ฉู่เฮ่าชวน ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาบาดใจ เซ็กซี่ เย่อหยิ่ง...และเป็นคนที่เธอไม่อาจเอื้อม เขาคือพี่ชายของเพื่อนสนิทของเธอ และเป็นผู้ชายคนเดียวที่เธอไม่มีวันได้ครอบครอง แต่ตอนนี้เพื่อนเธอกำลังจะแต่งงาน ทำให้เธอต้องเจอหน้าเขาบ่อยขึ้นกว่าที่เคยเป็น และการกระทำของเขาก็ทำให้เธอยากที่จะลืมเลือน...ยากที่จะลืมค่ำคืนนั้นเมื่อหลายปีก่อน ค่ำคืนที่ทั้งเธอและเขาต่างไม่เคยเอ่ยถึง ค่ำคืนที่เธอยังคงอยากพูดถึงใจจะขาด ทั้งคู่ต่างให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับสุดยอด ทว่า...มันกลับยากขึ้นทุกทีที่ต้องเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้เพียงลำพัง ซ่งจื่อหานรู้ดีว่าต้องหาทางจัดการกับความรู้สึกตัวเอง และต้องทำมันเดี๋ยวนี้ เพราะทุกครั้งที่วันหยุดสุดสัปดาห์เวียนมาถึง มันยิ่งยากเหลือเกินที่จะปฏิเสธหัวใจตัวเอง...ว่าเธอกำลังตกหลุมรักพี่ชายของเพื่อนสนิทเข้าเสียแล้ว
View Moreมีคำกล่าวที่เปรียบเสมือนกฎเหล็กในหมู่เพื่อนสนิทว่า ‘อย่าได้เผลอใจไปรักพี่ชายของเพื่อนสนิทเป็นอันขาด’ และซ่งจื่อหานก็รู้ซึ้งถึงคำเตือนนั้นยิ่งกว่าใคร เพราะฉู่เฮ่าชวน ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาบาดใจจนน่าให้อภัยในทุกความผิด แสนเย่อหยิ่งราวกับเจ้าชายที่ไม่เคยต้องก้มหัวให้ใคร และยังเป็นพี่ชายของฉู่ลี่เหยียนเพื่อนรักเพียงคนเดียวของเธอ คือผู้ชายคนเดียวที่เธอหมายปองมาตลอดหลายปี และเป็นคนเดียวที่เธอเชื่อว่าไม่มีวันได้ครอบครอง... หรืออย่างน้อยเธอก็เคยหลอกตัวเองให้คิดเช่นนั้นมาโดยตลอด
ทว่า ‘ค่ำคืนนั้น’ เมื่อหลายปีก่อน...ค่ำคืนแห่งความลับที่ทั้งหอมหวานและขมขื่น ค่ำคืนที่ทั้งเธอและเขาต่างให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะเก็บงำไว้ในส่วนลึกสุดของหัวใจ ยังคงตามหลอกหลอนราวกับเงาที่ไม่เคยจางหาย และยิ่งแจ่มชัดขึ้นเมื่อการแต่งงานของเพื่อนสนิทกลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ทำให้เธอต้องโคจรกลับมาใกล้ชิดกับเขาอีกครั้งในสถานะที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ความทรงจำต้องห้ามที่เคยถูกผนึกไว้ในกล่องเหล็กแห่งกาลเวลาเริ่มปริร้าว และความรู้สึกที่เคยพยายามฝังกลบก็ดูเหมือนจะคุโชนขึ้นมาอีกครั้งอย่างลึกล้ำเกินห้ามใจ
ในสายตาของเธอ ฉู่เฮ่าชวนคือชายในฝันที่สมบูรณ์แบบ หากแต่ตัวตนที่แท้จริงของเขานั้นกลับเต็มไปด้วยความซับซ้อนที่น่าค้นหา เขาเจ้าอารมณ์ในบางครั้ง ขี้หวงอย่างไม่มีเหตุผล และปกป้องคนของเขาเกินเหตุ จนดูเหมือนจะมีกำแพงน้ำแข็งสูงตระหง่านกั้นขวางเธอเอาไว้ แต่แล้วการกระทำของเขาที่ทั้งผลักไสและดึงดูดอย่างน่าประหลาด สัญญาณที่คลุมเครือระหว่างการเป็น ‘พี่ชายเพื่อน’ ผู้แสนดี กับ ‘ชายคนหนึ่ง’ ที่มองเธอด้วยสายตาแตกต่าง...สายตาที่ร้อนแรงจนแทบจะแผดเผา...กลับทำให้ซ่งจื่อหานสับสนจนหัวหมุน และความลับที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังแววตาคมกริบคู่นั้นก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ของเธอฝ่ายเดียวอีกต่อไป
เมื่อเกมรักเก่าๆ และกลอุบายใหม่ๆ ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือหยั่งเชิงหัวใจ ทั้งการลองใจด้วยการสร้างสถานการณ์รักสามเส้าที่ชวนให้ปวดหัว หรือแม้แต่การเดิมพันครั้งใหญ่ด้วยการทดลองเปิดใจสู่โลกใบใหม่ที่เต็มไปด้วย ‘การควบคุม’ และ ‘การยอมจำนน’ ณ คลับลับเฉพาะที่เธอไม่เคยคิดว่าจะได้ย่างกรายเข้าไป ซ่งจื่อหานก็ต้องเผชิญหน้ากับคำถามที่กรีดลึกลงในใจว่า... ความรู้สึกที่แท้จริงของฉู่เฮ่าชวนคืออะไรกันแน่? และ ‘ค่ำคืนนั้น’ ที่เขาอ้างว่าลืมเลือนไปแล้ว แท้จริงแล้วมันยังคงมีความหมายต่อเขาอยู่บ้างหรือไม่?
ในวังวนแห่งความเสน่หาที่เต็มไปด้วยกับดักหัวใจนี้...ที่ซึ่งพรานอาจกลายเป็นเหยื่อ และเหยื่อก็อาจจะกลายเป็นผู้ล่าเสียเอง...ใครจะเป็นผู้คุมเกม และใครจะเป็นผู้ติดกับ หรือบางที...ทั้งคู่อาจจะติดอยู่ในกับดักของกันและกันมาเนิ่นนานแล้วก็เป็นได้ รอเพียงแค่ใครสักคนที่จะกล้าพอที่จะกระชากหน้ากากของอีกฝ่ายออกมาก่อนเท่านั้น
“ก็ไปแอบส่องโซเชียลมีเดียมายังไงล่ะ แถมแม่นั่นก็ยังมีบล็อกส่วนตัวที่เขียนเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเองด้วยนะ แล้วก็ยังมีรูปของเจ้าโฟรโด แฮมสเตอร์สุดที่รักของหล่อน กับเจ้าแบล็กกี้ หมาคู่ใจของหล่อนเต็มไปหมดเลย”“เดี๋ยวก่อนนะ อย่าบอกนะว่าหมาของหล่อนน่ะมันสีดำ”“ใช่เลย เป๊ะเลย” ซ่งจื่อหานพยักหน้ารับแล้วก็หัวเราะคิกคักออกมา “ใครกันนะช่างมีความคิดสร้างสรรค์ตั้งชื่อหมาดำว่าแบล็กกี้เนี่ย”“ช่างไม่มีความคิดสร้างสรรค์เอาเสียเลยจริง ๆด้วย” ฉู่ลี่เหยียนส่ายหน้าอย่างเห็นด้วย “คนแบบนี้จะต้องถูกกำจัดออกไปให้พ้นทาง เธอสิถึงจะเหมาะสมกับพี่เฮ่าชวนมากกว่าตั้งเยอะ”“พูดก็พูดเถอะนะ ฉันก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าพี่เฮ่าชวนเขาจะคิดแบบนั้นกับฉันจริง ๆ รึเปล่าน่ะสิ”“พี่เฮ่าชวนก็แค่ตาไม่ถึงเองต่างหากล่ะ” ฉู่ลี่เหยียนพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ ก่อนที่โทรศัพท์ในมือของเธอจะส่งเสียงเตือนขึ้นมา “อุ๊ย! พี่เฮ่าชวนนี่นา...เขาส่งข้อความมาบอกว่าอีกประมาณชั่วโมงหนึ่งเขาจะมาถึงที่นี่แล้วนะ”“หา! แล้วฉันจะรีบไปใส่อะไรดีล่ะทีนี้ แล้วพี่เฮ่าชวนเขารู้ไหมว่าฉันจะอยู่ที่นี่ด้วยน่ะ”“ก็รู้สิยะ! ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหนได้อีกล่ะ!”“
“โอ๊ยตายแล้ว! จื่อหาน!” ซ่งจื่อหานส่ายหน้าให้กับตัวเองเบา ๆ ที่เผลอหลุดปากเรื่องนั้นออกไป “เธอน่ะไม่ควรรู้เรื่องนั้นไม่ใช่เหรอ จำได้ไหม” เธอแกล้งทำเป็นยกมือขึ้นมาเล่นกับปอยผมของตัวเองเพื่อกลบเกลื่อนอยู่ครู่หนึ่! ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง “แล้ว...แล้วนายกู้หยุนเฟิงคิดจริง ๆ เหรอว่าพี่เฮ่าชวนชอบฉันน่ะ”ฉู่ลี่เหยียนส่งยิ้มกว้างออกมาในทันที “ใช่สิ ถึงแม้ว่าเขาจะคิดว่าพี่เฮ่าหรานกับกู้เทียนอี้ก็ดูเหมือนจะสนอกสนใจเธออยู่เหมือนกันก็เถอะนะ อ้อ แล้วก็ยังมีนายผู้ชายคนนั้นอีกคนหนึ่งไงล่ะ ที่ชื่ออะไรนะ...”“ใครคือที่ชื่ออะไรนะ”“ก็นายเจเจยังไงล่ะ ไอ้คนที่พยายามจะมาแจกขนมจีบเธอในสนามตลอดเวลานั่นแหละ”“อ๋อ...ไอ้คนที่ตัวสูง ๆ แล้วก็จมูกดูเบี้ยว ๆ หน่อยนั่นน่ะเหรอ” ซ่งจื่อหานทำหน้าแหย ๆ “ฉันสาบานได้เลยนะว่าไอ้หมอนั่นมันพยายามจะมาแต๊ะอั๋งฉันอย่างชัดเจนเลยล่ะ”ฉู่ลี่เหยียนหัวเราะลั่นออกมาอย่างขบขัน “ใช่ ๆ คนนั้นแหละ ไอ้หมอนั่นมันก็พยายามจะทำแบบนั้นกับฉันเหมือนกันนะ แล้วกู้หยุนเฟิงก็เลยแอบเอาข้อศอกไปกระแทกใส่เข้าให้ทีหนึ่งน่ะสิ”“โอ้โห! กู้หยุนเฟิงนี่มันสุดยอดไปเลย!” ซ่งจื่อหา
“โอ๊ย...ปวดกล้ามเนื้อไปหมดเลย โดยเฉพาะน่องเนี่ย ทำไมฉันถึงได้เดี้ยงขนาดนี้นะ ไม่ได้ฟิตเลยจริง ๆ” ซ่งจื่อหานครางเสียงโหยพลางใช้มือนวดเฟ้นกล้ามเนื้อที่ยังคงตึงเปรี๊ยะราวกับจะฉีกออกจากกัน“ฉันก็เหมือนกัน สงสัยเราคงต้องเริ่มเข้ายิมออกกำลังกายกันอย่างจริงจังแล้วละมั้ง” ฉู่ลี่เหยียนทำหน้าเบ้เหมือนเพิ่งกินยาขมเข้าไป“อี๋...แค่คิดก็เหนื่อยจะตายแล้ว” ซ่งจื่อหานยู่หน้าใส่เพื่อนรัก“เหอะน่า ก็แค่เข้าฟิตเนส วิ่งเหยาะ ๆ บนลู่สักหน่อย แล้วบางทีเราอาจจะไปหาที่ซ้อมตีแบดกัน ที่สวนสาธารณะก็น่าจะดีนะ” ฉู่ลี่เหยียนพูดอย่างมุ่งมั่น พลางพยักหน้ากับตัวเองอย่างเอาจริงเอาจัง“จะไปซ้อมทำไมกันยะ”“ก็จะได้ซ้อมให้มันเก่ง ๆ ไง ฉันอยากให้คราวหน้าพวกเราไปถึงสนามแล้วก็เล่นให้มันเทพไปเลย เราต้องทำให้พี่เฮ่าชวนกับกู้หยุนเฟิงเห็นว่าพวกเราไม่ใช่พวกไก่อ่อนหัดเล่นกีฬาไม่เป็น”“เออ...นั่นสิ” ซ่งจื่อหานพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเสียไม่ได้“ใช่แล้ว เราต้องแสดงให้พวกผู้ชายพวกนั้นได้เห็นไปเลยว่าผู้หญิงอย่างพวกเราก็เล่นกีฬาเก่งได้เหมือนกัน” ฉู่ลี่เหยียนพูดอย่างฮึกเหิมราวกับกำลังจะไปออกรบซ่งจื่อหานถอนหายใจออกมาเบา ๆ พลางเหยียดขาที่ยั
“ได้เลยสิครั! จื่อหานคุณสามารถมาที่ฟิตเนสของผมเมื่อไหร่ก็ได้เลยนะครับ ผมน่ะเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสามโลกเลยนะจะบอกให้” กู้เทียนอี้ส่งยิ้มกว้างมาให้เธออย่างเป็นมิตร“ขอบคุณมากเลยค่!” ซ่งจื่อหานมองเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย นี่มันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของแผนการเลยนะ! เธอเคยคิดว่ากู้เทียนอี้ก็แค่ทำดีกับเธอไปตามมารยาทเท่านั้น แต่ตอนนี้เธอไม่แน่ใจแล้ว หรือว่าเขากำลังจะจีบเธอจริง ๆ กันแน่นะ“ผมว่ามันคงจะสนุกมากแน่ ๆเลยนะครับ แล้วพวกเราก็จะได้มีโอกาสมาคุยเรื่องนี้กันต่อ โดยที่ไม่มีเสียงนกหวีดน่ารำคาญมาเป่าไล่ใส่พวกเราด้วยยังไงล่ะครับ” เขาขยิบตาให้เธออย่างมีเลศนัย“คุยเรื่องอะไรกันต่ออย่างนั้นเหรอ” ดวงตาคมกริบของฉู่เฮ่าชวนหรี่ลง แล้วก็ก้าวเข้ามาหาพวกเธออย่างรวดเร็ว“ก็จื่อหานเธอกำลังจะบอกผมถึงสิ่งที่เธออยากจะทำจริง ๆ ยังไงล่ะครับ” กู้เทียนอี้ยิ้มกว้าง ดูเหมือนจะไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าฉู่เฮ่าชวนกำลังดูไม่ค่อยจะสบอารมณ์มากนัก“เธออยากจะเป็นแคสติ้งเอเจนต์ให้กับพวกนักแสดงในรายการเรียลลิตี้โชว์ยังไงล่ะ” ฉู่เฮ่าชวนเหลือบมองมาที่ซ่งจื่อหานขณะที่พูด“แล้ว...แล้วพี่เฮ่าชวนรู้ได้ยังไง
“ผมดีใจมากเลยนะครับที่คุณได้มาอยู่ทีมเดียวกับผม” กู้เทียนอี้ยิ้มกว้างให้เธอขณะที่ยืนอยู่ที่สุดปลายคอร์ต หอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน“ฉันก็รเหมือนกันค่ะ” ซ่งจื่อหานส่งยิ้มตอบกลับไปแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ หัวใจของเธอเต้นระรัวไม่เป็นส่ำจากการวิ่งทั้งหมด และเธอก็แค่อยากจะทรุดตัวลงนั่งแผ่หลาอยู่บนพื้นเสียเดี๋ยวนี้เลย“ทีมฝั่งโน้นเขาดูจะจริงจังกับเกมเกินไปหน่อยนะว่าไหมครับ” เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ และก็มองดูฉู่เฮ่าชวนกับกู้หยุนเฟิงกำลังตีลูกโต้กันไปมาอย่างไม่หยุดหย่อน“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าพี่เฮ่าชวนกับกู้หยุนเฟิงไปอยู่ทีมเดียวกันได้ยังไงกันน่ะ” เธอหัวเราะออกมาอย่างอ่อนแรง “มันดูไม่ค่อยจะยุติธรรมเลยนะว่าไหมคะ ถึงแม้ว่าฉันจะดีใจมากที่ไม่ได้ไปอยู่ทีมเดียวกับใครคนใดคนหนึ่งในสองคนนั้นก็ตามที”“น่าสงสารลี่เหยียนนะครับเนี่ย” กู้เทียนอี้ส่งยิ้มกริ่มมาให พวกเขาสองคนมองดูขณะที่ฉู่ลี่เหยียนกำลังตะโกนใส่ชายหนุ่มทั้งสองคนให้ช่วยส่งลูกมาให้เธอบ้างเธอหัวเราะออกมาเบาๆ “นั่นสิคะ คุณว่าพวกเราควรจะรีบวิ่งเข้าไปช่วยเธอรับลูกบ้างไหมคะ”เขาส่ายหน้าไปมาช้า ๆ “อืม...ผมว่ายังก่อนจะดีกว่านะครับ ดูเหมือนว่าคุณยังจะต้อ
บางครั้ง...คนเราก็รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้และหัวเราะออกมาพร้อม ๆ กัน สับสนงุนงงจนสมองไม่อาจจะประมวลผลได้ว่าควรจะให้ร่างกายแสดงความรู้สึกใดออกมากันแน่การได้เห็นฉู่เฮ่าชวนในชุดกางเกงขาสั้นสีดำสนิทและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปที่ขับเน้นมัดกล้ามเป็นลอนสวย กำลังยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ในคอร์ตแบดมินตันในบ่ายวันนั้น ก็เป็นหนึ่งในช่วงเวลาเหล่านั้นสำหรับซ่งจื่อหาน หัวใจของเธอราวกับถูกกระแทกอย่างจังจนจุก อารมณ์มากมายหลากหลายประดังประเดเข้ามาจนหญิงสาวแทบจะตั้งรับไม่ทันโอ๊ย...หล่อ...หล่ออะไรเบอร์นี้! อยากจะร้องไห้เพราะความหล่อของเขา หรือจะหัวเราะให้กับความบ้าผู้ชายของตัวเองดีนะ!“จื่อหาน! ยืนบื้อทำอะไรอยู่ยะ!” ฉู่ลี่เหยียนผลักหลังเพื่อนรักเบา ๆ ขณะที่เธอหยุดนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งอยู่กลางคอร์ต“พี่เฮ่าชวน...” ซ่งจื่อหานพึมพำเสียงอ่อนขณะที่เข่าเริ่มจะอ่อนแรงลงอย่างไม่มีสาเหตุ หัวใจเธอเต้นรัวเป็นจังหวะสามช่า และใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อ ๆ“เธอกำลัง ‘ทำ’ พี่เฮ่าชวนอยู่หรือไง ฮ่า ๆ นี่เธอโอเคดีอยู่ไหมเนี่ยจื่อหาน” ฉู่ลี่เหยียนเอ่ยล้อเลียนเพื่อนรักแล้วก็หัวเราะคิกคักออกมา ทั้งขำทั้งเป็นห่วงในอาการของเพื่อน“ฉัน.
Comments