อดีตผู้ช่วยเชฟตกงานจากพิษเศรษฐกิจเพราะโรคระบาด หลีกหนีความวุ่นวายในเมืองใหญ่ ไปทำสวนผักเล็ก ๆ ที่บ้านในชนบท แต่ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งเขาจะเจอซอมบี้หลังจากกลับมาจากไปจ่ายตลาด!!
View Moreไม่แน่ใจว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดจะสามารถใช้บรรยายความซวยของมนุษยชาติในเวลานี้ได้หรือเปล่าล้วนไม่มีใครรู้ เมื่อรู้ตัวอีกทีหลายพื้นที่บนโลกก็ไม่ต่างจากภาพยนตร์วันสิ้นโลกที่เคยโด่งดังเรื่องหนึ่ง
มันเริ่มจากโรคติดต่อร้ายแรงที่มีการแพร่กระจายจากคนสู่คน ทำได้เพียงรักษาไปตามอาการจนเชื้อในร่างกายตายหมดเท่านั้น ซึ่งผ่านมาเกือบสองปีก็ยังไม่มีประเทศไหนคิดค้นวัคซีนที่จะทำให้หายขาดหรือป้องกันการติดเชื้อซ้ำได้เลย
นานวันเข้าก็เริ่มมีผู้คนล้มตายมากขึ้น จากประชากรเกือบ 5 พันล้านคนทั่วโลก ถูกประเมินว่ามีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 1 ใน 5
หลายครัวเรือนเริ่มกักตุนอาหาร ร้านขายของชำปิดให้บริการ ราคาอาหารแห้งแพงยิ่งกว่าทอง นี่เป็นสิ่งที่ทุกประเทศทั่วโลกต้องเผชิญไม่มีใครหลีกเลี่ยง
แต่แค่นั้นมันยังน้อยเกินไป
วันที่ xx เดือน xx ค.ศ. xxxx
องค์การ xx ระบุว่ามีอุกกาบาตขนาดใหญ่กำลังจะพุ่งชนมายังโลก ซึ่งแน่นอนว่ามันจะสร้างความเสียหายไม่ต่างจากหลายล้านปีก่อนที่เป็นเหตุให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์
ยังดีที่เทคโนโลยีในปัจจุบันพัฒนาไปมาก มนุษย์รู้ตัวเร็วทำให้พอมีเวลาหาหนทางกำจัดภัยร้ายนี้ได้ก่อนมาถึงโลก แต่ใครจะรู้ว่าอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดทำได้เพียงสร้างรอยขีดข่วนให้มันเท่านั้น เวลาที่กระชั้นชิดเข้ามาเรื่อย ๆ บีบคั้นให้ทุกคนลงความเห็นให้เบี่ยงมันออกไปจากวงโคจรเดิม อาจมีเศษซากอุกกาบาตหล่นลงมาบนพื้นโลกบ้าง แต่ก็ยังดีกว่ามันพุ่งชนมาทั้งก้อน
ปฏิบัติการดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากนานาประเทศทั่วโลก เป็นข่าวโด่งดังยิ่งกว่าโรคระบาดเสียอีก แม้แต่ประเทศที่ไม่ชอบหน้ากันยังหันมาจับมือผลิตอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงเพียงพอที่จะทำให้เกิดแรงระเบิดมหาศาล และผลักหินก้อนยักษ์ให้ห่างจากจุดหมายของมันให้มากที่สุด
ค่ำคืนนั้นผู้คนที่เคยหลบลี้หนีหน้ากันเพราะโรคระบาดต่างมายืนอยู่ที่ระเบียงบ้าน เฝ้ารอฝนดาวตกหรือสะเก็ดอุกกาบาตจากการปฏิบัติการความร่วมมือระหว่างประเทศครั้งยิ่งใหญ่ โดยคราวนี้ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่การทำลาย
หากสำเร็จทุกคนบนโลกจะรอดชีวิตไปอีกหลายล้านปี แต่ถ้าไม่… คงเป็นการรีเซตโลกใบนี้ใหม่ไม่ต่างจากยุคดึกดำบรรพ์
จรวดบรรทุกขีปนาวุธจะถึงอุกกาบาตยักษ์ในอีก
...3
...2
...1
ตูม!
ท้องฟ้ามืดมิดพลันเกิดแสงสว่างเจิดจ้าราวกับเที่ยงวัน ก่อนฝนดาวตกจำนวนมากจะพากันวิ่งตัดผ่านขอบฟ้าเป็นริ้ว ๆ โทรทัศน์ถ่ายทอดสดรายงานว่าวิถีของอุกกาบาตถูกเหวี่ยงให้พ้นจากวงโคจรของดาวโลกแล้ว ปฏิบัติการเบี่ยงทิศอุกกาบาตสำเร็จไปได้ด้วยดี หลายพื้นที่ต่างพากันเฉลิมฉลองความสำเร็จในครั้งนี้แม้จะเป็นการฉลองแค่เพียงในบ้านก็ตาม
เหมือนทุกอย่างจะดีขึ้นใช่ไหม
แน่นอนว่าไม่ใช่
พ้นจากเคราะห์กรรมนอกโลกก็หันกลับมาผจญกับโรคระบาดต่อ ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันต่อวันแทบจะเป็นหลักพันต่อหนึ่งหมื่นคน
“เฮ้อ เมื่อไหร่จะพ้นช่วงนี้ไปสักทีนะ” เฉินเฟิงวางมือจากพืชสวนไร่นาที่กำลังทำอยู่แล้วไปนั่งพักที่แคร่หน้าบ้าน
วันนี้ปลุกผักได้เยอะทีเดียว นึกเอ่ยชมตัวเองในใจ
ช่วงแรกแค่จับจอบขุดได้แค่ไม่กี่หลุมมือก็พองไปหมด
เฉินเฟิงเป็นลูกครึ่ง แค่ชื่อก็บอกภูมิลำเนาถิ่นเกิดของบรรพบุรุษได้ดี ก่อนหน้านี้ไม่นานนักบิดามารดาของเขาเดินทางไปประเทศ C เพื่อไปร่วมฟังพินัยกรรมของคุณปู่ แต่ใครเล่าจะรู้ว่านั่นจะทำให้ทั้งสองคนติดเชื้อโรคระบาดจากการเดินทาง ทำการรักษาอยู่ไม่กี่วันก็สิ้นใจ ทางญาติพี่น้องตระกูลเฉินจึงติดต่อให้เขามาดูศพและจัดการเรื่องพินัยกรรมที่ยังคงค้างคาไม่ได้ข้อยุติ
ก่อนเดินทางไปประเทศ C เฉินเฟิงใจสลายแค่ไหนไม่มีใครรู้ กระทั่งญาติผู้ใหญ่ที่คิดว่าเป็นพี่น้องของพ่อก็ไม่ได้สนใจไยดีกับการจากไปของสายเลือดร่วมอุทร เอาแต่พูดว่าในเมื่อพ่อของเขาก็ไม่อยู่แล้ว มรดกในส่วนนี้ก็ควรเป็นของคนพี่น้องคนอื่นเพราะตัวเขานั้นไม่ได้เป็นที่รู้จักของคนในตระกูล และข้ออ้างอีกมากมายที่คนเหล่านั้นนำมากรอกใส่สมองตลอดเวลาที่อยู่ประเทศนั้น
ชายหนุ่มไม่ได้เสียดายมรดกหลายร้อยล้านของปู่ เขาแค่เสียใจที่คนในตระกูลนั้นไม่มีใครสักคนที่แสดงความเสียใจกับการจากไปของครอบครัวเขาเลย
หลังจากติดต่อเรื่องพิธีศพกับทางโรงพยาบาลเขาก็ไม่มีอารมณ์อยู่ในประเทศ C อีก จองตั๋วบินตรงกับประเทศบ้านเกิดแทบจะทันที และแน่นอนว่าช่วงโรคระบาดแบบนี้เฉินเฟิงต้องโดนกักตัวและตรวจสอบอย่างละเอียด พร้อมกำชับว่าให้กักตัวอยู่บ้านจนพ้นระยะฟักตัวของเชื้อก่อนถึงจะออกจากบ้านได้
นั่นจึงเป็นเหตุผลให้เขามาจับจอบขุดดินถางหญ้า หว่านเมล็ดผักลงแปลงในเวลานี้ ห้าวันก่อนเขาเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องของพ่อกับแม่ สัมผัสความอบอุ่นที่อบอวลอยู่ในห้องนั้นไม่ขยับไปไหน วาระสุดท้ายของพวกท่าน เขาไม่มีแม้แต่โอกาสได้บอกลา แค่จะรับตัวกลับมาทำพิธีศพยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำเนื่องจากเป็นนโยบายป้องกันโรค พ่อกับแม่คงต้องถูกฝังรวมกับผู้เสียชีวิตรายอื่นอีกเป็นล้านคนในหลุมเดียวกัน ฟังดูแย่ แต่ถ้าปรับมุมมองใหม่ก็สามารถคิดไปได้ว่าพ่อกับแม่ไม่ได้ไปกันแค่สองคน แต่มีเพื่อนร่วมเดินทางไปโลกหลังความตายเยอะแยะจนจำชื่อไม่หมด
และเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้จึงต้องลุกมาหาอะไรทำ อีกทั้งตัวเขาเองก็ยังอยู่ในสถานะตกงานร้านที่ทำอยู่ต้องปิดกิจการจากพิษเศรษฐกิจ เฉินเฟิงรู้สึกเคว้งคว้างจึงอยากลองลงทุนกับพวกงานเกษตรกรรมภายในบ้าน เผื่อเป็นลู่ทางทำมาหากินในอนาคต
ขายไม่ได้ก็กินเอง อย่างน้อยก็คงไม่อดตาย
ชายหนุ่มจัดการนำเงินประกันของพ่อกับแม่มาต่อเติมบ้านและล้อมรั้วกำแพงเอาไว้ ถึงจะอยู่ชานเมืองแต่ช่วงวิกฤตแบบนี้โจรขโมยคงชุกชุมไม่น้อย ทั้งยังกักตุนอาหารเพราะไม่รู้จะมีประกาศเคอร์ฟิวเมื่อไหร่
แต่ใครจะคิดว่ามันจะวิกฤตได้มากกว่านี้อีกกัน
[ ประกาศฉุกเฉิน ขณะนี้ขอให้ประชาชนอยู่แต่ภายในบ้าน ห้ามออกมาด้านนอกที่พักอาศัยเด็ดขาด ย้ำ! ห้ามออกมาด้านนอกที่พักอาศัยเด็ดขาด! ]
อยู่ ๆ ทหารก็ออกมาประกาศให้ประชาชนอยู่บ้านโดยไม่แจ้งเหตุผลประกอบ สร้างความตื่นตระหนกในหมู่บ้านเป็นอย่างมาก ปกติชนบทก็ไม่ค่อยมีข่าวสารส่งมาถึงรวดเร็วเท่าในเมืองอยู่แล้ว แทนที่จะเก็บตัวอยู่ในบ้านทุกคนพากันออกไปตุนอาหารให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ต่อให้โดนพ่อค้าแม่ค้าโกงราคาก็ไม่เกี่ยง ขอให้ปากท้องไม่ว่างก็เพียงพอ
เฉินเฟิงเองก็ตั้งใจจะออกไปซื้อพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาเก็บไว้ แต่คิดได้ว่าตอนโรคระบาดเริ่มใหม่ ๆ ผู้คนล้วนเลือกที่จะไปจับจ่ายซื้อของตามห้างสรรสินค้า หรือร้านค้าปลีกรายใหญ่ ทำให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่อยู่ตลอดเวลา ชายหนุ่มไม่อยากไปเสี่ยงจึงได้เปลี่ยนใจไปซื้อตามร้านขายของชำในหมู่บ้านแทน แต่ก็ได้มาไม่มากเพราะบางร้านก็เริ่มเก็บของไว้ใช้เอง
“ขอโทษนะอาเฟิง ยายขายให้ได้เท่านี้จริง ๆ” คุณยายร้านขายของชำห่ออาหารแห้งส่งให้
“ไม่เป็นไรครับ ได้ขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว” บางร้านไม่ยอมขายให้เขาด้วยซ้ำ
“อาเฟิงได้ข่าวอะไรบ้างไหม ทำไมถึงมีประกาศจากทหารได้”
“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ อาจจะมีคนติดโรคระบาดเพิ่มขึ้นก็ได้”
“นี่หลานชายยายที่อยู่ในตัวจังหวัดก็ติดต่อไม่ได้ตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว ลูกชายยายจะไปหาก็เป็นห่วง กลัวยายอยู่บ้านคนเดียว” คุณยายถอนหายใจเสียงดัง เป็นห่วงหลานชายและลูกสะใภ้ของตนมาก
จะว่าไปช่วงหลังมานี้โทรศัพท์เริ่มใช้การไม่ได้ แต่เพราะเป็นหมู่บ้านชนบทที่ไม่ได้มีสัญญาณดีอยู่แล้ว ทุกคนก็เลยคิดว่ามันไม่มีอะไร ขนาดเด็กที่ต้องเรียนออนไลน์ยังต้องวิ่งไปหาสัญญาณอินเทอร์เน็ตตามภูเขาเลย
โทรทัศน์เองก็มีแต่ประกาศอะไรก็ไม่รู้ซ้ำไปซ้ำมา มองดูแล้วเหมือนเป็นเทปวิดีโอที่ตั้งเวลาให้เปิดมากกว่า เขาจึงเลือกปิดมันไปเสีย
เปลืองไฟ...
เฉินเฟิงคุยกับคุณยายอีกเล็กน้อยก็ขอตัวกลับบ้าน เย็นนี้เขาตั้งใจจะไปตลาดสดซื้อเนื้อกลับมาบ้านมากหน่อย
หรือเขาควรซื้อตู้แช่มาเพิ่ม?
อย่าดีกว่า... ถึงอาหารจะจำเป็นแต่มีเงินก้อนเก็บไว้บ้างจะดีกว่า อนาคตไม่มีอะไรแน่นอน เกิดเขากว้านซื้อทุกอย่างจนเงินหมดบัญชี แล้วหลังโรคระบาดจะลงทุนทำร้านหรืออะไรสักอย่างคงต้องไปกู้หนี้ยืมสินให้เป็นหนี้อีก
เย็นวันนั้นเฉินเฟิงไปตลาดนัดตามที่ตั้งใจไว้ แม้ทหารจะออกมาประกาศให้อยู่แต่ในบ้าน แต่ก็มีพ่อค้า แม่ค้าบางส่วนฝ่าฝืนประกาศออกมาตั้งแผงขายของ หวังระบายของสดที่มีออกไปบ้าง ได้กำไรนิดหน่อยก็ยังดี
ความตั้งใจที่จะซื้อของแค่เล็กน้อยเป็นอันต้องปัดตกไป เขาดันใจอ่อนช่วยลุง ๆ ป้า ๆ ซื้อหมูซื้อไก่มาสิบกิโลกว่า
“หนักโว้ย” แล้วก็มาเป็นภาระตอนขนกลับบ้าน ตะกร้าหลังรถจักรยานไม่พอใส่จนต้องแขวนไว้ที่แฮนด์จักรยานทั้งสองข้างเพื่อถ่วงน้ำหนัก
กรรร…
ในขณะที่กำลังบ่นกระปอดกระแปดไปตามประสา กลับมีเสียงคำรามต่ำในลำคอของสัตว์ป่าดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงัดของถนนลูกรัง เฉินเฟิงไม่ได้จอดจักรยาน ขายาวกลับเร่งความเร็วขึ้นมากกว่าเดิม ไม่รู้ว่าเขาแค่หูแว่วไปหรือมีสัตว์ร้ายอยู่แถวนี้จริง
ฟุ่บ
เอี๊ยดดด!
“เหวอ!”
เพราะมัวแต่ระแวงข้างทางจึงไม่ทันสังเกตเห็นเงาสิ่งมีชีวิตด้านหลังที่พุ่งมาคว้าตะกร้าที่บรรจุเนื้อสิบกิโลกว่าไว้
แรงมหาศาลฉุดกระชากส่งให้เชือกที่มัดตะกร้ายึดกับจักรยานขาดออกจากกัน
ดีที่ตั้งสติได้เร็ว ยันเท้าลงกับพื้นทันพอตั้งตัวได้ไม่ให้ล้มไปทั้งคนทั้งจักรยาน ชายหนุ่มหัวเสียหนักรีบหันกลับไปมองด้านหลัง
“นั่นมัน... อะไร” ลำคอเรียวเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่กับภาพที่เห็น
แม้เวลาจะค่อนไปทางเกือบมืดแต่ก็พอมีแสงโพล้เพล้ให้ได้เห็นราง ๆ ว่าสิ่งที่กำลังหยิบเนื้อในถุงเข้าปากสด ๆ ราวกับเป็นอาหารอันโอชะอยู่นั่นคือมนุษย์
“เชี่ยไรวะเนี่ย”
กรรร…
ดวงตาที่ควรจะมีจุดดำกลับขึ้นฝ้าสีขาว มันหันมามองเขาแล้วส่งเสียงคำรามต่ำในลำคอ รูปลักษณ์นั้นเหมือนกับซอมบี้ที่เคยเห็นในภาพยนตร์ไม่มีผิด
“ไวรัสกลายพันธุ์เหรอวะ แม่งเอ๊ย!“ แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่รอให้ตัวเองเป็นเหยื่อรายต่อไป รีบใส่เกียร์หมาปั่นจักรยานสุดชีวิต
แม่งเอ๊ย ๆ ๆ ไอ้ตัวนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดใช่ไหม
หรือจะเป็นรายการแอบถ่ายสักรายการ?
จะอะไรก็ช่างหนีก่อนแล้วกัน!
ชายหนุ่มไม่สนใจรอบข้างอีกแล้ว คราวนี้เขาปั่นหน้าตั้งมุ่งกลับบ้าน ไม่สนว่าจะมีใครทักถามอะไรทั้งนั้นด้วยกลัวว่าคนตรงหน้าจะไม่ใช่เพื่อนบ้านที่เขารู้จักอีกต่อไป
“แฮ่ก ๆ”
ร่างโปร่งพาตัวเองและจักรยานล้มโครมทันทีที่ผ่านเข้ามาในรั้วบ้าน เฉินเฟิงรีบลุกไปปิดประตูรั้ว ตั้งแต่ต่อเติมรั้วบ้าน เขาก็ไม่เคยปิดประตูเลยสักครั้งแม้แต่เวลานอน มาวันนี้รู้สึกโชคดีเหลือเกินที่มีมัน
เพียะ!
ฝ่ามือหยาบกระทบใบหน้าสร้างความปวดร้าวปนแสบร้อนไปครึ่งหน้า ภายในปากได้กลิ่นสนิมรวมถึงรสขมปร่าที่ปลายลิ้น
เจ็บ…
ไม่ใช่ความฝัน
ฉิบหายแล้วแม่งเอ๊ย!
นี่มันอะไรกันวะ!!
คนเป็นลุงถึงได้วิ่งหน้าตั้งไปยังประตูหน้าค่ายได้อย่างหมดห่วงไปเปลาะหนึ่ง อย่างน้อยหลานชายก็คงปลอดภัยในระดับหนึ่งสองผู้นำใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็วิ่งมาถึงหน้าประตูค่าย เนื่องจากถนนหนทางชำรุดจากการต่อสู้ ทำให้ไม่สามารถนำรถยนต์ออกมาใช้ได้ อีกทั้งระยะทางก็แค่ไม่กี่กิโลเมตร วิ่งไปจะเร็วกว่า ยังดีนายพลอธิที่ออกกำลังกายเป็นประจำ“แฮ่ก ๆ ๆ คุณ... แฮ่กๆ ยามาโมโตะจริง ๆ ด้วย” ผิดกับดนัยที่หอบจนลิ้นห้อย โอย… เขาต้องหัดออกกำลังกายบ้างแล้ว“ครับ ผมเอง” ยามาโมโตะถูกเชิญให้มานั่งรอในห้องรับรอง แม้จะเพิ่งผ่านการต่อสู้ที่หนักหน่วงมา แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังอุตส่าห์นำน้ำและขนมมาเสิร์ฟให้ระหว่างรอ ทางฝั่งลูกน้องที่ติดตามอยู่ห่าง ๆ ก็ไม่ได้เข้ามาด้วย ทางหนึ่งก็รักษาเพื่อนที่บาดเจ็บจากการต่อสู้กับมนุษย์ค้างคาว อีกส่วนหนึ่งก็แบ่งไปเฝ้าระวังและหาทางหนีทีไล่เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินอยู่ด้านนอก“ไม่คิดเลยว่าคุณจะเดินทางมาเร็วขนาดนี้” ท่านนายพลลอบปาดเหงื่อตรงขมับ เริ่มพูดคุยกับหัวหน้าจากค่ายอื่นก่อน ส่วนสายตาก็สำรวจมองสิงหาที่นั่งนิ่งอยู่ข้างกัน ก่อนจะโล่งใจที่เด็กหนุ่มไม่มีร่องรอยบาดเจ็บให้เห็น“ระหว่างทางค่อนข้างราบรื
…สถานการณ์ในสมาพันธ์ผู้รอดชีวิตดูเหมือนจะคงตัวและมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แตกต่างจากค่ายเล็กค่ายน้อยที่อยู่กันเองโดยไม่ได้พึ่งพาอาศัยใครต่อให้เวลานี้ซอมบี้ถูกเรียกกลับไปหมดแล้ว แต่พวกเขาก็ยังต้องเผชิญกับชะตากรรมแสนเลวร้าย ซอมบี้ระดับสองไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ผู้มีพลังพิเศษระดับแรกกับมนุษย์ธรรมดาจะต่อกรไหว ต่อให้มีอาวุธอย่างปืนก็ใช่ว่าจะไล่ยิงพวกมันทันหากไม่มีความสามารถพอนายพลอธิเหม่อมองท้องฟ้าที่ไม่มีเรือบินลำยักษ์อยู่อีกต่อไป ก่อนหน้านี้ท่านนายพลได้ติดต่อคลังอาวุธเพื่อสอยเรือบินลำนั้นลงมา เพราะนอกจากอาวุธที่กำลังปรับปรุงพลังทำลายล้างใหม่ที่ใช้สำหรับต่อกรกับหนูท่อยักษ์ในโรงงานอุตสาหกรรม ท่านนายพลย่อมเหลืออาวุธที่สามารถใช้งานได้เพื่อปกป้องค่ายในยามคับขัน เพียงแต่ว่า…“จนป่านนี้แล้วยังหาหนอนบ่อนไส้ไม่เจออีกเหรอ!” ชายวัยกลางคนราวกับจะอายุเพิ่มมากขึ้นอีกหลายปี เมื่อสั่งการให้ลูกน้องนำอาวุธสำรองออกมาต่อกรกับเรือบิน ทว่าอาวุธเหล่านั้นกลับถูกทำลายไปเกือบหมดหมายความว่าพวกมันวางแผนจะร่อนเรือบินมาประกาศศักดากับพวกเขาโดยสวัสดิภาพนานแล้ว“หาไม่เจอเลยครับ” ดนัยเอ่ยเสียงเครียดกรอดนายพลอธิกัดฟันกรอด ไม่
คุณหมอหมีมีสีหน้าคิดไม่ตกนานมากโดยกำลังชั่งใจระหว่างการฉีดวัคซีนกระตุ้นพลังให้เพื่อนร่วมทีม หรือจะลองหาวิธีอื่นที่อาจให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าแพทย์ทหารเหลือบมองเลวี่อีกครั้ง กวาดสายตามองขึ้นลงอย่างประเมิน ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อนึกถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมา“เลวี่ ถ้าจะขอเลือดนายสักหน่อย นายจะโอเคไหม” นิโคลัสหันมาถามความสมัครใจก่อน“ดะ ได้ครับ ถ้ามันมีประโยชน์ จะเอาไปเท่าไรก็ได้ครับ” ชายหนุ่มรีบพยักหน้าขั้นลงรัวเร็ว พร้อมยื่นแขนของตนมาตรงหน้า“ขอบใจมาก ตุ่นวิ่งไปที่อนามัยเดี๋ยวนี้เลย ผมจำได้ว่าที่นั่นมีเครื่องปั่นเลือดอยู่” นิโคลัสรีบออกคำสั่ง ส่วนตัวเองก็เปิดกระเป๋าหาเข็มและถุงสำหรับบรรจุเลือด“ได้ เดี๋ยวไปเอามาให้” ตุ่นรับคำ “ขอบคุณนะ” ก่อนออกจากบ้านก็หันไปโค้งขอบคุณเลวี่ที่ยอมเสียสละเลือดให้ภรรยาของเขา“มะ ไม่เป็นไรครับ พี่หงส์เองก็เคยช่วยผมไว้เหมือนกัน” เลวี่โบกไม้โบกมือไม่สามารถรับการขอบคุณจากคู่รักกวางสุนัขได้จริง ๆ พวกเขาเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขาไว้เลยนะ อะไรที่สามารถช่วยได้ก็พร้อมช่วยทั้งนั้น ไม่ต้องพูดถึงเลือดแค่ไม่กี่ซีซีเลย เอาไปเกือบหมดตัวเขาก็ไม่ว่า!สิ่งที่นิโคลัสนึกขึ้นมาไ
บ้านบนภูเขา“แม่คะ พี่หงส์จะไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ” พลอยใสหันไปมองทางบ้านพักของคู่สามีภรรยาที่ปิดประตูเงียบเชียบตั้งแต่พวกมนุษย์นกซอมบี้ล่าถอยไปได้พักใหญ่“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ พี่หงส์ก็แค่เหนื่อยน่ะ” พิมพาลูบเส้นผมของลูกสาว “น้องปอนด์พาน้องพลอยไปอยู่เป็นเพื่อนพลายวารีดีกว่านะ” พลางตะล่อมเด็กทั้งสองให้ไปอยู่ในหลุมหลบภัยต่อจนกว่าจะมั่นใจได้ว่าซอมบี้จะไม่หวนกลับมาอีกก๊อก ก๊อกพอเด็กหญิงและเด็กชายกลับไปที่หลุมหลบภัยแต่โดยดี พิมพาก็เดินตรงไปที่บ้านของคู่รักกวางสุนัข“พี่พิม” ประตูไม้เปิดออกพร้อมกับใบหน้าซีดเซียวของตุ่น“น้องหงส์เป็นยังไงบ้างคะ” คุณแม่ลูกหนึ่งยอมเสียมารยาทชะเง้อคอมองเข้าไปด้านใน เวลานี้เธอเป็นห่วงหญิงสาวมากจริง ๆ“อาการยังไม่ดีขึ้นเลยครับ” ชายหนุ่มแทบกลั้นเสียงสั่นเครือจากความหวาดกลัวไว้ไม่อยู่ ในขณะที่พวกเขาย่ามใจคิดว่าจัดการกับซอมบี้ระดับสองที่หลุดเข้ามายังบริเวณบ้านได้หมดแล้วและเตรียมกลับไปหลบภัยรวมกับคนอื่น ๆ ทำให้ไม่ทันสังเกตเลยว่าซอมบี้ที่เพิ่งปลิดชีพไปนั้นยังไม่ตายสนิท …มันกัดเข้าที่ข้อเท้าของหงส์โดยที่ไม่มีใครได้ทันตั้งตัวและตอนนี้อาการของเธอก็ไม่สู้ดีเลยสักนิด“ผมอยากพ
ทั่วทั้งค่ายต่างเต็มไปด้วยเสียงโห่ร้อง ไม่ว่าใครจะซุกซ่อนตัวอยู่ที่ใดต่างก็ออกมาชูมือโห่ตะโกนแสดงความโกรธเกรี้ยว พวกเขาจะไม่ยอมยกชีวิตให้ใครง่าย ๆ ถ้ากล้ามาพรากมันไปก็ต้องสู้กันสักตั้ง!“กูไม่น่าเลือกมึงเลยไอ้เวร!”“แน่จริงลงมาตัวตัวกับกูดิวะ!!”“เดี๋ยวกูจะเข้าสมัครเป็นทหารไปเตะมึง คอยดู!!”“#^*^) (^@$@$#^...” และสารพัดสัตว์เลื้อยคลานที่ถูกพ่นออกมาจากทั่วทุกสารทิศ บางคนพยายามใช้พลังพิเศษยิงขึ้นฟ้าหมายจะสอยเรือบินให้ร่วง แต่ด้วยความสูงที่มากกว่าระดับน้ำทะเลหลายสิบเท่าทำให้พลังพวกนั้นส่งไปไม่ถึง และพวกเขาก็ได้แต่แหงนหน้ามองมันอย่างเจ็บแค้น ไม่ต้องพูดถึงอาวุธของกองทัพเลย พวกมันยังอยู่ในขั้นตอนการปรับปรุง ที่พอจะใช้ปกป้องเมืองได้ก็ถูกนำออกมาใช้กับซอมบี้ระดับสองที่บุกมาจนเกือบหมด ส่วนที่เหลือก็อยู่กับไอซ์ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยหากพวกเขามีเครื่องบินรบสักลำละก็… ต้องจัดการได้แน่!!ไม่เพียงค่ายพันธมิตรเท่านั้นที่ได้ยินประโยควางอำนาจบาตรใหญ่ของกลุ่มคนที่มีความคิดบิดเบี้ยว กลุ่มสมาพันธ์ผู้รอดชีวิตเองก็ได้ยินชัดเจน ไม่ขาดตกไปสักประโยค“แน่จริงก็ลงมาสิวะ” วิทย์กัดฟันกรอด มองเรือบินลำยักษ์จากบ
“ดอกเตอร์สิงหาลองทบทวนดูอีกสักรอบหน่อยดีไหม ขอแค่คุณเอ่ยปากว่าอยากวิจัยอะไร ทางองค์กรก็พร้อมให้การสนับสนุนเต็มที่” W03 เอ่ยชักชวน คงเป็นเรื่องง่ายกว่าถ้าทำให้เจ้าตัวยินยอมพร้อมใจไปด้วยตัวเอง“มะ ไม่เอาครับ” ดอกเตอร์ส่ายหัวดิก เป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมไปอยู่กับพวกที่ทำได้แม้กระทั่งการโคลนนิ่งคนแน่องค์กรที่โคลนนิ่งคนมาทำเรื่องชั่ว ๆ แทนตัวเองน่ะ เขาไม่ยอมไปหรอก เขายังเป็นมนุษย์อยู่นะ!!!“น่าเสียดาย” มนุษย์อินทรีถอนหายใจเสียงแผ่ว ผู้บุกรุกไม่ได้ตรงเข้ามาชิงตัวเด็กหนุ่มอย่างที่สองมือซ้ายและขวาของยามาโมโตะคาดคิดแต่กลับบินขึ้นไปบนฟ้า จากนั้นเรือบินขนาดยักษ์ที่ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้อยู่ในระดับความสูงเท่าไรก็ปรากฏให้เห็น มันค่อย ๆ บินลงมาอยู่ในระดับความสูงเดียวกับตึก 100 ชั้น ต่อให้อยู่ไกลจากค่ายพันธมิตรก็ยังเห็นเรือยักษ์นี้ได้ชัดถนัดตาสิงหาที่อยู่ใกล้สุดกะขนาดด้วยสายตาคาดว่าเรือบินลำนั้นน่าจะมีขนาดความกว้างพอ ๆ กับสนามฟุตบอลด้วยซ้ำ ส่วนความสูงนั้นไม่ต้องพูดถึง มันมีด้วยกันถึง 5 ชั้นเลยทีเดียวการที่สิ่งของที่ใหญ่ขนาดนั้นลอยอยู่บนฟ้าจะต้องใช้เชื้อเพลิงมากมายมหาศาลแน่ แล้วการเผาไหม้เชื้อเพลิงก็เ
Comments