เข้าสู่ระบบโชคชะตาเล่นตลกกับเธอหรือไร แค่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวแต่กลับถูกลักพาตัว เธอตื่นขึ้นมาในห้องที่ไม่คุ้นเคยมิหนำซ้ำยังมารู้ความจริงอีกว่า ชายรูปหล่อที่ตนตบหน้าในคืนนั้น ดันเป็นกษัตริย์แห่งประเทศซากวัย ความซวยยังไม่หมด เมื่อฝ่าบาททรงยืนยันต้องการให้เธอเป็นสนม แต่มีหรือคนอย่างนิลลนาจะยินยอม ต่อให้ใหญ่มาจากไหน เธอไม่เคยเกรง แต่แล้วทำไมจากพระพักตร์บึ้งตึง ดันกลับกลายมาเป็นอ่อนโยน เวลายิ่งผันผานหัวใจยิ่งแปรเปลี่ยน
ดูเพิ่มเติมเสียงกดชัตเตอร์ดังทั่วสนามหญ้าขนาดใหญ่ ญาติพี่น้องต่างพากันแสดงความยินดีกับบัณฑิตจบใหม่ นิลลนา วาดวิจิตร หญิงสาววัยยี่สิบสองปี อดีตดาวมหาวิทยาลัยด้วยใบหน้ารูปไข่ ริมฝีปากบางเป็นกระจับ ดวงตาเรียวสวย จมูกโด่งรั้น คิ้วเรียวยาว ผมหยักศกเคลียแผ่นหลัง ด้วยรูปร่างเค้าโครงทำให้มีชายหลายคนต่างขายขนมจีบเป็นทิวแถว แต่นิลลนาไม่อาจปักใจชอบใครเพราะมุ่งแต่ต้องการทำความสำเร็จให้พ่อแม่ชื่นใจ
นิราพรแย้มยิ้มยินดีกับความสำเร็จ ลูกยามสวมชุดครุยช่างดูมีสง่า คนเป็นแม่โอบกอดแนบแน่นเพื่อถ่ายรูปโดยมีช่างภาพถูกว่าจ้างมาโดยเฉพาะ วิชยุทธมองภรรยาแล้วอดอมยิ้มเสียไม่ได้ เห็นใบหน้าแสนสุขแล้วอิ่มเอมอีกคน ลูกสาวเพียงคนเดียวไม่ทำให้ผิดหวังเลย ชายผู้ได้ชื่อว่าพ่อหิ้วดอกไม้มาส่งให้ถึงมือบุตรสาว
“ยินดีด้วยนะนิล ลูกทำสำเร็จแล้วนะ”
นิลลนารับมาน้ำตาคลอกอดบิดาแน่น ที่สำเร็จมาได้เพราะพ่อคอยส่งเสียให้เรียน
“ขอบคุณมากนะคะพ่อ”
คนเป็นพ่อลูบศีรษะลูกแผ่วเบา ก่อนเพื่อนร่วมงานและญาติสนิทคนอื่นจะมาแสดงความยินดี เวลาล่วงเลยจนกระทั่งเข้าสู่หกโมงเย็น นิลลนาแข้งขาสั่นด้วยรองเท้าส้นสูงแถมยืนถ่ายรูปกับคนนั้นที คนนี้ทีทั้งวัน
“นิล!”เสียงตะโกนเรียกพร้อมสาวร่างสูงโปร่งในสภาพสวมชุดครุยวิ่งเข้ามา
“ยัยดาอย่าวิ่งน่าเกลียด!”นิลลนารีบปราม
เพื่อนสาวตรงเข้าสวมกอด “เป็นไงเหนื่อยไหมนิล ยินดีด้วยวะแก”
“แกก็เหมือนกันแหละยัยดา ยินดีด้วยนะ!”
สองสาวกอดกันอีกครั้ง แล้วคลายอ้อมแขนออก ดาริการู้สึกตัวรีบยกมือกระพุ่มไหว้บิดามารดาเพื่อนแล้วยิ้มแห้งๆ
“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ ขอโทษด้วยนะคะที่ดาไม่ได้ทักทายก่อนพอดีดีใจมากไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก”นิราพรบอก
“มาทำไมล่ะแก ไม่ไปถ่ายรูปกับญาติๆ เหรอ”นิลลนาเอ่ยถาม
“พอดีกำลังจะกลับเลยมาทักทายก่อน หาตัวกันยากชะมัดเลย ดีนะที่เห็น”ดาริกาบ่นอุบ
“จะกลับแล้วเหรอ”
“ใช่จ้ะ แม่กับพ่อจะพาไปเลี้ยงที่ร้านอาหารน่ะ”
นิลลนาหันมองบิดามารดา เห็นพูดคุยกับญาติๆ อยู่ ทางนี้คิดว่าคงไปเลี้ยงฉลองเหมือนกัน ร่างบางสาวเท้าหาผู้ให้กำเนิดทั้งสอง
“พ่อกับแม่คะ เดี๋ยวนิลไปไหว้พ่อแม่ดาก่อนนะคะ แล้วจะรีบกลับมา”
“จ้ะลูก”วิชยุทธตอบ
สองสาวจูงมือกันไปอีกทางหนึ่ง นิลลนามาถึงกลุ่มญาติของเพื่อน
“พ่อคะแม่คะนี่นิลค่ะ เพื่อนดาเอง”
คนถูกแนะนำยกมือไหว้ท่าทีนอบน้อม มารดาและบิดาเพื่อนยกมือรับแล้วยิ้มอ่อนโยนเป็นกันเอง นิลลนาลากเพื่อนสาวไปยังกลุ่มชายหนุ่มที่เยื้องออกไป
“พี่นัท นี่เพื่อนดาชื่อนิล”เธอแนะนำเพื่อนให้พี่ชายรู้จัก
“สวัสดีค่ะ”นิลลนายกมือไหว้อีกครั้ง
เขารับไหว้แล้วจ้องมองใบหน้าสวยหวานไม่วางตา ดาริกามองพี่ชายแล้วใช้มือแตะเบาๆ ที่ท่อนแขน
“พี่นัท!”
“ว่าไงดา”
“เป็นอะไร ยืนนิ่งเชียว”
“เปล่าพี่ไม่ได้เป็นอะไร”ชายหนุ่มรีบปฏิเสธ แต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ตรงเพื่อนของน้อง
ดาริกาหันมาทางเพื่อน ความจริงหากพี่ชายเธอกับนิลรู้จักกันมากกว่านี้คงดีไม่น้อย แต่เพราะพี่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศก่อนเธอรับปริญญาไม่กี่วัน ไม่อยากนั้นอาจสนิทสนมคบหากันก็ได้ พี่ชายไม่ได้หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่เลย
นิลลนาตกประหม่าเพราะรับรู้ถึงสายตาของพี่ชายเพื่อน ปกติมักพบสายตาเช่นนี้มาตลอด แต่กับชายคนนี้ค่อนข้างเกรงใจไม่กล้าเดินหนี กลัวเพื่อนเสียความรู้สึกเลยทำแค่ยืนต่อหน้าแล้วเมินมองทางอื่นเหมือนไม่รับรู้
“แหม... ไม่ได้เป็นอะไรแต่จ้องเพื่อนดาตาไม่กระพริบเลยนะ”ดาริกาแซวพี่ชายทันที นัทพลรีบหลุบตามองพื้นด้วย
“ก็... เพื่อนดาสวย”เขาอ้อมแอ้มตอบ
ดาริกาหัวเราะแล้วโอบไหล่เพื่อนสาว
“นิลว่าไง พี่ชายบอกว่านิลสวย”
นิลลนาหันมองเพื่อน แล้วช้อนสายตามองชายหนุ่ม
“ขอบคุณค่ะ”
“พี่พูดจริงนะครับ”ชายหนุ่มรีบแก้ตัวเพราะคิดว่าคนถูกชมอาจเข้าใจว่าตนโกหก
“นิลไม่ได้คิดมากกับคำชมหรอกค่ะ”เธอตอบแล้วหันมองเพื่อน “ดาเดี๋ยวนิลไปก่อนนะ พ่อกับแม่รอนานแล้ว”
ดาริการะบายลมหายใจ แบบนี้หมดสนุกเลย อุตส่าห์เชียร์พี่ชายแต่สุดท้ายเพื่อนก็ไม่ยอม ขนาดพี่นัทออกจะหล่อยังไม่ชายตาแล ทำไมเพื่อนคนนี้ถึงไม่สนใจหนุ่มไหนเลย
“โอเคนิล ไว้เจอกันนะแก”
“ไว้เจอกันดา”
เธอปลีกตัวออกมาจากวงศาคณาญาติและหลีกเลี่ยงสายตาพี่ชายเพื่อนยามมองมาเหมือนต้องตาต้องใจ มาถึงกลุ่มของตนเองบิดารีบโอบไหล่บุตรสาวพากันขึ้นรถเดินทางไปยังร้านอาหารไทยชื่อดัง อดีตเอกอัคราชทูตประจำประเทศเดนมาร์กมายังโต๊ะไม้สักขนาดใหญ่ มีเก้าอี้ไม้บุนวมสีครีม ตรงกลางวางแจกันดอกกุหลาบขาว สามจุด ผ้าปูลูกไม้สีขาว ทุกคนนั่งประจำที่โดยมีวิชยุทธอยู่หัวโต๊ะ
ไม่นานอาหารถูกลำเลียงมาเสริฟ์เพราะทางลูกค้าทำการสั่งไว้ล่วงหน้าเรียบร้อย อาหารอิตาเลี่ยน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่นและอาหารไทยหน้าตาน่าทานจนทุกคนน้ำลายสอ นิลลนามองบิดาแล้วยิ้มกว้างคิดไม่ออกว่าควรตักจานไหนทานก่อนดีเพราะมันล้วนแล้วแต่เรียกน้ำย่อยให้ทำงาน
“น่าทานมากเลยค่ะพ่อ”นิลลนาชมเปราะ ก่อนตักยำสามกรอบใส่ปาก
“น่าทานก็ทานมากๆ นะลูก วันนี้เป็นวันของนิลเลย”คนเป็นพ่อบอก
หญิงสาวไม่รอช้ารีบตักอาหารโปรดของตนใส่จานเพิ่ม ญาติพี่น้องเลยจัดการตาม ในวงมีการพูดคุยกันตามประสาจนเลยไปถึงการหางานหลังจบการศึกษาของนิลลนาด้วย คนถูกเอ่ยถึงนั่งเงียบกริบช่วงเวลาสำหรับการเล่าเรียนมันยาวนานมากแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ต้องการทำคือท่องเที่ยวประเทศที่ใฝ่ฝันมานาน
จบมื้ออาหารทุกคนออกมายืนออด้านหน้า บรรดาญาติต่างพากันกล่าวขอบคุณและร่ำลาเพื่อเดินทางกลับที่พักของตนเอง นิลลนายกมือกระพุ่มไหว้จนกระทั่งรถเคลื่อนหาย ถึงคราวตัวเองต้องพักผ่อนบ้างเพราะเหนื่อยมาทั้งวันเช่นกัน
“กลับกันเถอะค่ะคุณ เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”นิราพรเอ่ยชวน เธอเองค่อนข้างเพลียเหมือนกัน
ครอบครัวทั้งสามขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับบ้าน รถเคลื่อนเข้าสู่บ้านเดี่ยวราคานับสิบล้าน ด้านหน้าเป็นสนามหญ้ามีไม้ถูกตัดแต่งเป็นรูปสัตว์ต่างๆ หินขนาดใหญ่จัดวางอย่างสวยงาม ถนนทอดยาวสู่ตัวบ้าน เมื่อรถจอดเทียบทุกคนจึงลงแล้วสาวเท้าเข้าด้านในผ่านโถงกลางขนาดใหญ่ พื้นเป็นหินอ่อนสีเทา ปีกซ้ายเป็นห้องนั่งเล่นสำหรับครอบครัวและห้องรับรองแขกยามมาเยี่ยมเยือน ปีกขวาเป็นห้องรับประทานอาหาร ห้องครัว
ชั้นสองมีบันไดวนราวจับสีเหลืองทอง มีห้องราวหกห้องเพื่อรับรองยามญาติสนิทหรือเพื่อนบิดามาจากต่างประเทศเข้าพัก นิลลนาอยู่ห้องมุมสุดทางเดินเพราะไม่ชอบเสียงรบกวนสักเท่าไหร่ เธอควงแขนบิดาไว้แน่นแล้วยกยิ้ม
“พ่อคะ วันนี้นิลขอตัวไปนอนก่อนนะคะ ง่วงมากเลย”
“ไปสิลูก”
คนเป็นลูกหันมองมารดา “แม่นิลไปนอนก่อนนะคะ”
“ไปเถอะนิล พักผ่อนซะ เดี๋ยวเราต้องทำอะไรอีกมาก”
ฟังคำแม่แล้วทำเอาเธอแทบอยากกระโจนหนีเสียเดี๋ยวนี้ เพิ่งเรียนจบหมาดๆ ให้ทำงานเลยคงไม่ไหว พูดกับแม่คงไม่ได้ผลที่บ้านพ่อใหญ่สุด เธอเชื่อว่าอย่างไรเสียพ่อคงเข้าใจต่อการตัดสินใจนี้ เธอปล่อยแขนบิดาเป็นอิสระก่อนเดินขึ้นบันไดเข้าห้องตนเอง
ร่างบางลุกยืนแล้วหุนหันวิ่งออกนอกห้องโถงทันที กษัตริย์มาซาฮาฟทอดพระเนตรแผ่นหลังบอบบางแล้วหรี่พระเนตรลงครุ่นคิดบางอย่าง นิลลนารีบเปิดประตูห้องข้ารับใช้คนสนิทเห็นร่างอรชรนอนคว่ำหน้าบนเตียงเสียงสะอื้นยังดังแว่ว ร่างบางรีบทรุดกายลงข้างเตียงน้ำตาเอ่อ“นาเดีย...”เธอเรียกชื่อข้ารับใช้เสียงแผ่วครั้นได้ยินเสียงเรียกเธอรีบพลิกกายเพื่อหันมอง แต่ทว่าร่างกายอันบอบช้ำไม่อำนวย“โอ้ย!”“อย่าขยับนาเดีย ไม่เป็นไรไม่ต้องหันมาหรอก”“ฉันขอโทษนะคะ ที่ทำให้คุณต้องเดือดร้อน ทำให้คุณต้องฝืนใจยอมฝ่าบาท”“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะนาเดีย ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำให้นาเดียเดือดร้อนเพราะความเห็นแก่ตัว”นิลลนาบอกเสียงเครือ“คุณไม่ผิดหรอกค่ะที่คิดอยากหนี นาเดียเองก็อยากให้คุณได้กลับบ้าน แต่นาเดียไม่มีอำนาจมากพอจะช่วยเหลือคุณ ขอโทษนะคะทั้งที่คุณมองนาเดียเหมือนเพื่อนคนหนึ่งแท้ๆ แต่นาเดียกลับทำให้คุณต้องเสียสละตัวเอง”ยิ่งพูดยิ่งเหมือนตัวเองทำให้เจ้านายต้องทุกข์ทรมาน เธอรู้สึกผิดมากจริงๆ ที่เกิดมาต่ำต้อยไม่อาจช่วยเหลือใครได้นิลลนาโน้มกายโอบกอดเพื่อนสาวด้วยความปวดร้าว เธอไม่เคยคิดเลยว่าข้ารับใช้คนสนิทจะรู้สึกกับเธอเช่นนี้ ถูก
นิลลนาช้อนสายตามองแววตาแค้นเคือง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะฝ่าบาทเพียงพระองค์เดียว“เรื่องนี้หม่อมฉันผิดคนเดียวคนอื่นไม่เกี่ยว ฝ่าบาททรงปล่อยคนอื่นไปได้ไหม!”“เจ้ามีสิทธิ์ต่อรองกับข้าด้วยเหรอนิลลนา”“หม่อมฉันไม่ได้ต่อรอง เพียงแค่ร้องขอต่อฝ่าบาทเท่านั้น”หญิงสาวตอบกลับน้ำเสียงแข็ง“นี่หรือคือการร้องขอ”ทรงเลิ่กพระขนงเพื่อเปิดศาสน์ท้ารบต่อสตรีตัวเล็กด้านหน้าริมฝีปากบางเม้มสนิทข่มกลั้นความรู้สึกในอกเอาไว้ หากตัวคนเดียวเธอคงโวยวายไม่กลัวตายไปแล้ว แต่ทำไม่ได้เพราะมีหลายชีวิตพ่วงท้ายมาด้วย“ฝ่าบาทต้องการอะไรจากหม่อมฉันหรือเพคะ ในเมื่อพระองค์มีสตรีมากมายคอยปรนนิบัติจะเสียหม่อมฉันไปสักคนจะเป็นไรไป”เธอบอกแล้วกวาดตามองรอบห้องโถงซึ่งล้วนแล้วแต่มีหญิงงามมากมายยืนห้อมล้อมอยู่“เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าต้องการอะไร เจ้าก็คือเจ้านิลลนา คนอื่นมาทดแทนไม่ได้ ถ้าหากทดแทนได้ข้าจะกักขังเจ้าไว้ทำไมอีก”คำตรัสทำเอานางสนม และบรรดาหญิงสาวถวายตัวกัดฟัน อารีมากำมือแน่นด้วยความปวดร้าวในอก ทรงยังไม่รู้พระองค์อีกเหรอว่าทำไมถึงได้รั้งหญิงชาวไทยนางนี้ไม่ยอมปล่อย ไม่อยากเชื่อเลยว่าฝ่าบาทจะทรงปันใจให้นาง แล้วเธอเล่าเป็นตัวอะไร
“ไม่เป็นไรหรอกเรายินดี”หญิงสาวหันมองนาเดียแล้วกุมมือไว้แน่น“นาเดียฉันไปก่อนนะ สักวันเราคงได้พบกัน”“รักษาตัวดีๆ นะคะ”นาเดียบอกเสียงเครือ น้ำตาเอ่อ“จ้ะ”รถถูกเปิดประตูออกนิลลนารีบขึ้นนั่ง ทหารทำหน้าที่ขับเคลื่อนออกจากบริเวณนั้นทันที นาเดียสะอื้นไห้ด้วยความอาลัยผสมความหวาดหวั่นใจ หากฝ่าบาททรงทราบเรื่องราวคงลุกลามใหญ่โต เธออาจต้องโทษประหารก็เป็นได้“กลับเข้าด้านในกันเถอะ เรื่องนี้อย่าแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด”อารีมาสั่งเสียงเด็ดขาด“พะยะค่ะพระสนม”“ได้ยินหรือเปล่านาเดีย”นาเดียชะงักหันมองแล้วถอนสายบัว “เพคะพระสนม”ผู้ร่วมแผนการสาวเท้าไปยังวังหลังเตรียมแยกย้ายกัน แต่ทว่ากลับต้องหยุดชะงักเมื่อแสงไฟสาดส่องทั่วบริเวณตามด้วยทหารจำนวนมากยืนล้อมอยู่ อารีมาปากสั่นใบหน้าซีดเผือด อัสลันก้าวมาหยุดยืนตรงหน้าทุกคนก่อนลอบชำเลืองนางในดวงใจ“ท่านกำลังทำอะไรอัสลัน นี่พระสนมเอกกล้าดียังไงขวางทาง”ข้ารับใช้คนสนิทรีบประกาศ“ที่กระหม่อมกล้าเพราะมีราชโองการจากฝ่าบาทมาพะยะค่ะพระสนม”อัสลันกางราชโองการทันที สนมเอกแทบทรุดกองกับพื้น“ข้าทำอะไรผิดพวกเจ้าถึงมาจับตัวเช่นนี้”อารีมายังคงหาทางรอด“พระสนมเอกน่าจะรู้อยู่แก่
กระเป๋าเป้ถูกจัดเก็บเรียบร้อยเหลือเพียงเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเดิม เท่านี้ก็ไม่มีอะไรต้องจัดการอีกเพียงแค่รอเวลาให้ถึงเที่ยงคืนตรงเท่านั้น นิลลนาสาวเท้าใกล้ข้ารับใช้คนสนิท“ดูแลตัวเองดีๆ นะนาเดีย ฉันจะพยายามติดต่อเธอ”“คุณก็ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ”นิลลนาอดรนทนไม่ได้เลยโอบกอดข้ารับใช้คนสนิทแนบแน่น เพราะมีนาเดียเธอถึงอยู่รอดได้จนถึงทุกวันนี้ มีเพื่อนคอยแก้เหงาพูดคุยด้วยทุกวัน“ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะ”“นาเดียก็เหมือนกันค่ะ”ฮายิรีบวิ่งลงบันไดอย่างรวดเร็วหลังจากได้ยินความลับของพระสนมแห่งตำหนักบุปผชาติ สองเท้าวิ่งอย่างรวดเร็วเพื่อรายงานมันคงเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงอาจทำให้ท่านอัสลันหันมาให้ความสนใจในตัวเธอบ้าง ถึงห้องทำงานทหารสองนายกันฮายิไว้ไม่ให้เข้าใกล้อย่างใจหวัง“ฉันมีเรื่องจะรายงานท่านอัสลัน”ฮายิตะโกนอัสลันชะงักมือลุกยืนก้าวไปยังประตูหน้าห้อง“เปิดเถอะ”ทหารสองนายยอมเปิดทางให้ข้ารับใช้ ฮายิก้าวเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าอัสลัน หัวใจเธอสั่นสะท้านยามได้สบตาพาลให้เลือดในกายไหลพล่านไม่หยุด“เจ้าเป็นคนของตำหนักพระสนมนิลลนาไม่ใช่หรือ?”อัสลันถามเสียงเข้ม“ใช่เจ้าค่ะ”“แล้วมีอะไรมาหาเราถึงที่ห้องทำ
นาเดียหันมาทางเจ้านาย “คุณนิลลนา พระสนมเอกต้องการคุยกับคุณค่ะ พระนางขอให้คุณพูดภาษาอังกฤษ”“ได้สินาเดีย”นิลลนารับคำสนมเอกยกยิ้มแล้วผายมือเชื้อเชิญ นิลลนาลอบสังเกตท่วงท่าการเดินแม้ข้ารับใช้ติดตามยังมีสง่า ดูท่าแล้วสนมเอกองค์นี้คงไม่พ้นมเหสีของกษัตริย์มาซาฮาฟแน่นอน ร่างบางก้าวตามไปยังศาลาหกเหลี่ยมตั้งอยู่ริมโอเอซิส ข้ารับใช้นำชาและคุกกี้ธัญพืชมาเสริฟ์“เราขอแนะนำตัวก่อน ไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์หรือมากพิธีหรอกนะ เพราะเราเองไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ พูดคุยกับปกติเหมือนเพื่อนน่าจะดีกว่า”“ได้ค่ะ ฉันเองก็ชอบแบบนั้นเหมือนกัน”นิลลนาตอบรับทันที“เราชื่ออารีมาเป็นสนมเอกของกษัตริย์ แล้วเจ้าล่ะชื่ออะไร”“ฉันชื่อนิลลนา”“นิลลนางั้นเหรอ เธอมาจากประเทศอะไรกัน”“มาจากประเทศไทยค่ะ”อารีมาอดแปลกใจไม่ได้ที่พระสนมเป็นชาวเอเชีย โดยปกติแล้วฝ่าบาทไม่ทรงโปรดสักเท่าไหร่ แต่ดูจากรูปร่างหน้าตาของหญิงชาวเอเชียแล้วก็พอจะเรียกความสนใจจากพระองค์ได้ในระดับหนึ่ง“แล้วเธอมาเป็นพระสนมได้ยังไง เจอกับฝ่าบาทที่ไหนเหรอ”อารีมาเอ่ยถามแล้วยกชาขึ้นจิบสายตาไม่ละจากวงหน้า ผู้หญิงคนนี้ดูสดใสน่ามองอย่างประหลาด“ฉันพบโดยบังเอิญที่โรงแรมไ
ร่างอรชรหยุดเท้ามองดูพระสนม ทรงนั่งหมอบกับพื้น ข้ารับใช้คนสนิทรีบตรงเข้าพยุงให้ลุกยืน ด้วยความตกใจ เธอรับรู้ได้ถึงอาการสั่นเทาของผู้เป็นนาย“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณนิลลนา”นาเดียเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“ปะ...เปล่าไม่เป็นอะไร”“ทะเลาะกับฝ่าบาทอีกแล้วเหรอคะ”นิลลนาเม้มริมฝีปากนึกถึงแววพระเนตรเมื่อครู่ ใครจะคิดว่าพระองค์จะทรงกริ้วหนักขนาดนั้น ความหวังให้ปล่อยตัวคงเลื่อนลอยเต็มที“อืม”“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”“นาเดีย... จำยานอนหลับที่เธอให้ฉันได้ไหม”หญิงสาวย้อนถามแล้วสบตาเพื่อนเพียงคนเดียวนาเดียขมวดคิ้วเรียวงาม จ้องมองกลับดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อคิดได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเหตุการณ์ เพราะมันผิดปกติตั้งแต่เมื่อคืนไม่เห็นฝ่าบาทออกจากห้องบรรทมของพระสนม เงียบหายจนถึงรุ่งเช้า พระสนมไม่น่ายินยอมง่ายดายเช่นนั้น“หรือว่า...”“ใช่ ฉันผสมยานอนหลับในแก้วไวน์ให้ฝ่าบาททรงดื่ม”นิลลนาตอบ“อะไรนะคะ!”นาเดียร้องลั่นด้วยความตกใจ ไม่คิดว่ายานอนหลับที่ตนนำมาให้จะถูกใช้ในทางผิด ฝ่าบาทกริ้วหนักคงไม่แปลก “คุณรู้หรือเปล่าคะว่าโทษวางยากษัตริย์ถึงประหารเลยนะคะ”นิลลนากัดฟันแน่น ใครใช้ให้ฝ่าบาทเอาแต่ใจกับเธอก่อนเล่า ไม่เคย
ความคิดเห็น