”ไม่เจอกันนานรู้สึกว่าหน้าอกเธอเล็กลงนะ“”แต่คุณก็ทั้งดูดทั้งบีบมันเล่นยิ่งกว่าเด็กหิวนมแม่ไม่ใช่หรอ“ฉันเคยให้โอกาศเธอหนีไปครั้งหนึ่ง แต่เธอดันกลับเข้ามาในชีวิตฉันเอง เพราะงั้นจะไม่มีคำว่าโอกาศครั้งที่สอง..
View Moreฟึบ!
“อ่าส์..” เสียงคำรามเบาๆจากชายร่างสมส่วนฟุบลงบนโซฟาขนาดคิงไซส์ใจกลางห้อง ด้วยสีหน้ากำลังกลั้นทนกับความเจ็บปวด เสื้อเชิ้ตสีขาวสอาดแปะเปื้อนเต็มไปด้วยหยดเลือดสีแดง ชายหนุ่มกัดปากแน่นพรางเอนตัวพิงโซฟาด้วยความเพลีย ”ไปโรงพยาบาลเถอะนะครับบอส“ ชายในสูทสีดำกล่าวขึ้นด้วยท่าทีเป็นห่วง แม้จะเคยเห็นภาพตรงหน้าบ่อยจนเป็นว่าเล่น ทว่าความชื่อสัตว์ลึกในใจที่ตนมีต่อผู้เป็นนายไม่สามารถทำให้ยืนเพิกเฉยมองดูนายเจ็บได้ “กูไม่ไป” คำพูดเดิมๆที่เขากล่าวออกมา แม้จะเจ็บปานตายจากข้างนอกมา แต่ทว่าความดื้อด้านที่จะกลับบ้านมาหาแฟนสาวก่อนสิ่งอื่นไดก็ยังคงไม่เคยเปลี่ยน ครืด… เสียงประตูที่ฟังดูเหมือนจะมาจากห้องนอนถูกเปิดออกก่อนเสียงฝีเท้าเล็กที่ดูเหมือนจะลากสิ่งของบางอย่างกำลังมุ่งเข้ามาทางเขา คิ้วเข้มขมวดขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวผู้เป็นที่รักเดินลากสัมภาระขนาดใหญ่เข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้าตน “คุณจะไปไหน”ร่างใหญ่รีบดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาพุ่งเข้ามาจับมือเล็กที่กำสัมภาระเอาไว้แน่น สายตาอันเป็นกังวลจ้องมองใบหน้าสระสวยที่ดูเหมือนจะมีอะไรในใจ ปากอวบเม้มเข้ากันแน่นไม่กล้าเงยขึ้นสบตากับแฟนหนุ่ม ทว่าเธอขอเวลาทำใจที่จะกล่าวสิ่งในใจออกมาไม่ถึงนาที หญิงสาวค่อยๆเงยหน้าสบตากับอีกคนที่มองดูเธอแววตาเป็นกระวนกระวาย “เดน…พิชขอโทษค่ะ เราเลิกกันเถอะนะ” คำพูดที่ไม่ต่างจากมีดเล่มใหญ่แทงลึกเข้าไปในอกแกร่ง คนฟังถึงกับชะงักนิ่งไปชั่วครู่ ไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น มือหนากำแผ่นหลังมือบางแน่น “พิชพูดเรื่องอะไร เราคุยกันแล้วไม่ใช่หรอ ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรจะไม่พูดคำว่าเลิกเด็ดขาด..” “คุณให้เวลาพิชหน่อยนะ ตอนนี้พิชไม่สามารถยืนอยู่เคียงข้างคุณได้” “ทำไมจะไม่ได้อ่ะพิช ไม่มีอะไรมาขวางความรักเราได้ทั้งนั้น” “พิชขอโทษ..”นิ้วมือเล็กแกะมือหนาที่จับมืออีกข้างเธอเอาไว้แน่นออกด้วยแรงอันน้อยนิด ด้วยความที่ร่างกายอีกคนก็อ่อนเพลียไม่ต่างกัน เขาไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะยื้อเธอไว้ “เราจบกันแค่นี้นะคะ อย่าลืมทำแผลด้วยนะ ครั้งนี้พิชคงอยู่ทำให้คุณไม่ได้”สิ้นสุดคำพูด พิชชาหันหลังสาวเท้าก้าวออกไปโดยไม่คิดจะหันกลับมาเหลียวแล คนมองนํ้าตาคลอมือไม้อ่อนแรงฟุงลงบนโซฟา ทุกอย่างเหมือนจะถึงทางตันไปหมด นับตั้งแต่ที่มีเธอเข้ามา เขาก็ไม่เคยคาดถึงโลกที่ไม่ทีเธออยู่ข้างๆอีกเลย นํ้าสีใสหยดลงมาไม่สนคำว่าลูกผู้ชาย “ผมจะไปตามเธอกลับมา..”แดนผู้เป็นลูกน้องคนสนิททนเห็นนายเป็นแบบนี้ก็บีบใจตนไปด้วยไม่น้อย ชายในสูทดำหันหลังจะไปตามว่าที่นายหญิงกลับมา ทว่ายกขายังไม่ทันก้าวออกไป ผู้เป็นนายก็เอ่ยห้ามเสียก่อน “ปล่อยเธอไป” “แต่ว่า..” “ในเมื่อเธออยากไปก็ปล่อยให้เธอไปซะ” แม้มันจะบีบหัวใจแทบขาดเป็นเสี่ยงๆ แต่เมื่อเธอยืนยันที่จะไปจากเขา ก็ปล่อยให้เธอได้ทำตามความต้องการเสีย ลูกน้องผู้ยืนมองได้แต่พยักหน้ารับฟังคำสั่ง เมื่อตัวเค้าเองไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ ”แล้วแผลนาย…“ “แค่นี้ไม่ตายหรอก มึงออกไปได้แล้ว” แดนพยักหน้ารับรู้ก่อนจะก้าวออกไปตามคำสั่งของเจ้านาย “หลอกลวงทั้งนั้น..สัญญาบ้าๆ” เอนหัวพิงด้านหลังพรางหลับตา ทำให้นํ้าตาที่คลอเอ่อเต็มเบ้าตาหลั่งไหลเป็นสายนํ้าลงมาจนถึงไต้คาง ที่ผ่านมาคงไม่เคยมีความหมายอะไรกับเธอเลย ถึงได้เลือกที่จะทิ้งกันไปได้ง่ายๆเช่นนั้น แผลจากโดนยิงลึกเข้าไปที่กำลังเจ็บแสบอยู่ตรงแขนนั้นเทียบไม่ติดอะไรกับหัวใจที่กำลังปวดตึบๆจนไม่สามารถระบายความทรมานนั้นออกมาเป็นคำพูดได้ บนเครื่อง.. ดวงตาเศร้าหมองทอดมองออกไปนอกหน้าต่างที่เต็มไปด้วยก้อนเมฆสวยงาม ในหัวเต็มไปด้วยความคิดเป็นจำนวนมาก หากชีวิตเธอสวยงามได้ดั่งก้อนเมฆพวกนี้คงดีไม่น้อย คำพูดของหญิงชราวันนั้นผุดเข้ามาในหัวซํ้าๆ “ด้วยใบหน้าไร้ที่ติของเธอ เกือบจะดีพอที่จะเป็นสะใภ้บ้านฉันได้ แต่น่าเสียดาย..ตระกูลฉันไม่นิยมเก็บคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าเข้ามาเป็นสะใภ้ นี่คือจำนวนเงินสิบล้าน ฉันคิดว่าเธอคงฉลาดพอแล้วเอาเงินนี่ไปตั้งตัวซะ “ ภายในภัตตาคารหรู สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยกลิ่นอายคนรวย เธอกำลังถูกมารดาของชายผู้เป็นที่รักนั่งดูถูกกดขี่ ทว่าด้วยนิสัยของพิชชา ไม่สามารถมีใครมาเอาเปรียบเธอได้ ใบหน้าสระสวยเผยยิ้มบางออกมา “คุณหญิงดาริณ ฉันคิดว่าคุณพูดถูก“ “หึ..ก็คิดว่าจะโง่” “ก็ได้ค่ะ ฉันจะเลิกกับลูกชายคุณ” ”เงินเช็คนี้เป็นของเธอ“ ”ขอบคุณในนํ้าใจค่ะ แต่ฉันขอไม่รับไว้“สิ้นสุดคำพูด คนสวยดีดตัวขึ้นก่อนจะหันหลังก้าวจากไปโดยไม่เอ่ยคำลํ่าลา ทว่าเมื่อก้าวออกไปได้ไม่กี่ก้าวก็เกิดความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัว ก่อนจะหยุดหันกลับมา ”อ้อ..ฉันขอบอกไว้เลยนะคะ ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ มันเป็นเพราะคุณ“ ”ถ้าเธอหมายถึงเรื่องลูกชายฉันล่ะก็ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันได้เตรียมผู้หญิงที่เหมาะสมกับเค้าเอาไว้แล้ว“ กล่าวจบหญิงชรายกแก้วนํ้าชาขึ้นมาจิบอย่างสบายอก ”ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น หึ..คุณหญิงดาริน นี่เพิ่งเป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น ฉันพูดจบแล้ว ขอตัวนะคะ“ใช่ ทุกอย่างมันเพิ่งจะเริ่ม แล้วเธอจะกลับมาทวงผู้ชายของเธอคืน สิ้นสุดคำพูดร่างบางหันหลังก้าวออกไปในทันที ก่อนจะมีเสียงแก้วนํ้าชาที่ถูกวางลงบนโต๊ะกระจกเงาเปร่งเสียงขึ้นมา ’เกร๊ก‘! “เธอพูดผิดแล้วล่ะ นี่มันเป็นจุดจบต่างหาก เพียงแค่ฉันกำจัดเธอออกไปได้ก็สิ้นเรื่อง” คำพูดจากปากคนรวยพวกนั้นแล่นอยู่บนหัวเธอซํ้าๆ หญิงสาวละสายตาออกจากก้อนเมฆนอกหน้าต่างเครื่องบินที่กำลังมุ่งไปยันฝรั่งเศษ เธอไม่ใช่คนที่จะยืนอยู่เฉยๆให้คนพันธุ์นั้นมากดขี่เป็นครั้งที่สอง ในเมื่อรวยแล้วสามารถทำตามใจได้ เธอก็จะดันตัวเองให้ขึ้นไปอยู่ในระดับนั้นเสีย…”ไอ้บ้าเอ้ย บ้าที่สุด!“ เมื่อเริ่มหายใจได้คล่องตามปกติ พิชชาเกิดตวาดลั่น กำปั้นเล็กทุบตีอกแกร่งดังตุบๆด้วยความหงุดหงิด “นี่คุณ!” มือหนารีบจับกำปั้นน้อยๆนั่นไว้นิ่ง มองใบหน้าจิ้มลิ้มที่กำลังแดงกํ่าด้วยอารมณ์หลายๆอย่างเข้ามาแปรปรวน อีกทั้งยังจะฤทธิ์แอลกอฮอล์อ่อนๆที่เธอดื่มเข้าไป ”เป็นบ้าอะไรของคุณอีก เข้ามาจูบคนอื่นก่อนแท้ๆ“ เดนนิสสถบคำถามออกมานํ้าเสียงนิ่ง “ฉันโกรธคุณอยู่!” พิชชาตวาดเสียงดัง อยากจะให้เขาโอ๋แบบแต่ก่อนตอนคบกัน แม้จะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เธอก็ยังเลือกที่จะงอแง “นั่นมันไม่ใช่ปัญหาของผม ลุกออกไปจากตัวผมได้แล้ว” ชายหนุ่มสวนกลับไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่ได้อยากจะสนใจอะไรด้วย เลือกที่จะทิ้งเขาไปเองแท้ๆ แล้วยังจะกลับมาเรียกร้อง โกรธก็ทนต่อไปเอาเองแล้วกัน “ไม่ลุก คุณดึงฉันมานั่งเอง!” ฝ่ายคนตัวน้อยก็ไม่ยอม พูดแล้วก็กอดคอเขาเอาไว้แน่น ตัวเองเป็นคนดึงลงมานั่งแท้ๆ พอตอนนี้ทำมาเป็นไล่ ตอนจูบก็ใช่ว่าจะปฏิเสธ แถมยังรุกกลับจนเธอแทบขาดอากาสหายใจ ยังจะมาเย็นชาใส่กันได้อีก “พิชชา“ ชายหนุ่มกดเสียงตํ่าเรียกชื่อหญิงบนตักขึ้น พร้อมมองหน้าเธอนิ่งเป็นการสั่ง ”ฉันโกรธคุณอยู่!“ คนโดนเรียกก็ใช
เวลาเลยผ่านมาถึงยามราตรี เป็นเวลาที่ผู้คนส่วนมากเข้านอนกัน ทว่าอีกส่วนของคนพวกนั้นกำลังครึกครื้น เช่นสองสาวสุดแซ่บที่กำลังนั่งดื่มดํ่าเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์อยู่บนโต๊ะ ท่ามกลางเสียงดนตรีดังลั่นสงั่นภายไต้แสงสีวิบวับ ล้อมรอบไปด้วยผู้คนหลากหลายกำลังเมามันส์ในผับย่านเมืองหรู “น้องเอมมานั่งนี่เร็วค่ะ ส่วนมึงยัยพิช ไปตามตื๊อสุดที่รักมึงนุ่น กูจะสวิทกับน้องเอมสองคน” บรีสเมื่อเห็นเด็กที่เธอนัดหมายเอาไว้เดินเข้ามาก็รีบลากชายร่างลํ้าเข้ามานั่งประกบข้าง บวกกับหันมาไล่เพื่อนสาวที่นั่งดื่มอยู่ข้างๆ “อ้าวยัยนี่ ได้ผู้แล้วไล่เพื่อนหรอ” พิชชาหน้าบึ้ง กำลังนั่งจิบไวน์ในลุคผู้ดีอยู่หมาดๆ พอผู้มาถึงไม่ทันได้หย่อนก้นนั่งก็หันมาไล่ผู้เป็นเพื่อนอย่างเธอหน้าตาเฉยสะงั้น “มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว” คนถูกถามยักไหล่ทำหน้ากวน พร้อมลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเปลี่ยนไปนั่งตักแกร่งของชายข้างๆแทน หันหน้ากลับมามองพิชชาสายตาไล่ ไม่ได้ชื่อเอมก็เหนื่อยหน่อยนะ ”ขอนั่งแป๊ปเดียวเองเพื่อน“ พิชชายิ้มเหนื่อยใจประชดประชัน มองหน้าเพื่อนสนิทอย่างสิ้นหวัง โดนแฟนเก่าเทแล้วยังจะมาโดนเพื่อนไล่อีก ชีวิตมีอะไรดีบ้าง ”แป๊ปเดียวก็ไม่ให
“ยัยพิช นี่กูนั่งดูมึงร้องไห้มาจะสองชั่วโมงแล้วนะ“ เป็นเวลาสองชั่วโมงที่พิชชาเปิดประตูเข้ามาก็เอาแต่นั่งร้องไห้อยู่ไต้โซฟา โดยไม่ยอมให้เพื่อนลุกไปไหน จนบรีสต้องเอ่ยแทรกเข้าไปท่ามกลางเสียงสะอึกสะอื้น ขืนต้องนั่งรออีกเป็นชั่วโมงขาคงจะชาจนใช้งานไม่ได้อีกเป็นแน่ “ฮึกก ก็กูเจ็บอ่ะ แทนที่จะเข้ามาดูกันหน่อย แต่เค้าเลือกที่จะหันหลังเดินออกไปกับยัยนั่นอ่ะฮึกก ไปกินของที่ยัยนั่นทำมาให้ คงจะอร่อยมากเลยสิท่า ฮึกกฮือออ” หลังนั่งนํ้าตานองอยู่เนิ่นนาน เมื่อบรีสเป็นคนเริ่มเปิดประเด็นมา พิชชาก็จัดเต็มเปิดโปงความในใจด้วยนํ้าเสียงอันสั่นคลอนให้เพื่อนรักคนเดียวฟัง “กูว่าก็คงจะพอประมาณแหละมั้ง ไม่งั้นคงไม่กิน” เห็นเพื่อนสนิทนั่งร้องห่มร้องไห้อยู่นานก็นึกอยากจะแกล้งขึ้นมา คำตอบบรีสทำเอาพิชชาทั้งนํ้าตาไหลทั้งหงุดหงิดขึ้นมาจนอยากจะหยุมหัวคนพูด “ฮึกกฮือออีบรีส!” พิชชาตวาดลั่น คิดผิดหรือคิดถูกที่นึกมาหายัยเพื่อนคนนี้กันแน่ แทนที่จะให้กำลังใจกันแต่กลับซํ้าเติม แค่นี้เธอก็เจ็บเกินจะเยียวยาแล้ว “กูล้อเล่นน่าเพื่อนรัก อย่าเครียดสิ คุณเดนนิสเค้าอาจจะไม่ได้กินก็ได้” อีบรีสยิ่งพูดปลอบใจไม่เป็นอยู่ด้วย ยัยเพื่อนค
“เดนขา เดนทำไมไม่รอฟางเลยล่ะคะ” หญิงสาวในชุดเดรสรัดรูปสั้นรีบวิ่งแจ้นเข้ามากอดแขนหนาที่ยืนมือล้วงกระเป๋ากางเกง เพียงได้ยินเสียงก็รู้กันทั้งกองว่าคือใคร คงไม่พ้นไปจากฟางฟางผู้หญิงที่ตามเกาะเจ้านายไปวันๆ “ผมรีบ” คนถูกถามเองไม่ได้ดูจะสนใจกับคำตอบสักเท่าไหร่ พิชชาที่ยืนมองก็อดไม่ได้ที่จะกรอกตามองบนอย่างเบื่อหน่าย เป็นภาพที่เห็นเป็นประจำนับตั้งแต่เธอกลับมา สิ่งเดียวในใจตอนนี้อยากจะเข้าไปกระชากมือสองข้างนั่นที่เกาะอยู่บนแขนแฟนเก่าที่เธอหวงแหนออกให้รู้แล้วรู้รอด ทว่าต้องคำนึงถึงเป้าหมายของการกลับมาครั้งนี้ จะให้มันพังไปต่อหน้าไม่ได้เป็นอันขาด “อ้าวคุณฟางฟาง” พิชชาตัดสินใจเอ่ยทักนํ้าเสียงหวานละมุน ปั้นหน้ายิ้มแสดงถึงความงดงามให้นางแพ้ไปสักดอก หญิงสาวที่เอาแต่เกาะอยู่ข้างๆชายร่างสูงก็หันมองตามเสียงเรียก “อ้าวคุณพิชชา มาถ่ายแบบหรอคะเนี่ย แต่งตัวสวยเชียวนะคะ” ฟางฟางเองไม่ยอมน้อยหน้า ฉีกยิ้มสู้กลับให้รู้แล้วรู้รอด ภายใต้รอยยิ้มอันแสนนุ่มนวลนั้นกลับแฝงเต็มไปด้วยความดุเดือดที่กำลังปะทะกัน “ใช่ค่ะ เพิ่งถ่ายเสร็จเลย อ้อพอดีเลยค่ะที่เห็นคุณฟางฟางที่นี่ พิชมีของขวัญให้คุณด้วยนะคะ” คนสวยกล่าวเสร็
รุ่งเช้าวันถัดมา ภายในบริษัทยักษ์ใหญ่ใจกลางเมืองก็เริ่มวนรูปแบบเดิมซํ้าๆ พนักงานพากันทยอยเข้ามาตามเวลาทำงาน แม้แต่เจ้าของถิ่นอย่างเดนนิสเองก็ตาม ร่างสูงสมส่วนก้าวขาเดินล้วงกางเกงสูทดีดำเงาสง่าเข้ามาอย่างเฉิดฉาย กำลังมุ่งหน้าไปยันห้องทำงาน โดยมีลูกน้องคนสนิทคอยเดินตามหลัง ฝีเท้าก้าวไปข้างหน้าต่อเนื่องจนจะถึงหน้าห้องประธาน ก่อนเสียงจากชายด้านหลังจะกล่าวขึ้น “บอสครับ จะไม่ไปดูคุณพิชชาจริงๆหรอครับ เธออุตส่าห์เลือกบริษัทเรานะครับ ผมว่าต้องปังแน่ๆ ทั้งสวยทั้งสง่า ใครได้เห็นคงเป็นบุญตา ผมว่าบอสไปดูหน่อยดีมั้ยครับ” คำพูดคำจาเต็มไปด้วยคำชื่นชม พยายามเกลี้ยกล่อมให้เจ้านายไปดูแฟนเก่าคนสวยเสียหน่อย แม้ตัวเองอยากจะไปส่องอยู่ส่วนหนึ่ง ทว่าใจจริงนั้นอยากจะให้ทั้งสองรีเทิร์นรัก ที่ผ่านมาตนไม่เคยเห็นใครเหมาะสมกับเจ้านายเท่าคุณพิชชาอีกแล้ว เดนนิสเมื่อเห็นว่าลูกน้องเอาแต่พูดไม่หยุด สองเท้าที่กำลังจะก้าวไปข้างหน้าหยุดนิ่งหันมามองชายลูกน้องด้านหลังสายตาเรียบนิ่งที่ไม่อาจคาดเดา ทำเอาเจ้าของคำพูดหน้าเจื่อน เก็บปากเงียบแทบไม่ทัน “อุ้ย…แฮะๆ ไม่ไปก็ไม่ไปครับ” แดนรีบกล่าวแก้ตัวพร้อมรอยยิ้มกลบเกลื่อน รังสีรอ
ภายในคฤหาสน์หลังมหึมา รถคันสีดำเงาขับเคลื่อนเข้ามาจอดเทียบท่าในลานจอดรถ ก่อนร่างสูงจะก้าวขาลงมา สาวเท้ายาวก้าวเข้าบ้าน เพียงประตูห้องนอนถูกเปิดออก เดนนิสชะงักนิ่งไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นสิ่งตรงหน้า หญิงสาวผู้คุ้นเคยที่เขาเคยกำชับนักหนาว่าอย่าแม้แต่จะก้าวเข้ามาในห้องส่วนตัวเขา ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเตียงนุ่มอย่างไม่นึกจะฟังคำสั่ง “เดนขาาาา” หญิงสาวในชุดนอนสุดเซ็กซี่ที่เรียกได้ว่าแทบจะเผยให้เห็นทุกสัดส่วน ลุกขึ้นมาจากเตียงนุ่ม เดินแจ้นเข้ามาหาชายหนุ่มทันที “ฟางคิดถึงคุณจังเลยค่ะ” ถ้อยคำออดอ้อนปรับเป็นเสียงสองเอาใจชายตรงหน้าที่ดูก็รู้ว่าไม่ค่อยจะสบอารมณ์สักเท่าไหร่ “ผมบอกคุณกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเข้ามาในห้องผม” เดนนิสกล่าวเสียงเรียบพรางจ้องคนตรงหน้า ”ขอโทษค่ะ ฟางแค่อยากเอาใจคุณที่กลับจากทำงานมาเหนื่อยๆ…“ คนโดนต่อว่าตีหน้าเศร้าพร้อมจับมือหนามาวางบนเต้าตัวเองเป็นการอ่อยขั้นสุด ”เหอะ….ไปห้องอื่น“ ในเมื่อเหยื่อต้องการ เสือแบบเขาก็แค่สนองให้ มีหรือจะไล่ออกไปซื่อๆ แม้จะอยากต่อว่าเรื่องที่ทำผิดอยู่ก็เถอะ “อุ้มฟางไปหน่อยสิคะ” คนพูดทำหน้าทำตาน่าสงสารออดอ้อนให้เขาอุ้ม อยากจะรับบทเป็นนายหญิงคฤหาสน์นี
Comments