[ทำไร่ + ถูกเนรเทศ + เชี่ยวชาญทั้งแพทย์และยาพิษ + มิติพิเศษ + นิยายสุดมัน + นางเอกเก่ง + โรแมนติกหวานซึ้ง] เมื่อตื่นขึ้นมาก็ทะลุมิติมาอยู่ในยุคโบราณ ถูกบังคับให้แต่งงานแทนคนอื่น และกำลังจะถูกเนรเทศ ไม่เป็นไร นางมีมิติพิเศษที่เก็บเสบียงได้ไม่จำกัด! บิดาใจร้ายจะตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูกหรือ? เก็บหนังสือตัดขาดไว้ให้ดี อย่ามาร้องขออ้อนวอนทีหลังล่ะ! ต่อไปจะต้องมีชีวิตที่แสนรัดทดหรือ? ไม่ต้องรีบร้อน เราก็ขนสมบัติของพ่อบัดซบไปให้หมดก่อนแล้วค่อยไปก็ยังไม่สาย! ตระกูลสามีโดนหมายยึดทรัพย์สินหรือ? ไม่ต้องกลัว เราก็ขนทรัพย์สินของบ้านสามีออกมาให้หมดก่อน ปล่อยให้ฮ่องเต้สุนัขได้เจอแต่ความว่างเปล่า! แม้แต่ทรัพย์สมบัติในคลังหลวงของฮ่องเต้ก็ขนไปให้หมด เงินสักแดงก็อย่าได้เหลือทิ้งไว้! ถูกลอบสังหารระหว่างถูกเนรเทศหรือ? นางมีเข็มเงินอาบยาพิษอยู่ในมือ หากพวกเจ้ามาก็อย่าหวังว่าจะรอดกลับไปได้! มีมิติร้านค้าสมัยใหม่อยู่ในมือ พวกข้าจะเดินเฉิดฉายไปยังแดนเนรเทศอย่างไม่หวาดหวั่น ดินแดนเนรเทศที่ยากจนถึงขนาดที่นกยังไม่ยอมถ่ายมูลทิ้งไว้ พวกข้าจะสร้างเมืองหลวงใหม่ให้เจริญรุ่งเรืองเอง! ว่าไงนะ ฮ่องเต้สุนัขส่งทหารมาบุกเมืองหรือ? สู้กลับไป! นางจะชำระบัญชีทั้งเก่าและใหม่ให้หมด จนฮ่องเต้สุนัขไม่มีแม้แต่กางเกงในเหลือให้ใส่เลย!
View Moreนางรีบปรุงยาคลายจุดด้วยความรวดเร็ว และกินเข้าไปทำให้ในยามนี้ ร่างกายนางสามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติแล้วเพียงแต่นางไม่อยากให้ชายทั้งสองสังเกตเห็น จึงคิดบอกให้เหวยป๋อจื่อวางตัวนางลงก่อนนางจะได้ฉวยโอกาสตบหน้าเหวยป๋อจือสักหนึ่งฉาด เพื่อให้ภารกิจลับลุล่วง จนได้คัมภีร์แผดเผาวิญญาณเล่มนั้นมาเหวยป๋อจื่อเห็นเจี่ยนอันอันเกิดอาการคลื่นเหียน จนทำให้เขาขมวดคิ้วมุ่น แต่เห็นว่านางอาจถูกกู้มั่วหลีจี้สกัดจุดไว้แล้วบัดนี้จึงดูไม่อาจขยับเขยื้อนร่างกาย จึงวางใจปล่อยตัวนางลงที่ด้านข้างให้นางยืนพิงไว้กับเสากู้มั่วหลีไม่ต้องการให้เหวยป๋อจื่อพาตัวเจี่ยนอันอันไป จึงฝืนทนความเจ็บที่หน้าอกไว้ พร้อมออกหมัดต่อสู้อีกครั้งเจี่ยนอันอันมองดูการปะทะของคนทั้งคู่ แม้ว่าวรยุทธ์และพลังภายในของกู้มั่วหลีนับว่าสูงส่งยิ่งแต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหวยป๋อจื่ออยู่ดีนางพอดูออกว่า เหวยป๋อจื่อไม่รู้วรยุทธ์มากนัก เพียงใช้วิชาไสยศาสตร์ในการรับมือมากกว่านางเห็นกู้มั่วหลีจวนเจียนจะพ่ายแพ้รอมร่อ อีกทั้งในร่างกายก็ได้สั่งสมวิชาไสยศาสตร์เข้าไปมากเจี่ยนอันอันฉวยโอกาสที่เหวยป๋อจื่อไม่ทันสังเกตนาง รีบเดินขึ้นหน้าไป พร้
เสิ่นจือเจิ้งกับพวกรีบออกเดินทางทันที ควบม้าไปทางตัวเมืองอย่างรีบเร่งครั้งนี้ไม่ได้พานกแร้งสองตัวติดตามไปด้วย เพราะเสิ่นจือเจิ้งรู้เป้าหมายแน่ชัดแล้ว จึงไม่ต้องใช้นกแร้งให้ช่วยนำทางอีก......เจี่ยนอันอันไม่รู้ว่าฉู่จวินสิงได้เกิดเรื่องขึ้น นางนอนอยู่บนเตียง ส่งมโนจิตเข้าไปในห้วงมิติ คิดถามภารกิจแห่งห้วงมิติว่าพอจะช่วยนางคลายจุดได้หรือไม่นางซักถามอยู่นาน ก็ไม่ได้รับคำตอบจากภารกิจแห่งห้วงมิติขณะที่เจี่ยนอันอันรู้สึกโกรธจนแทบอยากด่าภารกิจแห่งห้วงมิติอยู่นั้น พลันเห็นมีคำตอบกลับมา“เธอมีวิชาแพทย์อยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ยังต้องมาถามฉันอีก ตัวเองปรุงยาเพื่อไปคลายจุดก็สิ้นเรื่อง”คำแนะนำจากภารกิจแห่งห้วงมิติ ทำให้เจี่ยนอันอันตาสว่างขึ้นแม้ว่าคำแนะนำจากภารกิจแห่งห้วงมิติมักแฝงมาด้วยความหยิ่งยโส แต่ทุกครั้งมักช่วยให้เจี่ยนอันอันรอดพ้นจากวิกฤติได้เสมอนางจึงหายโกรธภารกิจแห่งห้วงมิติในฉับพลันสุดท้ายจึงค่อยสงบสติ แล้วเริ่มไปค้นหาในคลังยาในที่สุดก็พบสมุนไพรบางชนิด ซึ่งมีสรรพคุณในการสลายเลือดคั่งได้ดีนางรีบทำการปรุงยาเม็ดอยู่ในห้วงมิติขณะที่มโนจิตของนางกำลังมุ่งมั่งปรุงยาอยู่ในห้ว
เสิ่นจือเจิ้งจึงนำที่มาที่ไปของเรื่องราว บอกเล่าให้คนตระกูลฉู่ได้รับรู้ฮูหยินใหญ่ได้ยินดังนี้ ทำเอาจวนเจียนแทบสิ้นสติดีที่มีสาวใช้อยู่ด้านหลังคอยพยุง นางจึงไม่ได้ล้มลง“เหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ อันอันหายไป จวินสิงก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส”“ชีวิตพวกเรากว่าจะอยู่สงบขึ้นบ้าง เหตุใดจึงมีคนชื่อเหวยป๋อจื่อปรากฎขึ้นมา?”หลังจากฮูหยินใหญ่เริ่มตั้งสติ ก็ได้ร้องห่มร้องไห้จนน้ำตานองหน้าไปเสียแล้วทุกคนในตระกูลฉู่ต่างร้อนใจราวกับมดที่อยู่บนฝาหม้อร้อนเหยียนเซ่ากับเวินอี๋ต่างกล่าวพร้อมกัน “เราจะไปตามหาอันอันเอง ไม่ยอมให้นางถูกเหวยป๋อจื่อจับตัวไปได้”ทั้งคู่กล่าวพลาง รีบก้าวเท้าเตรียมจะจากไป เสิ่นจือเจิ้งรีบรั้งตัวพวกเขาไว้“เหวยป๋อจื่อรู้วิชาไสยศาสตร์ และที่ที่นางถูกจับไปมีกลไกซ่อนอยู่ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะทำลายได้”“หากไม่เพราะฉู่จวินสิงไปแตะถูกกลไกเข้า คงไม่ถูกวิชามารเข้าร่างเช่นนี้”ฉู่จวินหลุนได้ยินดังนี้ จึงเห็นด้วยกับความคิดเสิ่นจือเจิ้ง“เหวยป๋อจื่อเชี่ยวชาญการใช้ไสยศาสตร์ สมัยก่อนเสด็จพ่อก็ถูกมันควบคุมด้วยวิชานี้ จนเกือบมอบอำนาจการปกครองให้แก่เหวยป๋อจื่อ”“เคราะห์ดีที่สุด
เสิ่นจือเจิ้งรีบวิ่งเข้ามา “ฉู่จวินสิง ตื่นเร็วเข้า!”ฉู่จวินสิงยังคงหลับตานิ่ง แม้แต่ลมหายใจก็ดูอ่อนแรงลงมากเสิ่นจือเจิ้งเห็นลำคอฉู่จวินสิงที่โผล่ออกจากคอเสื้อ มีไอดำกลุ่มหนึ่งแทรกเข้าไปในร่างกายเขาเขารีบเปิดเสื้อของฉู่จวินสิงออก ก็พบว่าหน้าอกเขากลายเป็นสีดำคล้ำไปแล้วทันใดนั้นจึงคิดได้ว่า เจ้าของร่างเดิมขณะถูกท่านย่าเล็กใช้วิชาไสยศาสตร์เข้าควบคุม ก็ได้ปรากฏไอสีดำเช่นนี้ เข้าสู่ร่างกายเหมือนกันเสิ่นจือเจิ้งเข้าใจโดยพลัน ว่าฉู่จวินสิงได้ถูกวิชาไสยศาสตร์สะกดเข้าแล้วหากไม่รีบพาเขาไปจากที่นี่ ผลร้ายคงไม่อาจคาดคิดเมื่อนึกถึงตรงนี้ เสิ่นจือเจิ้งจึงรีบสกัดจุดฉู่จวินสิงเร็วพลัน เพื่อยับยั้งมิให้ไอสีดำนั้นแพร่กระจายไปทั่วร่างพร้อมทั้งนำฉู่จวินสิงขึ้นพาดบนหลังม้า รีบควบม้ามุ่งตรงไปยังทิศทางของหมู่บ้านชิงสุ่ยและเสียงดังลั่นเมื่อครู่นี้ ได้สั่นสะเทือนถึงเหวยป๋อจื่อด้วยเมื่อเขาปรากฏตัวที่ด้านนอกจวนเสวียนเยว่ จึงเห็นเสิ่นจือเจิ้งพาฉู่จวินสิงซึ่งได้รับบาดเจ็บรีบจากไปอย่างรวดเร็วมุมปากเหวยป๋อจื่อผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “น้ำหน้าอย่างพวกเจ้า คิดมาช่วยเจี่ยนอันอันน่ะหรือ ช่างฝันเฟื่
เจี่ยนอันอันมองหน้ากู้มั่วหลีพลางค้อนปะหลับปะเหลือก คิดในใจว่าอย่าเพิ่งหัวเราะ อีกประเดี๋ยวจะให้ร้องไห้ให้สาสมเจี่ยนอันอันจึงกล่าวพร้อมสีหน้าเย็นชา “ข้าจะบอกให้รู้ ยาพิษที่ฉู่ชางเหยียนใช้กับเจ้า ต่อให้นำเลือดเนื้อของมนุษย์มากเท่าใด ก็ไม่อาจผลิตเป็นยาถอนออกมาได้”คำพูดของเจี่ยนอันอัน ทำให้กู้มั่วหลีหุบยิ้มได้สำเร็จ“เจ้ารู้วิธีถอนพิษกระนั้นรึ?”หลายวันนี้กู้มั่วหลีเก็บตัวอยู่ในจวนเสวียนเยว่ ได้วิชาไสยศาสตร์ของเหวยป๋อจื่อช่วยประคองไว้ ร่างกายรู้สึกดีกว่าแต่ก่อนขึ้นมากอย่างน้อยก็ไม่ต้องถูกพิษในกายทรมานสาหัสอีกแต่นี่ก็เป็นเพียงชั่วขณะเท่านั้น วันหน้าเขายังต้องรับความทรมานเช่นนี้ดังเดิมเดิมทีคิดว่าจะรอให้เหวยป๋อจื่อสูบเลือดจากเจี่ยนหลิงเยว่ไปสักครึ่งก่อน เขาค่อยสูบเลือดจากนางให้หมดสิ้นทั้งตัวเพื่อทำเป็นกระสายยาของยาถอนพิษ ไปเลี้ยงตัวหนอนเถิงซือจะได้ใช้วิธีนี้ ถอนพิษร้ายในร่างกายให้หมดสิ้นแต่เจี่ยนอันอันกลับบอกว่า ไม่ว่าเขาจะใช้เลือดเนื้อของผู้ใด ล้วนไม่อาจปรุงเป็นยาถอนพิษได้หมดเขาย่อมรู้ดีว่านางมีวิชาแพทย์สูงส่ง สามารถปรุงยาพิษได้อย่างล้ำเลิศหากนางมีวิธีถอนพิษจริง เขาก็
“เจ้าจงวางใจพักผ่อนอยู่ที่นี่ ข้ารับรองว่าจะไม่คิดล่วงล้ำเจ้า”“ถ้าเหวยป๋อจื่อย้อนมาอีกครั้ง ข้าก็จะปกป้องเจ้าอย่างดี ไม่ให้เขาพบเห็นการปรากฏตัวของเจ้าแน่นอน”กู้มั่วหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน คล้ายกำลังพูดคุยอยู่กับสตรีที่ตนรักแต่เจี่ยนอันอันกลับเต็มไปด้วยความร้อนรน นางคิดแต่จะหนีจากกู้มั่วหลีก่อน ค่อยไปคิดบัญชีกับเหวยป๋อจื่อต่อแต่ยามนี้นางกลับไม่สามารถทำอะไรได้ จุดที่ถูกสกัดไว้ ต้องรออีกสองชั่วยามจึงจะคลายออกเองจึงได้แต่ปล่อยให้กู้มั่วหลี่นั่งอยู่ข้างกาย โดยไม่มีแรงต่อต้านแม้เพียงน้อยนิดกู้มั่วหลีลูบไล้ใบหน้าเจี่ยนอันอันเบาๆ หลายครั้ง ก่อนจะดึงมือกลับไปเจี่ยนอันอันเกิดความรู้สึกขยะแขยงราวกับกินแมลงวันเข้าปากนางจ้องมองกู้มั่วหลีด้วยความโกรธ แต่กลับเห็นอีกฝ่ายเปี่ยมด้วยสายตาอันอ่อนโยนชายผู้นี้เห็นทีคงเสียสติเป็นแม่นมั่น จะใช้สายตาอ่อนโยนเช่นนี้มองนางทำไมกันเมื่อเห็นเจี่ยนอันอันจ้องมองด้วยความเดือดดาล กู้มั่วหลีพลันเหยียดริมฝีปาก ผุดรอยยิ้มน่าดูออกมา“เจ้าคงยังไม่ได้กินข้าว ป่านนี้น่าจะหิวแย่แล้ว ข้าจะให้คนทำอาหารมาให้”กู้มั่วหลีกล่าวพลาง ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป
Comments