LOGINหมาวัดแบบเขา เมื่อริอ่านจะเด็ดดอกฟ้า มันก็ตกลงมาเจ็บแบบนี้แหละ ...ทำไมไม่รู้จักเจียมตัวเอาเสียเลยนะ...
View Moreณ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย(ภาคอีสาน)
“แม่บอกเกื้อมาเถาะ ว่าพ่อเกื้อเป็นผู้ใด เกื้อแค่อยากฮู้ซือ ๆ ทอนี้อีหลี” (แม่บอกเกื้อมาเถอะ ว่าพ่อเกื้อเป็นใคร เกื้อแค่อยากรู้เฉย ๆ แค่นี้จริง ๆ) เสียงทุ้มถามเอาความจริงจากปากของมารดาอีกครั้ง ตั้งแต่ที่มารดาป่วย เขาก็มักจะถามคนเป็นแม่อยู่ตลอด ว่าบิดาของเขานั้นคือใคร
คุณพัฒน์ ปัญญากูล หรือ เกื้อกูล แต่คนสนิทมักเรียกขานกันว่า บักเกื้อ ชายหนุ่มในวัย 23 ปี หนุ่มกำพร้าบิดาตั้งแต่เกิด อาศัยอยู่กับผู้เป็นมารดาที่ให้กำเนิด เพียงแค่สองคน ที่บ้านปูนชั้นเดียวหลังเก่า ที่ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา
ชายหนุ่มที่ขาดบิดามาตั้งแต่เกิด ทำให้เป็นเด็กที่มีนิสัยก้าวร้าวมากพอสมควร เพราะต้องทำตัวเป็นคนเข้มแข็งจากการโดนเพื่อนล้อ และต้องคอยเป็นเกราะป้องกัน เป็นที่พึ่งให้แก่มารดาได้ ผู้หญิงซึ่งอันเป็นที่รักที่เขารักมากที่สุด ถึงจะเกเรบ้างตามประสาผู้ชาย เพราะอยู่ในวัยที่อยากรู้อยากลอง จนทำให้มารดานั้นเสียเงินเสียน้ำตามาแล้ว
และยังถูกตราหน้าว่า ‘บักคำผลาญ’ ตั้งแต่นั้นมา เขาได้ให้คำมั่นสัญญาต่อมารดาว่าจะเลิกนิสัยเกเร และหันมาตั้งใจทำงานหาเลี้ยงมารดาแทน ด้วยการช่วยงานของผู้เป็นลุงที่เปิดร้านซ่อมรถ เขามีความรู้มาบ้าง เพราะเขาจบช่างยนต์มา ถึงแม้จะจบเพียงแค่ ปวส. เพราะฐานะทางบ้านที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยเท่าไหร่ แถมมารดายังมาป่วยอีก เมื่อตรวจพบมะเร็งปากมดลูกเมื่อสามปีที่แล้ว
จากนั้นมาเขาก็เริ่มตั้งใจทำงาน เก็บเงินดูแลมารดามาโดยตลอด จนมาถึงปีนี้ ที่ผู้เป็นแม่ของเขาอาการทรุดลง เขาจึงถามหาความจริงจากปากของมารดา ว่าบิดาของเขานั้นคือใครกัน เพราะมักถูกคนล้อเสมอว่า เขานั้นหน้าตาไม่เหมือนมารดาเอาเลย ออกจะไปทางลูกครึ่งไทยผสมคล้ายกับต่างชาติ เพราะรูปลักษณ์ที่สูงโปร่งหุ่นราวกับนายแบบ แถมหน้าตาผิวพรรณก็ไม่ได้มาทางมารดาเลยแม้แต่น้อย
“เกื้อบ่ต้องฮู้ดอก ป่านนี้เพิ่นมีครอบครัวใหม่ไปแล้ว สิมาอยากฮู้หยังเอาตอนนี้ แค่กกก” (เกื้อไม่ต้องรู้หรอก ป่านนี้เขามีครอบครัวใหม่ไปแล้ว จะมาอยากรู้เอาอะไรตอนนี้ แค่กกก) เสียงแหบของผุ้เป็นมารดาเอ่ยบอก พร้อมกับเสียงไอออกมา
คำหล้า ปัญญากูล หญิงวัยกลางคนในวัย 45 ปี ผู้เป็นมารดาที่ให้กำเนิด และเลี้ยงดูคุณพัฒน์มา เพราะชายอันผู้เป็นที่รักที่ทิ้งไปตั้งแต่เมื่อ 24 ปีก่อน
“เกื้อแค่อยากฮู้ แต่เกื้อกะบ่คิดสิตามหาเพิ่นดอกแม่ แต่แม่บอกเกื้อมาเถาะ” (เกื้อเพียงแค่อยากรู้ แต่เกื้อก็ไม่คิดที่จะตามหาเขาหรอกแม่ แต่แม่บอกเกื้อมาเถอะ) คุณพัฒน์พยายามรบร้าวคนเป็นแม่ ให้ท่านยอมบอก อย่างน้อย ๆ แค่ชื่อก็พอแล้ว
“เพิ่นเป็นคนกรุงเทพ แม่ฮู้แค่นี้แหละ” (เขาเป็นคนกรุงเทพ แม่รู้แค่นี้แหละ) คำหล้าตอบลูกชายออกไปแบบปัด ๆ เพื่อตัดปัญหา
“แม่มีรูปพ่อบ้อ” (แม่มีรูปพ่อไหม) เขาถามหาภาพถ่ายจากมารดาทันที
“มีทอนี่ละ...” (มีแค่นี่แหละ...) คำหล้าพูดพร้อมกับส่งรูปถ่ายใบเล็ก ๆ เก่า ๆ ที่เคยถ่ายไว้กับคนรัก เมื่อ 24 ปีก่อนให้แก่ลูกชายดูเป็นครั้งแต่ เพราะตั้งแต่ที่คุณพัฒน์เกิดมา ก็ไม่เคยให้ลูกชายเห็นเลย
“พงษ์พัฒน์”
“...ฮู้แล้วกะอย่าไปตามหาละ สิรบกวนครอบครัวใหม่เพิ่น” (...รู้แล้วก็อย่าไปตามหาละ จะรบกวนครอบครัวใหม่เขา) คำหล้าสั่งห้ามลูกชายไว้ทันที เพราะไม่อยากให้เขาตามหาพ่อ
“แม่บ่อยากฮู้บ้อ ว่าเป็นหยังเพิ่นคือถิ่มแม่ไปแบบนั้น” (แม่ไม่อยากรู้หรือ ว่าทำไมเขาถึงทิ้งแม่ไปแบบนั้น) คุณพัฒน์ถามเชิงคนเป็นแม่ขึ้นมาทันที
“มันผ่านมาตั้งยี่สิบกว่าปีแล้วเกื้อ ขันเพิ่นอยากมาหาแม่ เพิ่งคงสิมาตั้งแต่โดนแล้ว บ่ปล่อยให้แม่เลี้ยงเกื้อผู้เดียวเองแบบนั้นดอก เซาถามเรื่องนี้ แล้วไปตั้งใจเฮ็ดการเฮ็ดงาน ถ้าอยากไปตามหาพ่อ กะต้องถ่าให้แม่ตายก่อน...” (มันผ่านมาตั้งยี่สิบกว่าปีแล้วเกื้อ ถ้าเขาอยากมาหาแม่ เขาคงจะมาตั้งนานแล้ว ไม่ปล่อยให้แม่เลี้ยงเกื้อคนเดียวเองแบบนี้หรอก เลิกถามเรื่องนี้ แล้วไปตั้งใจทำการทำงาน ถ้าอยากไปตามหาพ่อ ก็ต้องรอให้แม่ตายก่อน...)
คำหล้าเอ่ยออกมาตามความจริง เพราะหากว่าชายคนที่รัก รักเธอจริง ๆ คงไม่ปล่อยให้เธออุ้มท้องและคลอดลูกมาอย่างเด็ดเดี่ยว โดยถูกชาวบ้านนินทาว่าลูกที่เกิดมา คือลูกไม่มีพ่อหรอก
ความเจ็บปวดที่ตราตึงที่ยังคงฝังอยู่ในใจครานั้นทำให้เธอต้องดั้นด้น หอบท้องย้ายถิ่นฐานมาอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง
“แม่คือเว้าจังสี้ล่ะ แม่ต้องอยู่นำเกื้อไปโดน ๆ เกื้อมีแม่แค่ผู้เดียว เกื้อฮักแม่เด้อ” (แม่ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ แม่ต้องอยู่กับเกื้อไปนาน ๆ เกื้อมีแม่คนเดียว เกื้อรักแม่นะ) เขาหน้าถอดสีทันที ที่มารดาเอ่ยคำนี้ออกมา
“ขันเกื้อฮักแม่ เกื้อกะต้องตั้งใจเฮ็ดงาน เปลี่ยนแปลงเจ้าของ เฮ็ดเพื่อแม่เทื่อสุดท้ายได้บ่ลูก...” (ถ้าเกื้อรักแม่ เกื้อก็ต้องตั้งใจทำงาน เปลี่ยนแปลงตัวเอง ทำเพื่อแม่ครั้งสุดท้ายได้ไหมลูก...) คำหล้ายืนคำขาดกับลูกชายออกมา
“...ครับ เกื้อสิปรับปรุงโตเจ้าของให้ดีขึ้นกว่านี้ แต่แม่ต้องสัญญาคือกันเด้อ ว่าแม่จะอยู่นำเกื้อไปโดน ๆ” (...ครับ เกื้อจะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นกว่านี้ แต่แม้ต้องสัญญาเหมือนกัน ว่าแม่จะอยู่กับเกื้อไปนาน ๆ) เขานิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนที่จะตอบรับคำของมารดา
“ปรับปรุงเจ้าของ เซาเที่ยว เซากินเหล้า แล้วตั้งใจเฮ็ดงาน ถ้าเกื้อยังเป็นอยู่แบบนี้ ผู้ใดเขาสิอยากแต่งงานนำ...” (ปรับปรุงตัวเอง เลิกเที่ยว เลิกดื่มเหล้า แล้วตั้งใจทำงาน ถ้าเกื้อยังเป็นอยู่แบบนี้ ใครเขาจะอยากแต่งงานด้วย)
เพราะคนเป็นแม่ก็อยากเห็นลูกออกเรือนเป็นฝั่ง เป็นฝากันทั้งนั้น
“เกื้อบ่เอาดอกเมีย อยู่กับแม่แค่สองคนกะมีความสุขแล้ว...” (เกื้อไม่เอาหรอกเมีย อยู่กับแม่แค่สองคนก็มีความสุขแล้ว) เขารีบปฏิเสธทันควันเมื่อมารดาเอ่ยถึงการออกเรือน
“เกื้ออายุ 23 แล้วเด้ แม่อยากเห็นเกื้อมีครอบครัว มีลูกคือหมู่คนอื่น ๆ ถ้าเกื้อสัญญาว่าสิบ่กลับไปเฮ็ดโตแบบเก่าอีก แม่สิอนุญาตให้เกื้อไปตามหาพ่อ” (เกื้ออายุ 23 แล้วนะ แม่อยากเห็นเกื้อมีครอบครัว มีลูกดหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ ถ้าเกื้อเกื้อสัญญาว่าจะไม่กลับไปทำตัวแบบเดิมอีก แม่จะอนุญาตให้เกื้อไปตามหาพ่อ)
ถึงอย่างไรก็คงจะห้ามลูกตามหาบิดาไม่ได้ แต่คำหล้าก็มักจะหาเหตุผลมาพร่ำบอกอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าลูกชายนั้นจะไม่เชื่อฟังก็ตาม
“เกื้อเซามาหลายปีแล้ว แต่แม่เว้าอีหลีนะว่าสิให้เกื้อไปตามหาพ่อ” (เกื้อหยุดมาหลายปีแล้ว แต่แม่พูดจริง ๆ นะว่าจะให้เกื้อไปตามหาพ่อ)
เพราะตั้งแต่ที่ทราบว่ามารดาป่วย นับแต่นั้นมา เขาก็ปฏิญาณตนกับตัวเองและมารดา ว่าจะเลิกทำนิสัยเกเร และเขาก็ทำมาได้แล้วสามปี
“เป็นหยังจังคืออยากมาฮู้และตามหาเอาตอนนี้ ว่าพ่อเป็นไผ” (ทำไมถึงอยากรู้ อยากตามหาเอาตตอนนี้)
เพราะก่อนหน้านี้ ไม่เคยได้ยินลูกชายพูดถึงบิดมาให้ได้ยินเลยแม้สักครั้ง
“เกื้ออยากฮู้ตั้งแต่โดนแล้ว แต่เกื้อบ่กล้าถามแม่ และตอนนั้นกะยังเด็กน้อยอยู่นำ...” (เกื้ออยากรู้ตั้งนานแล้ว แต่เกื้อไม่กล้าถามแม่ และตอนนั้นก็ยังเด็กด้วย)
“เว้ามาแบบนี้ คงสิอยากตามหาอีหลีแม่นบ่” (พูดแบบนี้ คงจะอยากตามหาจริง ๆ ใช่ไหม) ผู้เป็นมารดาได้แต่เอ่ยถามกลับ
คุณพัฒน์ไม่ได้เอ่ยตอบอะไรมารดาออกไปแม้แต่คำเดียว แต่กลับเป็นการพยักหน้าให้มารดาแทนคำตอบทุกอย่าง
ฝากเอ็นดูบักหล่าเกื้อกูลของไรท์นำเด้อจ้า...♥️
บทส่งท้าย(จบ)“เรามีลูกอีกคน สร้างครอบครัวไปด้วยกันนะครับ” เสียงนุ่มเอ่ยบอกคนในอ้อมกอด ขณะที่ทั้งคู่กอดก่ายกันอยู่บนที่นอน หลังจากบทเพลงรักรอบล่าสุดจบลง“ค่ะ ขอบคุณนะคะที่กลับมาหามุกกับลูก” เธอช้อนสายตาขึ้นมองเขา และเอ่ยขอบคุณเขาจากใจจริง“ขอบคุณเช่นกันครับ ที่ยังรอพี่ ต่อไปนี้เราจะไม่แยกจากกันไปไหนอีกแล้ว พี่จะดูแลมุกดูแลลูกเป็นอย่างดี จะรัก ทะนุถนอมเทิดทูลดอกฟ้าดอกนี้เป็นอย่างดีเลยครับ พี่สัญญา” เขามองสบตาเธอ ก่อนที่จะเอ่ยให้คำมั่นสัญญาต่อหน้าเธอ แล้วก้มลงหอมขมับเธออย่างอ่อนโยน พร้อมกับอ้อมกอดที่กระชับแน่นขึ้นกว่าเดิม“ช่างรู้จักเปรียบเทียบนะคะ มุกไม่เคยมองพี่ด้อยไปกว่ามุกเลยนะ”“อาบน้ำกันดีกว่าครับ เดินไหวไหม” เขาจึงตัดบทขึ้น แล้วถามเธอออกไปด้วยความเป็นห่วง เพราะจัดหนักเธอไปตั้งหลายยกหลังจากที่ไม่ได้หลอมรวมกันมานาน“...อุ้มหน่อย” เธอมองเขาก่อนที่จะส่ายหน้าเบา ๆ แล้วอ้อนเขาขึ้นมาเหมือนเด็กที่ยังไม่โตทันที“อ้อนเก่งแบบนี้ ไม่รู้ว่านุกูลจะขี้อ้อนเหมือนแม่หรือเปล่า” เขาช้อนเธอขึ้นแนบอกในท่าเจ้าสาว แล้วเอ่ยแซวเธอออกมาอย่างไม่จริงจังนัก“นุกูลเหมือนพี่ไปเสียทุกอย่างเลยค่ะ มุกอุตส่าห์อุ้ม
ไปรำลึกความหลัง NC“ทีนี้เข้าใจคำว่าทองแผ่นเดียวกันหรือยัง” ปราโมทย์เอ่ยขึ้นพร้อมกับจ้องมองไปที่สองหนุ่มสาวที่นั่งอยู่อีกฝั่ง“เข้าใจแล้วค่ะ แล้วทำไมคุณพ่อไม่บอกละคะ ว่าลูกชายเพื่อนพ่อคือพี่เกื้อ” มุกดารินทร์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แต่ก็ยังโกรธและงอนผู้เป็นพ่ออยู่ดีที่ไม่ได้บอกความจริงและเหตุผลตั้งแต่แรก“ตอนแรกพ่อก็ไม่รู้ พ่อพึ่งจะมาทราบก็ตอนที่เขาบอกว่ารับทุกอย่างที่เป็นลูกได้ ถึงแม้ว่าลูกจะมีลูกแล้ว พ่อเลยเอะใจสืบให้คนประวัติดู แต่ไม่คิดว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้ไง ใครจะไปคิดว่าเกื้อกูลเป็นลูกชายของพงษ์พัฒน์เขา น้องชายแท้ ๆ ของคุณพงษ์พิพัฒน์ที่ไปรักษาตัวอยู่ที่ต่างประเทศ” ปราโมทย์จึงอธิบายบอกลูกสาว เพราะตัวเขาเองก็พึ่งมารับรู้ความจริงเมื่อไม่นานมานี้เหมือนกัน“เป็นโชคชะตาฟ้าลิขิตมากกว่าน่ะผมว่า ไปทำผู้หญิงท้องแล้วไม่ยอมกลับไปรับผิดชอบ แถมยังไม่ส่งข่าวอีก เก็บความลับเอาไว้จนมิดเชียว” พงษ์พิพัฒน์จึงเอ่ยเสริม แต่ก็ไม่วายตำหนิน้องชายของตัวเอง“ก็ใครจะไปรู้ ว่าคำหล้าจะท้อง แต่ผมก็กลับไปหาคำหล้าตามสัญญานะพี่ แต่แค่ไปไม่ถึงเกิดอุบัติเหตุเสียก่อนอย่างที่เห็นนั้นแหล่ะเดินไม่ได้อยู่หลายปี แล้วแบบน
ความจริงคือ...“พี่เกื้อ!”ทุกคนต่างหันหน้าไปทางประตูเข้าบ้านตามเสียงของคนที่มานั่น กลับพบร่างสูงที่คุ้นเคย แต่ครั้งนี้กลับแต่งตัวดูมีพื้นฐาน พร้อมกับชายสูงวัยอีกคนที่มาพร้อมกันร่างสูงเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่ยืนอ้าปากค้างมองหน้าเขาอย่างงุนงงขณะที่เจอหน้ากันอีกครั้ง ก่อนที่ร่างสูงจะเอ่ยถามย้ำคนตรงหน้าขึ้นมาอีกครั้ง“ว่ายังไงครับ ใครจะไม่ยอมแต่งงานกับพี่เหรอ”“...” มุกดารินทร์ยังคงนิ่งเงียบ เพราะยังทำตัวไม่ถูกและตกใจที่เจอเขาหลังจากที่เขาและเธอแยกจากกันไปนานเกือบสามปี“มุกยินดีที่จะแต่งงานกับพี่หรือเปล่าครับ” เขาถามเธอขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเธอยังคงเงียบไม่ตอบในสิ่งที่เขาถามไปเมื่อสักครู่ดวงตากลมโตไหวระริกมีน้ำตาเอ่อคลอ มือปัดเช็ดออกแบบลวก ๆ แต่น้ำตามากมายยังคงไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้างอย่างไม่อาจห้ามอยู่“ฮึก...ตะ แต่งค่ะ มุกจะแต่งงานกับพี่เกื้อ” เสียงสั่นตอบรับคนตรงหน้าแบบไม่ลังเลก่อนที่จะสวมกอดเขาแน่นด้วยความคิดถึงและโหยหา“พอเป็นพ่อของลูกนี่ตอบแบบไม่คิดอะไรเลยน่ะ แทบจะเป็นฝ่ายขอเขาแต่งเสียเองแล้ว” ปราโมทย์อดที่จะแซวลูกสาวออกมาไม่ได้ เพราะก่อนหน้านั้นยังเถียงเขาหลังชนฝา เอาแต่ปฏิเ
แต่งงานกับคนที่เหมาะสมหนึ่งสัปดาห์ต่อมา“มุกไม่แต่งค่ะ มุกจะรอพี่เกื้อ พ่อของนุกูลคนเดียวเท่านั้น” มุกดารินทร์ปฏิเสธ ค้านขึ้นมาทันที เมื่อบิดาของเธอบอกว่าจะให้เธอแต่งงานกับลูกชายของเพื่อนที่พึ่งกลับมาจากต่างประเทศจริง ๆ ซึ่งเป็นใครนั้นเธอก็ไม่เคยรู้ เพราะเธอไม่เคยที่จะสนใจผู้ชายคนอื่นอยู่แล้วแต่เธอแค่คาดไม่ถึง ว่าสิ่งที่บิดาเปรยเอาไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้นจะเป็นเรื่องจริง ที่จะให้เธอแต่งงานกับลูกชายเพื่อนของท่าน หากว่าคุณพัฒน์ยังไม่กลับมา เพราะนี่ก็ล่วงเลยมาใกล้จะถึงสามปีแล้ว ที่คุณพัฒน์หายเงียบขาดการติดต่อตั้งแต่ที่ไปเรียนต่างประเทศ“แต่คนนี้ลูกชายเพื่อนสนิทพ่อเลยน่ะ กำลังกลับมาจากต่างประเทศด้วย”“จะเป็นใครมาจากไหน มุกก็ไม่สนทั้งนั้นแหล่ะคะ และจะไม่แต่งงานด้วยทั้งนั้น มุกจะมีแค่ผัวเดียวเมียเดียว ก็คือพี่เกื้อเท่านั้น ถึงแม้ว่าพี่เกื้อจะไม่รักมุกกับลูกแล้วก็ตาม” เธอยังคงปฏิเสธเช่นเดิม ถึงแม้ว่าบิดาเธอจะเอ่ยอย่างไรเพราะเธอสัญญากับตัวเองไว้แล้ว ว่าจะไม่รักใครอีกนอกจากพ่อของลูกเท่านั้น ถึงแม้ว่าอนาคตข้างหน้าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ตาม เธอจะซื่อสัตย์กับใจตัวเอง“ไหนล่ะ? ไอ้คนที่ลูกรักนัก
วันเวลาเปลี่ยนสองปีผ่านไปวันเวลาผ่านพ้นไปอย่ารวดเร็ว แต่กลับช้าเสียเหลือเกินสำหรับมุกดารินทร์ เพราะกว่าจะผ่านไปได้แต่ละวันเธอต้องอดทนมากขนาดไหน และตอนนี้เองมุกดารินทร์จบการศึกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้วตามคาดเอาไว้ภายในสองปี และเธอก็ทำได้และเธอเองก็ได้เข้ามาทำงานในบริษัทของบิดาเธอแล้ว ในตำแหน่งรองประธานและผู้บริหารบริษัทที่บิดาเธอกับวิศรุตอีกคน เพราะบิดาของเธอส่วนใหญ่จะอยู่เลี้ยงหลานที่บ้าน นาน ๆ ทีจะเข้ามาบริษัท...“แม่จ๋าครับ” เสียงเล็กของนุกูล ลูกชายวัยสองขวบครึ่งเอ่ยเรียกเธอขึ้นมาแต่ไกล พร้อมกับวิ่งเข้ามาหาเมื่อผู้เป็นลุงอย่างวิศรุตพาเดินลงมาจากบันไดบ้านชั้นสอง เพราะเมื่อคืนนี้ทั้งคู่นอนด้วยกัน“ครับ” มุกดารินทร์ย่อตัวลงขานรับลูกชาย และสวมกอดทันทีอย่างแสนคิดถึงแสนรักเสียเหลือเกินกุลพัฒน์ หรือ นุกูล ลูกชายวัยสองขวบเศษของเธอกับคุณพัฒน์ นับวันยิ่งแต่ถอดแบบของคนเป็นพ่อไปทุกที ไม่ใช่แค่เพียงเพศและหน้าตาที่เหมือนไปทางผู้เป็นพ่ออย่างเดียว แต่นิสัยก็เริ่มออกไปทางผู้เป็นพ่อด้วยเช่นกัน ซึ่งเธอจะรู้ดีมากที่สุด และมีลูกชายคนนี้แหล่ะ ที่คิดถึงพ่อของลูกเมื่อไหร่ เธอมักจะมองหน้าของลูกชาย คนที่เป็
การจากลารุ่งเช้าผ้าม่านพัดปลิวไหวไปตามแรงลมที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างของห้องนอน มุกดารินทร์ลืมตาขึ้นมาอย่างแสนอ่อนล้าเอื้อมมือควานหาร่างแกร่งที่นอนกอดมาทั้งคืน กลับพบเพียงแค่ความว่างเปล่า เพราะเขาคงจะลุกออกไปตั้งนานแล้วสัมผัสจากที่นอนที่เย็นเฉียบสายตากวาดมองไปรอบ ๆ ห้อง ก็ต้องก้มหน้าลงอย่างแสนเศร้า แถมทั้งห้องนอนยังไร้ร่างเล็กและเสียงของลูกน้อย เพราะไม่ได้อยู่ที่ห้องนี้แล้ว เขาน่าจะอุ้มนุกูลออกไปหรือผู้เป็นตาอาจเข้ามาอุ้มออกไป เพราะเวลานี้ก็สายมากแล้ว เป็นอีกวันที่เธอนอนตื่นสายกว่าทุกวัน และอาจเป็นเพราะเมื่อคืนที่เธอแทบจะไม่ได้นอนเลยเพราะบทรักที่เขามอบให้...“ทำไมพี่ไม่ปลุกมุกเลยพี่เกื้อ ใจร้ายจัง”น้ำตาไหลอาบสองข้างแก้มทันที เมื่อนึกน้อยใจที่คุณพัฒน์ลุกออกไปไม่ยอมปลุกเธอขึ้นมา ร่ำลากันบ้างเลย และสายตาก็เหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งวางไว้อยู่บนโต๊ะของฝั่งที่เขานอน-ขอโทษนะครับ หากมุกได้อ่านจดหมายฉบับนี้พี่คงขึ้นเครื่องแล้ว ขอโทษอีกครั้งที่พี่ไม่ได้ปลุกมุก พี่คงทำใจจากมุกมาไม่ได้ พี่ไม่อยากให้มุกเห็นความอ่อนแอของพี่ พี่เลยตัดสินใจเลือกออกมาแบบนี้ดีกว่า นุกูลอยู่ที่ห้องคุณพ่อ พี่อยากใ
Comments