นิยายชุดนี้มี 1.นาสูร(อีบุ๊กพร้อมโหลดแล้วค่ะ) นาสูร vs พุดซ้อน 2.มังกรกัณฐ์(อีบุ๊กพร้อมโหลดแล้วค่ะ) มังกรกัณฐ์ vs เจณิสา 3.กลืนกิน(อีบุ๊กพร้อมโหลดแล้วค่ะ) พาที vs เดหลี คิดหื่นเชิญเสพ ยักษ์(ณิการ์) "นาสูร" ชื่อเหมือนยักษ์ในละครพื้นบ้าน แน่นอน ชื่อเหมือนแต่เขาต่างจากยักษ์พวกนั้นเยอะ เพราะเขามีตัวตนที่สัมผัสได้และ "กินดุ" ดุในที่นี้คือดุอะไรมาลุ้นไปด้วยกันค่ะ ส่วนผู้ที่ต้องตาของเขาก็คือ "พุดซ้อน" สัตวแพทย์สาวผู้ไร้เดียงสา แล้วจะเป็นยังไงเมื่อความรักมันเกิดขึ้นระหว่างยักษ์กับมนุษย์.... ริ้วรอยความโกรธปรากฏเด่นชัดบนใบหน้าหล่อของชายหนุ่มลูกครึ่งมนุษย์และยักษ์ปูดโปนขึ้น ดวงตาเป็นประกายเพลิงสีแดงและอีกข้างประกายเขียวมรกตเมื่อเห็นผู้หญิงของตนยืนยิ้มหัวเราะต่อกระซิกกับชายอื่นในภาพที่ฉายบนผนังห้องนอน กรอด! “กล้าขัดคำสั่งฉันงั้นเหรอเจณิสา” เขาพึมพำเสียงแข็งกับตัวเองพร้อมกับสองมือใหญ่กำแน่นเข้าหากันแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับภาพที่ฉายบนผนังหายวับไปเหมือนว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้มีการฉายภาพบนผนังนั้น
View Moreวิ้วๆๆ
เสียงลมพัดแรงกระทบผิวกายกำยำของชายที่ใส่เพียงกางเกงสแล็คตัวเดียวติดตัว ท่อนบนเปลือยเปล่า นี่ก็หนึ่งพันสามร้อยปีแล้ว ที่เขาอยู่บนโลกใบนี้ เขาเป็นยักษ์ที่จำแลงกายเป็นมนุษย์ ทำตัวกลมกลืนกับมนุษย์ จนเวลาผ่านมานานหนึ่งพันสามร้อยปี เขาก็ยังโดดเดี่ยว ดวงตาสีแดงเพลิงจ้องมองไปในความมืด ตอนนี้เขาอยู่บนยอดเขาในป่าลึกทางเหนือของประเทศไทย นามของเขาคือ “นาสูร” มนุษย์อ่อนแอมักขำชื่อเขา บอกว่าชื่อเหมือนยักษ์ในละครพื้นบ้าน เขาได้แต่ขำในลำคอ ก็เขาคือยักษ์จริงๆ แต่ไม่ใช่ยักษ์ไร้สกุลแบบในละครพื้นบ้านของไทย
วิ้วๆๆ
เสียงลมยังคงปะทะผิวอกและหน้าหล่อของเขาเรื่อยๆ ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่า ตลอดเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่เขาอดข้าวอดน้ำ และตอนนี้เขาออกจากการบำเพ็ญเพียรแล้ว และพร้อมจะกลับไปใช้ชีวิตปกติกับมนุษย์อ่อนแอแล้ว เขามองไปยังความมืดมิดเบื้องหน้าที่ตอนนี้เขายืนอยู่บนยอดเขาแล้วก็ได้ยินเสียงย่ำเท้าของคนสนิทตัวเองเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จากด้านหลังเลยเอี้ยวหน้าหันไปดูและถาม
“มาแล้วเหรอพาที”
“ครับท่าน”
“ได้อะไรมากิน ตอนนี้ข้าหิวมาก” คนที่อดมาตลอดหนึ่งอาทิตย์เอ่ยถามด้วยความหิวโหย
“ได้กวางป่ามาหนึ่งตัวครับ”
พาทีที่ออกไปหาอาหารมาให้นายที่จะออกจากการบำเพ็ญเพียรก็อุ้มกวางป่าตัวหนึ่งพาดไหล่มาหานายพร้อมกับโยนกวางที่ยกอุ้มมาไปกับพื้นตรงหน้าทันที
“อือ...นายกินรึยัง”
“กินกวางไปแล้วหนึ่งตัวครับ”
“อืม...นายกลับไปเตรียมทุกอย่างที่บ้านรอฉันเถอะ ฉันกินอิ่มก็จะกลับเหมือนกัน”
ด้วยความที่ยุคสมัยเปลี่ยนไป เขาต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย และตอนนี้เขาเป็นคนยุค ไม่สิ ยักษ์ยุคสองพันยี่สิบแล้ว และเขาอยู่มาได้ยังไงตั้งพันสามร้อยปี เขาเป็นอมตะและอยู่กับมนุษย์ใจทรามได้ยังไง เขาก็จำแลงแปลงกายเป็นมนุษย์เก็บเขี้ยวยักษ์ คิ้วของเขา และทุกคนจะรู้จักเขาในนามเจ้าของฟาร์ม และมีโรงฆ่าสัตว์แปรรูปขายส่งไปยังห้างสรรพสินค้า ในฟาร์มของนาสูรมีพื้นที่พันสามร้อยไร่เท่าอายุของเขา และมีเลี้ยงหมู ไก่ วัว ควาย ม้า เป็ด แกะ และแพะ
“ครับท่าน” พาทีเอ่ยรับคำแล้วก็เดินจากไป
นาสูรมองเจ้ากวางป่าที่โชคร้ายในวันนี้แล้วเม้มปากแน่น เขาไม่ได้ชอบกินเนื้อ แต่ก็ต้องกินพวกมันเพื่อความอยู่รอด ถึงแม้จะเป็นยักษ์ แต่เขาก็ไม่เคยกินมนุษย์เลยสักครั้ง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้ลิ้มลองเนื้อมนุษย์ บรรพบุรุษของเขาได้บอกไว้ว่าหากได้ลิ้มลองเนื้อมนุษย์ครั้งหนึ่งก็จะโหยหาตลอด และจะเป็นยักษ์ที่โหดร้าย ถึงแม้ว่าลึกๆ แล้วอยากจะลิ้มรสเนื้อมนุษย์ดูสักครั้ง เพราะกลิ่นตัวของพวกมนุษย์อ่อนแอนั้นหอมน่ากินเหลือเกิน
มือใหญ่คว้าหยิบกวางป่าที่น่าสงสารขึ้นมากัดกินเหมือนกับว่ามันเป็นอาหารเลิศรสก็มิปาน เพียงเวลาไม่นานเจ้ากวางตัวน้อยก็เหลือแต่ซากกระดูก
เออ!
เมื่อท้องอิ่มก็เรอออกมาพร้อมเช็ดคราบเลือดตามมุมปากของตัวเองแล้วก็เปลี่ยนแปลงร่างให้กลับไปเป็นมนุษย์เพื่อจะกลับไปอยู่กับความเป็นจริงว่าตอนนี้ตัวเองคือใคร ตัวเองคือเจ้าของฟาร์มที่ใหญ่ที่สุดของภาค
ร่างเล็กเดินผ่านมาทางบ้านพักของเจ้าของฟาร์ม ที่แม้แต่ใครก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้ แปลกและสงสัยตลอดระยะเวลาสามเดือนที่มาทำงานที่ฟาร์มนาสูรแห่งนี้ยังไม่เคยเจอเจ้าของฟาร์ม เจอแต่พาทีคนสนิทของเขา แต่หลายๆ เสียงที่เคยเจอก็บอกว่าท่านหล่อราวเทพบุตรลงมาจุติ เธอก็อยากเห็นเหมือนกันว่าจะจริงอย่างที่ทุกคนเล่าลือกันไหม แต่แปลกที่ทำไมทุกคนเรียกว่า ‘ท่าน’ หรือว่าจะอายุมากแล้ว
“ทำไมดูน่ากลัวจัง” หล่อนพึมพำกับตัวเองเมื่อมองไปในบ้านหลังใหญ่แต่ดูวังเวงพิกล ก็แม้แต่ไฟก็ยังดูสลัวไม่สว่าง และที่รู้มาอีกคือในบ้านไม่มีเด็กรับใช้ ไม่มีแม่บ้านคอยดูแล ในบ้านหลังใหญ่ตรงหน้าที่เธอยืนมองมีเพียงเจ้าของบ้านและคนสนิทเท่านั้นที่อาศัยอยู่
พุดซ้อน กิ่งกาญจน์ หรือน้อง สัตวแพทย์สาววัย 24 ปี ที่เพิ่งมาเป็นสัตวแพทย์ประจำฟาร์มนาสูร ตอนที่สมัครงานมาทางอีเมลก็แปลกใจกับชื่อฟาร์ม เพราะชื่อฟาร์มแปลก แต่ก็เป็นฟาร์มที่ใหญ่โตและมีชื่อเสียง ที่สำคัญคือเงินเดือนค่าตอบแทนสูงมาก และทำไมจะต้องคิดอีกเมื่อทางฟาร์มเรียกตัวมาสัมภาษณ์ พอผ่านก็ตอบตกลงเซ็นสัญญาทันที ก็เงินเดือนสูงใครจะไม่อยากได้ ยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ ที่ไหนจะให้เงินเดือนเดือนละสามหมื่นห้าไม่รวมโอที และที่พักก็ฟรี แถมมีข้าวกินสามมื้อด้วย ทำงานหกวันหยุดหนึ่งวันคือวันอาทิตย์ให้พักผ่อน ก็ถือว่าดีมากทีเดียวสำหรับพุดซ้อน
ด้านเจ้าของบ้านหลังใหญ่ได้ยินเสียงพึมพำดังมาจากด้านนอก แม้จะเป็นเพียงเสียงพึมพำเบาๆ แต่คนไม่ธรรมดาอย่างเขาได้ยินชัดเจน นาสูรปิดหนังสือปรัชญาที่อ่านเป็นประจำทันทีพร้อมกับเคลื่อนตัวรวดเร็วมาโผล่ที่ด้านหลังของหญิงสาวร่างเล็ก
เสียงลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดต้นคอทำให้พุดซ้อนรู้สึกขนลุกขนพองยกแขนเรียวเล็กโอบกอดตัวเองแล้วก้าวถอยหลัง แล้วก็ต้องหยุดนิ่งเมื่อรู้สึกว่าชนกับอะไรสักอย่างทั้งๆ ที่ข้างหลังเธอเป็นพื้นที่โล่งไม่มีต้นไม้และกำแพง ร่างน้อยหดตัวยืนนิ่งเกร็งไม่กล้าขยับ
“กลัวเหรอ?” น้ำเสียงทุ้มห้าวดังขึ้นข้างแก้มยิ่งทำให้พุดซ้อนหวาดกลัวกับน้ำเสียงเย็นเยือกของคนที่ยืนอยู่ด้านหลังตัวเอง
“ไม่ต้องกลัวฉัน เธอมาทางไหนก็กลับไปทางนั้น” เขาขยับตัวถอยห่างจากร่างเล็กที่สูงเพียงระดับอกตัวเองเล็กน้อยเพื่อให้หล่อนคลายความหวาดกลัว
“คะ...ค่ะ” แล้วพุดซ้อนก็รีบใส่เกียร์วิ่งซอยเท้าหนีจากตรงนี้ไปอย่างรวดเร็วทันที โดยไม่คิดจะหันมามองเจ้าของเสียงเย็นเยือก
หึหึ
นาสูรขำในลำคอพร้อมยกมือขึ้นลูบคลึงสันกรามตัวเองไปมา แล้วดวงตาสีดำสนิทก็แปรเปลี่ยนเป็นสีไฟลุกทันที
“เด็กสอดรู้สอดเห็น” แล้วเขาก็หลับตาเคลิ้มซึมซับกลิ่นกายหอมๆ ของคนที่เพิ่งวิ่งจากไป เมื่อกลิ่นหอมของหล่อนทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายแปลกๆ แถมไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อนด้วย มันหอมแบบไม่ปรุงแต่งเหมือนผู้หญิงหลายคนที่พยายามยัดเยียดตัวเองให้เขา
บ้านต้องห้ามจริงๆ กลางวันว่าน่ากลัวแล้ว กลางคืนยิ่งแล้วใหญ่ เป็นไปได้จะไม่เฉียดตัวไปใกล้อีกแล้ว จะไม่ไปแล้ว ไม่อยากรู้อยากเห็น ไม่อยากเจอเจ้าของฟาร์มแล้ว แต่ก็นั่นแหละ มันแปลกทำไมเธอจะอยากเจอเจ้าของฟาร์มเจ้านายโดยตรงไม่ได้ล่ะ
เฮ้อ!
พุดซ้อนถอนหายใจออกมาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าของเสียงทุ้มต่ำน่ากลัวนั้นคือใคร เพราะไม่กล้าจะหันไปมอง พอมาตอนนี้ก็อยากเห็นเจ้าของน้ำเสียงที่ดังขึ้นข้างแก้มเมื่อคืน ไม่น่าเลย ไม่น่ากลัวจนไม่สนใจอะไร ไม่น่ากลัวจนต้องรีบวิ่งหนีกลับที่พักเลย
“หมอน้องถอนหายใจมีอะไรรึเปล่าครับ” น้ำเสียงทุ้มสุภาพเอ่ยถามขึ้นจากด้านหลัง พลช สัตวแพทย์หนุ่มวัย 30 ปี รุ่นพี่ที่ทำงานที่ฟาร์มแห่งนี้มาแล้วสี่ปี
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่หมอไม้”
“วันนี้พี่จะเข้าไปในเมืองนะ หมอน้องอยากได้อะไรไหม หรือจะไปด้วยกัน” รุ่นพี่เอ่ยถาม
“น้องไปด้วยดีกว่าค่ะ พอดีของที่จะฝากพี่หมอไม้ซื้อให้ไม่ได้” เธอบอกเขายิ้มๆ แล้วสลัดเรื่องที่รบกวนในหัวออกแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงร้อยห้าสิบสามเซนติเมตรของตัวเอง พอยืนขึ้นเทียบกับพลชแล้วก็ต่างกันเหลือเกิน เธอดูแล้วรุ่นพี่น่าจะสูงประมาณร้อยแปดสิบเซนติเมตร
“งั้นพี่เอาของไปเก็บในห้องก่อนนะ และจะเปลี่ยนเสื้อด้วย” พลชเอ่ยบอกรุ่นน้องสาว ในฟาร์มหนึ่งพันสามร้อยไร่แห่งนี้มีแพทย์ประจำฟาร์มทั้งหมด 25 คน แต่ละคนทำงานแยกกันไปอยู่ประจำจุด และเขากับพุดซ้อนนั้นทำงานด้วยกันจึงสนิทกันเป็นพิเศษ
“น้องก็จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนกันค่ะพี่หมอไม้ เพราะชุดนี้เปื้อนขี้หมูตอนไปฉีดยาให้พวกน้องๆ โดนดีดสะบัดขี้ใส่ เหม็นมาก” พูดแล้วก็ก้มลงมองเสื้อตัวเองที่เปื้อน
“อือ...งั้นเจอกันที่รถพี่นะครับ”
“ค่ะพี่” แล้วทั้งสองก็แยกจากกันไปคนละทาง
มุมปากหนาของคนที่อายุพันสามร้อยปียกยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินบทสนทนาของสัตวแพทย์ของตนเอง ก่อนจะหันมาสั่งงานพาทีคนสนิทที่ยืนอยู่ด้านหลังตัวเอง
“คืนนี้เธอต้องอยู่บนเตียงของฉัน” น้ำเสียงเรียบตึงเอ่ยสั่งงานคนสนิท
“ครับท่าน” พาทีรับคำยิ้มกริ่ม เพราะนานแล้วที่เจ้านายไม่สนใจในสตรีคนไหน แต่กับสัตวแพทย์สาวคนนี้ทำไมถึงต้องการ ถึงอยากรู้เหตุผล แต่ก็ไม่กล้าซักถามผู้เป็นนาย
นาสูรยกยิ้มยกมือขึ้นคลึงกลีบปากตัวเองไปมาเมื่อนึกถึงกลิ่นกายหอมๆ ที่สูดดมเมื่อคืนแล้วก็หลับตาเคลิ้บถึงยามที่เจ้าหล่อนบิดกายดิ้นเร่าอยู่ใต้ร่างยามเขาสอดใส่กระแทกกายเนื้อหนักหน่วงเข้าออกเป็นจังหวะ แค่เพียงคิดถึงเขาก็ร้อนรุ่มขึ้นมาแล้ว และมันก็ทำให้นาสูรอดสงสัยความต้องการตัวเองเหมือนกัน ทำไมถึงได้รู้สึกอยากแนบกายสัมผัสสัตวแพทย์สาว ทั้งๆ ที่ปกติแล้วเขาไม่เคยสนใจพนักงานของตัวเองเลย ยามกระหายกามเขามักจะให้พาทีไปจัดเตรียมสาวๆ จากในเมืองมาให้ตลอด แต่ครั้งนี้เพียงได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของหล่อน เขาก็อยากแนบอิงชิดใกล้มากกว่าที่ได้สัมผัสมาเมื่อคืน
หึหึ
พาทีเหลือบตามองเจ้านายที่อยู่ๆ ก็ขำออกมา เขารู้สึกขนลุกหวาดกลัวแทนผู้หญิงคนเมื่อกี้ขึ้นมาทันที ด้วยรู้จักเจ้านายดี ภายใต้ใบหน้าแสนจะเย็นชานั้นมันซุกซ่อนเทพแห่งกามไว้ หากผู้หญิงคนไหนถูกหมายมาดไว้แล้วไม่มีทางจะรอด และถึงขั้นหมดแรงคลานลงจากเตียงเลยทีเดียว
คนที่ไม่รู้อนาคตกำลังหัวเราะคิกคักกับรุ่นพี่ที่แสนจะอบอุ่น บอกได้เลยว่าตลอดระยะเวลาสามเดือนที่ได้ร่วมงานกัน ทำงานด้วยกัน เธอรู้สึกดีมาก แต่บอกไม่ได้ว่ามากกว่ารุ่นพี่รุ่นน้องไหม พุดซ้อนแยกตัวออกไปรับโทรศัพท์เมื่อเพื่อนรักโทรมาหา ส่วนพลชก็เดินเลือกซื้อของรอหญิงสาวที่มาด้วย
“ไงแก” ทันทีที่กดรับสายก็ทักปลายสายทันที
“หายเงียบไปเลยนะแก เนี่ยทำงานหรือจีบรุ่นพี่ฮึ” ฟ้าใสเอ่ยแซวมาใส่สาย เพราะเพื่อนรักชอบเล่าเรื่องสัตวแพทย์รุ่นพี่ที่ทำงานคู่กันให้ฟังเป็นปะจำ
“บ้าแก ใครจะจีบ เราแค่พี่น้องกัน ว่าแต่แกเถอะ ที่ฟาร์มแกไม่ยุ่งเหรอถึงโทรมาหาได้วันนี้”
“ไม่อ่ะ ว่างทั้งวัน แล้วแกเถอะ ว่างคุยไหมหรือยุ่งกับวัว ควาย หมู หมา กา ไก่ อยู่”
“ว่าง ออกมาซื้อของกับพี่หมอไม้”
“แหม! ละบอกไม่จีบ แต่มาซื้อของด้วยกันเนี่ยนะ ฉันว่าพี่หมอไม้หน้าตาดีเลยนะ หล่อชะลูดก้นปอดเลยแก” ก็เพื่อนชอบแอบถ่ายรูปส่งมาให้ดูและเธอก็กรี๊ดทุกครั้งที่เห็นรูปที่เพื่อนแอบถ่ายชายหนุ่มส่งมาให้
“ก็ไม่ได้จีบ แค่มาซื้อของ แค่นี้ก่อนนะแก ค่อยคุยกันใหม่ ฉันเกรงใจพี่หมอไม้น่ะ ติดรถพี่เขามา”
“อือ...แล้วค่อยคุยกัน ว่าแต่ไม่จีบแน่นะ ถ้าไม่...ฉันขอนะแก”
“อือ...ไม่จีบ” เธอยืนยันไม่เต็มเสียงพร้อมกดวางสายจากเพื่อนแล้วเดินกลับไปหาคนที่เดินเลือกซื้อของในร้านรอท่าตัวเองอยู่
“อือ...อ่า” เจณิสาหลับตาครางในความมืดพร้อมดิ้นถอยหนีหาทางเอาตัวรอดจากห้วงสวาทของตนเอง แต่ก็ถูกท่อนแขนแข็งแรงของบุรุษแปลกหน้าเหนือร่างกอดรัดแน่นรั้งไว้หึหึเสียงขำแห้งดังลอดออกมาจากริมฝีปากหนาของมังกรกัณฐ์เมื่อเขาผละเปลี่ยนมาคร่อมทับเจ้าหล่อน และกางเกงของเขาก็ถูกถอดทิ้งไปกองกับพื้นห้องของเธอเรียบร้อย ตอนนี้เจณิสาพร้อมแล้วและเขาเองก็พร้อมมาก พร้อมตั้งแต่นั่งดูหล่อนที่ห้องแล้วเอวสอบบดเบียดเสียดสีท่อนเนื้อที่แข็งของตัวเองกับหน้าท้องแบนราบเคลื่อนไหวไปมาแล้วถูไถไปยังเนินสวาทอวบอูมพร้อมฟังเสียงครางกระเส่าของสาวเจ้าใต้ร่างไปด้วย สองมือน้อยของเจณิสาที่กำเกร็งตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นจับรั้งหัวไหล่ของเขาไว้แน่นขนาดความเป็นบุรุษกับความเป็นสาวที่อาบฉ่ำร่องสวาทของคนตัวเล็กที่แสนจะเล็กนั้นทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นและเสียวคลั่งทั้งๆ ที่ยังไม่ได้สอดใส่ฝากฝังตัวเองในกายหญิงสาว แต่มังกรกัณฐ์ก็อดใจเต้นแรงไปกับสิ่งตรงหน้าไม่ได้ เขาเหมือนโจรที่กำลังลักหลับ ใช่...เขาลักหลับ แต่เขาไม่ใช่โจร เพราะเขาคือมังกรกัณฐ์“อะ...อื้อ” เจณิสาร้องครางกระเส่าบิดกายอ่อนระทวยเสียวซ่านเมื่ออยู่ใต้ร่างใหญ่ของชายแปลกหน้าที่กำลังกดค
นานมาแล้วมีนิทานพื้นบ้านเล่าขานกันมา และตัวร้ายในนิทานพื้นบ้านส่วนใหญ่มักเป็น ‘ยักษ์’ ที่ฆ่าคนฆ่าสัตว์กินเป็นอาหาร แต่หารู้ไม่ว่าในปัจจุบันจะมียักษ์ที่เป็นตัวร้ายในนิทานพื้นบ้านแอบแฝงอยู่กับมนุษย์ คุณไม่อาจรู้ได้เลยว่าคนที่คุณคุยด้วยและเดินสวนจะเป็นมนุษย์หรือยักษ์ หรืออาจเป็นเผ่าพันธุ์อื่นที่จำแลงแปลงกายมาใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ ‘มังกรกัณฐ์’ คือชื่อของเขา ปีนี้ชายหนุ่มอายุได้ 108 ปี และไม่ใช่ยักษ์เต็มสายเลือด ในร่างกายของเขามีเลือดของมนุษย์ไหลเวียนอยู่ครึ่งหนึ่ง แม่ที่รักที่ให้กำเนิดเป็นมนุษย์ ถึงแม้แม่ของเขาจะเป็นมนุษย์ แต่ก็มีชีวิตที่เป็นอมตะ ไม่เจ็บ ไม่ป่วย หลังจากที่ท่านฟื้นจากอุบัติเหตุตอนที่ตั้งครรภ์เขา ตอนนี้พ่อและแม่ได้ย้ายไปอยู่กลางภูเขา ไปใช้ชีวิตส่วนตัวแยกตัวออกจากคนหมู่มากและทิ้งทุกอย่างไว้ให้เขาดูแลบริหารฟาร์มและโรงงานผลิตแปรรูปสัตว์ในฟาร์ม “คุณมังกรกัณฐ์ นี่คือเอกสารข้อมูลส่วนตัวของเจ้าหน้าที่กรมที่ดินที่จะเข้ามาตรวจดูที่ดินของเราครับ”พาทีส่งยื่นแฟ้มเอกสารให้นายน้อยตัวเอง เมื่อก่อนพาทีรับหน้าที่ดูแลและติดตามนาสูร พ่อของมังกรกัณฐ์ แต่ตอนนี้เขาถูกถ่ายโอ
หกปีที่รอไม่ได้เสียเปล่าเลยสักนิดสำหรับพุดซ้อน ตอนนี้นาสูรชดเชยทุกอย่างให้เธอและลูกน้องทุกอย่าง เขาทำเหมือนกับพ่อทั่วไป ตอนนี้เธอเป็นที่น่าอิจฉาของทุกคนก็ว่าได้ เมื่อความรักผลิบาน ดอกรักบานในใจ ความสุขจึงบังเกิดขึ้น ไม่ว่าจะก้าวเดินไปที่ไหน นาสูรก็แนะนำเธอกับคนงานในฟาร์มให้รู้จักในตำแหน่งนายหญิง แนะนำอย่างเป็นทางการพร้อมกับนายน้อยอย่างมังกรกัณฐ์ “ขอบคุณนะคะที่รักน้องกับลูก” “ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณเธอกับลูกที่อยู่รอฉัน ขอโทษที่ไม่ได้ดูแล ฉันจะชดเชยทุกอย่างให้เธอเองทูนหัว” เขาหันมาเอ่ยกับภรรยาคนสวยของตัวเองพร้อมกับตวัดแขนที่ว่างจากอุ้มลูกโอบไหล่เล็กหลวมๆ ไว้พร้อมเดินชมฟาร์มม้าและทักทายคนงานไปด้วย “พ่อก๊าบ...ผมก็รักพ่อนะก๊าบและรักแม่ด้วยนะก๊าบ” หนูน้อยอยากมีส่วนร่วมด้วยจึงเอ่ยขึ้นพร้อมหยิกแก้มสากของพ่อยืนยันคำรักของตน “อือ...พ่อรู้ครับ และพ่อก็รักคุณมังกรกัณฐ์กับแม่น้องมากนะครับ อือ...ชื่นใจ” แล้วเขาก็ยื่นจมูกไปบดเบียดแก้มนุ่มนิ่มแรงๆ ของลูกน้อย คิกๆ หนูน้อยร้องขำหลบหน้าหนีปลายจมูกโด่งของพ่อด้วยความจั๊กจี้ “น้องก็รั
พุดซ้อนโอบกอดลำคอหนาของเขาพร้อมแอ่นเด้งสองเต้าขึ้นเสียดสีหน้าอกแข็งแรงของบุรุษและเอวเล็กก็บิดเร่าทรมานเขาไปด้วยยามเขาเคลื่อนไหวโยกกระแทกตัวเข้าออกในกายตนเอง“อ่า...อืม แน่น อ่า...ซี้ด น้อง อืม...”นาสูรเผลอครางเรียกชื่อของหล่อนออกมาจากจิตใต้สำนึก เขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองหลุดปากอะไรออกมา แต่มันชัดเจนเหลือเกินสำหรับพุดซ้อน หัวใจสาวเต้นแรงเมื่อได้ยินเขาเรียกชื่อตัวเองออกมา หล่อนแอ่นเด้งไหวตอบสนองไม่อิดออดแม้แต่น้อย“อ่า...คุณเริ่มจำฉันได้แล้วคุณนาสูร อ่ะ...อื้อ แรงอีกค่ะ ลึกเหลือเกิน อ่า...เสียว”หล่อนยิ้มตลอดที่เขาขยับโยกเข้ากระแทกสอดกายจ้วงลึกอัดลิ้นปี่ตัวเอง“อ่า...ตอนนี้ไม่รู้ รู้แต่ว่าอยากได้ หิวกาม อ่า...เธอสวยทั้งตัวเลยน้อง อ่า...ไม่ไหวแล้ว อ่า...แน่นดีเป็นบ้า อ่า...”พั่บ! พั่บ! พั่บ!จังหวะกระแทกเนื้อหนักหน่วงพร้อมกับปากหนาดูดเร่าคลอเคลียซอกคอระหงเคลื่อนไล้มายังสองเต้าอวบอูม ตวัดปลายลิ้นลากถูไถไปมากับยอดอกสีระเรื่อพร้อมขบเม้มดูดเม้ม เอวสอบก็สาวรัวถี่หนักหน่วงไปด้วยเช่นกันในตอนนี้“อ่ะ...อื้อ ไม่ไหวแล้ว น้อง...อ่า...น้องไม่ไหวแล้วคุณนาสูร อ่า...น้องร้อนเหลือเกินค่า...”หล่อนร้อ
สุดท้ายก็ได้กลับมาอยู่ห้องพักห้องน้อยเหมือนเดิม เธอยอมรับว่าเสียใจ เจ็บปวด แต่ความจริงที่รับรู้จากพาทีเจ็บปวดยิ่งกว่า หกปีที่เขาหายไปเพราะเธอและลูก มันคงทรมานมาก โชคดีที่ฟ้าเบื้องบนยังเห็นใจและเมตตาเขาและเธอกับลูก เขาถึงได้ตื่นฟื้นคืนกลับมาหาเธอในวันนี้ “แม่ก๊าบ...” หนูน้อยที่เคยอยู่คฤหาสน์ร้องเรียกแม่เมื่อเดินดูห้องแคบๆ จนทั่วแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ “ว่าไงครับมังกรกัณฐ์ที่รักของแม่”พุดซ้อนอ้าแขนให้ลูกเดินมาสวมกอด และหนูน้อยก็สวมกอดซุกหน้ากับอกแม่ที่นั่งกับพื้นห้องพับเสื้อผ้าอยู่ “ห้องเล็กจังก๊าบ...” “อดทนหน่อยนะลูก เดี๋ยวเราก็ได้กลับไปอยู่ห้องเดิมแล้ว” เธอลูบแผ่นหลังเล็กของลูกพร้อมกับบอกอย่างมีความ หวังว่าในเร็วๆ นี้เธอและลูกจะได้ย้ายกลับไปอยู่ที่เดิมและลูกจะได้รับความอบอุ่นและอ้อมกอดแข็งแรงของเขาปลอบโยนยามร้องไห้เสียใจ และเธอก็อยากให้เขาปลอบเหมือนกัน “ก๊าบ...แม่ไม่เสียใจนะก๊าบที่ถูกคุณลุงหน้าเข้มไล่ออกมา” หนูน้อยยังไม่รู้ว่าคนหน้าเข้มเหี้ยมโหดดุดันนั้นคือพ่อของตัวเอง เพราะแม่ยังไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับพ่อ “ไม่เสียใจก๊าบ มังกร
“คุณนาสูร!” เธอเรียกชื่อเขาพร้อมวิ่งโผเข้าสวมกอดร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่กลางบ้าน เธอกลับมาแวะดูลูกน้อยนอนกลางวัน และมาเจอเขาเข้าพอดีก็ดีใจจนบอกไม่ถูกและสิ่งที่ทำได้คือพาสองขาก้าววิ่งเร็วๆ ไปกอดเขา ส่วนนาสูรที่หมุนตัวหันมามองทางต้นเสียงก็ได้แต่ทอดสายตามองคนที่วิ่งมาสวมกอดตัวเองด้วยสายตาเรียบตึง “เธอเป็นใคร?” นั่นคือคำถามที่เขาถามคนที่วิ่งมาสวมกอดตัวเองพร้อมดันหล่อนออกห่าง ทั้งๆ ที่รู้มาก่อนแล้วว่าหญิงสาวหน้าตาสวยหวานคือใคร แม้พาทีจะเล่าให้ฟังมาคร่าวๆ แล้ว แต่เขาก็ยังไม่เชื่ออยู่ดีว่าเขาจะมีคนรัก? “นายหญิงครับ ตอนนี้อย่าเพิ่งซักไซ้หรือโกรธนายท่านเลยนะครับ”พาทีเอ่ยแทรกขึ้นพร้อมเดินมายืนตรงกลางระหว่างสองคน พาทีสงสารพุดซ้อนที่มาเจอคำถามจากชายที่รักแบบนี้ และยิ่งตอนนี้หญิงสาวปล่อยเสียงสะอื้นไห้ดังออกมาปานใจจะขาด อึก! ฮือๆๆ “น่ารำคาญ! ร้องไห้ให้ได้อะไรขึ้นมา ฉันไม่รู้จักเธอ ไสหัวไปให้พ้นหน้าฉัน ฉันจะพักผ่อน พาทีไล่ผู้หญิงคนนี้ออกจากบ้านฉันด้วย และลูกใช่ไหม เธอมีลูกให้เธอพาลูกของเธอไปด้วย เหม็นสาบพวกมนุษย์และพวกลูกครึ่งยักษ์”เขาสั่งความกับพาทีจบก็เดินไปยังบ
Comments