LOGINซูมั่วแต่งงานกับฟู่อี้ชวนเป็นเวลาสองปี เธอทำตัวเป็นแม่บ้านให้เขาอยู่สองปี หนักเบาเอาสู้ ต้อยต่ำไม่ต่างอะไรกับฝุ่นละออง เวลาสองปีกัดกร่อนความรักสุดท้ายที่เธอมีต่อฟู่อี้ชวนจนหมด เมื่อแฟนสาวผู้เป็นรักแรกหวนกลับประเทศ สัญญาการสมรสหนึ่งแผ่นก็สิ้นสุดลง นับแต่นี้ทั้งคู่ต่างไม่มีอะไรติดค้างกัน “ฟู่อี้ชวน ถ้าไม่มีออร่าแห่งรัก ก็ดูสิว่านายมายืนอยู่ตรงหน้าฉันแล้วฉันจะชายตาแลนายสักนิดไหม” ฟู่อี้ชวนเซ็นชื่อลงในหนังสือข้อตกลงการหย่า เขารู้ว่าซูมั่วรักเขาหัวปักหัวปำ แล้วจะไปจากเขาจริง ๆ ได้อย่างไร? เขาเฝ้ารอให้ซูมั่วร้องห่มร้องไห้เสียใจ กลับมาขอร้องอ้อนวอนเขา แต่สุดท้ายกลับพบว่า... ดูเหมือนครั้งนี้เธอจะหมดรักเขาแล้วจริง ๆ ต่อมา เรื่องราวในอดีตเหล่านั้นถูกเปิดเผย ความจริงผุดออกมา ที่แท้เขาต่างหากที่เป็นคนเข้าใจซูมั่วผิดไป เขาร้อนรน เสียใจ วอนขอการให้อภัย อ้อนวอนขอคืนดี ซูมั่วเหลือจะทนกับความวุ่นวายพวกนี้ เลยโพสต์หาผู้ชายมาแต่งเข้าลงในโซเชียล ฟู่อี้ชวนหึงหวง เสียสติ ริษยาจนถึงขั้นอาละวาด เขาอยากเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ทว่าคราวนี้ เขากลับพบว่ากระทั่งคุณสมบัติในการจีบเธอก็ยังไม่พอ
View Moreแต่ขณะที่เขากำลังเตรียมจะพิมพ์ สายตาก็เหลือบไปเห็นด้านหลัง พบว่าประธานหลีเดินออกมาแล้ว ถึงกับโล่งอกทันทีเขากลับว่า [กำลังกลับครับ ประธานหลีพยุงคนเข้าไปส่ง จากนั้นไม่กี่นาทีก็ออกมา]หลีเชินขึ้นมาบนรถ คนขับก็รีบเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า ก่อนจะขับรถออกไปทันทีวิลล่าตระกูลหลีรถจอดในโรงจอดรถ หลีเชินเขย่าน้องสาวให้ตื่น หลีโย่วงัวเงียบ่นอย่างไม่พอใจ หลีเชินเลยพูดว่า“อยากให้พ่อกับแม่เห็นเธอกลับบ้านในสภาพเมามายแบบนี้ใช่ไหม?”หลีโย่วได้สติทันที แล้วรีบลงจากรถเอง แต่เพราะเพิ่งตื่นไม่มีแรง เกือบจะเซล้ม ดีที่หลีเชินคว้าไว้ได้ทันแน่นอนว่าเขาสามารถอุ้มน้องขึ้นไปได้อยู่แล้ว แต่ปัญหาคือ น้องสาวเขาจะอธิบายยังไงว่าเธอแค่ง่วงไม่ใช่เมาจนไม่ได้สติ?“มั่วมั่วล่ะ?” หลีโย่วเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็พลันนึกถึงเพื่อนขึ้นมา หันกลับไปมอง ในรถว่างเปล่า“เธอกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว” หลีเชินตอบหลีโย่วเอ่ยเพียง “อ๋อ ๆ” แล้วพูดต่อว่า“ฮึ่ม เธอก็ดื่มเก่งเหมือนกันหนิ ฉันนึกว่าจะแค่แก้วเดียวก็ล้มซะอีก”หลีเชินไม่พูดอะไร เลิกคิ้วพลางคิดในใจว่า“เมาหนักกว่าเธออีก ยังจะพูดว่าดื่มเก่ง?”กลับมาถึงห้องรับแขก ก็เห็
หาตำแหน่งเจอแล้ว เขาก็อุ้มเธอเดินไปที่ลิฟต์บังเอิญจริง ๆ มีคนในคนอื่นคอนโดกำลังรอลิฟต์อยู่ พอเห็นหนุ่มหล่อร่างสูงคนหนึ่งกำลังอุ้มแฟนสาวเดินมา ก็อดมองแล้วมองอีกไม่ได้หลีเชินเหลือบมองจากหางตาอย่างไม่แสดงท่าทีใด ๆ ดูนิ่งเป็นธรรมชาติ ไม่มีแม้แต่ความประหม่าว่าเป็นคนนอกคอนโดแต่ถ้าซูมั่วอยู่สงบเสงี่ยมตลอดก็คงดี แต่…แขนเรียวของหญิงสาวดันโอบมาบนไหล่ของเขา เหมือนกับว่าอยู่ในท่าที่ไม่สบาย พร้อมกับขมวดคิ้วหลีเชินหยุดหายใจไปเสี้ยววินาทีและไม่กล้าเคลื่อนไหว เพียงแต่เกร็งที่มือและกล้ามเนื้อที่แขนเล็กน้อยผิวบริเวณข้อมือของหญิงสาวสัมผัสลำคอของเขาด้วยความเย็นเล็กน้อย ยิ่งทำให้ร่างกายเขาร้อนระอุเวลานี้ สีหน้านิ่งเฉยของชายหนุ่มเหมือนเริ่มมีปฏิกิริยา แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกชัดเจนเกินไป กลัวว่าคนข้าง ๆ จะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นผู้ชายเจ้าชู้ทั่วไปที่ไม่สนิทกันเขาก้มลงแล้วมองใบหน้าที่กำลังหลับอยู่ภายใต้ผมสั้น ผิวขาวเนียนละเอียด ขนตาเป็นแพ ริมฝีปากสีชมพูอ่อนเม้มเบา ๆจ้องมองอยู่อย่างนั้นหลายวินาที จนกระทั่งลิฟต์ลงมาถึงและประตูเปิดออก หลีเชินถึงได้ละสายตากลับไปซูมั่วช่างไม่มีการระวังตัวเลยจริง ๆ เมาข
รถแล่นช้ากว่าปกติ ทำให้ระยะเวลาในการเดินทางนานกว่าปกติไปประมาณหนึ่งในสามซูมั่วเป่าลมอุ่น พร้อมกับสูดกลิ่นจากผ้าเช็ดหน้า ท้องสงบลง แล้วก็เริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมาในสมองเธอคิดว่าจะนอนไม่ได้ เดี๋ยวก็ต้องลงรถแล้ว แต่เธอกลับควบคุมตัวเองไม่ได้ และค่อย ๆ หลับไปถึงคอนโดเมืองหยางกวง รถหยุดลง หลีเชินไม่ได้ยินเสียงคนเปิดประตูรถ จึงหันไปมองดีมาก สองสาวขี้เมา หลับกันหมดเลย“คุณชายครับ ผมจะพาคุณซูขึ้นไปส่งเองครับ” คนขับรถพูด“ไม่ต้อง นายรออยู่ตรงนี้แหละ” หลีเชินพูด พร้อมกับปลดเข็มขัดนิรภัย แล้วเปิดประตูรถเขาเดินอ้อมไปเปิดประตูรถด้านหลัง มองหญิงสาวที่นอนขดตัวอยู่ ในมือยังถือผ้าเช็ดหน้าของเขาไว้ จึงโน้มตัวลงไปอุ้มเธอออกมาเบามาก…นั่นเป็นความรู้สึกแรกของเขา ราวกับว่าตัวเองกำลังอุ้มก้อนสำลีอยู่จากนั้นก็รู้สึกว่าผอมมากผอมราวกับว่าถ้าเขาไม่เกร็งแขนไว้ เธออาจจะหล่นลงมาในช่องได้หลีเชินรู้ว่าซูมั่วตัวผอม โครงร่างก็เล็ก แต่พอได้มาสัมผัสร่างกายจริง ๆ กลับให้ความรู้สึกอีกแบบเขาอดไม่ได้ที่จะยกเธอขึ้นเรื่อย ๆ ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกเหมือนไม่เป็นความจริงอยู่ดีปิดประตูรถแล้ว เขาก็อุ้มเธอเดินเข้
เขาไปจ่ายเงินเรียบร้อย พร้อมกับเรียกคนช่วยขับแทนบนโทรศัพท์ริมถนนหลีเชินไม่ได้ขึ้นรถทันที แต่เปิดประตูหลังรถรอให้ผู้หญิงทั้งสองคนขึ้นไปก่อน“ดื่มไปเยอะไหม อยากอาเจียนหรือเปล่า? ผมให้คนขับรถไปซื้อยาสร่างเมาให้ไหม?” หลีเชินมองเข้าไปในรถแล้วพูดน้องสาวของเขาดื่มเก่ง จริง ๆ แล้วคำพูดนั้นคือเพื่อซูมั่วได้ยิน เพราะตอนนั้นเห็นขวดเบียร์หลายขวดบนโต๊ะ และยังมีไวน์ด้วย“พี่ วันนี้เกินนึกใจดีอะไรขึ้นแล้วหรือไง? ไม่เพียงแต่มารับฉันด้วยตัวเอง ยังใส่ใจฉันขนาดนี้อีก” หลี่โย่วพูดหลีเชิน: “…”“ไม่ได้ดื่มเยอะเท่าไหร่หรอก คนก็ยังไม่เมาเลย เอาล่ะ ไปกันเถอะ~” หลีโย่วยิ้มพลางพูดเองเออเองหลีเชินมองไปที่หญิงสาวที่นั่งเงียบไม่พูดอะไร นอกจากใบหน้าที่แดงเล็กน้อย ก็ไม่ได้มีอะไรอีก จึงปิดประตูรถไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ ให้คนขับรถเปิดกระจกรถ เขาพูดขณะรถออกตัวว่า “ขับให้ดี ๆ หน่อยนะ”“ถ้ารู้สึกไม่สบายบอกได้เลยนะ” หลีเชินพูดอีกครั้ง พลางไปมองที่ทางเบาะหลัง“รู้แล้ว ๆ จู้จี้เหมือนยายแก่ไปได้” หลีโย่วพูดอย่างรำคาญหลีเชินไม่ได้อยากสนใจน้องสาวขี้บ่นของตัวเอง แต่หันมองไปที่ซูมั่วซูมั่วสบตากับอีกฝ่าย นิ่งไป
หรือว่าเขากินเสร็จแล้วออกไปแล้ว?“งั้นเธอก็น่าจะถามฉันไหม เผื่อฉันมีเยอะล่ะ” หลีโย่วตอบเธอ แต่เมื่อเห็นเพื่อนมองไปทางอื่น ก็ถามต่อว่า“เธอมองหาใครอยู่เหรอ?”“เปล่า” ซูมั่วพูดพลางละสายตากลับมาน่าจะเป็นเพราะอาการ ‘หวาดระแวงจากการถูกคุกคาม’ ของเธอ ถูกฟู่อี้ชวนทำให้มีปมมืดในใจ มองใครก็รู้สึกเหมือนเขาจะทำร้ายเธอไปหมดโจวจิ่งอันออกมาแล้ว ทั้งสามคนกลับไปที่โต๊ะบนสนามหญ้าด้วยกัน งานเลี้ยงดื่มเหล้าพอประมาณแล้ว หลังจากนั้นซูมั่วก็ไม่ได้ดื่มอีกเธอกินเนื้อย่างและผลไม้ ทั้งสามคนคุยกันผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง โทรศัพท์ของหลีโย่วก็มีข้อความแจ้งเตือนดังขึ้นหลีโย่วดูแล้วพบว่าเป็นพี่ชายตัวเอง พออ่านเนื้อหาข้อความ ก็บ่นพึมพำอย่างเงียบ ๆเธอตอบกลับด้วยข้อความเสียงว่า“ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ จะมาคอยตามฉันทำไม อีกอย่างฉันก็บอกพี่แล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันไปกินข้าวกับซูมั่วแล้วก็โจวจิ่งอัน ไม่ได้ไปเถลไถลที่ไหนสักหน่อย”เขาตอบเธอกลับมาเพียงสองคำสั้น ๆ ว่า[ตำแหน่ง]หลีโย่ว “…”เธอส่งตำแหน่งกลับไป เพราะไม่อยากให้พี่ชายโทรถามจู้จี้เหมือนยายแก่อีกฝ่ายไม่ได้ตอบกลับอะไรมาอีก เธอเองก็ไม่ได้ดูโทรศัพท์เธอคิดว่
สุดท้ายผู้หญิงสองคนนั้นถูกตรวจพบว่าขโมยของหลีโย่วจริง แค่รองเท้าแตะธรรมดา ๆ คู่เดียวก็ราคาหลายหมื่นแล้ว เนื่องจากเกี่ยวข้องกับเงินจำนวนมาก และยังมีเรื่องทะเลาะวิวาทอีก จึงถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยเหตุการณ์ต่าง ๆ ในอดีตผุดขึ้นมาในหัวโดยไม่รู้ตัว ซูมั่วหันไปถามว่า“เธอหัวเราะอะไร?”“หัวเราะเรื่องราวการเริ่มต้นมิตรภาพของเราน่ะ เสียดายตอนนั้นหลังจากทะเลาะกันจบฉันก็ถูกพาตัวบ้านทันที จนปีสามเทอมปลายถึงได้กลับมาพักที่หอพักอีกครั้ง” หลีโย่วซูมั่วก็ยิ้มตามพร้อมพูดว่า“เพราะพ่อกับแม่ของเธอเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอไง”ทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้องน้ำหญิงด้วยกัน เงาเพิ่งจะหายไปในประตู ก็มีผู้ชายคนหนึ่งก็ตามเข้ามาจากด้านหลังไม่กี่นาทีต่อมา ซูมั่วออกมาก่อน และล้างมืออยู่ที่อ่างล้างมือกลางเธอมองตัวเองในกระจก ใบหน้าแดงเล็กน้อย แววตาก็พร่ามัวนิดหน่อยถึงแม้สมองจะมึนงง แต่เมื่อกำลังจะละสายตา ก็สังเกตเห็นผู้ชายที่อยู่ข้าง ๆ มองมาที่เธออยู่หลายครั้งจากประสบการณ์ที่เคยถูกฟู่อี้ชวนจ้างคนสะกดรอยตามเธอ ซูมั่วจึงกลายเป็นคนระแวดระวัง ตอนนี้แม้จะยังมึนงง แต่ในใจกลับรู้สึกวิตกกังวลขึ้นมาทันใดนั้น เธอก็






Comments