นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ

นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ

By:  อิงเซี่ยUpdated just now
Language: Thai
goodnovel4goodnovel
10
3 ratings. 3 reviews
100Chapters
44views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

ซูมั่วแต่งงานกับฟู่อี้ชวนเป็นเวลาสองปี เธอทำตัวเป็นแม่บ้านให้เขาอยู่สองปี หนักเบาเอาสู้ ต้อยต่ำไม่ต่างอะไรกับฝุ่นละออง เวลาสองปีกัดกร่อนความรักสุดท้ายที่เธอมีต่อฟู่อี้ชวนจนหมด เมื่อแฟนสาวผู้เป็นรักแรกหวนกลับประเทศ สัญญาการสมรสหนึ่งแผ่นก็สิ้นสุดลง นับแต่นี้ทั้งคู่ต่างไม่มีอะไรติดค้างกัน “ฟู่อี้ชวน ถ้าไม่มีออร่าแห่งรัก ก็ดูสิว่านายมายืนอยู่ตรงหน้าฉันแล้วฉันจะชายตาแลนายสักนิดไหม” ฟู่อี้ชวนเซ็นชื่อลงในหนังสือข้อตกลงการหย่า เขารู้ว่าซูมั่วรักเขาหัวปักหัวปำ แล้วจะไปจากเขาจริง ๆ ได้อย่างไร? เขาเฝ้ารอให้ซูมั่วร้องห่มร้องไห้เสียใจ กลับมาขอร้องอ้อนวอนเขา แต่สุดท้ายกลับพบว่า... ดูเหมือนครั้งนี้เธอจะหมดรักเขาแล้วจริง ๆ ต่อมา เรื่องราวในอดีตเหล่านั้นถูกเปิดเผย ความจริงผุดออกมา ที่แท้เขาต่างหากที่เป็นคนเข้าใจซูมั่วผิดไป เขาร้อนรน เสียใจ วอนขอการให้อภัย อ้อนวอนขอคืนดี ซูมั่วเหลือจะทนกับความวุ่นวายพวกนี้ เลยโพสต์หาผู้ชายมาแต่งเข้าลงในโซเชียล ฟู่อี้ชวนหึงหวง เสียสติ ริษยาจนถึงขั้นอาละวาด เขาอยากเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ทว่าคราวนี้ เขากลับพบว่ากระทั่งคุณสมบัติในการจีบเธอก็ยังไม่พอ

View More

Chapter 1

บทที่ 1

วันนั้นที่ซูมั่วตัดสินใจหย่า เกิดเรื่องขึ้นสองเรื่อง

เรื่องแรกคือนางในดวงใจของฟู่อี้ชวนหวนกลับมาประเทศแล้ว เขาทุ่มเงินจำนวนห้าสิบล้านสั่งทำเรือสำราญเพื่อต้อนรับนางในดวงใจ ทั้งยังปล่อยตัวปล่อยใจอยู่บนเรือสำราญกับนางในดวงใจของเขาถึงสองวันสองคืน

สื่อหลายสำนักต่างประโคมข่าวไปทั่วว่าทั้งคู่กำลังจะกลับมาคืนดีกัน

อีกเรื่องหนึ่งคือซูมั่วตอบรักคำเชิญของรุ่นพี่ กลับไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการในบริษัทที่พวกเขาก่อตั้งขึ้นมาด้วยกัน

อีกหนึ่งเดือนเธอก็จะจากไป

แน่นอน ว่าเธอจะอะไรล้วนไม่มีใครสนใจทั้งสิ้น

ในใจของฟู่อี้ชวน เธอก็แค่คนที่แต่งงานมาเป็นแม่บ้านให้ตระกูลฟู่ก็เท่านั้น

เธอปิดบังทุกคน

กำจัดร่องรอยการใช้ชีวิตในตระกูลฟู่ทุกอย่างในระยะเวลาสองปีมานี้ของตัวเองอย่างเงียบเชียบ

แอบซื้อตั๋วเครื่องบินไปจากที่นี่

อีกสามวัน

เธอจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับทุกสิ่งของที่นี่อีก

นับจากนี้เธอกับฟู่อี้ชวนจะเป็นคนแปลกหน้า

[ส่งน้ำซุปสร่างเมามา สองชุด]

จู่ ๆ ก็มีข้อความเด้งขึ้นมาในโทรศัพท์มือถือ ซูมั่วมองข้อความที่แฝงไปด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งนั้นแล้วก็หลุบตาลง กำนิ้วมือแน่น

ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงสี่สิบนาที ฟู่อี้ชวนกำลังร่วมงานเลี้ยงต้อนรับการกลับประเทศที่จัดขึ้นเพื่อเย่ซินหย่า

เมื่อก่อนฟู่อี้ชวนไม่เคยให้เธอนำซุปสร่างเมาไปให้ เขามักจะดื่มอยู่แค่ในบ้าน เพราะรู้สึกว่าการที่เธอโผล่หน้าไปมันขายขี้หน้า ไม่อยากยอมรับตัวตนของเธอ

ฉะนั้นในเวลานี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ซูมั่วจะดีใจด้วยคิดว่าในที่สุดฟู่อี้ชวนก็ยอมรับเธอกับผู้คนภายนอกเสียที ทว่าตอนนี้...

สายตาจดจ้องอยู่ที่คำว่า “สองชุด” เธอรู้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเย่ซินหย่า

ดังคาด เมื่ออยู่ต่อหน้าความรักที่แท้จริง เขากล้ายอมรับ “ภรรยา” ผู้ต้อยต่ำ ไม่เป็นที่เชิดหน้าชูตาคนนี้อย่างตรงไปตรงมา

ซูมั่ววางมือลง ไปเตรียมซุปสร่างเมาที่ห้องครัว

สัญญาที่ทำไว้กับคุณปู่ฟู่ยังเหลือเวลาอีกยี่สิบเก้าวันสุดท้าย เธอมองเวลาที่นับถอยหลังบนโทรศัพท์แวบหนึ่ง

ทันทีที่ครบกำหนด เธอก็จะหลุดพ้นทันที...

การอยู่ด้วยกันมาสองปีไม่อาจแลกความจริงใจกลับมาได้แม้แต่เศษเสี้ยว ท้ายที่สุดแล้ว... ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเธอที่เพ้อฝันมากเกินไป

เธอ... รักเขาต่อไปไม่ไหวแล้ว

เดือนสุดท้ายก็ทำหน้าที่ “ภรรยา” ให้เสร็จสิ้นแล้วกัน

ซุปสร่างเมาร้อนระอุในหม้อ มันเป็นเมนูที่เธอถนัดที่สุด เพราะเวลาสองปีที่ผ่านมาเธอต้องต้มให้ผู้ชายคนนั้นมานับครั้งไม่ถ้วน

ดวงตาเหม่อลอยโดยไม่รู้ตัว ในใจเปี่ยมล้นไปด้วยความสงบอันน่าเศร้า

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ปิดฝาหม้อเก็บความร้อนสนิท ด้านในบรรจุซุปสร่างเมาสองชุด ตามด้วยเรียกรถเดินทางไปยังโรงแรมหรู

ภายในรถ ซูมั่วนั่งอยู่เงียบ ๆ พลางมองข้อความที่ส่งมาเมื่อเช้านี้จากเบอร์คนแปลกหน้าบนโทรศัพท์

[มั่วมั่ว จำฉันได้ไหม? ฉันซินหย่าเองนะ ฉันกลับมาประเทศแล้ว ดีใจจริง ๆ ที่จะได้เจอเธออีกครั้ง ถึงเธอจะแย่งอี้ชวนของฉันไป แต่พวกเราก็ยังเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันได้ ตอนเย็นมาเจอกันแล้วก็กินข้าวด้วยกันนะ]

ใช่แล้ว ฟู่อี้ชวนไม่เคยพูดถึงงานเลี้ยงต้อนรับ แต่ที่เธอรู้ก็เพราะนี่เป็นการ “เชิญ” ที่เย่ซินหย่าเป็นฝ่ายส่งมาให้เธอก่อน

อ่านถ้อยคำที่แฝงไปด้วย “ความใจกว้างโอบอ้อมอารี” ขนาดนั้นของอีกฝ่ายแล้ว ซูมั่วถึงกับกระตุกยิ้มเย้ยหยันที่มุมปาก

แย่งฟู่อี้ชวนไป?

ทั้งที่คุณปู่ฟู่เป็นคนขัดขวาง เย่ซินหย่าเองก็รับเงินค่าเลิกกับเขาจำนวนห้าสิบล้านแล้วก็ไปต่างประเทศแท้ ๆ แล้วพูดได้อย่างไรว่าตัวเธอเองเป็นคนแย่มา?

เธอยอมรับว่าตนเองโลภเลยยอมตามน้ำไป แต่ไม่เคยเป็นฝ่ายยื่นมือเข้าไปแทรกกลางก่อน

ส่วนความใจกว้างโอบอ้อมอารีน่ะเหรอ เหอะ ๆ

หากเป็นเมื่อก่อน เธอคงคิดว่าเย่ซินหย่าเป็นคนใสซื่อบริสุทธิ์ทั้งข้างนอกข้างใน แต่พอขึ้นมัธยมปลาย เธอถึงได้รู้ว่าทั้งหมดนั้นเป็นการเสแสร้ง

แต่ตอนนั้นมันก็สายเกินแก้ เธอถูกตัดขาดกับทุกคน กลายเป็นคนโดดเดี่ยวถูกเพ่งเล็งคนนั้น จนถึงขึ้นถูกบูลลี่ ภายหลังถึงได้รู้ว่าเป็นฝีมือของเย่ซินหย่า...

งานเลี้ยงต้อนรับในวันนี้ พวกเพื่อนสมัยมัธยมหลายคนก็มาร่วมด้วย ในบรรดาคนเหล่านั้นก็มี “เพื่อนสนิท” ของเธอในตอนนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกเขาต้องยืนอยู่ฝั่งเย่ซินหย่าแน่

ซูมั่วไม่อยากเข้าร่วมงานเลี้ยงนั่น เพราะรู้ว่าเป็นการปิดประตูตีแมว และไม่อยากเห็นหน้าเพื่อนเก่าพวกนั้น ด้วยในใจรู้สึกอึดอัด จึงกะว่าพอส่งซุปสร่างเมาเสร็จก็จะออกมา

เมื่อถึงด้านนอกประตูห้องจัดงาน ซูมั่วเตรียมพร้อม เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเคาะประตู

ประตูเปิดออกภายในไม่กี่วินาที ซูมั่วยื่นมือออกไป ทว่าคนที่มารับกลับไม่ใช้ฟู่อี้ชวน แต่เป็นเย่ซินหย่าที่ใส่ชุดราตรีสีขาว

“มั่วมั่ว เธอมาแล้ว รีบเข้ามาเร็ว ทุกคนกำลังรอเธออยู่เลย” เย่ซินหย่าแย้มยิ้มสดใสเป็นประกาย เธอแต่งหน้าอย่างประณีต เหมือนกับเจ้าหญิง

บนลำคอของเธอเป็นสร้อยคอสีฟ้าน้ำทะเลเส้นหนึ่ง ซึ่งก็คือสร้อยเส้นนั้นที่เธอเห็นที่บ้าน เมื่อไม่กี่วันก่อนฟู่อี้ชวนเพิ่งประมูลมาได้ ที่แท้เขาก็ให้เย่ซินหย่าเป็นของขวัญนี่เอง

“ไม่ล่ะ ฉันแค่มาส่งซุปสร่างเมา” ซูมั่วมีสีหน้าเงียบสงบ เธอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบระคนเย็นชา

“มั่วมั่ว ไม่เจอเธอตั้งสองปีก็ห่างเหินกับฉันแล้วเหรอ? ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่โกรธเธอเรื่องที่แย่งอี้ชวนไป” เย่ซินหย่ากัดปากเล็กน้อย แสดงท่าทีน้อยใจออกมาก่อน

ซูมั่วเหลือจะทนกับท่าทางเสแสร้งเป็นคนดีน่าสงสารอย่างกับนางเอกละครของเย่ซินหย่า ดังนั้นเธอเลยเบี่ยงตัวเดินเข้าไปวางของ

ทว่าเย่ซินหย่ากลับรั้งเธอไว้ พลางวางมือลงบนฝาหม้อเก็บความร้อน นิ้วหัวแม่มือขยับเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น

“ถ้าเธอไม่อยากเข้างานจริง ๆ งั้นเดี๋ยวฉันเอาไปให้อี้ชวนเอง” เย่ซินหย่าพูดอย่างหวังดี

ซูมั่วขมวดคิ้ว คิดว่าทำไมเย่ซินหย่าถึงยอมเลิกแล้วต่อกันง่าย ๆ ขนาดนี้ แต่ตัวเธอเองก็ไม่อยากเข้าไปจริง ๆ เลยยื่นหม้อเก็บความร้อนออกไป

ในจังหวะที่ส่งของรับของกันนี้ อีกฝ่ายรับหม้อเก็บความร้อนไว้ไม่มั่นคง ทำให้หม้อร่วงหล่นลงพื้น

ฝ้าหม้อเปิดออกหมด น้ำซุปร้อนกระเด็นกระดอน ขณะเดียวกันเย่ซินหย่าก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว พลางกรีดร้องออกมา “โอ๊ย เจ็บจัง ขาฉัน!”

เสียงกรีดร้องนี้ดึงดูให้คนในห้องจัดงานหันมองมาทางประตูเป็นตาเดียว ฟู่อี้ชวนลุกขึ้นแล้วสาวเท้ายาวเข้ามา ส่วนเย่ซินหย่าก็เริ่มร้องไห้ออกมาเพราะความเจ็บ

“ซูมั่ว นี่เธอถือหม้อเก็บความร้อนยังไงของเธอ? เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้ทำให้ดียังทำไมได้?”

ฟู่อี้ชวนย่อตัวลง ถอดเสื้อคลุมสั่งตัดออกไปเช็ดน้ำซุปบริเวณน่องให้เย่ซินหย่าพร้อมกับติเตียน

“ฉัน...” ซูมั่วยังไม่ทันได้พูดอะไร เย่ซินหย่าก็ชิงพูดออกมาก่อน

“อี้ชวน นายอย่าไปว่ามั่วมั่วเลย ฉันถือไม่ดีเอง”

ฟู่อี้ชวนมองไปที่หม้อเก็บความร้อนด้านข้าง เขาคว้าฝาหม้อขึ้นมา แล้วเงยหน้าถลึงตาใส่ซูมั่วพลางว่า

“ฝาหม้อยังสภาพดีอยู่ ไม่มีแม้แต่รอยบิ่น ตกลงแล้วเป็นซินหย่าที่มือลื่น หรือเป็นเธอที่จงใจเปิดฝาเอาไว้ก่อน?”

ซูมั่วก้มหน้ามองลงไป เธอถูกถามแกมตำหนิจนงุนงงอยู่ครู่ใหญ่

หม้อเก็บความร้อนนี้คุณภาพดีมาก ต่อให้ทำตก ฝากก็จะไม่เปิดออก ทว่าตอนนี้ฝาหม้อไม่เพียงเปิดออกเท่านั้น แต่ยังไม่มีแม้แต่รอยแตกเลยด้วยซ้ำ...

“ฉันไม่ได้เปิดมันเลยนะ ไม่งั้นตลอดทางมานี่ฉันจะถือมันมายังไง?” ซูมั่วแย้ง

“จงใจก็คือจงใจ มีอะไรต้องให้แก้ตัวอีก?” ฟู่อี้ชวนพูดพลางส่งสายตาเย็นชา

ในสายตาเขา ซูมั่วเป็นผู้หญิงที่ใช้ทุกวิถีทางเพื่อแต่งงานกับตระกูลร่ำรวยให้ได้ ตอนนั้นไม่รู้ไปเกลี้ยกล่อมปู่อย่างไร พอบีบให้ซินหย่าไปแล้วก็บังคับให้เขาได้แต่งงานกับเธอ

ดังนั้นเขาจะไปเชื่อเธอได้อย่างไร?

โยนฝาหม้อทิ้งไป ฟู่อี้ชวนลุกขึ้นด้วยต้องการอุ้มเย่ซินหย่าเดินออกไป สุดท้ายเขาก็เหลือสายตามองเล็กน้อย พอจะเห็นได้จากหางตาว่าบนหลังเท้าของซูมั่วก็มีรอยแดงปื้นใหญ่

เธอเองก็คงถูกน้ำซุปร้อนเหมือนกัน แถมยังจะกินบริเวณกว้างกว่าเย่ซินหย่าเสียอีก

ฟู่อี้ชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใจเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาเพียงหนึ่งวินาที

แต่ก็แค่หนึ่งวินาทีเท่านั้น สุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นยืน โดยไม่พูดอะไรทั้งสิ้น

ซูมั่วเจ็บหนักกว่าแล้วอย่างไร เธอทำตัวเองไม่ใช่เหรอ?

ทำร้ายคนอื่นจนย้อนเข้าตัวเอง นี่แหละกรรมตามสนอง

เย่ซินหย่าถูกอุ้มขึ้นมาในท่าเจ้าสาว แขนขาวเนียนโอบรอบคอเขาไว้ ขณะที่เขินอายก็เอ่ยขึ้นด้วยความกังวล

“อี้ชวน มั่วมั่วเองก็...”

“ไม่ต้องไปสนใจ ไม่ตายหรอก เธอไปโรงพยาบาลเองได้” ฟู่อี้ชวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เธอเป็นนางแบบ ถ้าขาได้รับบาดเจ็บแล้วจะเป็นเรื่องใหญ่”
Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

default avatar
Panadda Ngiewngam
ได้โปรดอย่าตัดเรื่องนี้ทิ้ง !!! ขอร้องละ พลีส !!!!
2025-07-01 15:56:24
1
user avatar
Kod Hit
อ่านไปนับวันรอแทนนางเอกไป อ่านรอตอนพระเอกหอน...
2025-07-01 13:52:23
0
user avatar
Hou Jiao
สงสารนางเอกกก ฮือ เกลียดฟู้อี้ชวน แต่ก็หยุดอ่านไม่ได้ เอาใจช่วยนางเอกต่อ
2025-07-01 11:56:00
0
100 Chapters
บทที่ 1
วันนั้นที่ซูมั่วตัดสินใจหย่า เกิดเรื่องขึ้นสองเรื่องเรื่องแรกคือนางในดวงใจของฟู่อี้ชวนหวนกลับมาประเทศแล้ว เขาทุ่มเงินจำนวนห้าสิบล้านสั่งทำเรือสำราญเพื่อต้อนรับนางในดวงใจ ทั้งยังปล่อยตัวปล่อยใจอยู่บนเรือสำราญกับนางในดวงใจของเขาถึงสองวันสองคืนสื่อหลายสำนักต่างประโคมข่าวไปทั่วว่าทั้งคู่กำลังจะกลับมาคืนดีกันอีกเรื่องหนึ่งคือซูมั่วตอบรักคำเชิญของรุ่นพี่ กลับไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการในบริษัทที่พวกเขาก่อตั้งขึ้นมาด้วยกันอีกหนึ่งเดือนเธอก็จะจากไปแน่นอน ว่าเธอจะอะไรล้วนไม่มีใครสนใจทั้งสิ้นในใจของฟู่อี้ชวน เธอก็แค่คนที่แต่งงานมาเป็นแม่บ้านให้ตระกูลฟู่ก็เท่านั้นเธอปิดบังทุกคนกำจัดร่องรอยการใช้ชีวิตในตระกูลฟู่ทุกอย่างในระยะเวลาสองปีมานี้ของตัวเองอย่างเงียบเชียบแอบซื้อตั๋วเครื่องบินไปจากที่นี่อีกสามวันเธอจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับทุกสิ่งของที่นี่อีกนับจากนี้เธอกับฟู่อี้ชวนจะเป็นคนแปลกหน้า[ส่งน้ำซุปสร่างเมามา สองชุด]จู่ ๆ ก็มีข้อความเด้งขึ้นมาในโทรศัพท์มือถือ ซูมั่วมองข้อความที่แฝงไปด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งนั้นแล้วก็หลุบตาลง กำนิ้วมือแน่นตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงสี่สิบนาที ฟู่อี้
Read more
บทที่ 2
ฟู่อี้ชวนอุ้มเย่ซินหย่าสาวเท้ายาว ๆ ออกไป กระแทกเข้ากับไหล่ซูมั่วตอนเดินผ่านประตู เธอถูกชนจนเซและกระแทกเข้ากับขอบประตูความเจ็บบนหลังเท้าและน่องขาทำให้เธออดกำขอบประตูไว้แน่นไม่ได้คนในห้องส่วนตัวมองมาด้วยสายตาหลากหลายรูปแบบ มีทั้งเหยียดหยาม เย้ยหยัน เยาะเย้ยเหน็บแนม...แต่ซูมั่วไม่สนใจเลยสักนิดเธอหมุนตัวอย่างช้า ๆ คอยเกาะกำแพงไว้ และเดินจากไปอย่างยากลำบากเมื่อถึงคลินิก พยาบาลได้เข้ามาทายาให้ ครั้นเห็นบาดแผลบนหลังเท้าของเธอ พยาบาลถึงกับสูดหายใจลึก ๆ ทันทีตุ่มน้ำบนหลังเท้าทั้งหมดมันพองขึ้นนานแล้ว ตุ่มที่ใหญ่ที่สุดใหญ่ถึงขนาดเท่าเสี่ยวหลงเปาเลยทีเดียว ส่วนตุ่มอื่น ๆ ที่เหลือก็มีขนาดเท่ากับไข่มุกบนสร้อยไข่มุก เรียกได้ว่าขนพองสยองเกล้า“พระเจ้า! คุณไปโดนลวกอีท่าไหนถึงได้เป็นแบบนี้คะเนี่ย?” พยาบาลถามอย่างตกใจซูมั่วต้องกัดฟันแน่นเพราะความเจ็บมาตลอดทาง จนตอนนี้กล้ามเนื้อบนใบหน้าแข็งตึงไปหมด อ้าปากตอบคำถามไม่ได้เลยพยาบาลทายาไปพลาง พูดจาทอดถอนใจไปพลาง“เมื่อกี้นี้ก็มีคนถูกน้ำร้อนลวกมาคนหนึ่ง แฟนเขานี่อุ้มเข้ามาด้วยท่าทางร้อนใจเหมือนถูกไฟลนเชียว จะให้หัวหน้าแพทย์เป็นคนตรวจรักษาให้ไ
Read more
บทที่ 3
ฟู่อี้ชวนชะงักไปเล็กน้อย เขาเม้มปากแน่นพลางมองอีกฝ่าย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรซูมั่วได้ยินบทสนทนาของพวกเขาสองคน เธอกระตุกยิ้มเย้ยหยันบริเวณมุมปากเธอเป็นภรรยาของฟู่อี้ชวน กลับรู้สึกเหมือนว่าพวกเขาต่างหากที่เป็นคู่สามีภรรยากัน ส่วนตัวเธอเองเป็นมือที่สามฟู่อี้ชวนเดินอยู่ด้านหน้า เย่ซินหย่าเดิมตามอยู่ข้างกายเขา แม้ว่าซูมั่วจะไม่สนใจหญิงใสซื่อบริสุทธิ์คนนี้ ทว่าความเป็นจริงได้พิสูจน์แล้ว ผู้หญิงที่ทำตัวใส ๆ คนนี้มีแต่ก่อเรื่องต่อ“มั่วมั่วต้องเจ็บมากแน่เลย ขอโทษนะ ตอนนั้นอี้ชวนนึกถึงชีวิตหน้าที่การงานของฉัน เลยพาฉันมาส่งที่โรงพยาบาลก่อน เธออย่าไปโทษเขาเลย” เย่ซินหย่าพูดกับซูมั่วซูมั่วยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันไม่ได้ว่าอะไร ถึงยังไงเธอก็สำคัญที่สุดในใจเขาอยู่แล้ว”สิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง ทว่าฟู่อี้ชวนกลับรู้สึกว่ามันฟังดูเหมือนเหน็บแนมอยู่นิด ๆ เลยเอ่ยปากออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ว่า“นี่เธอพูดยังไง ต่อให้ซินหย่าจะถือไม่ดี แต่การที่เธอไม่ได้ปิดฝาให้แน่นมันเป็นความรับผิดชอบของเธอ”ซูมั่วไม่ได้แก้ต่างอะไรอีก เพราะต่อให้เธอจะอธิบายเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง ฟู
Read more
บทที่ 4
เมื่อกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาดึกถึงห้ามทุ่มแล้วซูมั่วไม่ได้เปิดไฟในห้องรับแขกทิ้งไว้ เพราะไม่แน่ว่าคืนนี้ฟู่อี้ชวนอาจจะไปเอาอกเอาใจเย่ซินหย่าอยู่ที่ไหน อาจจะไม่กลับบ้านเธอคว้ากล่องปฐมพยายามขึ้น คอยประคองร่างกายที่ปวดร้าวค่อย ๆ เดินไปยังห้องนอนเล็ก ๆ ของตัวเองแต่งงานกันมาสองปี มันไม่ต่างอะไรกับการแต่งงานแค่ในนามเลย ฟู่อี้ชวนหวงครองตัวบริสุทธิ์เพื่อเย่ซินหย่าไม่ยอมให้เธอเข้าไปกล้องห้องนอนใหญ่แม้แต่ครึ่งก้าวดีแล้วละ ซูมั่วมาคิดในตอนนี้ ไม่อย่างนั้นพอนึกถึงว่าตัวเองเคยถูกแตะต้องมาก่อน ตอนนี้คงมีแต่ความสะอิดสะเอียนอย่างเป็นที่สุดแน่หลังทำความสะอาดและทายาที่บริเวณข้อศอกกับหลังเท้าอย่างลวก ๆ ซูมั่วก็ไม่มีแรงแม้แต่เก็บยาใส่กล่องปฐมพยาบาล เธอจึงวางไว้บนหัวเตียงทั้งแบบนั้น คิดว่าพรุ่งนี้เช้าจะเก็บให้เรียบร้อยเธอเปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้วเอนตัวลง ผลก็คือแค่เพียงงอตัวเล็กน้อย ความเจ็บที่ก้นกบก็ทำให้เธอถึงกับต้องสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เสียแล้วเธอขยับตัวให้เบาที่สุด หลับตาแล้วละทิ้งทุกอย่างในหัวสมอง ไม่นานความง่วงก็เข้าครอบงำทางเธอเพิ่งจะเข้าสู่ห้วงฝัน ส่วนอีกทางหนึ่งนั้น ฟู่อี้ชวนกำลังพาเย่ซ
Read more
บทที่ 5
ภายในห้องเดิมทีซูมั่วหลับสนิทไปแล้ว ทว่าถูกเสียงทุบประตูและเสียงตะโกนโหวกเหวกปลุกให้ตื่น เธอขมวดคิ้ว พลางลุกขึ้นไปเปิดไฟ เดินกะเผลกไปทางประตู“ซู...” ด้านนอกประตู ฟู่อี้ชวนตบประตูอย่างแรงอีกครั้ง สุดท้ายมือก็ทุบลงบนความว่างเปล่า“นายกลับมาทำไม เป็นบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้มาทุบประตูตอนดึกดื่นค่อนคืนแบบนี้” ซูมั่วพูดน้ำเสียงไม่เป็นมิตร ทั้งยังแฝงความรำคาญไว้ด้วยฟู่อี้ชวนมองท่าทีแบบนี้ของเธอแล้ว ก็ยิ่งพาลโมโห เขายื่นมือออกไปคว้าแขนของเธอไว้ในทันที พลางพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ฉันกลับมาทำไมน่ะเหรอ? ฉันกลับมาบ้านตัวเองมันผิดปกติตรงไหน?” ไฟที่เกิดจากความหงุดหงิดของซูมั่วเมื่อครู่นี้หายวับไปทันที เธอก้มหน้าพลางขมวดคิ้ว เผยสีหน้าเจ็บปวดออกมาฟู่อี้ชวนคิดว่าเพราะเขาตะคอกใส่ เธอจึงมีท่าทางว่าง่ายขึ้นมาแบบนั้น ทว่าสุดท้ายเมื่อมืออีกข้างหนึ่งของอีกฝ่ายกลับจับข้อมือของเขาออก ในที่สุดเขาก็สัมผัสได้ในตอนนี้เองว่าความรู้สึกจากกลางฝ่ามือของเธอดูไม่ปกติเขาเป็นฝ่ายปล่อยมือออกเอง แล้วมองฝ่ามือ...เลือด?ฟู่อี้ชวนบีบแรง บาดแผลของซูมั่วถูกบีบจนเจ็บไปหมด หยาดน้ำตาร่วงหล่น เธอถลึงตาจดจ้องผู้ชายที่ทำตัว
Read more
บทที่ 6
ฟู่อี้ชวนนอนหลับไม่สนิทจนถึงฟ้าสาง ตอนนี้กระเพาะของเขาถูกบำรุงอย่างดีจนเรื่องมากไปเสียแล้ว ทำให้พอกินยาก็ทำได้แค่บรรเทาอาการเล็กน้อย ไม่ถึงขึ้นเป็นปกติหรือสบายเขาตาลุกขึ้มาตั้งแต่ก่อนนาฬิกาปลุกจะดังนานแล้ว สุดท้ายในตอนที่จะเปิดประตูก็เจอกับซูมั่วที่เปิดประตูจากห้องเยื้อง ๆ กันเข้าพอดี“เธอจะทำอะไรน่ะ?” เขาถามออกไปโดยไม่รู้ตัว“ข้าวเช้า” ซูมั่วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ปิดประตูแล้วเดินโซเซไปทางห้องครัวฟู่อี้ชวนได้แต่ชะงักอยู่กับที่ เมื่อก่อนเขาตื่นมาก็กินเลย ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอีกฝ่ายต้องตื่นขึ้นมาเตรียมให้ตั้งแต่ตีห้ามองแผ่นหลังของซูมั่วที่เดินขากะเผลกแล้ว เขาจึงพูดออกไป “...ไม่ต้องทำแล้ว”ซูมั่วหยุดฝีเท้า พลางหันหน้าไปมองด้านหลังเธอคอยปรนนิบัติฟู่อี้ชวนมาสองปี เมื่อก่อนต่อให้เป็นไข้สูงก็ต้องถูกปลุกให้ลุกขึ้นมาทำกับข้าว หาวิธีมาทรมานเธอ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาบอกไม่ให้เธอทำก้มหน้ามองเท้าของตัวเอง คิดว่าฟู่อี้ชวนเกิดใจดีขึ้นมาเพราะเขาเป็นคนทำให้เธอเจ็บตัวแบบนี้ ที่ไหนได้อีกฝ่ายกลับพูดขึ้นมาอีกว่า“ข้าวเย็นก็ไม่ต้องทำ ฉันจะออกไปกินกับซินหย่า”ขณะเดียวกันกับที่พูดจบ เขาก็ก
Read more
บทที่ 7
ซูมั่วเงยหน้าพลางจ้องเขาเขม็ง เธอกำมือแน่นเฮอะ...เพื่อให้คนที่เขารักได้กินข้าว ถึงกับให้ตัวเธอที่เจ็บหนักลงครัว เธอดูเบาฟู่อี้ชวนแล้วจริง ๆ เขาไม่มีความเป็นคนเลยสักนิด“พวกนายสั่งดิลิเวอรี่ไม่เป็นหรือไง? ถ้าคิดว่าไม่ดี ภัตตาคารก็นำอาหารมาส่งให้ได้ นายก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินสักหน่อย” ซูมั่วเอ่ยปากฟู่อี้ชวนเม้มปากเล็กน้อย ดึงสายตาออกมาจากหลังเท้าของซูมั่ว เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา เป็นตอนนั้นเองที่เย่ซินหย่าพูดออกมา “เดิมทีฉันตั้งใจมาเยี่ยมมั่วมั่ว เลยอยากทำกับข้าวให้เธอกิน ถ้าสั่งกับข้าวมาจากภัตตาคารก็ดูจะไม่จริงใจเท่าไรน่ะสิ...”“งั้นเธอทำ?” ซูมั่วว่ากลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ฉันไม่ค่อยคุ้นกับครัวแบบในประเทศ เมื่อกี้นี้ก็ทำจานแตกไปใบแล้ว ทำให้อี้ชวนต้องเป็นห่วงฉันอยู่ตั้งนาน” เย่ซินหย่าพูดอย่างใสซื่อพลางกะพริบตาปริบ ๆ“เอาอย่างนี้แล้วกันมั่วมั่ว เดี๋ยวฉันเป็นลูกมือ คอยช่วยส่งผักส่งของให้เธอ แบบนี้ก็เหมือนฉันทำเองแล้วได้ไหม?”เธอแย้มยิ้มสดใส ทว่าในสายตาของซูมั่วแล้วกลับดูเสแสร้งเหลือเกินดูแล้ววันนี้ เย่ซินหย่าคนนี้อยากจะทรมานเธอให้ได้สักรอบหนึ่งเป็นแน่ ด้วยการให้เธอเข้าครัวทั้งที่
Read more
บทที่ 8
ท่าทางอ่อนแอน่าสงสารแบบนี้ของเธอทำให้ฟู่อี้ชวนได้สติกลับมาทันที เขารีบก้าวเข้าไปปลอบ“ไม่เกี่ยวกับเธอเลย ไม่ต้องร้องนะ”เย่ซินหย่าสะอึกสะอื้น ฟู่อี้ชวนประคองเธอไปนั่งลงที่ห้องรับแขก น้ำเสียงที่กล่าวปลอบประโลมนั้นช่างอบอุ่นอย่างถึงที่สุดภายในห้องครัว ซูมั่วได้ยินแล้วก็ยิ่งรู้สึกแสลงหู น้ำเสียงอ่อนโยนทั้งยังนุ่มนวลแบบนั้น ฟู่อี้ชวนไม่เคยแสดงออกกับเธอมาก่อนทว่าตอนนี้เธอไม่ต้องการมันแล้ว แค่อยากจากไปให้เร็วที่สุดเท่านั้นครั้นปรับสภาพอารมณ์เรียบร้อย เธอก็ขยับมือผัดกับข้าวต่อไปการหย่ายากกว่าที่เธอคิดเอาไว้ เดิมทีคิดว่าฟู่อี้ชวนจะเซ็นชื่อหย่าให้ง่าย ๆ ไม่ขัดอะไร ตอนนี้ดูท่าแล้วเธอคงต้องคิดหาทางอื่นไม่รักก็คือไม่รัก แต่ไม่มีผลอะไรกับการที่ฟู่อี้ชวนคิดจะทรมานเธอเลย นี่เป็นกรรมที่เธอต้องชดใช้ เป็นกรรมต่อความโลภที่เธอมีเมื่อสองปีก่อนในห้องรับแขกเย่ซินหย่าถูกปลอบประโลมอยู่พักหนึ่ง เธออิงอยู่บนหน้าอกของฟู่อี้ชวน สัมผัสความอ่อนโยนของชายหนุ่ม ราวกับว่าความรักที่เขามีให้เธอไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปในเมื่อเป็นแบบนี้ แล้วทำไมเขาถึงไม่ยอมหย่า? ทั้งที่ซูมั่วเป็นคนพูดขึ้นเองแล้วแท้ ๆเธอเงยหน้
Read more
บทที่ 9
“อี้ชวน ไม่เป็นไรใช่ไหม? มั่วมั่วเป็นยังไงบ้าง?” ด้านนอกประตูห้องน้ำ เย่ซินหย่าเอ่ยถามพลางมองชายหนุ่มที่ท่าทางอับจนไปทั้งตัวด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย“ไม่เป็นไร ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” ฟู่อี้ชวนพูดด้วยความโมโหเย่ซินหย่าแสร้งทำเป็นจะไปเปิดประตูห้องน้ำ สุดท้ายมือของเธอก็ถูกฟู่อี้ชวนรั้งไว้ เขาถลึงตาใส่ประตูกระจกอย่างแค้นเคืองพลางว่า“อย่าเข้าไป ผู้หญิงบ้านั่นจะแยกเขี้ยวใส่เธอเอา ฉันว่าเขาคงถูกขังอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชนั่นแหละ”“มั่วมั่วต้องไม่ได้ตั้งใจแน่ นายอย่าไปโกรธเธอเลย...” เย่ซินหย่าเกลี้ยกล่อม พยายามทำหน้าที่เป็นคนคลี่คลายสถานการณ์ให้ทั้งสองคน ทว่ากลับกลายเป็นว่าฟู่อี้ชวนยิ่งก่นด่าออกมาอย่างร้ายกาจมากกว่าเดิมภายในห้องน้ำถูกขวางกั้นไว้ด้วยประตูหนึ่งบาน ทว่าเสียงพูดคุยกันของหญิงร้ายชายเลวคู่นี้ล้วนดังลอดเข้ามาได้ทั้งหมด ซูมั่วนั่งกอดเข่าอยู่ที่พื้น เธอกัดปากและกำมือแน่น ความเกลียดชังกระจายออกมาทั่วฟู่อี้ชวนทั้งน่ารังเกียจทั้งน่าเอือมระอา เย่ซินหย่าก็น่าสะอิดสะเอียน ช่างเป็นคู่ชายหญิงเลว ๆ ที่เหมาะสมกัน เหมือนกับสวรรค์สรรค์สร้างก็ไม่ปาน น่าจะจับมัดให้ติดกันไปเลย!เมื่อสองป
Read more
บทที่ 10
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล และหลังจากที่แพทย์เห็นบาดแผลของเธอแล้ว ก็พูดออกมาไม่กี่ประโยคว่าเธอไม่รักร่างกายตัวเอง ปล่อยให้ตุ่มน้ำแตกหมด ถ้าติดเชื้อขึ้นมาจะไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แล้วซูมั่วก้มหน้าไม่พูดไม่จา พลางมองเท้าของตัวเองที่แดงเถือกและเต็มไปด้วยบาดแผลไม่ใช่ว่าเธอไม่รักร่างกายตัวเอง มันเป็น...เพราะมีใครบางคนไม่คิดจะปล่อยเธอไปแพทย์ทำการตรวจอำครั้ง พลันพบว่าก้นกบที่บริเวณหลังเอวของสาวน้อยคนนี้ก็ม่วงช้ำอย่างรุนแรง แขนก็ได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังร้องไห้จนตาบวมแดงไปหมด นั่งเงียบไม่พูดไม่จาอยู่ตลอด ข้างกายก็ไม่มีใครอยู่ด้วย เหล่านี้มันทำให้เขาอดคาดเดาอะไรบางอย่างไม่ได้ เขาว่า“เดี๋ยวไปเอกซเรย์หลังเอว ผมจะทำเรื่องนอนโรงพยาบาลให้คุณ อย่าเพิ่งกลับไปเลย”“ขอบคุณค่ะคุณหมอ” ซูมั่วเอ่ยปาก น้ำเสียงของเธอแหบเล็กน้อยนอนที่โรงพยาบาลก็ยังต้องให้พยาบาลคอยช่วยเหลือ ด้วยซูมั่วเอนหลังนอนไม่ได้ เธอได้แต่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงพยาบาลเท่านั้น มีหมอนหนุนน่องไว้ ไม่อย่างนั้นก็จะไปโดนบาดแผลบนหลังเท้าพยาบาลทายาให้เธอจนเสร็จ ตัวยาซึมเข้าไปในเนื้อ ความรู้สึกเย็น ๆ แผ่ซ่านออกมาจากบริเวณบาดแผล บรรเทาความเจ็บปวดอันแส
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status