เธอตื่นขึ้นมาท่ามกลางความสับสน... เปลือยกายอยู่บนเตียงข้างชายแปลกหน้า ความทรงจำคืนก่อนเลือนราง ราวกับฝันร้ายหรือ...ฝันดีที่ไม่ควรเกิดขึ้น ด้วยหัวใจที่สั่นไหว เธอหนีออกมาโดยไม่เหลียวหลัง ทิ้งทุกอย่างไว้เป็นเพียงความทรงจำ เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น *แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้งในฐานะ ‘พี่ชายของเพื่อนรัก’ ที่เธอไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้*
Voir plus“หยุดนะ”
เสียงตะโกนร้องดังลั่นของชายร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงขายาวเรียบร้อยรูปร่างดีเชื้อสายน่าจะเป็นคนไต้หวันหรือจีน ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือต่อเนื่องพร้อมกับที่วิ่งไล่ตามชายอีกคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่หอบเหนื่อย หวังจะให้ใครสักคนที่อยู่ตรงนั้นเข้าไปช่วย ในขณะที่ชายอีกคนกำลังวิ่งหนีสุดชีวิตในมือกำสายกระเป๋าสะพายไว้แน่น
ดูก็รู้ว่าน่าจะเป็นคนร้ายกระชากกระเป๋า ถือว่าใจกล้ามากเพราะกลางวันแสกๆ ที่มีผู้คนจำนวนมากเดินผ่านไปผ่านมาบริเวณท้องถนนและริมฟุตบาทคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่กำลังรอรถประจำทางเพื่อเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในเช้าวันจันทร์วันเริ่มต้นของการทำงานของคนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ประเทศสหรัฐอเมริกา
“ช่วยด้วย โจรกระชากกระเป๋า”
เสียงชายคนเดิมยังคงตะโกนขอความช่วยเหลือเป็นภาษาอังกฤษดังต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นเรื่องปกติของผู้คนแถวนี้ไปเสียแล้วจึงไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่งด้วยเพราะตำรวจจับผู้ร้ายไปไม่นานก็ต้องปล่อยออกมาอีก หากออกมาแล้วคนที่เข้าไปช่วยจะเป็นคนที่ต้องเดือดร้อนในอนาคต อาการของชายหนุ่มตอนนี้เริ่มจะหมดแรงจากการวิ่งไล่ตามชายอีกคนเสียแล้ว
แพรไหมหญิงสาวชาวไทยร่างเล็กที่กำลังเดินไปยังป้ายรถเมล์เพื่อรอขึ้นรถประจำทางอยู่ฝังตรงข้ามถนน ได้ยินเสียงและเห็นเหตุการณ์ของชายทั้งสองคนที่วิ่งไล่ตามกัน ซึ่งชายที่วิ่งหนีเป็นคนร้ายกระชากกระเป๋าแถวนี้ที่มีเหตุเกิดขึ้นบ่อย ๆ จังหวะที่คนร้ายกำลังจะวิ่งข้ามมายังฝั่งที่เธอยืนอยู่หญิงสาวเห็นเช่นนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปหวังจะช่วยหยุดคนร้ายตรงหน้า เธอยืนขาสั้นๆ ออกไปสกัดขาชายที่วิ่งกำกระเป๋าข้ามถนนมาถึงฟุตบาทฝั่งที่เธอยืนอยู่จนชายคนนั้นล้มลงไป
“โอ๊ย”
เสียงร้องด้วยความเจ็บของคนร้ายที่วิ่งมาด้วยความเร็วสะดุดขาของหญิงสาวที่ยื่นออกมาอย่างตั้งใจจนล้มลงอย่างแรง
ก่อนจะรีบลุกขึ้นวิ่งหนีต่อ โดยที่ไม่หันมามองเธอด้วยซ้ำเพราะกลัวว่าชายหนุ่มที่วิ่งตามมาจะวิ่งตามทัน แพรไหมหันไปมองชายอีกคนที่วิ่งมาติดไปแดงอยู่อีกด้านของถนน หญิงสาวจึงตัดสินใจวิ่งตามคนร้ายไป ซึ่งตอนนี้คนร้ายวิ่งได้ช้าลงเพราะได้รับบาดเจ็บจากการหกล้มเมื่อสักครู่
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ” หญิงสาวตะโกนบอกเป็นภาษาอังกฤษ
“ไม่ อย่าตามมานะ”
“หยุด”
“อย่ามายุ่งเรื่องคนอื่น”
“ไม่ยอมหยุดใช่มั้ย”
หญิงสาวในชุดกางเกงวอร์มขายาวถอดรองเท้าขว้างใส่ชายที่วิ่งหนีตรงหน้า ข้างแรกโดนที่กลางหลังอย่างจังแต่คนร้ายยังวิ่งต่อไปได้ ข้างที่สองหญิงสาวปาเข้าไปตกระหว่างขาของคนร้ายที่กำลังวิ่งพอดีทำให้เขาสะดุดล้มลงกองกับพื้นอีกครั้ง ครั้งนี้ดูเหมือนชายคนนั้นจะเจ็บหนักเอาการอยู่
“โอ๊ย …นังบ้านี่อยากเจ็บตัวมากใช่มั้ย”
ชายร่างสูงแต่ผอมล้มถลาลงไปกองกับพื้นด้วยความเจ็บบวกกับหมดแรงจากการวิ่งมาส่งสายตาถมึงทึงใส่เธอย่างเอาเรื่อง หญิงสาวที่เห็นคนร้ายยังอ่อนแรงลุกไม่ไหวจึงรีบวิ่งเข้าไปดึงกระชากกระเป๋าออกมาจากมือชายผู้นั้น ก่อนจะรีบวิ่งหนีถอยให้ห่างออกมาด้วยความเหนื่อยเช่นกัน ก่อนจะตะโกนร้องเรียกให้คนแถวนั้นมาช่วย
“ช่วยด้วยค่ะ โจรกระชากกระเป๋า ช่วยด้วยค่ะโจรกระชากกระเป๋า”
“แส่ไม่เข้าเรื่อง”
ชายร่างผอมกำลังจะพุ่งเข้าไปทำร้ายหญิงสาวด้วยความโกรธที่เธอเข้ามายุ่งเรื่องนี้ แพรไหมที่วิ่งจนหมดแรงยกกระเป๋าขึ้นมาบังหน้าเอาไว้ หมายจะให้กระเป๋าใบนั้นช่วยขวางกั้นสิ่งที่คนร้ายจะโจมตีเข้ามาเพราะตอนนี้เธอไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะวิ่งหนีอีกต่อไปแล้ว
“หยุดนะ! ถ้าทำร้ายเธอฉันจะโทรเรียกตำรวจเดี๋ยวนี้ ไปซะตอนนี้แล้วฉันจะไม่เอาเรื่อง”
เสียงเข้มของชายเจ้าของกระเป๋าเอ่ยขึ้นเมื่อวิ่งมาถึงเห็นคนร้ายกำลังจะเดินตรงเข้ามาทำร้ายหญิงสาว ชายคนเดิมได้ยินเช่นนั้นจึงหยุดการกระทำนั้นลงและรีบวิ่งหนีไป เพราะตอนนี้มีกลุ่มคนที่เดินตามเสียงตะโกนของหญิงสาวมา เริ่มมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
“คุณผู้หญิงโคเคใช่ไหม” พลเมืองดีที่พึ่งมาเอ่ยถามหญิงสาวที่ตอนนี้ที่นั่งลงหอบเหนื่อยอยู่ที่พื้น
“ฉันไม่เป็นอะไรคนร้ายหนีไปแล้ว ขอบคุณที่คุณมา” เธอกล่าวของคุณพลเมืองดีที่เดินเข้ามาช่วยอย่างรู้สึกขอบคุณ
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี” พลเมืองดีบอกและเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่เป็นอะไรแล้วจึงขอตัวแล้วเดินจากไป
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มเจ้าของกระเป๋าถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ค่ะฉันไม่เป็นอะไร”
หญิงสาวตอบขณะที่มือยังกำและกอดกระเป๋าของเขาเอาไว้แน่น ราวกับกลัวว่ามันจะหลุดมือหายไปอย่างนั้นแหละ ส่วนคนอื่นที่เดินตามเสียงมาเห็นว่าหญิงสาวไม่เป็นอะไรแล้วก็ต่างพากันแยกย้ายไป เหลือไว้เพียงสองหนุ่มสาวที่นั่งพักจากอาการเหนื่อยหอบไม่ต่างกัน
“นี่คุณวิ่งอึดมากเลยนะครับรู้ตัวมั้ย ยังไงผมต้องขอบคุณ คุณมากที่คุณช่วยเอากระเป๋ากลับมาให้”
เขาถามคนที่ยังกอดกระเป๋าของเขาไว้กับตัวแน่นในขณะที่นั่งพักเหนื่อยอยู่บนพื้นฟุตบาทในสวนสาธารณะด้วยอาการหมดแรงอย่างเห็นได้ชัด โดยทั้งสองพูดคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ
“วิ่งอึดอะไรเล่าขาของฉันตอนนี้เนี่ย มันสั่นไปหมดแล้ว”
เธอบ่นเป็นภาษาไทยคิดว่าเขาคงฟังไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด ก่อนจะยื่นกระเป๋าคืนให้กับชายหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทางที่หมดแรง ปากและใบหน้าเธอขาวซีดแทบไม่เห็นเลือดฝาดจนเขาเห็นชัดเจน
เช้าวันต่อนคินทร์ตื่นขึ้นมาก็พบว่าหญิงสาวยื่นรออยู่ข้างเตียงก่อนอยู่แล้ว แพรไหมตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวสำหรับดูแลคนป่วย เธอได้เตรียมผ้าและน้ำสะอาดสำหรับไว้เช็ดหน้าเช็ดตัวให้“ตื่นแล้วเหรอคะ รู้สึกเป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บแขนอยู่มั้ย”“ไม่เจ็บเท่าไหร่แล้วครับ”“แสดงว่ายังเจ็บอยู่ น่าจะอักเสบค่ะ ถ้าอย่างนั้นเช็ดหน้าหน่อยนะคะจะได้สดชื่นอีกสักพักคุณหมอจะเข้ามาตรวจอาการให้ค่ะ”“ครับ”มือน้อยเรียวบางเริ่มจัดการเช็ดตามใบหน้า จากนั้นก็ไล่เช็ดไปตามลำคอแขนและลำตัวให้ โดยมีคนป่วยจ้องมองเธอไม่วางตา“หิวหรือยังคะ”“ครับ”“งั้นเดี๋ยวแพรลงไปซื้ออะไรมาให้กินก่อน ตอนนี้ยังเช้าอยู่กว่าอาหารของโรงพยาบาลจะมา ก็น่าจะแปดโมง”ชายหนุ่มจับมือนุ่มนิ่มของเธอไว้ ส่งแววตาเป็นห่วง เธอรับรู้ได้ว่าเขากำลังกังวลเรื่องอะไร“ที่นี่โรงพยาบาลไม่มีอะไรหรอกค่ะ คนของคุณธีร์ก็อยู่ทั่วโรงพยาบาลเลย ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”ได้ยินเช่นนั้นเขาก็สบายใจขึ้น
เธอเหมือนคนกำลังหมดแรง เหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นกับเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้อีกครั้งสองเท้าก้าวเข้าไปในห้องผู้ป่วยอย่างช้า ๆ ใบหน้าเป็นกังวลมี กลัวว่าจะต้องเสียเขาไปโดยที่ไม่มีวันได้เจอหน้ากันอีก ทั้งที่ยังไม่ได้เคลียร์ใจต่อกันเลย สีหน้าเธอดูนิ่งกว่าปกติเหมือนกับว่าเหตุการณ์ร้ายๆที่พึ่งเกิดขึ้นกับบิดามันหวนกลับมาย้ำเตือนอีกครั้งร่างบางหยุดยืนที่ปลายเตียง จ้องพินิจมองใบหน้าคมเข้มอย่างไม่วางตา จนเมื่อเดินมาหยุดยืนอยู่ที่ข้างเตียงของเขา ใบหน้าหญิงสาวเริ่มแดงก่ำมีน้ำหยดใสๆไหลหยดลงมาอย่างกลั้นไม่ไหว น้ำใสๆ หยดลงโดนหลังมือคนป่วยที่นอนหลับสนิทอยู่“ไหนรับปากแล้วว่าจะไม่บาดเจ็บกลับมา ทำไมถึงไม่ทำตามสัญญา” เธอพูดกับเขาเสียงสั่นเครือ มือบางยื่นมือไปแนบอิงข้างแก้มของเขาอย่างแสนรักความเย็นของมือเธอ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวตื่น เขาได้ยินเสียงสะอื้น ก่อนลืมตาขึ้นเห็นคนรักที่ยืนร้องไห้เพราะเขาอีกแล้ว“แพร”เสียงแหบแห้งดังขึ้นแผ่วเบา ทำให้แพรไหมรู้สึกตัว รีบชักมือออกจากแก้มเขา พร้อมกั
หลายวันต่อมาอาการของนิศราดีเรื่อย ๆ มีเพื่อนๆ ผลัดกันมาเยี่ยมไม่ขาด และมีเพื่อนรักของพี่ชายเฝ้าดูแลไม่ห่างด้วย ทำให้เหล่าเพื่อนสาวๆ สบายใจว่าหญิงสาวอยู่กับเขาแล้วจะปลอดภัย หลังออกจากโรงพยาบาล ดาวไปพักรักษาตัวที่บ้านของธีรวัฒน์ โดยมีชายหนุ่มค่อยดูแลเอาใจใส่ไม่ขาดด้านนคินทร์และบิดาต้องหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ในที่ปลอดภัยที่ได้เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ จนกว่าจะถึงวันที่ศาลนัดเพื่อความปลอดภัย ยิ่งคดีใกล้สิ้นสุดพวกเขายิ่งตกอยู่ในอันตรายเกรียงชัยให้คนสืบหาตัวสองพ่อลูก ว่าไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ผ่านมาหลายอาทิตย์ก็ยังไม่มีความคืบหน้าว่าจะหาตัวประภาสและนคินทร์เจอ หลังจากพลาดการลักพาตัวลูกสาวคนเล็กมาเป็นตัวประกัน หวังใช้เป็นเครื่องมือต่อรองให้ยกฟ้องคดีของตนเองหลังส่งคนสะกดรอยตาม ลูกสาวคนเล็กของประภาส ไปในทุกที่อีกครั้ง แต่ก็ไม่สามารถเข้าใกล้ตัวของหญิงสาวได้เลย เพราะมีบอดี้การ์ดคอยติดตามไม่ห่าง และนิศราเองก็ไม่เคยไปที่ไหนเลยนอกจากบ้านของธีรวัฒน์และที่ทำงาน ประภาสและนคินทร์จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้“ทำงานไม่ได้เรื่องสักอย่าง กูจ้างพวกมึงมาทำงานพลาดกันหรือยังไง เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ”“ขอโทษครั
ทั้งสองรีบวิ่งตามเสียงร้องเรียก ก่อนพบกับนุ่นที่เป็นเจ้าของเสียงตะโกน เห็นว่าคนที่ร้องขอความช่วยเหลือคือเพื่อนสาวยิ่งทำให้ร้อนใจเข้าไปอีก“เกินอะไรขึ้นนุ่น มีเรื่องอะไร”“ทางนั้น” หญิงสาวชี้ไปทางธีรวัฒน์ ที่กำลังโดนรุมทำร้ายอยู่ทันที พร้อมกับวิ่งนำ“พี่ดินเร็วหน่อยค่ะ ทางนี้ค่ะ” นุ่นรีบชี้ไปทางที่กำลังเกิดการต่อสู้ทันที“ไอ้ธีร์”นคินทร์อุทานด้วยความตกใจ เมื่อหันไปทางที่นุ่นชี้แล้วเห็นเพื่อนของตนกำลังถูกรุมทำร้ายอยู่ ชายหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปช่วยเพื่อนในทันที ส่วนแพรไหมเห็นเจ้านายหนุ่มถูกรุมทำร้าย จึงรีบโทรตามบอดี้การ์ดของเขาให้มาช่วยอั๊ก!เสียงนคินทร์ใช้กำปั้นทุบแผ่นหลังคนร้าย ที่ล็อกแขนเพื่อนเขาเอาไว้อย่างแรง จนชายสวมโม่งถึงกับปล่อยมือออกจากธีรวัฒน์จากนั้นก็หันมาฟาดหมัดใส่เขาแทน โชคดีที่เขาหลบได้ทันธีรวัฒน์ตอนนี้เป็นอิสระแล้วเข้ามาช่วยเพื่อนอีกแรง สถานการณ์ตะลุมบอนอยู่ไม่นาน ก่อนกลุ่มบอดี้การ์ดที่อยู่ใกล้เข้ามาช่วย ครั้งนี้เป็นฝ่ายของนคินทร์ที่ได้เปรียบ คนร้ายเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพากันวิ่งหลบหนีไป โดยมีลูกน้องของธีรวัฒน์วิ่งตามไป“ยัยดาว”แพรไหมและนุ่นอุทานขึ้นด้วยความตกใจเมื่อเห็นร่างของ
เนื่องจากเป็นโครงการใหญ่ ที่ออกแบบได้อย่างหรูหราสำหรับผู้อยู่อาศัยที่มีระดับ แขกที่มาร่วมงานจึงเป็นกลุ่มไฮโซ มหาเศรษฐี งานเปิดตัวโครงการถูกจัดขึ้นในช่วงกลางคืนเพื่อให้เห็นความสวยงามของหมู่บ้านในยามค่ำคืนวันนี้แพรไหมมาในชุดเดรสกระโปรงสั้นแขนกุดสีเหลืองอ่อนละมุนเข้ารูป สีของชุดช่วยขับสีผิวของหญิงสาวให้ดูขาวผ่องสะดุดตา ยิ่งสวมทับด้วยสูทสีขาวยิ่งทำให้ดูโดดเด่นเป็นสาวสมัยใหม่ บวกกับใบหน้าสายหวานที่ถูกตกแต่งมาเป็นอย่างดีทำให้เธอดูเป็นผู้หญิงที่สวยสะดุดตามากคนหนึ่งในงาน วันนี้เธอมีหน้าที่คอยดูแลความเรียบร้อยของฝ่ายบริการ คอยต้อนรับแขกตามจุดต่าง ๆ และคอยแนะนำตอบคำถามเกี่ยวกับโครงการให้กับแขกนคินทร์และน้องสาวก็ได้รับเชิญให้มาในงานนี้ด้วย เนื่องจากเป็นผู้มีส่วนร่วมในการก่อสร้าง หนุ่มหล่อร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาในชุดสูทสีกรมท่าเข้ารูป ดูสง่าสมกับหน้าตาอันหล่อเหล่าของเขา จนเธอไม่อาจละสายตาจากคนผู้นั้นได้เช่นเดียวกับที่เขากวาดสายตามองหาเธออย่างตั้งใจและต้องสะดุดกับ ความสวยโดดเด่นสง่างามของเธอ ดวงตาสองคู่สบประสานกัน เขามองโดยไม่ยอมละสายตาจากใบหน้างาม จวบจนเดินม
หลายเดือนต่อมา แพรไหมที่เอาแต่ตั้งหน้า ตั้งตาทำงานพยายามทำให้ตัวเองยุ่งอยู่ตลอดเวลาราวกับคนบ้า ไม่สนวันเดือนปีว่าผ่านมานานแค่ไหน แต่ไม่ว่าเวลาจะล่วงเลยผ่านไป นานแค่ไหน เวลาอยู่คนเดียวเธอก็เอาแต่คิดถึงเขาวนอยู่ซ้ำ ๆถึงจะพยายามบอกตัวเองว่าลืมได้ ทำใจได้ อยู่ได้โดยที่ไม่มีเขาแล้ว แต่ในใจลึก ๆ มันกับคอยเป็นห่วง คอยคิดถึงว่าเขาจะเป็นอย่างไร ทำอะไรอยู่จะเกิดอะไรที่ไม่ดีขึ้นกับเขาหรือไม่ เธอใช้ชีวิตวนอยู่กับคำถามพวกนี้ซ้ำไปซ้ำมาวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เธอต้องใช้ชีวิต ให้เหมือนว่ามีความสุข วันที่เพื่อนรักเธอจบการศึกษา เพื่อนๆ ในกลุ่มจึงนัดกันออกมาฉลองยูสกายบาร์ สถานที่นัดหมายของพวกเธอในค่ำคืนนี้ร้านอาหารกึ่งบาร์สุดหรูที่อยู่บนตึกสูงชั้น 86 ของโรงแรมดัง ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร เป็นร้านที่มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและตึกสูงในกรุงเทพได้แบบพาโนรามา“ดาวทางนี้” ทันทีที่เห็นเพื่อนรักแพรไหมจึงรีบยกมือขึ้นเรียกให้เพื่อนเห็นว่าพวกเธอนั่งอยู่ที่ไหน“ขอโทษที่มาช้านะทุกคน ข้างนอกรถติดมากเลย สั่งอะไรกันรึยัง”เจ้าของงานที่มาช้ากว่าแ
Commentaires