่งนั่นก็คือ ปวริศา ภรรยาที่ได้มาด้วยความไม่เต็มใจ
หญิงสาวเม้มปากแน่น พร้อมกับต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้ หล่อนรู้ถึงสิ่งที่ภาธรกำลังจะบอกดี ในเมื่อวันพรุ่งนี้คือ วันที่เขาและเธอจะหย่าขาดจากกัน
ปวริศาเหลือบมองใบหน้าของคนพูด ก่อนก้อนสะอื้นจะวิ่งมาจุกอยู่ที่คอ เพราะทั้งน้ำเสียงและแววตาของภาธร มันสื่อได้ว่าเขาดีใจที่ได้เปลี่ยนสถานะเป็นวิวาห์ร้าง
ไม่ได้มีความลังเลอยู่เลยสักนิด
หญิงสาวยกยิ้มอย่างชอกช้ำ และเจ็บไม่ต่างจากมีฝูงมดมารุมกัดกิน ก่อนจะตอบเสียงสั่น
“ค่ะ”
“ยังอยากจะทำหน้าที่เมียอีกไหม ฉันจะได้ทนทำให้คืนนี้” พูดจบก็มีรอยยิ้มจางๆ ปรากฏที่มุมปาก พร้อมกับสายตาเบนไปที่เตียง
หญิงสาวส่ายศีรษะปฏิเสธพร้อมกัดปากแน่นกว่าเดิมจนรู้สึกได้ถึงความเจ็บ นั่นคงไม่ได้เจ็บมากไปกว่าหัวใจซึ่งบีบรัดตัวอย่างรุนแรง เพราะรู้ว่าเขากำลังสื่อถึงอะไร ทั้งแววตาและน้ำเสียงมันมีแต่ความเหยียดหยาม
“ทำไมล่ะ ไม่ชอบหรือ หน้าที่นั้น”
“คุณธรอย่าใจร้ายกับหวานสักวันจะได้ไหมคะ”
“ใจร้าย…ฉันเคยทำแบบนั้นหรือหวาน…” ไม่เพียงพูดน้ำเสียงคล้ายจะหัวเราะ ยังเชยคางมนขึ้นให้สบตากับเขา ดวงตาคู่คมพบความสะใจวิบวับอยู่ในนั้น
“อย่ากัดปากตัวเองสิ เดี๋ยวก็ช้ำกันพอดี คืนนี้จะไม่พร้อมสำหรับฉันนะ”
“หวานขอร้อง” เธอได้แต่วิงวอน ก่อนจากกันหล่อนขอซึมซับความสุขบ้างไม่ได้หรือ เพราะที่ผ่านมามักได้รับความเย็นชา จนตอนนี้หัวใจหล่อนใกล้จะล้มเหลวเต็มทนแล้ว
ภาธรคำรามฮึในลำคอ ก่อนจะผละออกห่าง “เจอกันที่เขตสิบโมง”
“ค่ะ”
จะให้หล่อนตอบอะไรได้อีกนอกจากคำนี้ต้องยอมรับความจริงว่าเขาไม่รักและไม่เคยรัก ก่อนจะได้ยินอีกหนึ่งประโยค
“อยากได้หรือ เอาไปด้วยสิ ไม่งั้นมันจะจบลงที่ถังขยะ” สิ่งที่ภาธรหมายถึงคือรูปแต่งงานที่ปวริศายืนมองมันอยู่นานแล้ว
“หวานจะเอามันไปด้วย”
ถึงมันจะไม่ได้สำคัญกับอีกฝ่ายทว่ามันมีค่าเป็นความทรงจำของเธอ ถึงมันจะเป็นความทรงจำสีหม่นและรอยน้ำตาก็ตาม
“ดี”
ภาธรแค่นยิ้มร้ายๆให้อีกหน ก่อนจะออกจากห้องไป ปล่อยให้ปวริศายืนโดดเดี่ยวอยู่คนเดียวในห้องนี้ ไม่ต่างจากที่ผ่านมา
สุดท้ายน้ำตาก็ร่วงเผาะลงอาบแก้ม เธอเข้มแข็งมาตลอดถึงแม้จะได้รับความเย็นชาจนใจพังสักแค่ไหน
วันนี้หล่อนสู้ไม่ไหวแล้วจริงๆ คงต้องอ่อนแอสักวันก่อนที่หญิงสาวจะปล่อยตัวลงกับเตียงและสะอื้นออกมา
ตอนพิเศษ ภาธรคนดุ ---- “อื้อ..คุณธร” เสียงเล็กหอบกระเส่าแต่ก็พยายามเรียกชื่อคนที่ทำให้หล่อนมีอาการนี้ออกมา แต่ดูท่าภาธรจะไม่ได้สนใจเสียงของเธอแม้สักนิด เพราะนี่คือหนที่สองแล้วที่เธอเรียกเขา ชายหนุ่มเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาขยับสะโพก แถมยังเป็นจังหวะที่เนิบนาบสลับกับดุร้อน “หือ” เขาครางรับแต่ก็ไม่ได้ฟังหรอกว่าคนใต้ร่างกำลังพูดอะไร เพราะสนใจกับสิ่งที่ทำตรงหน้ามากกว่า จนปวริศาโมโหใช้กำปั้นทุบอกแกร่ง แต่ภาธรกลับยิ้มให้ แถมยังยกสะโพกขึ้นสูงแล้วดันเข้าไปสุด ปวริศาเม้มปากแน่น เธอรู้ว่าเขากำลังจงใจกลั่นแกล้ง “หวานบอกว่าหยุดได้แล้ว” หญิงสาวพูดแทบไม่ได้ศัพท์ ศีรษะก็สั่นคลอนไปตามแรงที่ถูกส่งมา ก่อนภาธรจะก้มลงมาซุกที่ลำคอระหง และขยับกายแนบชิดขึ้นกว่าเก่า “อืม” “หยุด” เสียงเล็กสั่งอีกหนน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น คนทำก็ส่ายศีรษะและตอบกลับเสียงดังฟังชัด
บทที่ 13 พิสูจน์ใจ06 ถ้อยคำของหญิงสาวทำให้ภาธรนิ่งแล้วค่อย ๆ ยิ้มออกมา พร้อมกับดึงร่างเล็กเข้ามาใกล้ ดวงตาคมเป็นประกาย เพราะมันตีความได้ว่าเขากำลังได้รับโอกาส “จริงหรือ หวานให้โอกาสฉันหรือ” “โอกาสของหวานไม่ได้ให้ใครง่าย ๆ” ทิฐิที่มีเธอขอวางมันลง เพราะรู้แล้วว่ามีมันก็ไม่ได้ทำให้มีความสุขเลย และเมื่อเขารู้ว่าตัวเองผิดและเลือกที่จะปรับปรุง เธอก็จะยื่นโอกาสให้กับเขา ขอเพียงเขาไม่ทำลายมันพังอีกครั้งก็พอ ที่สำคัญความตายและการพลัดพรากมันน่ากลัว โดยที่เราไม่รู้เลยว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้นเธอจะไม่ปล่อยให้เวลาเสียไปโดยไม่ได้ทำในสิ่งที่มีความสุข “ฉันรู้ แล้วจะไม่ทำลายโอกาสนี้อีกแน่ ฉันสัญญา สัญญาครับหวาน” ชายหนุ่มยังพร่ำขอบคุณรวมถึงบอกรักอีกหลายหน “จบเรื่องนี้ ฉันขอนอนกอดหวานนะ” “ค่ะ” เพราะเธอก็อยากกอดเขาให้แน่นกว่านี้เช่นกัน ทางด้านสรวิศพอรู้เรื่องก็ตกใ
แต่สุดท้ายเขาก็ต้องตัดสินใจแย่งมีด จนในที่สุดก็ต้องยอมเจ็บตัวด้วยการคว้ามีดด้วยมือเปล่า ทำให้ถูกบาด เลือดสีแดงฉานไหลทะลักด้วยความคนร้ายตัวใหญ่กว่าจึงมีพลังมาก ทำให้การยื้อแย่งอาวุธในครั้งนี้ ภาธรมีแววแพ้ปวริศาสูดลมหายใจและลุกขึ้นได้ หญิงสาวพยายามที่จะก้าวเดิน แต่หล่อนไม่ได้หนี ปวริศาไปคว้าก้อนหินขึ้นมาหมายจะเอาไปตีหัวคนร้ายที่กำลังยื้อยุดอาวุธกับภาธรด้านคนร้ายกำลังให้ความสนใจกับศัตรูตรงหน้าเท่านั้น ทำให้ละสายตาไปจากหญิงสาว ปวริศาก้าวไปด้วยความรวดเร็วและฟาดก้อนหินใส่ศีรษะคนร้ายแต่ก้อนหินอาจจะเล็กไป และความเจ็บทำให้เธอใช้แรงได้ไม่มาก คนร้ายจึงเพียงร้องลั่น ไม่ได้หมดสติ ก่อนจะหันมามองปวริศาตาวาวอย่างต้องการจะฆ่า“หวาน ฉันบอกให้หนีไป” ภาธรต้องตะคอกบอกและยังยื้อกับคนร้ายไว้ เพื่อให้มันไม่สามารถไปทำร้ายปวริศาได้ แต่ไหงเจ้าหล่อนกลับเอาตัวมาเสี่ยง ที่สำคัญเขาก็ใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว“หวานไม่ทิ้งคุณ”“ไม่ต้องมาห่วงฉัน ไปซะ ไปสิ บอกให้ไปไง”ส่วนปวริศาพอรู้ว่าแผนที่ตีหัวไม่สำเร็จ คราวนี้เจ้าหล่อนจึงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ ซึ่งทำให้คนร้าย
วันรุ่งขึ้น วันนี้หญิงสาวเลือกที่จะออกจากบ้านมาตั้งแต่เช้า เพราะวันนี้คือวันเสาร์ ซึ่งภาธรจะมาอยู่กับบิดาทั้งวัน เธอจึงหนีมาเพื่อออกไปไกล ๆ ให้ใจห่างแต่ดูเหมือนว่าใจจะไม่ได้ห่างตามที่คิด เพราะตอนนี้เธอก็ยังคิดถึงเขา พร้อมกับไม่เข้าใจว่าทำไมถึงตัดภาธรออกไปไม่ได้เสียที ต่อให้คิดว่าที่ผ่านมาเขาทั้งร้ายและเย็นชา แต่หัวใจดวงนี้มันกลับยังไปรักเขาอยู่ได้หนักไปกันใหญ่ยามคิดถึงที่สิ่งที่เขาทำเพื่อขอคืนดี ทั้งใจและความรู้สึกมันอ่อนยวบอย่างง่ายดายมันตอกย้ำได้ดีว่าทุกคำที่พูดกับภาธรไป หล่อนโกหกทั้งเพ ปวริศาแค่นยิ้มสมเพชตัวเองเวลานี้เกือบจะหนึ่งทุ่มตรง หล่อนยังนั่งอยู่ที่สวนสาธารณะใกล้บ้าน โดยรู้ว่ามีใครบางคนเฝ้าดูเธออยู่ตลอด นั่นคือทักษ์ดนัย แต่หล่อนทำเป็นไม่สนใจทว่าปวริศาไม่ทราบว่าไม่ใช่แค่ทักษ์ดนัยเท่านั้นที่จ้องมองอยู่ มีชายคนหนึ่งแอบมองปวริศาอยู่นานแล้ว แถมยังมองด้วยสายตาที่ไม่ปกติ มีความหื่นกระหายอยู่ในนั้นยิ่งเวลาค่ำเท่าไร ก็ยิ่งเงียบสงัดขึ้น ไม่นานความเงียบก็ได้กลืนกินไปทั่วพื้นที่ โดยเหลือเวลาอีกไม่นานสวนสาธารณะจะปิดปวริศาจึงลุกขึ้
reviews