งานแต่งไม่ยอมเข้าหอหนีไปกอดจูบภาพวาดของสตรีอื่น สตรีคนนั้นตกน้ำไปเอง เขาโทษว่านางเป็นคนทำแล้วผลักนางตกน้ำสั่งห้ามใครช่วย นางทิ้งหนังสือหย่าไว้แล้วจากไป " เหยียนเอ๋อข้ารู้ว่าผิดแล้วกลับไปกับข้าเถอะ ข้าพร้อมเข้าหอกับเจ้าแล้ว" " มาอยากทำหน้าที่อะไรตอนนี้ เราหย่ากันแล้ว" " ไอ้อัปลักษณ์นั่นเป็นใคร" " สามีข้าเอง" " มันมีดีกว่าข้าตรงไหน ดำก็ดำ หน้าก็บาก ตาก็บอดข้างหนึ่ง แผลเป็นก็เต็มตัว เจ้าดูข้าสิผิวขาวราวหิมะ รูปงามราวเทพเซียน "
Узнайте большеซูซินเหยียนลืมตาขึ้นมามองไปข้างๆใช้มือลูบไล้ที่นอนเย็นเฉียบ เมื่อคืนเป็นคืนเข้าหอของนางกับโจวเยี่ยนเฉิง แต่เขาไม่ได้นอนที่นี่ เขาไม่ยอมเข้าหอกับนาง ไม่แม้แต่จะมาเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวและดื่มเหล้ามงคลหลังพิธีกราบไหว้ฟ้าดินเสร็จ เขาก็กินดื่มกับแขกเหรื่อและสหายสนิท นางรอเขาอยู่นานจนหลายชั่วยาม จนสาวรับใช้ทนไม่ไหวไปตามเขา ถึงได้รู้ว่าเขาเมาหนักและนอนอยู่ที่ห้องหนังสือไม่ยอมเข้าหอกับนาง นางกับเขาเป็นคู่หมั้นกันมาหลายปีโดยผู้ใหญ่หมั้นหมายให้ พอถึงเวลาออกเรือนนางก็ได้แต่งงานกับเขา
โจวเยี่ยนเฉิงเป็นสหายสนิทกับซูตงหยางพี่ชายของนาง นางมักจะติดตามพี่ชายไปนู่นมานี่บ่อยๆ และทุกครั้งโจวเยี่ยนเฉิงก็จะไปด้วย นางมีใจให้เขา จงรักภักดีมั่นคงไม่เปลี่ยน เพราะคิดว่าชีวิตนี้ยังไงนางก็จะต้องแต่งงานเป็นภรรยาเขาเพียงผู้เดียว แต่นางไม่รู้เลยว่าเขาไม่ได้รักนาง แต่มีคนในใจแล้ว จนกระทั่งเมื่อคืนนางตัดสินใจไปตามเขาที่ห้องหนังสือ ถึงได้เห็นเขารำพึงรำพันถึงหญิงคนหนึ่งทั้งยังกอดจูบภาพวาด
" หลินเอ๋อ หลินเอ๋อข้าขอโทษ ข้าทำให้เจ้าเสียใจ แต่ข้าสัญญาว่าจะรักษาตัว จะไม่เข้าหอกับนางเด็ดขาด เจ้าอย่าโกรธข้าเลยนะ"
นางกุมอกด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบ หลินเอ๋อคือใครกัน เป็นคนรักของเขาอย่างงั้นเหรอเหตุใดนางถึงไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
" ฮูหยิน ท่านตื่นแล้ว"
ลู่หนิงเดินถืออ่างล้างหน้าเข้ามา
" หนิงเอ๋อ เขา"
" นายท่านออกไปตั้งแต่เช้าแล้วเจ้าค่ะ"
นางพยักหน้ารับรู้ บิดามารดาของโจวเยี่ยนเฉิงเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อน จากเหตุถูกโจรภูเขาปล้นฆ่า ระหว่างทางไปวัดหวงซาน ทำให้เช้านี้นางไม่ต้องไปยกน้ำชาตามธรรมเนียม หลังกินอาหารเช้าเสร็จซูซินเหยียนก็ไปเดินเล่นสำรวจจวน ที่นี่เป็นจวนขนาดกลาง ในสวนปลูกดอกซานฉาฮวาเต็มไปหมด นางเดินไปนั่งที่ศาลาริมน้ำมองดูปลาหลีฮื้อแหวกว่าย บางตัวก็กระโดดขึ้นมางับกลีบบัวเล่น
นั่งเล่นสักพักก็ไปที่ห้องหนังสือ คิดว่าจะเลือกหนังสือมาอ่านเล่นสักสองสามเล่ม พอเข้าไปถึงก็เห็นกระดาษม้วนวางอยู่บนโต๊ะนางรีบหยิบขึ้นมา นี่มันเป็นภาพวาดที่โจวเยี่ยนเฉิงกอดจูบเมื่อคืนไม่ใช่เหรอ ด้วยความอยากรู้ว่าหญิงสาวในภาพหน้าตาเป็นอย่างไรจึงคลี่ออกดู นางจ้องมองภาพนิ่งพยายามคิดว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อนหรือไม่
" เจ้าทำอะไร"
โจวเยี่ยนเฉิงคว้าภาพวาดจากมือซูซินเหยียน แล้วผลักนางอย่างแรงจนนางกระเด็น หัวชนขอบชั้นวางหนังสือ
" ฮูหยิน"
ลู่หนิงรีบเข้าไปประคองซูซินเหยียน ซูซินเหยียนรู้สึกเจ็บปวดที่หัว เอามือจับดูถึงได้รู้ว่าเลือดออก นางมองดูโจวเยี่ยนเฉิงที่ม้วนภาพเก็บไว้แล้วกอดมันอย่างหวงแหน ไม่แม้แต่จะปรายตามองนาง นางน้ำตาคลอรีบเดินออกไปทันที สวนกับสือหลางที่เดินเข้ามา
" นายท่านเกิดอะไรขึ้นขอรับ เหตุใดฮูหยินถึงได้บาดเจ็บเช่นนั้น"
โจวเยี่ยนเฉิงพลันได้สติ
" เจ้าว่าอะไรนะ"
" ฮูหยินได้รับบาดเจ็บ ที่หัวมีเลือดไหลออกมา ท่านไม่เห็นหรือขอรับ"
โจวเยี่ยนเฉิงนึกถึงเมื่อกี้ที่เขาผลักนาง ไม่คิดว่าจะทำให้นางบาดเจ็บ ช่างสิ ใครใช้ให้นางมาวุ่นวายกับของของเขาหล่ะ นี่เป็นภาพวาดของถานลี่หลิน ที่เขาให้จิตรกรวาดภาพขึ้นมาตอนที่นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขาได้รับรู้ว่านางยังอยู่ใกล้ๆเขา
เมื่อคืนเขาเอาภาพนางมาดูแล้วนอนหลับไปตอนเช้าเขารีบร้อนออกไปเพราะไม่อยากเจอหน้าซูซินเหยียน ไม่อยากต้องกินข้าวร่วมกับนาง จึงลืมเก็บภาพวาด พอเขานึกขึ้นมาได้ก็รีบกลับมา ไม่คิดว่านางจะกำลังดูภาพวาดอยู่ ทำให้เขาโมโหผลักนาง
เขาไม่ได้รักนาง แต่จำต้องแต่งงานกับนางเพราะคำสั่งของบิดามารดา แม้ทั้งสองจะจากไปก่อนจะถึงวันแต่งงาน แต่เขาได้สัญญาเอาไว้แล้วว่าจะแต่งกับนาง เขาก็ต้องแต่ง จะไม่ผิดคำพูดเป็นอันขาด มารดาของเขาเป็นคนเชื่อเรื่องคำทำนาย ครั้งนั้นมารดาของเขากับมารดาของซูซินเหยียนซึ่งเป็นสหายสนิทกัน ได้ไปสักการะพระมหาเถระโหย่วหัวที่วัดหวงซาน จึงได้ขอให้ตรวจดูดวงของเขาและนาง ท่านได้ทำนายว่าเขาและนางดวงสมพงศ์กัน หากได้แต่งงานกันดวงของนางจะส่งเสริมให้เขาเจริญรุ่งเรือง พอกลับมาก็จัดการให้เขากับนางหมั้นหมายกัน หลังจากนั้นไม่นานเขาได้สร้างผลงานจนฮ่องเต้เลื่อนขั้นเขาจากขุนนางระดับ8ขึ้นมาเป็นขุนนางระดับ4 ทั้งยังพระราชทานเงินทองของมีค่าให้กับเขาอีกมากมาย ยิ่งทำให้บิดามารดาของเขาเชื่อในคำทำนายว่าเป็นจริง จึงขอให้เขาสัญญาว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจะต้องแต่งงานกับนาง และต้องแต่งในปีที่นางอายุครบ17ปี ซึ่งปีนี้ก็เป็นปีที่นางอายุ17พอดีเขาจึงได้จัดงานแต่งตามที่รับปากกับบิดามารดาไว้ แต่เขาไม่ได้รักนาง เขารักถานลี่หลิน เขาทำตามสัญญาว่าจะแต่งงานกับนางเขาก็แต่งแล้ว แต่จะให้เขาเข้าหอกับนาง เขาทำไม่ลงจริงๆ
" ฮูหยินเจ็บมากไหมเจ้าคะ"
ซูซินเหยียนส่ายหน้า
" นายท่านนะนายท่าน แค่ภาพวาดใบเดียวถึงกับต้องทำรุนแรงเช่นนี้ ไม่รู้ว่าสำคัญอะไรนักหนา"
" สำคัญสิ สำคัญมากด้วย ข้าผิดเองที่อยากรู้อยากเห็น"
" ภาพวาดนั่นเป็นภาพอะไรเหรอเจ้าคะนายท่านถึงได้หวงนักหนา แค่ท่านดูนิดเดียวถึงกับต้องผลักท่านจนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้"
" ภาพคนรักของเขาหน่ะ"
ลู่หนิงตกใจรีบพูดปลอบ
" ฮูหยิน ท่านรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ บางทีอาจไม่ใช่อย่างที่ท่านคิดก็ได้นะ"
" เมื่อคืนข้าไปตามเขาที่ห้องหนังสือ เขากอดจูบภาพวาดนั่น ยังพร่ำเรียกชื่อหลินเอ๋อ หากไม่ใช่คนรัก แล้วเขาจะทำแบบนั้นไปทำไม"
" หลินเอ๋อ ใครกัน ฮูหยินเจ้าคะข้าว่าคุณชายตงหยางน่าจะรู้จักนะเจ้าคะ"
" ข้าก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า พี่ใหญ่เป็นสหายสนิทกับเขาน่าจะรู้ว่านางคือใคร"
นางคิดจะไปถามพี่ชายของนางวันนี้เลย เเต่ตอนนี้นางบาดเจ็บยังมีผ้าพันแผลอยู่ที่หัวหากไปสภาพเช่นนี้คงไม่ดี อีกอย่างบิดามารดาของนางยังไม่ได้กลับบ้านที่ต่างเมืองยังพักอยู่ที่จวนของพี่ชายนาง เพื่อรอพบนางในวันครบสามวัน ที่นางจะกลับไปเยี่ยมบิดามารดาตามประเพณี หากพวกเขารู้ว่านางถูกทำร้ายตั้งแต่วันแรกที่แต่งเข้ามาเกรงว่าจะเกิดเรื่อง จึงรอให้ถึงวันกลับไปเยี่ยมบ้านก่อน อีกสองวันแผลของนางน่าจะหายแล้ว ถึงวันนั้นค่อยถามให้รู้เรื่อง
หม่าซิวหยวนพยักหน้าให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่นำกระดาษกับพู่กันไปให้นาง" เจ้าเขียนตัวหนังสืออะไรก็ได้ซักสองสามตัว ข้าจะดูเองว่าใช่ลายมือเดียวกันหรือไม่"ถานลี่หลินมองหน้าโจวเยี่ยนเฉิง ก่อนจะหยิบพู่กันมาเขียนอักษรลงไป นางจงใจเขียนบิดๆเบี้ยวๆ เจ้าหน้าที่เอาไปให้หม่าซิวหยวนดูเทียบกับจดหมาย ก็เห็นว่าลายมือไม่เหมือนกัน เขาส่งให้ซูตงหยางดู ซูตงหยางกระตุกยิ้มมุมปาก" เจ้าจงใจเขียนบิดเบี้ยวเพื่อให้แตกต่างจากในจดหมายสินะ"" ลายมือข้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ข้าเป็นเพียงสาวใช้ไม่มีความรู้อะไร ได้พี่ ได้นายท่านโจวเยี่ยนเฉิงช่วยสอนข้าให้เขียนหนังสือ ตอนที่เขาสอนข้าก็เขียนได้ดีอยู่ แต่พอนานไปข้าห่างเหินไม่ได้หยิบพู่กันนาน พอเขียนอีกทีก็เลยเป็นอย่างที่เห็น อีกอย่างเนื้อความในจดหมายก็แค่บอกสถานที่นัดเจอกัน บอกว่ามีงานให้ทำ ไม่อาจพิสูจน์ได้ว่างานนั้นคืองานอะไร"โจวเยี่ยนเฉิงพยักหน้าเห็นด้วย" นางพูดถูก หลักฐานแค่นี้อย่าคิดจะใส่ร้ายนางเลย"" ในเมื่อไม่ยอมรับในหลักฐานงั้นก็เบิกพยานเถอะ"ซูตงหยางบอกหม่าซิวหยวน หม่าซิวหยวนให้สัญญาณ เจ้าหน้าที่ก็พาคนเข้ามา วันก่อนทหารกลุ่มที่เมิ่งกุ้ยเฟยส่งมา ส่งข่าวจากนกพิราบส
" เจ้าอยากกลับเมืองหลวง"" ก็ใช่หน่ะสิ""แต่ข้าคิดว่าแค่เมืองซู่โจวนี้ก็พอแล้ว ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ลงโทษได้เลย ไม่จำเป็นต้องกลับเมืองหลวง"ถานลี่หลินตกใจ นางไม่เข้าใจว่าซูตงหยางพูดเรื่องอะไร โจวเยี่ยนเฉิงกับสือหลางก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ โจวเยี่ยนเฉิงออกมาขวางหน้านาง" เจ้าพูดอะไร ลงโทษอะไร ข้ารู้ว่าเมิ่งกุ้ยเฟยโปรดปรานเหยียนเอ๋อเหมือนบุตรสาว แต่ที่นางถูกน้ำป่าพัดไปก็ไม่ใช่ความผิดของหลินเอ๋อ นางเองก็ตกน้ำเหมือนกันหากจะโทษก็โทษข้าที่ช่วยเหยียนเอ๋อไว้ไม่ได้ "" เรื่องน้ำป่าพัดคิดเสียว่าน้องสาวข้าโชคร้ายเอง"" ถ้าอย่างงั้น"" หลายเดือนก่อนเจ้าคงจำได้ว่าข้าไปสืบคดี ไม่อยากรู้หรือว่าข้าไปสืบเรื่องอะไร"" ข้าไม่อยากรู้เรื่องงานของเจ้า แต่ถ้าเจ้าอยากเล่าก็เล่ามาข้าจะฟังให้ก็ได้"ซูตงหยางส่งเสียงหึในลำคอ ซูซินเหยียนไม่สนใจสักเท่าไหร่ มองเห็นผลมู่กวาก็ตาลุกวาว ป๋อเหวินมองตามก่อนจะลุกขึ้นไปเก็บมาให้" เจ้าไม่อยากฟังก็ต้องฟัง เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าโดยตรง"" เจ้าหมายความว่ายังไง"" ข้าไปสืบคดีโจรภูเขาที่ทางการยังตามจับตัวไม่ได้ โจรพวกนั้นออกอาละวาดทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ฝ่าบาทเลยมีคำสั่งให้ข้าไป
" ท่านพูดจบแล้วใช่ไหม พูดจบแล้วก็กลับไปได้แล้ว ป่านนี้นางคงกำลังรอท่านอยู่ ท่านรบกวนเวลาส่วนตัวของข้ากับสามีมานานแล้ว"" สามี เหยียนเอ๋อเจ้ากล้าเรียกคนอัปลักษณ์คนนี้ว่าสามีเต็มปากได้ยังไง "" ทำไมจะเรียกไม่ได้ ก็เขาคือสามีของข้าข้าจะเรียกเขาสามี สามี สามี จะทำไม เกี่ยวอะไรกับท่านด้วย"" เหยียนเอ๋อ เขาสู้ข้าได้ตรงไหน เจ้าดูสิหน้าก็บากตาก็บอดข้างหนึ่ง แผลเป็นเต็มตัวไปหมด"โจวเยี่ยนเฉิงเห็นรอยแผลเป็นที่แขนและช่วงอกที่โผล่พ้นเสื้อออกมา ก็เดาว่าป๋อเหวินคงจะมีรอยแผลเป็นน่าเกลียดเต็มตัวแน่ๆ" เขาไม่มีอะไรดีสู้ข้าได้เลย เจ้าก็เห็นใช่ไหม ข้ารูปงามราวเทพเซียน ผิวก็ขาวราวหิมะ ดูเขาสิ ดำก็ดำ หน้าก็บาก ตาก็ยังบอดข้างนึง โอ้ย ยิ่งมองก็ยิ่งหน้าเกลียด"ซูซินเหยียนไม่พอใจจะลุกขึ้นตอบโต้ แต่ป๋อเหวินจับแขนนางไว้ ส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นอะไร" เขาอยากพูดอะไรก็ให้เขาพูดไป"ซูซินเหยียนจ้องมองโจวเยี่ยนเฉิงด้วยสายตารังเกียจ" ข้าไม่รู้ว่าก่อนว่านอกจากท่านจะปากสุนัขแล้ว ยังหลงตัวเองได้ถึงเพียงนี้"" เจ้าจะทำอะไร"ซูตงหยางรีบร้องถาม เมื่อเห็นโจวเยี่ยนเฉิงถอดเสื้อออก ป๋อเหวินก็ลุกขึ้นเตรียมตั้งรับ" ข้าจะให้นางดูใ
เสียงไก่ป่าขันบอกเวลาว่าเช้าแล้ว ป๋อเหวินลุกขึ้นมากระชับผ้าห่มให้ซูซินเหยียนก่อนจะเดินออกไป ช่วงนี้นางบ่นว่าคลื่นไส้ เขาเลยคิดว่าหากได้ผลไม้เปรี้ยวๆมาให้นางได้กินน่าจะดี จึงออกจากบ้านแต่เช้าจะไปบ้านฉู่กัง หน้าบ้านฉู่กังมีต้นหยางเหมยอยู่ ไม่คิดว่าพอเปิดประตูบ้านมา จะเจอกับโจวเยี่ยนเฉิงที่ยืนเก๊กท่าพิงต้นไม้อยู่ เขาไม่สนใจเดินผ่านไป" หยุดก่อน"ป๋อเหวินไม่หยุดแต่สาวเท้าเดินต่อ โจวเยี่ยนเฉิงไม่พอใจเข้าไปกระชากแขนแต่ถูกสะบัดออกจนเซ" เจ้า เจ้าอยากได้เท่าไหร่ว่ามา แต่ต้องพอควรอย่าให้มันมากไปนัก"ป๋อเหวินขมวดคิ้วไม่เข้าใจ หันไปมองหน้าโจวเยี่ยนเฉิง" ข้ารู้ว่าเจ้าช่วยชีวิตของเหยียนเอ๋อไว้ แต่ไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรหลอกให้นางแต่งงานด้วย นี่เจ้าคงไม่คิดจริงๆหรอกนะ ว่าที่นางยอมแต่งงานกับเจ้าเพราะนางรักเจ้าจริงๆ ฮ่าฮ่า เจ้าดูสารรูปตัวเองสิ หญิงสาวที่ไหนจะอยากมอง นางแต่งงานกับเจ้าก็เพื่อตอบแทนบุญคุณเท่านั้นแหละ อีกอย่างนางต้องการประชดข้า เพื่อให้ข้าสนใจนาง ตอนนี้ข้าตามหานางเจอแล้ว ข้ากำลังง้อนางอยู่ ในเมื่อตัวจริงมาแล้วตัวสำรองอย่างเจ้าก็ควรหลบไปซะ"โจวเยี่ยนเฉิงลอยหน้าลอยตาพูด พลา
" พี่เหวินเป็นสามีของข้า เราแต่งงานกันแล้วทุกคนในหมู่บ้านต่างก็มาร่วมงานของเรา"โจวเยี่ยนเฉิงหยุดหัวเราะแทบไม่ทัน เขาส่ายหน้าไม่ยอมเชื่อ" ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ช่าง น้องสาวของข้านางแต่งงานแล้ว"" ไม่จริง เหยียนเอ๋อเจ้าเป็นภรรยาของข้าจะไปแต่งงานกับคนอื่นได้ยังไง"ป๋อเหวินหยุดชะงัก หันไปมองหน้าโจวเยี่ยนเฉิง โจวเยี่ยนเฉิงยิ้มเยาะ" หึหึ เจ้าคงไม่รู้สินะว่านางกับข้าแต่งงานกันแล้ว ก่อนหน้าเราเป็นคู่หมั้นกันมาหลายปี ทั้งสองครอบครัวของเราต่างก็เห็นดีเห็นงามด้วย ข้ากับนางดวงสมพงศ์เป็นเนื้อคู่กัน "" โจวเยี่ยนเฉิง ท่านลืมไปแล้วรึว่าเราหย่ากันแล้ว ที่สำคัญข้ากับท่านไม่เคยเข้าหอกันอย่าพูดไม่อายปากว่าข้าเป็นภรรยาของท่าน"โจวเยี่ยนเฉิงพูดไม่ออก ได้แต่มองนางด้วยแววตาโศกเศร้า ป๋อเหวินยิ้มบางๆแม้เขาจะไม่รู้มาก่อนว่านางเคยแต่งงานและหย่ามาแล้ว แต่นั่นจะสำคัญอะไร ในเมื่อสิ่งเหล่านั้นมันกลายเป็นเพียงอดีตไปแล้ว ตอนนี้นางคือภรรยาของเขา ที่สำคัญเขาเป็นคนแรกของนาง "ข้ากับท่านหมั้นหมายกันเพราะผู้ใหญ่ เมื่อก่อนข้าคิดว่าข้ารักท่าน กระทั่งได้เจอกับพี่เหวิน ข้าถึงรู้ว่าที่ผ่านมาที่ข้าคิดว่ารักท่านนั้นมันไม่
หันกลับไปดูก็เห็นป๋อเหวินกำลังอุ้มน้องสาวของเขาหมุนเล่นอยู่ นางหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข เห็นใบหน้าของนางยิ้มแย้มทุกครั้งที่อยู่กับป๋อเหวิน นึกถึงภาพที่นางเป็นกังวลเมื่อรู้ว่าป๋อเหวินยังไม่กลับมา ภาพที่นางร้องไห้โผเข้ากอดป๋อเหวิน เขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ บางทีหน้าตาฐานะชาติตระกูลก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากไปกว่าความสุข พวกนั้นพูดถูก ขอแค่นางมีความสุขก็พอ เขายิ้มบางๆแล้วเดินจากไปกินอาหารเช้าเสร็จ ป๋อเหวินพาซูซินเหยียนไปขายหมีที่ในเมืองด้วย จึงเช่าเกวียนไป ซูตงหยางก็ขอตามมาด้วย ขายหมีได้เงินก็แวะโรงเตี๊ยมสั่งอาหารหลายอย่างมากินทั้งคาวหวาน " อืออันนี้อร่อย พี่เหวินชิมสิ"" อือ แต่หวานไปหน่อยข้าไม่ค่อยชอบ"" แต่ข้าชอบ งั้นข้ากินคนเดียวหมดเลยนะคิกคิก"" อืมหมดแล้วอยากกินอีกก็สั่งเพิ่ม"" เหยียนเอ๋อเหตุใดถึงกินเยอะนักเดี๋ยวไม่สบายท้อง ของหวานพวกนี้อีก กินมากไปไม่ดีต่อร่างกายรู้ไหม"ซูตงหยางเห็นนางกินเยอะกว่าปกติก็เตือนนาง ตอนเช้าเขาเห็นนางก็กินข้าวไปตั้งเยอะทำไมนางถึงได้เจริญอาหารแบบนี้" ก็มันอร่อยทุกอย่างเลยนี่ พี่เหวินข้าอยากกินขนมแบบนี้อีก"นางหันไปอ้อนป๋อเหวิน" เสี่ยวเอ้อ เอาขนมแบบนี้มาอีก
Комментарии