ความเร่าร้อนโหมกระหน่ำในอกสาว เมื่อชายหนุ่มบดเบียดริมฝีปาก ปลุกเร้าอารมณ์ให้เธอยินยอมในค่ำคืนนี้ สองมือเธอบีบกำผ้าห่มแน่น ธายุกรบดเบียดจูบภรรยา สองมือหนาลูบไล้เรือนกายช่วงบน พบชุดซีทรูบางเบาปิดอกเปลือยบางๆ ไว้
มือเขาทาบขยำบีบเค้นคลึง เพราะมันมือ หญิงสาวยิ่งหอบครวญเสียง เน้นอารมณ์ภายในกายให้ปั่นป่วน อีกมือเลื่อนลงไปดึงผ้าห่มให้พ้นทาง พลางเคลื่อนมือหนาสอดเข้าไปเหนือต้นขา ควานหาเนินสามเหลี่ยม เริ่มสั่นนูน
ปลายนิ้วกำลังแหย่ลงไปเพื่อแหวกสำรวจทางเข้าแรกๆ เพราะนั้นคงเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขากับปนิตาได้แนบชิดมากกว่านี้ สองมือบอบบางปนิตาเคลื่อนมากุมศรีษะธายุกร กอบกำเรือนผมสั้น ลูบไล้อย่างสนิทสนม
มันเป็นรสจูบที่หอมหวาน ละมุนละไม แม้ว่ามือเขาจะซุกซนบนเรือนกายบาง แววตาเธอกระพริบถี่เพียงไร ก็ไม่อาจมองหน้าเขาได้ชัดเจน ความเขินอายเริ่มถูกทลายลง ตามมาด้วยความรักร้อนโหมกระพือ เมื่อมือหนากำลังลูบแหย่อยู่บริเวณกายเบื้องล่าง กำลังรนชุดซีทรูเธอให้สูงขึ้นเหนือเอว
“ตัวหอมจังเลย” ธายุกรละริมฝีปาก เคลื่อนกายหนุ่มลงไป จดจ่ออยู่กับเรือนอกกลมงามใหญ่ ขอได้ลิ้มลองดูดชิมหน้าอกสวย กับยอดถันกำลังตั้งงาม หญิงสาวตกใจเมื่อถูกชายหนุ่มกลืนดูดแลบเลียเล้าโลม แอ่นกายรับสูงขึ้น เมื่อเขากำลังครอบครองเรือนหน้าอกไว้ด้วยปากอันชำนาญ
“เคยทำอย่างนี้มาก่อนหรือเปล่า?” ปนิตารู้สึกกลัว เมื่อเขากำลังอยู่บนตัวเธอยามนี้
“ครั้งแรกของผมเลยนะ นิตา”
“ไปรู้มาจากไหน?” น้ำเสียงเธอพูดค่อนข้างเบา เพราะกลัวว่าน้องสาวจะมาได้ยิน หรือแม่กับน้าจะดักฟัง เธอกับเขากำลังทำอะไรกันในคืนแรกของวันแต่งงาน
“ดูหนังโป๊วไง ผมรู้สึกอยากทำต่อไม่อยากหยุดเลย” ธายุกรบอกพลางดูดหน้าอกกลืนกินอย่างเอร็ดอร่อย ไม่นึกเลยว่ามันเป็นครั้งแรกที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้
หญิงสาวครวญในลำคอจนตัวสั่น เมื่อช่วงล่างของความเป็นชาย มีบางอย่างอุ่นร้อนและค่อนข้างแข็ง เธอคิดว่านั้นอาจจะเป็นหัวเข่าก็ได้ แต่มันไม่ได้แข็งอย่างที่คิด เพราะมันเป็นท่อนเนื้อและรับแรงกระตุ้นของหัวใจได้เหมือนกัน
กายหญิงสาวค่อยๆ ถูกครอบครอง และไร้การควบคุม ปนิตารู้สึกเคลิบเคลิ้มเมื่อเขาค่อยๆ สำรวจเรือนกายเธอด้วยริมฝีปาก เลื่อนต่ำลงไปอีก หากเขาจะใช้เรียวนิ้วแข็ง โลมถูอยู่ภายนอก ลากปลายนิ้วอยู่บริเวณกลีบบวม ใต้ขนหนาอยู่บนเนินสามเหลี่ยม
ชายหนุ่มโน้มตัวลงไป เพื่อใช้ลิ้นสำรวจเริ่มแรก ทำให้หญิงสาวสั่นกระตุกเพราะมันทำให้เธอรู้สึกดี มือบางปนิตาเลื่อนมากุมศรีษะธายุกร จิกเรือนผมเพราะเธอรู้สึกเสียวซ่าน เพลิดเพลินเมื่อถูกเขาใช้ลิ้นกับส่วนสำคัญที่ลับตา
ชายหนุ่มค่อนข้างพึงใจเมื่อพบว่า เจ้าสาวที่เขาเลือกยังไม่เคยต้องมือใครมาก่อน จึงค่อยๆ แทรกกายหนุ่มแน่น อยู่ระหว่างใจกลางกายหญิงสาว สอดสองมือหนาใต้หัวเข่าเธอเอาไว้ จับแยกกางออกให้กว้าง
สองมือหญิงสาวจับท่อนแขนชายหนุ่มซึ่งอยู่ด้านข้าง กำลังมองเขาผ่านความมืด ว่าเขากำลังอยู่บนตัวเบื้องบน และช่วงสำคัญเบื้องล่าง มันมีอะไรบางอย่างมาชนกับความเป็นสาวของเธอ ถูไถไปมาระหว่างความลื่นเปียกฉ่ำอยู่บริเวณนั้น
******
ท่อนเนื้อกลมใหญ่ค่อยเบียดเข้าไปในร่องกลีบ พยายามแหวกทางแคบให้เปิดออก จนไปชนม่านบางๆ ที่กั้นอยู่เบื้องหน้าด่านแรก ปนิตาพยายามดันกายเขาออกไป และขยับสะโพกหนีด้วยความเจ็บปวด
ชายหนุ่มกอดเรือนกายหญิงสาวไว้ในอ้อมกอด พลางกดสะโพกเน้นหนักเพื่อทะลวงม่านปิดทางเข้านี้ ให้แยกขาดจากกัน ในฉับพลันที่ความเจ็บปวดมากมายถาโถมเข้ามาทั่วกายปนิตา เธอสูญเสียน้ำตาด้วยความสั่นกลัว ราวร่างกายแยกออกจากกัน
ท่อนเนื้อไหลลื่นทะลวงลึก เคลื่อนเข้าไปภายในกายสาวอย่างยากลำบาก แต่เขาค่อยๆ กดมันหนักอีก เพราะทั้งแคบและบีบแน่น เนื้อโพรงภายในทำให้เขารู้สึกดี เสียวจนเขาเองก็ปากสั่นระริก จนอยากจะดันท่อนเนื้อกลมหนาแน่น เข้าไปให้ลึกมากยิ่งขึ้นไปอีก
เอ็นอุ่นหนาร้อน รับรสสัมผัสจากภายในสาวบริสุทธิ์ บีบเนื้อที่บุกรุกเข้าไปแนบแน่น ปนิตาเสียวสั่นสะท้านเมื่อมันไปกระทบกับภายใน เธอเจ็บระบมพร้อมความสุขในเวลาเดียวกัน
หญิงสาวกัดฟันอย่างลืมตัว ในขณะที่น้ำตาไหลหยาดอาบแก้มด้วย เมื่อท่อนเนื้อมุดเข้าไปจนสุดโคนหนา โหนกนูนชายกระทบกับเนินบวมของหญิงสาว กายเนื้อแนบชิดใกล้กันสนิทเพียงนี้ มันเกิดขึ้นครั้งแรกของปนิตาและธายุกร
******
“ผมรู้สึกดีจังเลย นิตา” ธายุกรบอกเธอเสียงสั่น พลางค่อยๆ คลายวงแขนปล่อยให้เธอพักสักครู่ กายเบื้องล่างชายหนุ่มค่อยลากออกช้าๆ และดันเข้าไปใหม่ ต้องการเวลาปรับสภาพอีกหน่อย เพื่อจะได้เริ่มกิจกรรมอันสุขสันต์ต่อจากนี้
“เจ็บ! ... แน่นท้องจังเลย” ปนิตารู้สึกว่าภายในของเธอกำลังดูดปลายจ้าวโลกเขาเอาไว้ทั้งหมด ยามเมื่อเขาลากออก เธอรู้สึกเสียวกาย และเมื่อถูกเขาดันกลับเข้ามาแนบแน่น ยิ่งเสียวกระสัน เมื่อมันกระทบชนกับภายใน จนเผลอหอบร้องครางแผ่วเบา
“ยังเจ็บอยู่มั๊ย?” ธายุกรค่อนข้างเป็นห่วงเธอ จึงทำอย่างช้าๆ ลากยาวๆ หญิงสาวรู้สึกผ่อนแรงความเจ็บปวด แอ่นเอนกายไปเบื้องหลัง ท่อนขาเรียวยาวสาวค่อนข้างเมื่อยล้า ปล่อยปลายทางไว้ข้างกายชาย
“ไม่แล้ว” ปนิตาตอบสั้นๆ เพราะรู้สึกว่า มันดีๆ มากๆ สำหรับเธอจนไม่อยากให้มันออกจากกายในยามนี้เลย
“ถ้างั้นผมขอทำเลยนะ” ธายุกรทนความเสียวจากภายในกายเธอไม่ไหว เขาอยากจะกระทุ้งเธอแรงๆ และเร็วๆ ให้มันเสียวสุดๆ กันไปเลย...
สะโพกหนุ่มขยับถี่สูงๆ กระหน่ำใส่ความเป็นสาวทั้งเร็วทั้งแรง เตียงไม้เคลื่อนตามแรงขยับของเขา เคลื่อนไปกระทบกับกำแพงบ้านไม้เป็นระรอบ ความต้องการราวไฟรักที่ร้อนแรง ไม่ได้ทำให้เขาลดความเร็วเลย
เสียงไม้ดังเป็นจังหวะ ของการถูกกระทบหัวเตียงและไม้กำแพงบ้าน ดังสนั่นในค่ำคืนนี้เกือบชม.หนึ่ง ชั้นล่างบ้านไม้ของปณิตา ยังมีปราณชลและวราลี ยังไม่ได้หลับนอน พวกเธอสองคนกำลังดูโทรทัศน์ และได้ยินเสียงชั้นบน กำลังทำเสียงอย่างต่อเนื่องตลอดชม.
แววตาพวกเธอสองคนสั่นเป็นประกาย แม้สายตาจะจับจ้องมองดูโทรทัศน์เบื้องหน้า แต่ริมฝีปากขบกัด แอบเม้มหลายครั้ง เกือบทำน้ำลายหก ราวกับสมองของเธอสองคนกำลังคิดตาม เสียงที่กำลังดังมาตลอดเกือบชม.
นอกประตูห้องนอน ยังมีสาวฝาแฝดกำลังใช้แก้วทาบกับประตูห้องนอนของปนิตา เธอสองคนนั่งอยู่กับพื้น และแนบหูใกล้ประตู ฟังเสียงบางอย่างกระทบกันอย่างเร็วและต่อเนื่อง กับเสียงหัวเตียงเคลื่อนเอี๊ยดอ๊าด และเครื่องเฟอร์นิเจอร์ดังสนั่น
เด็กสาวขบกัดริมฝีปาก ค่อยๆ จินตนาการตามเสียงว่า ปนิตาอยู่ในสภาพไหน เธอเจ็บปวดหรือมีความสุข บ้างได้ยินเสียงปนิตาหอบคราง จะว่าเจ็บก็ไม่แน่ใจ จะว่าสุขก็ไม่ชัดเจน แววตาเด็กสาวหันมองสบตาเข้าหากันเอง พลางแอบหัวเราะคิกคักเบาๆ
“สรุปเขาทำอะไรกันแน่? ทำไมยังไม่นอนอีก” เขมถามขิมอย่างสงสัย ดึกขนาดนี้แล้ว ถ้าจะนอนแล้วมาเล่นอะไรแรงๆ แบบนั้น
“ไม่รู้สิ พี่เขยทำอะไรพี่นิตา พลอยทำให้เราอยากรู้อีก” ขิมแอบยิ้มกระซิบเบาๆ คุยกับเขมแผ่วๆ
******
ธายุกรเปลี่ยนท่าให้ปนิตา เพราะเธอเหนื่อยและเมื่อยขาทั้งสอง เขาจึงจับเธออยู่ในท่านอนคว่ำ น่าจะช่วยให้เธอรับแรงจากท่อนเนื้อของเขาได้
เรือนกายหน้าท้องแบนราบ กระทบสัมผัสกับเรือนก้นเนียนอันสวยงาม เขายัดเหยียดท่อนเนื้อบวมใหญ่ กำลังมุดทะลุหายเข้าไปภายในโพรงแคบ ซึ่งกำลังปรับตัวรับแรงกระแทกจากเขาได้เป็นอย่างดี
หญิงสาวเสียวกระสันจนกรีดร้องอยู่ในหมอนหนุนหัว เสียวจนสุดจะทานทนเก็บงำเสียงไม่ไหว ต้องกรีดร้องสุดคอ เมื่อเขากระแทกจ้าวโลกเข้ามาจนสุดโคน ทั้งเร็วทั้งแรงกระแทกรัวๆ จนเธอน้ำแตกหลั่งไหลหล่อลื่น จ้าวโลกใหญ่ยาวเคลื่อนตัวภายในอย่างง่ายดาย
โหนกนูนบวมกระทบกับกลีบอวบหนา หญิงสาวแทบกลั้นทนไม่ไหว เสร็จนับครั้งไม่ถ้วน หมดแรงแขนล้าเข่าอ่อน หากเขาจะอึดทนเพียงนี้ เธอคงอยากให้เขาทำแบบนี้กับเธอทุกๆ วัน
“นิตา... ผมรู้สึกดีจริงๆ” ธายุกรกำลังจะเดินทางไปถึงปลายทางสวรรค์ เขาหยุดกายกระแทกใส่ปนิตา ดันท่อนเนื้อให้สุดทาง เมื่อมันไปชนกับอะไรบางอย่างจนเขาทนไม่ไหว น้ำอุ่นเหนียวหนืดความร้อนหลั่งไหล เข้าไปภายในมากมาย ธายุกรหอบหายใจ ทั้งสุข ทั้งเหนื่อย... เขาหอบหายใจ ทรุดกายลงนอนข้างกายปนิตา
เธอสุขเสียวกระสันจนแทบหมดแรงขยับกาย และธายุกรหลับใหลกับเธอในคืนนี้ หลังจากได้ร่วมรักกันอย่างรุนแรงและโหยหา
เมื่อเสียงกระทบของเตียงไม้และกำแพงบ้างยุติลง แววตาของปราณชลหลับลง พลางลุกขึ้นจากเก้าอี้รับแขก พากายตัวเองกลับเข้าห้องนอน โดยไม่พูดอะไรสักคำ... ส่วนวราลีปิดโทรทัศน์ และปิดไฟ พลางพาตัวเองกลับเข้าห้องนอนไปอีกคน...
เด็กสาวฝาแฝดเห็นว่าเสียงเงียบแล้ว น่าจะได้เวลาแอบย่องกลับไปนอน ในห้องของตัวเองก่อนที่จะมีใครเดินมาพบพวกเธอสองคนแอบได้ยินพวกเขาทำอะไรกันตลอดชม.ในคืนนี้...
******
หลังจากนางสร้อยเงินเดินทางกลับมาถึงบ้าน พบเห็นว่าลูกสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งเย็บปักถักร้อยอยู่ภายในห้องขอตัวเอง โดยไม่ออกมาด้านนอกตามที่ตนสั่ง นางสร้อยเงินแวะไปเยี่ยมนายปวรุตม์เสียหน่อยว่ากำลังทำงานอยู่หรือเปล่าพบเห็นว่าชายหนุ่มดังกล่าว กำลังนั่งปอกเปลือกมะพร้าว และกำลังผ่าฟืนตามสั่ง เพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้นางสร้อยเงิน ทำอาหารมื้อเย็นและเช้าวันถัดไป“ทำงานอยู่รึ ระวังมีดบาดนะ”“ครับ ผมทำงานใกล้จะเสร็จแล้วครับ” ปวรุตม์ยิ้มแย้มก่อนจะตั้งใจทำงานต่อไป แววตาของนางสร้อยเงินมองชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ ระหว่างที่ไม่อยู่นางน่าจะพากลิ่นจันทร์ไปด้วย แต่อยากให้ลูกสาวประหลาดใจ เมื่ออีกไม่กี่วันบิดาของเธอจะกลับมาวันเวลาผ่านไปราวอาทิตย์หนึ่ง ปรากฏร่างของชายหนุ่มสูงวัย เดินทางมาถึงบ้านของนางสร้องเงิน ปวรุตม์กำลังขุดดินปลูกต้นไม้อยู่ข้างบ่อน้ำ เขาถอดเสื้อสวมผ้าถุงสีทึบเพียงชิ้นเดียว ปวรุตม์พบเห็นร่างของชายดูดีมีภูมิฐาน เขารู้สึกกลัวขึ้นมาในทันใด หน้าตาก็คล้ายๆ กับกลิ่นจันทร์“ไอ้หนุ่ม... เอ็งเป็นใครมาจากไหน มาอยู่บ้านข้าวะ?” แววตาที่ดุดันมองมายังชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ“สวัสดีครับ ผมชื่อ ปวรุตม์ คุณส
หลังจากนั้นเป็นต้นมา... ปวรุตม์จึงเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำตัวกลมกลืนกับคนที่บ้านของกลิ่นจันทร์ ช่วยเหลืองานบ้าน และงานสวน ทำให้สร้อยเงินรู้สึกพอใจว่า ชายแปลกหน้าจากกรุงเทพฯ ซึ่งหาบ้านยายแสงดาวไม่เจอ กลายเป็นคนงานคนสวนไปโดยปริยายชายหนุ่มอาศัยอยู่ในเรือนรับรองเล็กๆ อีกแห่งของเขตบ้าน เพราะนางสร้อยเงินไม่ยอมให้อยู่ในบ้านเดียวกับลูกสาว หวังว่าจะไหว้วานผู้ใหญ่บ้าน ช่วยเขียนจดหมายไปบอกสามีในเมืองว่า ช่วยแวะกลับมาบ้าน เรื่องไอ้หนุ่มกรุงเทพฯ มาอาศัยอยู่ในบ้าน“แม่เดินทางปลอดภัย โชคดีนะจ๊ะ” หลังจากที่แอบลักลอบได้เสียกับปวรุตม์ เธอระมัดระวังตัวมิให้มารดารู้ว่า ลูกเสียสาวไปแล้วกับชายแปลกหน้า แต่เขาทำให้กลิ่นจันทร์มีความสุขยามเมื่อได้สวมกอด และบางสิ่งที่ทำให้เธอหลงใหล“แม่จะรีบไปรีบกลับนะ อยู่ดูแลบ้านดีๆ ล่ะ” นางสร้อยเงิน ใช้แรงงานทาสขับเกวียนไปส่งนางที่บ้านผู้ใหญ่ หวังจะขอให้ผู้มีความรู้เขียนจดหมายส่งไปให้สามีทราบเรื่องที่บ้านทีหลังจากนั้นเมื่อไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน กลิ่นจันทร์จึงเดินไปที่เรือนรับรองของปวรุตม์ เพื่อขอมีอะไรด้วยกันเพราะความคิดถึงมากมาย...ชายหนุ่มกำลังรอเวลานี้ที่จะได้อยู่กับกลิ่นจันท
เรือนกายหญิงสาวยืนพิงหลังต้นไม้ใหญ่ บดบังเรือนร่าของเธอและปวรุตม์ให้พ้นสายตาใครอื่น สองแขนหญิงสาวซึ่งกันเอาไว้ระหว่างอกเขาและกายบางได้ลดลง แขนบางทั้งสองโอบกอดตอบรับชายหนุ่มเบื้องหน้าทำให้ปวรุตม์ดีใจเหลือเกินเมื่อเธอยินยอมเขาแล้ว มือของชายหนุ่มทั้งสองจึงทำงานปลดตะขอกางเกง ทำให้แววตาหญิงสาวตกใจว่า นี่เขาจะแก้ผ้าทำไมกันนะ...“ปวรุตม์ คุณจะทำอะไรรึ?” เธอไม่เข้าใจว่า เขากำลังทำอะไรแปลกๆ ออกมา หลังจากบอกรักเธอ ต้องแก้ผ้าด้วยรึ?“ผมอยากได้คุณ ปลดผ้าถุงสิ” เขาบอกให้เธอทำบ้าง หญิงสาวยังรู้สึกสับสนว่า ทำไม แต่ถ้าลองดูก็อาจจะคลายความสงสัยได้บ้างเพียงช่วงล่างเปล่าเปลือยปวรุตม์ไม่เห็นมีที่ร่วมรักใดได้ คิดเสียว่าคงต้องเลือกท่ายืนนอกสถานที่ในป่าลับเช่นนี้เขาโอบอุ้มเธอเอาไว้ใต้สองแขน ทำให้กายบางหญิงสาวลอยสูง ปลายเท้าไม่แตะพื้นและช่วงต้นขาของเธอต้องกางออก เพราะเขาดึงร่างบางเข้าหาชายหนุ่ม เรือนหน้าหญิงสาวตกใจและหน้าแดงก่ำ เธอรู้สึกอายจริงๆ“อย่าตกใจนะ กลิ่นจันทร์... ผมจะทำให้คุณรู้สึกดีเอง” ชายหนุ่มพยายามกระซิบข้างหู มิให้เธอตกใจดิ้นหลุดจากแขนเขา เธอกลัวจนตัวสั่น ระหว่างถูกดึงเข้าหาร่างชายหนุ่ม ต้นข
หลังจากเขาแนะนำตัวเองกับแม่ของกลิ่นจันทร์ เธอชื่อสร้อยเงิน กำลังทำอาหารกับทาสสองคน สีหน้าของเธอไม่ค่อยไว้ใจที่มีผู้ชายแปลกหน้ามาคุยกับลูกสาว“แม่ อย่าไปว่าเขาสิ เขาคงหลงทางมาถึงบ้าน ถามหายายแสงดาว แม่พอจะรู้จักคุณยายแสงดาวไหม” กลิ่นจันทร์ถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คิดว่าหากช่วยเหลือเขาไปแล้ว เธอกับแม่จะได้บุญ และเขาคงจะไปทำธุระเรื่องครอบครัวได้เสียที“โอ๊ย...อยู่มาตั้งนาน ไม่เคยได้ยินยายชื่อแสงดาวอะไรนั้นเลยนะ พ่อหนุ่มมาจากกรุงเทพฯ ลองไปถามญาติตัวเองใหม่เถอะ... กลับไปได้แล้ว ลูกสาวฉันจะเสียชื่อหมด” นางสร้อยเงินตอบปัด จึงอยากให้ทาสพาเขาออกจากเรือน“ไม่เป็นไรจ้าแม่... ให้ทาสช่วยแม่ทำอาหารเถอะ ฉันจะไปส่งเขาเองจ๊ะ” กลิ่นจันทร์รับอาสาเอง เพราะคิดว่าตนคงเป็นเหตุนำพาเรื่องวุ่นวายเข้าบ้าน คิดเสียว่าแนะนำให้เขาไปคุยกับผู้ใหญ่บ้าน เผื่อจะได้รับความช่วยเหลือที่ดีกว่านี้“ขอโทษนะครับ คุณแม่สร้อยเงิน ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ปวรุตม์รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้พบญาติหรือแม่ ทุกคนหายไปไหนหมด อีกทั้งทุกๆ คนที่นี่ใส่ชุดสมัยร.๕ทั้งนั้น เขามาหลงอยู่บ้านใครกันเนี่ย... ชายหนุ่มแอบคิด******กลิ่นจันทร์พาเขาเดินออกจากบร
รุ่งเช้าท่ามกลางเสียงโวกเวกโวยวาย ผู้คนเดินไปมา สลับวิ่งจนพื้นไม้ภายในบ้านสั่นสะเทือน ปวรุตม์รู้สึกว่าถูกรบกวนจากการนอนแสนสบาย จึงลืมตาปรือตื่น หันมองว่าร่างของแม่ข้างๆ หายไป คงจะสมทบกับญาติ ซึ่งกำลังทำอะไรสักอย่าง“เร็วๆ เข้า!!! อุ้มคุณแม่ขึ้นรถ!!!” เสียงของผู้หลักผู้ใหญ่กำลังวุ่นวาย กับการนำร่างของคุณยายซึ่งเริ่มหายใจช้าลง หลับตาโดยไม่มีการตอบสนอง ครอบครัวญาติฝ่ายแม่ตกใจมากพวกเขาพาร่างของคุณยายขึ้นรถ ออกตัวจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงญาติทุกๆ ต่างคนกลับไปที่รถของตัวเอง ต่างขับรถแห่ไปทีละคันจนหมดบ้าน...เหลือไว้เพียงเขายังยืนงงอยู่ภายในบ้านคนเดียว“ไปกันหมดเลย” ปวรุตม์ไม่อาจจะพูดถามใคร ในช่วงเวลาอันฉุกละหุกได้เลย ว่าเขาควรทำตัวอย่างไร พ่อแม่เขาค่อนข้างวุ่นวายกับการพาร่างของคุณยายขึ้นรถ และรีบพาไปร.พ. ในขณะที่ญาติๆ คนอื่นๆ ต่างแยกย้ายขับรถตามไป“กลิ่นจันทร์ไปกับเขาด้วยหรือเปล่านะ?” ปวรุตม์ยังคงนึกถึงสาวเมื่อคืนนี้ หากไม่อยู่ในพุ่มไม้มืด เขาอาจจะจำหน้าเธอได้ชัดกว่านี้ ตะวันในเช้านี้ทอแสงนวลแผ่วเบา แต่ท้องเขานี่สิ ร้องออกมาอย่างหิวโหย ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเหลืออะไรใหเขากินได้บ้าง******ช
ในความเงียบภายในรถยนต์ ระหว่างเดินทางออกมาตจว. นอกเขตเมือง สู่ชนบทในท้องนา ภาพบรรยากาศของตึกราบ้านช่องหายไปจากสายตาของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนหนุ่มสมัยใหม่ อาศัยอยู่ในเมืองเขาจำใจต้องเดินทางมากับพ่อแม่ เพื่อไปบ้านของยายแสงดาวซึ่งอยู่ตจว. เขาเบื่อมากกับการไปอยู่บ้านนอก โบราณ คนแก่หัวเก่าๆ ซึ่งมันไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับเขาเลยปวรุตม์ (ปะ-วะ-รุด) หยิบมือถือสมาร์ทโฟนขึ้นมาเพื่อแชทกับเพื่อน และนัดกันว่ากลับบ้านจากญาติแล้ว จะไปดื่มเหล้าเที่ยวผับ ควงสาวมาฟันให้สนุกแก้เบื่อเสียเลย เขายิ้มเงียบๆ โดยมิให้พ่อซึ่งกำลังขับรถหันมาดุได้อีกแม่ของเขานั่งอยู่หน้ารถ กำลังชี้ทางบอกไปทางคุณยาย คือคุณแม่ของเธอค่อนข้างมีอายุมากแล้ว พวกเขาทั้งครอบครัวถูกเรียกให้มาบ้านญาติตจว. เพื่อให้มารับทราบว่า คุณยายใกล้จะไปสบายดีแล้ว ญาติคนอื่นๆ เรียกพ่อแม่และปวรุตม์ ให้มาดูใจกันครั้งท้าย ก่อนคุณยายจะเสีย“ทำตัวดีๆ นะแกไอ้รุตม์ เดี๋ยวจะไม่ได้รับมรดกกันพอดี” คุณพ่อของเขา เป็นลูกเขยของญาติข้างแม่ ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบสองปี ทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัวเรียบร้อย อย่างน้อยเขาอยากจะกลับเมือง มากกว่านอนค้างอยู่บ้านนอกตจว.แบบนี้