ห้องอาหารในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง
“เอ็งว่าลูกของพวกเราจะรักกันหรือยังวะ”
สุเมธยกแก้วไวน์ ในมือขึ้นมาดื่มก่อนจะถามเพื่อนรักอย่างคเชนทร์ด้วย รอยยิ้ม
“ไม่รักกันวันนี้วันหน้าก็ต้องรักกันอยู่ดีแต่ลูกข้าเนี่ยสิยังใจแข็งไม่ยอมอ่อนสักทีไม่รู้จะได้อุ้มหลานเมื่อไหร่”
คเชนทร์ส่ายหัวเมื่อพูดถึงลูกสาวจอมดื้อของตัวเองที่เขารู้นิสัยของเธอดี
“ตาจอมก็ใช่ย่อยที่ไหนเรื่องปากแข็งน่ะที่หนึ่งไม่รู้ว่าหนูอรจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าเจ้าคนทึ่มตรงหน้าปากไม่เคยตรงกับใจเลยสักครั้ง”
ทัศนีย์เอ่ยพูดขึ้นมาบ้างถึงลูกชายของตัวเองที่ดูเหมือนก็จะยังไม่รู้หัวใจตัวเองเหมือนกัน
“เอาน่าตอนนี้ทั้งสองคนก็ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเต็มที่คงจะต้องมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นบ้างนั่นแหละเรามาฉลองกันดีกว่า”
สิริวดีพูดพร้อมกับยกแก้วขึ้นชนกับทั้งสามคนเพื่อเฉลิมฉลองให้กับแผนการของตนเองอย่างมีความสุข
“นั่นสินั่นสิ แต่บอกไว้ก่อนเลยนะถ้าเป็นหลานสาวต้องมาให้มาอยู่กับข้านะโว้ยไอ้เมธ”
“ได้เลยๆ ถ้าเป็นหลานชายข้าจะยกสมบัติให้หมดไม่ให้พ่อมันสักชิ้นโทษฐานที่ทึ่มดีนัก”
“ฮ่าๆๆ”
แล้วทั้งสองครอบครัวก็หัวเราะชอบใจกับแผนการของตัวเองที่ดูจะค่อยๆ เป็นไปได้อย่างราบรื่นดี
“บ้านอื่นเขามีแต่ปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้แต่บ้านนี้ดันเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวมีปัญหากันเองโอ้ยยยคิดแล้วก็ปวดหัว”
ทัศนีย์ยกแก้วขึ้นกระดกทีเดียวหมดก่อนจะพูดออกมา
“นั่นสิ่กว่าพวกเราจะเลี้ยงลูกให้โตมาจนป่านนี้ได้เลือดตาแทบกระเด็น แต่ดูลูกๆ เรานอกจากจะดื้อรั้นแล้ว ยังปีกกล้าขาแข็งใส่เราอีกต่างหาก”
สิริวดีทำหน้าน้อยใจแล้วตักอาหารเข้าปาก
“เอาน่าๆ ยังไงงานแต่งก็ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วเราเตรียมรับขวัญลูกเขยลูกสะใภ้กันดีกว่า ”
“เห้ยย ไอ้เมธกูมีแผนดัดหลังเผื่อว่าลูกๆ เรามันจะเล่นแง่ ”
“ยังไงวะ ไหนลองพูดมาสิ ”
“ก็เด็กสองคนไม่ได้รักกันตั้งแต่เริ่มใช่ไหมล่ะ เผื่อว่าแต่งกันไปแล้วคิดจะหย่ากันล่ะ มีให้เห็นเยอะแยะไปนี่หว่า”
“เออว่ะ ลูกกูมันยิ่งเจ้าเล่ห์อยู่ด้วยสิ แล้วแผนว่ายังไงวะไอ้เชนทร์ ”
“ถ้าใครหย่าอดได้มรดกแล้วถึงไม่หย่าก็ยังไม่ให้อยู่ดีต้องมีหลานก่อนถึงจะได้ ฮ่าๆ เป็นไงดีไหมๆ”
“เอ้อออ เข้าท่าดีๆ ”
“ดีค่ะดีๆ ชั้นเห็นด้วย”
“ใช่ๆ ชั้นเอาด้วย”
เสียงหัวเราะชอบใจดังลั่นแค่อรฤดีเป็นคนเฝ้าจอมทัพคนเป็นแม่อย่างทัศนีย์ก็หายห่วงมาทานข้าวกับครอบครัวเพื่อนสนิทได้อย่างสบายใจ
“นี่คุณหลายวันแล้วนะ ยังไม่รู้อีกเหรอว่าเป็นฝีมือใคร ”
ทัศนีย์นึกขึ้นได้ถึงแม้ตอนนี้ เธอจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแต่ก็ไม่ลืมเรื่องที่ลูกชายของเธอและว่าที่ลูกสะใภ้ถูกทำร้ายจนต้องนอนพักรักษาตัวอยู่หลายวัน
คำถามของเธอทำให้คนเป็นสามีน่าเปลี่ยนสีลงไป จริงๆ เค้ารู้แล้วว่าเป็นฝีมือใครแต่ไม่อยากจะบอกคนเป็นเมียก็เท่านั้นเพราะคิดว่าถ้าเธอรู้รับรองมีหวังเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตแน่นอน
“ทำหน้าแบบนี้อย่าบอกนะว่าคุณรู้แล้วแต่ไม่บอกฉันน่ะ”
”รู้แล้วเอ็งก็บอกมาสิ่ว่าไอ้เมธ จะเก็บเงียบไว้ทำไมนี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะโว้ย“
”ก็เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ น่ะสิว่ะข้าถึงยังไม่อยากจะพูดไปตอนนี้“
“คุณจะพูดตอนนี้หรือจะให้ฉันโมโหก่อนดีคะคุณสุเมธ”
ทัศนีย์เปลี่ยนทั้งสีหน้าเปลี่ยนน้ำเสียงจ้องมองคนเป็นสามีตาไม่กระพริบ แน่นอนแหละเพราะว่าเธอดื่มไปหลายแก้วแล้วถึงแม้ว่าเธอจะดูเป็นคนใจดียิ้มหวานแต่มีไม่กี่คนหรอกที่พอจะรู้ว่าอย่าทำให้เธอโมโหเป็นอันขาดเชียว
ที่เธอยอมปล่อยเรื่องลูกชายนั้นก็เพราะว่าสามีของเธอรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้ได้แน่นอนเธอถึงยอมวางใจ
“เอ่อคือคือว่าคุณ.. “
“พูดมาสิคะฉันรอฟังอยู่”
“คนที่ทำร้ายหนูอรกับเจ้าจอมก็คือหนูปัด”
“อะไรนะคะ คุณพูดว่าหนังผู้หญิงคนนั้นเป็นคนทำร้ายลูกของเราอย่างนั้นเหรอ”
ตอนนี้ทัศนีย์เลือดขึ้นหน้าของจริงแล้วเดิมทีเธอก็ไม่ชอบหน้าผู้หญิงคนนั้นอยู่แล้วแล้วยิ่งมาทำร้ายว่าที่ลูกสะใภ้และลูกชายของเธอแบบนี้รับรองได้เห็นดีกันแน่ๆ
“จริงๆ แล้วหนูปัดไม่ได้จะทำร้ายลูกของเราหรอกตอนนี้เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าจอมต้องเจ็บตัวเพราะการกระทำของเธอ”
สุเมธพยายามอธิบายให้เมียฟังซึ่งไม่รู้เลยว่าตอนนี้เธอจะได้ยินหรือเปล่า
“หนูปัดนี่คือใครกันคะ”
“หนูปัดคือคนรักของเจ้าจอมที่เคยมีปัญหากันอย่างที่ทุกคนรู้นั่นแหละ”
“กูนึกว่าเลิกรากันไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้วซะอีก”
“ไม่หรอก ไม่รู้ไปปรับความเข้าใจกันยังถึงยังคบกันมาได้ยาวนานขนาดนี้”
“ก็ตาจอมนั่นแหละที่ยอมใจอ่อนให้ผู้หญิงคนนั้น คอยดูเถอะได้เลิกกันจริงๆ แน่นอน!”
“คือจริงๆ แล้วเท่าที่รู้มาหนูปัดไม่พอใจที่ตาจอมจะแต่งงานกับหนูอรก็เลยคิดจะจับตัวหนูอรไปให้งานแต่งล่มนั่นแหละ แต่พอดีว่าวันนั้นตาจอมตามหนูอรไปเจอตอนที่หนูอรถูกทำร้ายพอดี”
“หึ ไม่ว่านังเด็กคนนั้นจะเป็นลูกเต้าเหล่าใครชั้นไม่สน มาทำแบบนี้เจอดีแน่ๆ ต่อไปหนูอรต้องระวังตัวให้มากกว่านี้ หนังเด็กนี่เจ้าคิดเจ้าแค้นเดี๋ยวส่วนที่เหลือฉันจะเป็นคนจัดการเอง”
ทุกคนพยักหน้ารับรู้และเข้าใจก่อนจะพากันลืมเรื่องเครียดๆ แล้วหันมาชนแก้วดื่มฉลอง ให้กับงานแต่งงานที่กำลังจะเกิดเกิดขึ้นในเวลาอันสั้น
สามวันต่อมา
“ยังเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่าคุณ แผล ตามตัวก็หายดีจนแทบจะไม่มีร่องรอยแล้วยังเหลือที่ใบหน้าอีกนิดนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
ปากกระจับ เอ่ยพูด พร้อมกับสองมือที่ทายาไปตามแผลช้ำให้ชายหนุ่มจนตอนนี้เรียกได้ว่าจวนจะหายดีร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว
“ไม่เจ็บแล้วแหละแต่แผลเป็นนี่หลงเหลือบ้างก็ไม่เป็นไรธรรมดาของลูกผู้ชาย”
ใบหน้าหล่อคมคายที่แม้จะมีแผลแตกที่หัวคิ้วเพิ่มมาและที่คางนิดหน่อยก็ดูจะไม่ทำให้ความหล่อลดลงได้เลยพูดยักคิ้วหลิวตาออกมาด้วยความภูมิใจ
“งั้นเอาอีกสักสองแผลไหมล่ะเดี๋ยวฉันทำให้”
“โถ่คุณก็ให้ผมเล่นหน่อยอยู่โรงบาลตั้งหลายวันเบื่อจะแย่อยู่แล้ว”
“คุณกลับบ้านได้ตั้งนานแล้วนะหรืออยากกลับวันนี้เลยไหมฉันจะไปบอกหมอให้”
ถึงลึกๆ อรฤดีจะรู้สึกผิดอยู่แต่การที่ต้องมาใกล้ชิดกันทุกวันแบบนี้ดูจะไม่ค่อยเป็นผลดีสักเท่าไหร่
“ใจเย็นก่อนคุณ.. ใจเย็นๆ ก่อนนะผมอ่ะไม่มีปัญหาแต่แม่ผมน่ะสิ”
เมื่อได้ยินคนตรงหน้าพูดอย่างนั้นใบหน้าหล่อก็รีบอ้างบุพการีขึ้นมาทันที่จริงๆ การได้ตื่นมาแล้วเห็นหน้าเธอทุกๆ วันอย่างนี้กลายเป็นความเคยชินและความรู้สึกคุ้นเคยที่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกจะบอกว่าไม่ต้องการก็ดูจะยังไม่พร้อมคงต้องเอาคำพูดของแม่มาอ้างเพื่อยื้อเวลาไว้ก่อนอีกสักหน่อยก็ยังดี
“ทาตรงนี้ให้ด้วยสิคุณ ผมเห็นเหมือนจะเป็นรอยดำๆ ใช่มั้ย”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นชี้ตรงบริเวณสันกรามของตัวเองที่ไม่แน่ใจว่าแผลอยู่ตรงไหนได้แต่เอียงหน้าให้อีกคนดู
“มาสิ่ แต่เป็นจุดนิดเดียวเองไม่ใช่แผลใหญ่เดี๋ยวก็หาย”
“ผมต้องหล่อให้ทันวันแต่งงานสิ”
ไม่รู้ทำไม คำพูดนี้พาให้สองสายตามาบรรจบสอดประสานกันโดยอัตโนมัติแล้วหัวใจดวงน้อยๆ ในอกของคนทั้งสองอยู่ๆ ก็เต้นแรงผิดจังหวะขึ้นมาเสียอย่างนั้น…
“อรเดี๋ยววันนี้พ่อแม่ว่าจะออกไปในเมืองหน่อยนะลูกน่าจะกลับดึกพักผ่อนให้มากๆ ไม่ต้องรอนะ ให้หลานแม่พักผ่อนมากๆ เข้าใจไหม”“ค่ะคุณแม่เที่ยวให้สนุกนะคะ” สิริวดีและทัศนีย์เดินมาบอกอรฤดีที่กำลังอ่านหนังสือเกี่ยวกับการเลี้ยงเด็กอยู่ในห้องหนังสือจริงๆ แล้วก็ต้องการเปิดโอกาสให้ทั้งสองคนได้ปรับความเข้าใจกันนั่นเอง แล้วบรรดาคนแก่ชอบเที่ยวก็พากันออกไปพร้อมกับรถตู้คู่ใจสวนกับจอมทัพที่หน้าบ้านแต่ก็ไม่ได้ทักทายอะไร ตอนนี้หัวใจเขาอยู่กับหญิงสาวที่ขโมยมันไปตั้งแต่เมื่อไหล่ก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีเขาก็เอาแต่คิดถึงเธออยู่ตลอดเวลาอย่างนี้ “เห้ยย.. จิ๊ ลืมได้ไงวะ”เขาสบถออกมาเมื่อควานมือหาชุดนอนของเมียที่ต้องเอาไว้ดมเพื่อเติมพลังชีวิตแล้วไม่เจอ ตายแน่ๆ ถ้าไม่มีชุดนอนเธอเอาไว้ดมมีหวังเขาได้อ้วกแตกกินอะไรไม่ได้อีกแน่ๆ ถึงจะดูเหมือนคนโรคจิตก็เถอะแต่มันช่วยได้จริงๆ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเลยแค่คิดว่าลืมเอาติดมาด้วยก็รู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมาทันที นี่มันอะไรกันวะเนี่ย… “มาหาใครเหรอคะ”แหนมรีบวิ่งออกไปรับแขกเมื่อเห็นชายหนุ่มหน้าตาไม่คุ้นเดินลงจากรถมา “อรอยู่หรือเปล่า ผมมาหาอรไปบอกเธอที”“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” แหนมเ
วันต่อมา “หน้าตาสดชื่นขึ้นนะคะวันนี้ “พี่ปลาเอ่ยทักเมื่อเห็นจอมทัพเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารด้วยใบหน้าแจ่มใสกว่าทุกวัน “พี่ปลาๆ ผมเดินในสวนเห็นต้นไม้หลังบ้านตรงนั้นมีลูกเต็มเลยผมอยากลองชิมครับ” ไม่รู้หรอกว่าต้นอะไรแต่เห็นลูกของมันแล้วก็รู้สึกน้ำลายไหลขึ้นมาซะอย่างนั้น“หูยยยย คุณจอมทานไม่ได้หรอกค่ะ มันเปรี้ยวววเข็ดฟันเลยนะคะ เดี๋ยวพี่ปลาไปหาดูผลไม้อย่างอื่นมาให้ดีกว่าค่ะ “มันคือมะยมไม่รู้เกิดมาเขาจะเคยกินไหมและก็คิดว่าคนอย่างเขาน่าจะไม่ชอบแน่นอน มะยมเนี่ยนะ เห็นปกติทานแต่ผลไม้นำเข้า กับเหล้ากับเบียร์ นี่จะมาอารมณ์ไหนกันแน่ นับวันเจ้านายของเธอยิ่งเพี้ยนขึ้นทุกที เมียทิ้งนี่ทำให้คนเสียสูญไปได้ไม่น้อยเลยนะะเพิ่งเคยเจอก็วันนี้แหละ “ทานมื้อเช้าก่อนนะคะ ข้าวต้มปลากระพงค่ะ เดี๋ยวพี่ปลาไปเอาผลไม้มาให้นะคะ” จอมทัพยื่นหน้าไปดมกลิ่นข้าวต้มแล้วก็รู้สึกจะอ้วกขึ้นมาทันทีแล้วก็คิดขึ้นมาได้..รีบหยิบชุดนอนของอรฤดีขึ้นมาดมอาการคลื่นไส้ก็ทุเลาลงแล้วตักข้าวต้มเข้าปาก จะอ้วกอีกก็ทำแบบเดิมอยู่อย่างนั้นจนพี่ปลาที่ถือจานสตอเบอร์รี่มาเห็นชะงักไปอีกที.. ไม่ปกติ เจ้านายของเขาไม่ปกติแล้ว..“มาแล้วค่ะ ผลไม้
“พ่อกับแม่ล่ะครับพี่ปลา” จอมทัพเอ่ยถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในบ้านแล้วก็มีเพียงความเงียบงันไร้ซึ่งเสียงของแม่เขาที่มักจะดังลงมาถึงชั้นล่างเวลาที่ดูรายการตลกชื่อดังช่องหนึ่ง “คุณๆ ทั้งสองไม่อยู่บ้านค่ะ แต่ไม่ได้แจ้งไว้ว่าจะไปที่ไหนค่ะกลับเมื่อไหร่ค่ะ” ชายหนุ่มกวาดสายตามองบ้านที่ว่างเปล่าและเงียบเหงานี้ด้วยหัวใจที่มันห่อเหี่ยวเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป ก่อนจะเดินขึ้นห้องของตัวเองบนชั้นสอง ความเหงาและความว่างเปล่าที่มันรู้สึกได้ว่าไม่เหลือใครสักคนเลยจริงๆ โดยเฉพาะสายตาของพ่อเขาที่แม้ปกติจะไม่ค่อยพูดอะไรมากมายและเป็นคนตลกใจดีแต่ตอนนี้สายตาของพ่อเขาที่มองมามันช่างเย็นชาเหลือเกิน ยิ่งแม่เขาที่เสียน้ำตาออกมาด้วยความเสียใจนี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำให้แม่ร้องไห้ออกมาแบบนั้นมันคือคำตอบว่าเขาเป็นคนที่เลว เป็นคนที่ใช้ไม่ได้เอาเสียเลย เมื่อเปิดโทรศัพท์มือถือก็เจอรูปของลูกปัดคนที่เราเคยรักและตั้งใจจะใช้ชีวิตร่วมกับเธอไปจนวันสุดท้าย…แต่เธอกลับโกหกหลอกลวงเขาตลอดเวลา คำพูดที่แสนหวานของเธอมันไม่มีคำไหนที่เป็นเรื่องจริงเลย.. สาเหตุที่ครอบครัวของเธอไม่ค่อยจะชอบลูกปัดสักเท่าไหร่นักนั่นก็เพราะว่าเรื่องเมื่อหล
“คือคุณอร … คุณอรเธอท้องค่ะ”“พรวดดดดด แค่กๆ” ชาจีนอย่างดีถูกพ่นออกมาทันทีด้วยความตกใจ ให้ตายเถอะแต่ละวัน หัวใจจะวาย“อะไรนะ แล้วเรื่องสำคัญขนาดนี้ทำไมถึงพึ่งมาบอก” “ขอโทษค่ะคุณนายแต่คุณอรกำชับไว้เลยไม่กล้าบอกค่ะคุณนาย” พี่ปลารีบก้มหน้าพูดรัวๆ ออกมาด้วยความกลัวเมื่อเห็นท่าทางของทัศนีย์ในตอนนี้“ฮึ่มมมมแกนะแก” ทัศนีย์รีบเดินไปหาสามีของเธอด้วยความดีใจจนไม่รู้จะพูดคำไหนออกมาแล้วรีบพากันไปที่บ้านของสิริวดีอีกครั้งในทันที “จริงเหรอ เรื่องจริงใช่ไหมแน่ใจแล้วใช่ไหม..” สิริวดีเสียงสั่นเครือเมื่อรู้ว่าลูกสาวของเธอกำลังตั้งท้องอยู่สองมือของคนเป็นแม่สั่นเทาด้วยคความดีใจทำอะไรไม่ถูก“เราไปหาลูกกันเถอะคุณ”คเชนทร์เสนอความคิดพร้อมกับโอบไหล่ภรรยาของตนเองเอาไว้“พวกเราไปด้วยเราก็อยากไปหาหลานเหมือนกันนะ” “งั้นก็ไปกันทั้งหมดนี่เลยแล้วกกัน”ตกลงกันได้อย่างนั้นทั้งสี่คนก็ออกเดินทางไปหาอรฤดีที่บ้านสวนในทันทีกว่าจะถึงก็ใช้เวลาเดินทางอยู่นานพอสมควรแต่กลับเป็นการเดินทางที่ทุกคนรู้สึกว่าช้ากว่าครั้งไหนๆ เพราะตอนนี้หัวในของคนแก่ๆ ไปถึงหลานตัวน้อยๆ ตั้งนานแล้ว ...“วันนี้อากาศดีจังเลยนะคะคุณอร ดอกไม้บ
หลายวันต่อมา ในงานวันหมั้นของลูกปัดและจอมทัพมีเพียงคนจากสองครอบครัวเท่านั้นไม่ได้จัดยิ่งใหญ่อะไรพิธีถูกจัดขึ้นที่บ้านของหญิงสาวแม้แต่เปรมเองที่ไปทำงานต่างจังหวัดก็พึ่งรู้เรื่องงานหมั้นนี้เห็นแต่ว่าน้องสาวของตัวเองประกาศจะแต่งงานยังคิดว่าเป็นเพียงการสร้างเรื่องเมื่อเห็นแบบนี้ทำให้เขาอดที่จะคิดถึงอรฤดีไม่ได้เลยป่านนี้เธอจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ไม่อยู่บ้านเพียงไม่กี่วันไม่คิดว่าน้องสาวของตนเองจะสร้างเรื่องได้ใหญ่โตขนาดนี้ เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ทุกคนพร้อมและถึงเวลาที่จะได้เริ่มพิธีการถึงจะไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่นักแต่ทั้งสุเมธและทัศนีย์ก็ยิ้มแย้มและให้ความร่วมมือทำตามขั้นตอนพิธีการเป็นอย่างดีจะให้ทำยังไงได้ล่ะก็ลูกชายของเธอไปทำลูกเขาท้องนี่เนอะในท้องของเด็กผู้หญิงคนนั้นมีหลานตัวเล็กๆ ของเธอกำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลกไหนจะของหมั้นทุกอย่างก็ของดองทุกอย่างก็ไม่ได้ให้น้อยหน้าชื่อเสียงครอบครัวตัวเองได้ ภายในงานเต็มไปด้วยความแช่มชื่นผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายถึงจะไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่แต่ก็รักษาหน้าตาของกันและกันไม่ให้อายสื่อได้ ลูกปัดยิ้มร่าใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุขจริงๆ ในที่สุดวันที่เธอรอคอย
“สดชื่นไหมคะคุณอรที่นี่อากาศดีทั้งปีคุณอรพักอยู่ที่นี่นานๆ เลยนะคะ” “ขอบคุณมากนะคะป้าพันอร อุก ..อ้วกกกก อ้วกกกก แค่ก ๆ ““ตายแล้วแพ้ท้องหนักมากเลยนะคะ มาค่ะป้าช่วยนะคะ ค่อยๆเดินค่ะ” อาการแพ้ท้องของอรฤดีมีแต่จะหนักขึ้นทุกวันแต่ก็ยังดีที่มีป้าพันผู้มีประสบการณ์การมีลูกมาอย่างโชกโชนและลูกสาวคนเล็กที่คอยช่วยเหลืออยู่ไม่ห่าง ครอบครัวของป้าพันคอยดูแลบ้านสวนแห่งนี้ไว้มาตั้งแต่เริ่มและเป็นคนที่สิริวดีไว้ใจมากพอสมควร “มาแม่ แหนมช่วยประคองนะ เขาไปข้างในก่อนดีกว่าค่ะคุณอรข้างนอกลมแรงแล้วค่ะ”“อรไม่เป็นไรมากหรอกค่ะ ““แต่คุณอรแพ้ท้องหนักมากนะคะจะไม่ให้ป้าบอกคุณนายจริงๆ เหรอคะป้าว่า..”“ตอนนี้ที่บ้านมีเรื่องเครียดมากแล้วค่ะ รอให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางอีกสักหน่อยแล้วค่อยบอกดีกว่าค่ะ” “เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะพวกเราจะดูแลคุณอรอย่างดีที่สุดเลยค่ะ ““แหนมด้วยค่ะ แหนมด้วยๆ” “หึหึ ขอบคุณมากนะคะ อุก.. อ้วกกกก อ้วกกกก แค่ก ๆ”“พรุ่งนี้พี่หมอจะรีบมาแต่เช้าเลยนะคะคุณอร แหนมตื่นเต้นจังเลยค่ะจะเป็นน้องผู้หญิงหรือผู้ชายน้าาา”“เพ้อเจ้ออะไรของมึงอีแหนมคุณเขาพึ่งจะท้องยังไม่รู้เพศหรอก”“อ่าวเหรอ