[ตามง้อภรรยาสุดชีวิต + ทายาทหนุ่มแห่งแวดวงเมืองหลวงขึ้นสู่อำนาจ] ในขณะที่เซ่าเยว่กำลังแท้งลูก เจียงเฉินหานก็กำลังฉลองการกลับมาของคนในดวงใจ สามปีที่ทุ่มเทและอยู่เคียงข้าง สำหรับเขา ก็เป็นแค่แม่บ้านและแม่ครัวในบ้านเท่านั้น เซ่าเยว่หมดใจ ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะหย่า เพื่อนในแวดวงต่างรู้กันดีว่า เซ่าเยว่ขึ้นชื่อเรื่องติดหนึบเหมือนกาวที่สลัดไม่ออก “ฉันพนันว่าวันเดียว เซ่าเยว่จะกลับมาแต่โดยดี” เจียงเฉินหาน “วันเดียวเหรอ? เยอะไปแล้ว มากสุดครึ่งวัน” ในวินาทีนั้นที่เซ่าเยว่หย่า ก็ตัดสินใจไม่หันหลังกลับ เริ่มต้นยุ่งกับชีวิตใหม่ ยุ่งกับธุรกิจที่เคยทอดทิ้ง และยุ่งกับการทำความรู้จักคนใหม่ ๆ วันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ เจียงเฉินหานก็ไม่เคยเห็นเงาของเซ่าเยว่ที่บ้านอีกเลย เจียงเฉินหานตื่นตระหนกขึ้นมาทันที ในงานประชุมธุรกิจระดับสูงครั้งหนึ่ง ในที่สุดก็ได้เจอเธอที่ถูกล้อมรอบด้วยฝูงชน เขาพุ่งเข้าไปอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น “เซ่าเยว่ เธอยังงี่เง่าไม่พออีกหรือไง?!” ซางจื้อเหนียนก้าวขึ้นมาขวางหน้าเซ่าเยว่ทันใด มือหนึ่งผลักเขาออกไป กลิ่นอายเย็นยะเยือกทำให้คนเกรงขาม “อย่ามาแตะต้องพี่สะใภ้ใหญ่ของนาย” เจียงเฉินหานไม่เคยรักเซ่าเยว่เลย แต่หลังจากที่เขาตกหลุมรักเธอ ข้างกายเธอก็ไม่มีที่ให้เขายืนนานแล้ว
더 보기“...ประธานซาง ฉันไม่ได้ไม่ชอบหรอกค่ะ แค่กลัวว่าจะทำให้คุณลำบาก” เซ่าเยว่ตัดขาดจากผู้ชายเป็นระยะเวลาสั้น ๆ แล้ว สองปีหรือห้าปี ไม่มีความแตกต่างอะไรสำหรับเธอเลยซางจื้อเหนียนอึ้งไป “ผมเนี่ยนะ?”เซ่าเยว่ “ถึงยังไงอีกสองปี คุณก็จะ...อายุสามสิบแล้ว...” เธอยิ่งพูดก็ยิ่งลำบากใจ “ถ้าคุณมีแผนที่จะสร้างครอบครัวจริง ๆ เสียเวลากับฉันไปสองปีดูไม่คุ้มนิดหน่อยนะคะ” ซางจื้อเหนียนเงียบไปสองวินาที หลังจากนั้นเส้นเลือดตรงขมับก็กระตุกขึ้นมาอย่างหาได้ยากยิ่ง “คุณ...รังเกียจที่ผมแก่เหรอ?” น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยการกัดฟันเล็กน้อยเซ่าเยว่ “...ไม่ใช่นะคะ ๆ ฉันคิดว่าสองปีนี้เป็นช่วงเวลาทองของคุณ...”ซางจื้อเหนียนอดทนต่ออาการบอบช้ำภายใน “นี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณควรกังวล” เซ่าเยว่รีบทำตัวเรียบร้อยว่าง่ายทันที “ค่ะ!”“งั้นคุณยอมรับเวลาสองปีได้สินะ?”“รับได้ค่ะ!”ซางจื้อเหนียนคล้ายกับไม่เชื่อ ก่อนจะใช้สายตาสำรวจเธอเซ่าเยว่คุ้นเคยกับท่าทางแบบนี้ของเขามาก ก็เหมือนกับตอนที่สงสัยในท่าทีของเธอที่มีต่อเจียงเฉินหาน ความรู้สึกที่ไม่ได้รับความไว้วางใจนั้นไม่ค่อยดีนัก แต่ความไม่สบายใจเล็กน้อยนี้ไม่จำเป็นต้องพูดออก
ซางจื้อเหนียนคิดในใจว่าคนที่ชอบเขามีอยู่มากมาย แต่คนที่เขาชอบกลับไม่ชอบเขาเลย“แต่ผมไม่ชอบ”“...อืม ดูออกอยู่ค่ะ เดิมทีคุณก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว” เซ่าเยว่พลันอายเล็กน้อย ความเย็นชาโหดเหี้ยมของซางจื้อเหนียนเป็นที่ประจักษ์แก่สายตา เธอเพิ่งหลงตัวเองคิดว่าซางจื้อเหนียนอาจจะชอบเธอจริง ๆ ถึงได้เสนอให้เป็นแฟนของเขาที่แท้ไม่มีเรื่องแบบนี้เลย!ซางจื้อเหนียน “ผมไม่เคยมีความรักมาก่อน เป็นโสดมาตลอด คนรอบข้างคิดว่าผมชอบผู้ชาย ความจริงแล้วผมมีรสนิยมทางเพศปกติ เพียงแต่ยังไม่เคยเจอคนที่ผมชอบเท่านั้น...เจียงเฉินหานยุติการแต่งงานแล้ว ผมคิดว่าแม่ผมมีแต่จะเร่งหนักมากขึ้นกว่าเดิม”เซ่าเยว่ไม่พูดอะไร แต่มีความรู้สึกเหมือนกับว่าดูเรื่องชาวบ้านแล้วโดยลากไปเอี่ยวด้วยแต่อายุซางจื้อเหนียนอายุ 28 ปีเต็มแล้ว เขากลับไม่เคยมีความรักเลยสักครั้ง...ผู้ชายที่รักนวลสงวนตัวขนาดนี้ หาได้ยากมากเหลือเกินในสังคมปัจจุบันนี้จริง ๆ“อีกหนึ่งเดือนก็จะถึงงานวันเกิดของคุณปู่แล้ว แม่ผมจะมาที่เมืองไห่เพื่ออวยพรให้ท่าน ผมต้องเจอหน้าเธอสักครั้ง นี่เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้”เซ่าเยว่กะพริบตา “ดังนั้นคุณเลยมาขอให้ฉันเป็นแฟนคุ
ซางจื้อเหนียนเป็นคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ดังนั้นเมื่อเขารู้สึกว่าเซ่าเยว่เป็นคนพิเศษสำหรับเขา เขาก็ยังยืนยันได้ยากว่าเขาชอบเธอใช่หรือเปล่า และไม่สามารถตัดสินใจได้จนกระทั่งไปเมืองกั่งอันที่จริงแล้ววันนั้นที่โดนเจี่ยงจวินเซิ่งวางยาบนเรือสำราญไม่ใช่เรื่องไม่คาดฝัน แต่เป็นความจงใจของเขาเองซางจื้อเหนียนไม่รู้ความคิดของตัวเอง ด้วยเหตุนี้เลยอยากจะทดสอบตัวเองดูว่า ภายใต้สถานการณ์ที่ขาดสติ เขาจะเกิดความรู้สึกที่พิเศษต่อเซ่าเยว่อยู่หรือเปล่า?เขาเคยถูกวางยามาก่อน แต่สำหรับผู้หญิงที่กระโจนเข้ามา เขาสามารถควบคุมสัญชาตญาณของตัวเองได้อย่างง่ายดายมาก ต่อให้อยู่ภายใต้การควบคุมของฤทธิ์ยา เขาก็ไม่มีความรู้สึกต่อผู้หญิงพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย ไม่มียกเว้นเลยสักคนแต่เมื่อเปลี่ยนเป็นเซ่าเยว่ เจตจำนงเสรีของซางจื้อเหนียนก็พังทลายลงในพริบตา เขาไม่สามารถควบคุมตัวเอง ดังนั้นถึงได้พุ่งเข้าหาเธอเขาสูญเสียการควบคุมในคืนนั้นและการสูญเสียการควบคุมก็คือคำตอบที่เขาต้องการชั่วขณะนั้น ซางจื้อเหนียนแน่ใจในความคิดในใจของตัวเองแล้ว!ตอนนั้นเพื่อไม่ให้เซ่าเยว่ตกใจ ซางจื้อเหนียนใช้เรี่ยวแรงมากมายถึงจะควบค
ความรู้สึกอิจฉาเช่นนี้เคยปรากฏขึ้นช่วงเวลาสั้น ๆ เมื่อตอนเด็กเท่านั้น แล้วเขาก็ไม่เคยอิจฉาเจียงเฉินหานว่ามีครอบครัวที่สมบูรณ์อีกเลย ไม่คาดคิดว่าเมื่อเขากำลังจะย่างเข้าสู่วัยตั้งตัว ความอิจฉาก็หวนกลับคืนมา และมาอย่างรุนแรง นี่ก็เป็นครั้งแรกที่มีคลื่นโหมซัดสาดในชีวิตอันราบเรียบดุจสายน้ำของซางจื้อเหนียนตั้งแต่เด็กซางจื้อเหนียนจำต้องยอมรับความไม่เข้าใจหลายอย่าง เช่น ทำไมเขาถึงไม่มีพ่อแม่ไม่มีครอบครัว แต่คนอื่นมี? เช่น ทำไมน้องชายแท้ ๆ ของเขาเห็นเขาครั้งแรกก็เกลียดเขาขนาดนั้น? เอาของขวัญพบหน้าที่เขาทำด้วยมือตัวเองตั้งหลายวันปาลงพื้น ด่าทอเขาว่าเป็นลูกนอกคอก บอกว่าเขาไม่คู่ควรเป็นพี่ชายของเขาต่อมาซางจื้อเหนียนก็เข้าใจทั้งหมดแต่ตอนนั้นเขายังเด็กมาก เด็กมักมีคำถามมากมายเกี่ยวกับโลกใบนี้ เขาไม่รู้จะไปถามใคร เลยได้แต่ทนรับไว้บางทีอาจเพราะเคยชินกับการยอมรับอย่างเงียบ ๆ จนค่อย ๆ กลายเป็นนิสัยของเขาไปแล้ว ต่อมาซางจื้อเหนียนเลยไม่รู้สึกตื่นเต้นกับอะไรเลย ใช้ชีวิตมาจนถึงตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตและการทำงานล้วนเป็นไปตามสถานการณ์ คนอื่นคิดว่าเขาประสบความสำเร็จ แต่ไม่มีอะไรที่เขาต้องกา
เซ่าเยว่คิดว่าตัวเองหูฝาดไป ก่อนจะทำหน้ามึนงงและไม่เข้าใจ “ว่าไงนะคะ?” ซางจื้อเหนียนพูดซ้ำอีกครั้ง “เป็นแฟนผม”เซ่าเยว่ตกตะลึง คราวนี้เธอฟังเข้าใจแล้วจริง ๆปฏิกิริยาแรกคือความประหลาดใจ ความหมายของซางจื้อเหนียนคือให้เธอเอาตัวเข้าแลกเหรอ? เท่ากับว่าการขอความช่วยเหลือจากเขา ทำให้ต้องเอาตัวเธอเข้าไปพัวพันด้วย ถ้าพูดแบบหน้าด้านนิดหน่อย ก็เหมือนกับใช้บุญคุณมาแลกผลประโยชน์เซ่าเยว่ในตอนนี้มีเงิน มีอาชีพการงาน แถมยังสาวและมีอนาคตไร้ขีดจำกัด แต่ได้เจอคนเลวเป็นระยะ ๆ เท่านั้น โลกของเธอคือขุนเขา แม่น้ำ ทะเลสาบ มหาสมุทรและท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ไม่มีเรื่องอะไรหรือใครคนไหนที่มีค่าพอให้เธอเข้าไปพัวพันด้วยอีกแล้วอย่างที่สองคือเธออดคิดไม่ได้ว่า ถ้าคบกับซางจื้อเหนียนขึ้นมาจริง ๆ กลุ่มเพื่อนรอบข้าง โดยเฉพาะลู่เจี้ยนเฉินที่ปากสว่างคนนั้นไม่รู้ว่าจะโวยวายมากขนาดไหน เซ่าสวินเองก็ต้องโวยวายอย่างแน่นอน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนตระกูลเจียงทั้งหมดด้วย...แถมยังมีตระกูลซางในเมืองหลวงที่เธอไม่รู้จักเลยตระกูลซางย่อมมีความซับซ้อนมากแน่ ๆ นี่จะเกิดปัญหาตามมาอีกมากมายแค่ไหนกัน? แค่คิดก็เหนื่อยมากแล้วสุดท้าย
อย่างเช่นความคิดที่จะขอคืนดีกับเซ่าเยว่ และเริ่มต้นจีบเธอใหม่ในรูปแบบที่แตกต่างออกไปถ้าในใจของเซ่าเยว่ไม่มีผู้ชายคนอื่น สถานการณ์ก็จะไม่ดีแล้ว...แผนเดิมของซางจื้อเหนียนคือจะอดทนรอจนกว่าเซ่าเยว่จะรักเขา แต่ในเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป เขาต้องลงมือทำอะไรบางอย่างก่อน...โชคยังดีที่วันเกิดของคุณปู่กำลังจะมาถึงคุณหญิงซางอวิ้นก็จะมาที่เมืองไห่แล้วด้วยซางจื้อเหนียนทายาที่ข้อมือของเซ่าเยว่ต่อไปอย่างใจเย็น และพูดอย่างไม่ใส่ใจ "เจียงเฉินหานเห็นตอนที่คุณจูบผมบนรถใช่ไหม?"เซ่าเยว่ก้มหน้าลง "ใช่ค่ะ เขาถูกกระตุ้นเพราะเรื่องนี้""คุณคงจะคิดว่าผลที่ตามมามันร้ายแรงเกินไป จนไม่กล้าแสดงละครเพื่อกระตุ้นเจียงเฉินหานอีกแล้วใช่ไหม?""จะให้ใครที่โวยวายแล้วมีเหตุผลไปเสียทั้งหมดไม่ได้ค่ะ" เซ่าเยว่กล่าว "ความสามารถในการยอมรับของคนเรามันสูงมาก วันนี้เจียงเฉินหานมีปฏิกิริยาที่รุนแรง เพราะมันเป็นครั้งแรก การที่เขาแสดงออกมากหน่อยก็เป็นเรื่องปกติ พอผ่านไปหลายครั้งเข้า เขาก็จะยอมรับได้เอง แล้วก็จะเลิกวุ่นวายค่ะ ยิ่งเขาแสดงอาการตื่นเต้นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแสดงว่ามันได้ผลมากเท่านั้น ไม่มีอะไรต้องกลัวหรอกค่
댓글